RedCyberClub Forum
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ข่าว 4 มีค 53

Go down

ข่าว 4 มีค 53 Empty ข่าว 4 มีค 53

ตั้งหัวข้อ by dimistry Thu Mar 04, 2010 3:52 pm

เฉลิม"เตือนหยุดวิจารณ์คำตัดสินศาลระวัง"คุก"ทางเดียวที่จะจบคือนิรโทษกรรม เชื่ออายัดเงิน"โอ๊ค-เอม"ไม่ได้เพราะไม่ใช่หุ้นลูก "จตุพร" เชื่อ 5 มี.ค.ยื่นถอดถอน 9 ผู้พิพากษา อดีตทูตชี้คดี"แม้ว"ฟ้องศาลอาญาระหว่างปท. อ้างสิทธิมนุษยชนและความไม่ยุติธรรมในประเทศ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267625555&grpid=00&catid=

ดีเอสไอ-ปปง. จับมือตรวจสอบเส้นทางเงินโอนจากต่างประเทศไหลเข้าประเทศผิดปกตินับหมื่นล้านบาท ไม่พุ่งเป้าเฉพาะเคลื่อนไหวกิจการทางการเมือง เน้นจัดการทั้งระบบ เตรียมเรียกนายกสมาคม 9 กลุ่มอาชีพ รายงานธุรกรรมทางการเงินให้กับ ปปง.เพื่อไม่ให้กระทำผิดการฟอกเงิน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267626334&grpid=00&catid=

ค้นจุดถ่ายทอด คลิปวีดิโอ โยงคดียึดทรัพย์//ผบช.ก.บุกค้นจุดถ่ายทอดคลิปวีดิโอ ยึดเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ นำไปให้กระทรวงไอซีทีตรวจหาต้นตอ แหล่งโพสต์ส่งสัญญาณในเมืองไทย เชื่อมโยงบึมแบงก์กรุงเทพหรือไม่....... http://www.thairath.co.th/content/pol/68540

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงขู่ทำร้ายบุคคลสำคัญ รวมถึงผู้นำเหล่าทัพว่า เป็นคำพูดก็พูดไป แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีการรวบรวมข้อมูล หากพบว่ามีการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ http://www.thairath.co.th/content/pol/68474

ส.นักข่าวฯอัด 'เสธ.แดง' เข้าข่ายคุกคามสื่อ // เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ เผย ตั้งแต่ปี 49-52 นักข่าวทำงานยาก ถูกคุกคามเพียบ ช้ี เสธ.แดง พูดเข้าข่ายคุกคาม เตือนนักข่าวทำข่าวระวัง เตรียมถก มาร์ค-อานันท์ วันนักข่าว 5 มี.ค... http://www.thairath.co.th/content/pol/68448

02.35 น. ครม.ตื่นตระหนก! SMS เหตุระเบิด อบจ.ปทุมธานี โกลาหล รีบทำตามวาระ สิ่งที่ต้องทำ ติดต่อแม้พระสงฆ์ เตรียมปะทะกับทหาร14 มีค. http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/25337

ธรณีนี่นี้...คำสาปแซ่งของนายกทักษิณเริ่มทำงาน จู่ๆหลักฐาน เปรมและเจ้าของธ.กรุงเทพครองรุกป่า ซุกไว้โผล่ เอาละมิง http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/25322

ปชป.ชี้ แม้วหมดสิทธิกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี// นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ชี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หมดสิทธิรีเทิร์น นายกรัฐมนตรี หลัง บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ระบุชัด บุคคลที่ถูกตัดสินยึดทรัพย์จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้... http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/25319

อำมาตย์ตายแน่.. ถ้าทักษิณเอาเรื่องยุติธรรมขึ้นระดับโลก ชื่อมือที่มองไม่เห็นต้องโผล่ออกมาแน่ http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/25317

ทบ.เผย"เรือเหาะ"รั่วแล้ว เกิดรอยระหว่างทดสอบบิน เร่งเข้าอู่ซ่อมเตรียมบินสมบูรณ์แบบเดือนนี้// http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/25306 // โผล่มาอีกแล้วววฮา....

ยื่นป.ป.ช.สอบ"แม้ว"แจ้งทรัพย์สินเท็จ
คมชัดลึก :40ส.ว. ยื่น ป.ป.ช.รุกสอบ"ทักษิณ"ผิด ม.263-ม.275 เผยตั้ง 2 กมธ. เตรียมสอบควบคู่ ด้าน"รสนา"ย้ำไม่ได้รุมกินโต๊ะ "ทักษิณ" แต่ทำตามข้อเท็จจริงเพื่อสกัดกั้นนักการเมืองคอรัปชั่นเชิงนโยบาย
http://www.komchadluek.net/detail/20100304/50747/%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9B.%E0%B8%9B.%E0%B8%8A.%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%88.html

"สุเทพ"ยันรับมือเสื้อแดงได้ ย้ำควรจะมีสติ
วันนี้( 4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ถึงกำหนดการนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปออสเตรเลีย วันที่ 14-16 มี.ค. ซึ่งตรงกับการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงว่า นายกฯ ก็คงต้องปฏิบัติภารกิจตามปกติต่อไป บ้านเมืองเราต้องเดินหน้าต่อไป จะหยุดไม่ได้ ส่วนที่มีข่าวว่านายกฯเลื่อนการเดินทางแล้วนั้น ขณะนี้ตนเองยังไม่ทราบ

ทั้งนี้ นายสุเทพยืนยันว่า ในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้ รัฐบาลต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่ จะไม่ให้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดในเดือน เม.ย.อีก ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่า กลุ่มเสื้อแดงพยายามจะขยายผลให้เกิดความรุนแรงเหมือนเดือนเมษายนในช่วงจะครบ รอบ 1 ปีเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ และทำให้รัฐบาลสั่นคลอน นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงก็ควรจะมีสติว่า ประวัติศาสตร์ก็ควรจะเป็น ประวัติศาสตร์ดี ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว มันอยู่ในความทรงจำของประชาชนทั้งประเทศว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้กระทำการที่ ไม่เหมาะสม ไม่บังควรมากมาย เพราะฉะนั้นก็ไม่ควรทำอย่างนั้นอีกแล้ว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=8&contentID=52208


แก้ไขล่าสุดโดย dimistry เมื่อ Thu Mar 04, 2010 4:04 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

ข่าว 4 มีค 53 Empty Re: ข่าว 4 มีค 53

ตั้งหัวข้อ by dimistry Thu Mar 04, 2010 3:56 pm

'ส.ว.' ยื่น 'ป.ป.ช.' เร่งเอาผิดทักษิณซุกหุ้นภาค 2

ข่าว 4 มีค 53 2010-022
นายสมชาย แสวงการ

ส.ว. ยื่น ป.ป.ช. เร่งเอาผิด “ทักษิณ” คดีซุกหุ้นภาค 2 เตรียมตั้ง 2 คณะกรรมการธิการสภาสูง สอบขยายผลเอาผิดเครือข่ายอดีตนายกฯ คาดใช้เวลา 60 วัน ขณะที่เลขาธิการป.ป.ช. งัดกฎหมายหักทีมทนาย “ทักษิณ” ยัน ป.ป.ช.มีอำนาจรับช่วงคดีต่อจากคตส. เผยเตรียมแจ้งข้อหา “ทักษิณ” แจ้งบัญชีเท็จ 9 ครั้ง...

นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จอย่างเร่งด่วน โดยนายสมชายกล่าวว่า ขอให้ป.ป.ช.เร่งดำเนินการเอาผิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ตามมาตรา 263 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยเร็ว และให้ตั้งคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นคณะกรรมการไต่สวน ส่วนการดำเนินการของส.ว. เกี่ยวกับคดีพ.ต.ท.ทักษิณ เช่น คดีการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต คดีเอ็กซิมแบงก์

ภายหลังจาก ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาออกมานั้น คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค และคณะกรรมาธิการตรวจศึกษา ตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล จะขยายผลตรวจสอบต่อไป เพื่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งรัฐมนตรี ผู้บริหารหน่วยงาน ที่มีส่วนให้รัฐได้รับความเสียหาย คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่เกิน 60 วัน

ด้าน นายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเท็จของพ .ต.ท.ทักษิณ ในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2544-49 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีพฤติกรรมเข้าข่ายการยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อป.ป.ช. 9 ครั้ง ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จของพ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าได้ข้อยุติแล้ว หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาออกมา ระหว่างนี้ ป.ป.ช.จะรอคำพิพากษาศาลฎีกาฯอย่างเป็นทางการ เพื่อนำมาเทียบเคียงกับข้อมูลการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จของพ.ต.ท.ทักษิณที่ป .ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่ว่า มีข้อมูลตรงกันหรือไม่ หากพบว่ามีมูลความผิด ก็จะแจ้งข้อหาให้พ.ต.ท.ทักษิณทราบ เพื่อให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป

นาย อภินันทน์กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากป.ป.ช.กำลังตรวจสอบพ.ต.ท.ทักษิณ และผู้เกี่ยวข้องใน 4 คดี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯแล้ว ยังมีอีกหลายคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบอยู่ เช่น คดีการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ที่สนามบิน สุวรรณภูมิ คดีทุจริตในการประมูลสร้างเหมาบริการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คดีการแปรรูปกฟผ.โดยมิชอบ

นอกจากนี้ นายอภินันทน์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ฝ่ายกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาฯ โดยระบุว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจในการรับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ มาทำงานต่อจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) นั้น ยืนยันว่า ป.ป.ช.มีอำนาจในการรับช่วงทำงานต่อจากคตส. เนื่องจากได้มีการประกาศพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 30 มีสาระสำคัญ คือ การขยายเวลาการทำงานให้กับคตส. ในคดีที่ยังค้างการพิจารณาไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค.50 และหากการตรวจสอบยังไม่แล้วเสร็จ ให้ส่งมอบสำนวนที่ยังค้างอยู่ให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป ดังนั้นป.ป.ช.จึงมีอำนาจในการตรวจสอบแน่นอน

http://www.thairath.co.th/content/pol/68599
****************************

'สุเทพ' ฉะ 'ทักษิณ' ฟ้องผู้นำโลกยิ่งประจานตัวเอง
ข่าว 4 มีค 53 2010-023

สุเทพ เทือกสุบรรณ ออกโรงฉะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากยังดิ้นรนที่จะยกคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ รวมทั้งการฟ้องผู้นำโลก จะยิ่งเป็นการประจานตัวเอง...

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวในระดับนานานาชาติ โดยจะนำคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ไปฟ้องกับผู้นำโลกทุกประเทศว่า ประเทศไทยใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ไม่เหมือนในนานาอารยประเทศ มาลงโทษว่า ตนได้พบผู้นำในรัฐบาลต่างประเทศบ้างในช่วง 2-3 วันนี้ ก็ได้คุยกัน และทุกคนที่ตนพบก็เข้าใจดีว่า นี่เป็นระบบศาลสถิตย์ยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งเขาก็ให้ความเคารพนับถือเชื่อถือ และเขาเชื่อว่าเรามีระบบกระบวนการยุติธรรมที่เป็นมาตรฐาน

“การที่ คุณทักษิณจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องผู้นำโลกทั้งหลายก็คงยาก เพราะว่าคนประเทศไหนๆ เขาก็เชื่อในอำนาจอธิปไตยของฝ่ายตุลาการทั้งสิ้น กรณีของคุณทักษิณนั้น ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาโดยศาลสูงสุด องค์คณะผู้พิพากษามีจำนวนมากที่สุด ในบรรดาคดีความทั้งหลายมีตั้ง 9 คน และเป็นผู้พิพากษาระดับศาลฎีกาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณทักษิณเอาเรื่องนี้ไปบอกกับชาวโลก ก็เป็นการประจานตัวเองเสียมากกว่า ไม่ได้กำไรหรอกครับ” นายสุเทพกล่าว

เมื่อ ถูกถามว่า ที่ผ่านมาทางโฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ต้องออกมาชี้แจงทำความเข้าใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อศาลฎีกาฯ ภายหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ สะท้อนให้เห็นว่าเกิดการไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมในประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า โฆษกของศาลท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน เพราะกระบวนการผู้คนที่เคลื่อนไหวสอดรับกันในการจะทำลายเครดิตความน่าเชื่อ ถือของระบบศาลไทย ออกมาปฏิเสธไม่ยอมรับและกล่าวหาว่า ศาลมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริง แต่ก็ออกมาพูดกันบ่อยๆ ดังนั้นต้องมีฝ่ายที่ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง

นอก จากนี้ นายสุเทพกล่าวถึงกรณีที่โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์อาจวุ่นวายลุกลามจนเกิดกลียุคว่า ตนถึงเรียนแล้วว่า ถ้าคิดจะต่อสู้กันเพื่อเอาชนะสำหรับผลประโยชน์ของคนกลุ่มเดียวหรือบางกลุ่ม แล้วมาสร้างความเสียหายให้กับระบบการปกครองของบ้านเมือง หรือให้กับประเทศไทยทั้งประเทศ มันไม่คุ้มกัน และพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ เขาก็คงยอมรับไม่ได้

http://www.thairath.co.th/content/pol/68604
**************************

"บุญจง"ยันเสื้อน้ำเงินไม่ชนเสื้อแดง
ข่าว 4 มีค 53 2010-024
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์

แต่ ถ้าใส่เสื้อน้ำเงินแล้วบอกว่าเป็นกลุ่มเสื้อน้ำเงินก็เป็นสิทธิ์ของคนที่ออก มาพูด ปูด ส.ส. 1 คนจัดหารถ 100 คันขนเสื้อแดง ยืนยันใครผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย...

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าววันนี้ (4 มี.ค.) ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า การก่อเหตุวางระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 จุด เป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินว่า เป็นสิทธิ์ของคนพูด แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ใครจะวิเคราะห์หรือพูดอะไรถือเป็นสิทธิ์ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรวจสอบ ถ้าพบว่าใครทำผิดก็ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

รมช.มหาดไทย กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินจะออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้นั้น ไม่มี แต่ถ้าใครจะใส่เสื้อสีน้ำเงินออกมาเคลื่อนไหวนั้น ตนก็ไม่ทราบ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยก็ต้องติดตามเฝ้าดูการเคลื่อนไหวในแต่ละจังหวัด เรื่องเสื้อสีน้ำเงินยืนยันว่า จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่คนมาชุมนุมแล้วจะสวมเสื้อสีน้ำเงิน แล้วจะบอกว่าเป็นคนกลุ่มเสื้อน้ำเงิน ก็ถือเป็นสิทธิ์ของคนที่ออกมาพูด

นาย บุญจงกล่าวถึงกรณีสั่งการให้ผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัด รวมทั้งนายอำเภอ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมในกทม.ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็เฝ้าติดตามอยู่ โดยจากการติดตามพบว่า ส่วนมากเป็นจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ที่มีการนัดหมายใช้รถปิกอัพ โดยกำหนดสัดส่วน ส.ส. 1 คน ต่อรถอย่างน้อย 100 คัน ถ้าผู้ชุมนุมไปปิดถนนและสร้างความเดือดร้อน ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ทราบ เขากำหนดแผนงานอย่างนั้นว่า ส.ส.จะรับผิดชอบอะไรอย่างไร ส่วนแกนนำแต่ละจังหวัดจะต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง

http://www.thairath.co.th/content/pol/68613
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

ข่าว 4 มีค 53 Empty Re: ข่าว 4 มีค 53

ตั้งหัวข้อ by dimistry Thu Mar 04, 2010 4:02 pm

เผยสำนักฝนหลวงฯตุน"ยูเรีย"สูงถึง3,600ตันใช้จริงแค่ 945ตัน เมินล้มประมูลปีนี้อ้างยังจำเป็น

ส่อพิรุธ สำนักฝนหลวงฯตุน"ยูเรีย"ไว้ทำฝนเทียมปี50มากถึง3,600ตัน แต่ใช้จริงแค่945ตัน พร้อมสั่งเดินหน้าประมูลทั้งที่มีผู้ยื่นซองรายเดียว สตง.เล็งขยายผลสอบจัดซื้อสารอื่นด้วย แนะใช้วิธีพิเศษจัดซื้อไม่ต้องถึงขั้นอี-ออคชั่น

จากกรณีสำนักฝนหลวงและการบินเกษตรยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัด ประกวดราคาจัดซื้อสารยูเรีย 46% จำนวน 800 ตัน ในช่วงปี 2552 ให้นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ว่าเหตุผลที่ต้องเดินหน้าการประมูลงานครั้งนี้ต่อไป ทั้งที่มีผู้ยื่นซองเสนอราคาเพียงรายเดียว คือ หจก.ภูมิสวัสดิ์ เป็นเพราะว่ามีความจำเป็นต้องใช้สารชนิดนี้ เนื่องจากในช่วงปี 2551 ไม่ได้มีการจัดซื้อสารชนิดนี้เอาไว้ หากยกเลิกและเปิดการประมูลใหม่ จะทำให้เสียเวลาการดำเนินการไป 3-4 เดือน การดำเนินงานจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ราคาสารยูเรียในช่วงเวลานั้นมีราคาแพงมาก


เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ผู้สื่อข่าว "มติชน" รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อสารยูเรีย เพื่อใช้ทำฝนหลวงของสำนักปลัดกระทรวงเกษตรฯ ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน จากเว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.gprocurement.go.th พบว่า ในช่วงปี 2548 สำนักงานปลัดฯออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมการประมูลจัดซื้อสารยูเรีย 46% จำนวน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2548 จำนวน 1,850 ตัน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2548 จำนวน 500 ตัน ส่วนในช่วงปี 2550 สำนักงานปลัดฯออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมการประมูลจัดซื้อสารยูเรีย 46% ใหม่อีก 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2550 จำนวน 2,000 ตัน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 จำนวน 1,600 ตัน


"ขณะที่ช่วงปี 2552 ออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมการประมูล 1 ครั้ง คือ วันที่ 20 มกราคม 2552 จำนวน 800 ตัน (เป็นการประมูลที่ หจก.ภูมิสวัสดิ์ ยื่นซองเสนอราคาเพียงรายเดียว) ส่วนปี 2553 เพิ่งออกประกาศเชิญชวน ไปเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 จำนวน 800 ตัน (การประมูลยังไม่แล้วเสร็จ) รวมการจัดซื้อทั้งหมด 6 ครั้ง ปริมาณสาร 7,550 ตัน"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นข้อสังเกตที่สำคัญเกี่ยวกับความแตกต่างในเรื่อง ปริมาณการจัดซื้อสารชนิดนี้ กับปริมาณการใช้เป็นอย่างมาก เพราะหากพิจารณาข้อมูลที่ทางสำนักฝนหลวงฯชี้แจงให้กับผู้บริหารระดับสูง ของกระทรวงเกษตรฯ ระบุว่า เหตุผลที่ต้องเดินหน้าการประมูลจัดซื้อสารยูเรียในช่วงปี 2552 จำนวน 800 ตัน เป็นเพราะในช่วงปี 2551 ไม่ได้มีการจัดซื้อไว้ และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สารชนิดนี้อย่างมาก หากตัดสินใจยกเลิกการประมูลดังกล่าวและเปิดประกวดราคาใหม่ จะทำให้เสียเวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน


"แต่ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเลขการจัดซื้อ สารยูเรียที่ตรวจพบคือ ในช่วงปี 2550 มีการจัดซื้อ 2 ครั้ง รวม 3,600 ตัน เพื่อเตรียมไว้ใช้งานในช่วงปี 2551 ขณะที่ในรายงานประจำปี 2551 ของสำนักฝนหลวงฯ ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ http://www.royalrainmaking.thaigov.net ระบุว่า มีการใช้ยูเรียในการทำฝนหลวงไปเพียง 945.40 ตัน เท่านั้น" ผู้สื่อข่าวรายงาน


แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงเกษตรฯกล่าวว่า การตรวจพบข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นความผิดปกติในเรื่องการจัดระบบการซื้อสาร ยูเรียอย่างชัดเจน เพราะหากพิจารณาตัวเลขการจัดซื้อจะพบว่า ช่วงปี 2550 สำนักฝนหลวงฯจัดซื้อยูเรียตุนไว้มากถึง 3,600 กว่าตัน ขณะที่ปี 2551 ระบุตัวเลขการใช้เพียงแค่ 945 กว่าตันเท่านั้น แม้ช่วงปี 2551 จะไม่มีการจัดซื้อสารเอาไว้ สำนักฝนหลวงฯก็ยังมีสารเหลือไว้ใช้อีกกว่า 2,650 ตัน หากสำนักฝนหลวงฯมีการวางระบบการบริหารที่ดี การดำเนินงานช่วงปี 2551 ต่อเนื่องจนถึงปี 2552 ก่อนที่จะมีการจัดซื้อสารเข้ามาใหม่อีก 800 ตัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร


"สิ่งที่ต้องดูรายละเอียดให้ลึกต่อไป คือการใช้สารแต่ละปีที่จัดซื้อไปได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง เพราะเป็นไปได้ที่ในบางปีอาจมีการใช้สารเป็นจำนวนมาก แต่ฝนไม่ตก ทำให้ต้องจัดซื้อสารเข้ามาไว้เป็นจำนวนมาก แต่หากเป็นเช่นนี้ ต้องเข้าไปดูรายละเอียดอีกว่า สารที่จัดซื้อมามีคุณภาพแค่ไหน ประเด็นเหล่านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และปลัดกระทรวงเกษตรฯ จะต้องสอบถามรายละเอียดจากสำนักฝนหลวงฯ ให้ได้รับความชัดเจนมากกว่านี้" แหล่งข่าวกล่าว



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายวราวุธ ขันติยานันท์ ผู้อำนวยการสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อชี้แจงข้อมูลนี้แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้


นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า สตง.อยู่ระหว่างเข้าไปตรวจสอบสัญญาการจัดซื้อสารยูเรีย ที่ใช้ทำฝนหลวง ของกระทรวงเกษตรฯทุกสัญญา และจะขยายผลไปยังสัญญาการจัดซื้อสารชนิดอื่นๆ ด้วย เนื่องจากทราบว่าการทำฝนหลวงในปัจจุบันมีหลายสูตร ซึ่งแต่ละสูตรจะใช้สารแตกต่างกันออกไป การเข้าไปตรวจสอบข้อมูลครั้งนี้จะเข้าไปดูเรื่องการกำหนดเงื่อนไขการประมูล งานที่กระทรวงเกษตรฯ กำหนดให้ผู้ค้ามีสิทธิเข้าร่วมการประมูล แต่ไม่ได้มีระบุถึงผู้ผลิต ว่ามีเหตุผลความจำเป็นอะไร


"เพราะในทางปฏิบัติ หากสารที่จัดซื้อไปทำฝนหลวงมีเพียงบริษัทไม่กี่รายที่ผลิตได้ในประเทศไทย กระทรวงเกษตรฯก็สามารถที่จะใช้วิธีการจัดซื้อด้วยวิธีการพิเศษได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการอี-ออคชั่น อย่างที่ทำอยู่ และการดำเนินงานรูปแบบนี้จะส่งผลต่อผู้ผลิตรายใหญ่อย่างไร หากตรวจสอบข้อมูลพบว่าแหล่งที่มาของสินค้าทั้งหมดมาจากผู้ผลิตแหล่งเดียว" นายพิศิษฐ์กล่าว



น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะคณะทำงานสำนักงานปราบโกง หรือ สปก.กล่าวว่า ขณะนี้ พรรค พท.อยู่ระหว่างตั้งทีมงานเข้าไปตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อสารเคมีที่ใช้ในทำฝน หลวงของกระทรวงเกษตรฯ ทั้งหมด เนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้ที่หวังดีว่านอกเหนือจากความไม่ชอบมาพากลใน การจัดซื้อสารยูเรียแล้ว ในส่วนของการจัดซื้อเกลือแป้ง ซึ่งเป็นสารอีกชนิดที่จัดซื้อเพื่อนำไปใช้ในการทำฝนหลวง ตามสูตรที่มีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด มีปัญหาความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน


"ความไม่ชอบมาพากลที่ได้รับแจ้ง เป็นเรื่องการเข้าไปเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขคุณสมบัติของสารให้มีคุณภาพต่ำลงจาก คุณสมบัติที่เคยกำหนดไว้ในอดีต ส่งผลทำให้เป็นปัญหาต่อการทำฝนหลวงที่ไม่ค่อยได้ผลในขณะนี้ ซึ่งทีมงานกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเชิงลึก และจะนำออกมาเปิดให้สาธารณะชนรับทราบทั้งหมดในเร็วๆ นี้" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

ข่าว 4 มีค 53 Empty Re: ข่าว 4 มีค 53

ตั้งหัวข้อ by dimistry Thu Mar 04, 2010 4:08 pm

ปชป.ปัดตั้งทีมไล่ล่า"แม้ว"ยันยึดกม. ป.ป.ช.พบแจ้งบัญชีเท็จ 9ครั้งเล่นงานซ้ำ เก็บภาษี"ลูกแม้ว"ไม่ลงตัว

"โฆษกมาร์ค"ปัดตั้งทีมไล่ล่า"แม้ว"อ้างทุกอย่างเป็นไป ตามกฎหมาย ป.ป.ช.พบ"แม้ว"ส่อแจ้งเท็จ 9 ครั้ง ยืนยันจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด "บัญชีกลาง" ถก "ป.ป.ช."หาช่องยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท ทักษิณตกเป็นของแผ่นดิน โยนเก็บภาษี"ลูกแม้ว"ให้สรรพากรดำเนินการ "ไอซีที"ตั้งกก.สอบหวังฟ้องแพ่ง

"โฆษกมาร์ค"ปัดตั้งทีมไล่ล่า"แม้ว"


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุรัฐบาลตั้งองค์คณะพิเศษเพื่อไล่ล่าให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ร้ายรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี และเป็นการสร้างคะแนนสงสารมากกว่า ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย โดย ให้องค์กรที่มีหน้าที่ไปปฏิบัติตามกฎหมาย โดยไม่มีสิทธิบังคับองค์กรใด แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการก็จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ อย่างไรก็ตาม การที่ พ.ต.ท.ทักษิณแสดงท่าทีอยากให้มีการเจรจรเกิดขึ้นนั้น ขอบอกว่า การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณทำใจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ก่อน


ป.ป.ช.พบ"แม้ว"ส่อแจ้งเท็จ9ครั้ง


นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการดำเนินการของป.ป.ช.หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ให้เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ทั้ง 4 คดีที่เกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ คือ 1.แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ 2.แก้สัญญาลดส่วนแบ่งบัตรเติมเงินบริษัทเอไอเอสมิชอบ 3.แก้สัญญาต่อสัญญาณหรือโรมมิ่งแก่บริษัทเอไอเอส และ 4.อนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์โดยมิชอบ โดยขณะนี้อยู่ระหว่าง รอคำพิพากษา คาดว่าจะได้มาในสัปดาห์หน้า เมื่อได้คำพิพากษามาแล้วจะทำให้อนุกรรมการทำงานได้ง่ายขึ้น เพื่อพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาใครได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 คดี มีเพียงคดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วน อีก 3 คดี เป็นการกล่าวหาอดีตรัฐมนตรี ผู้บริหารกระทรวง คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) รวมอยู่ด้วย


"สำหรับคดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จของ พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.จะนัดประชุมกันในวันที่ 4 มีนาคม โดย ป.ป.ช.จะนำคำพิพากษาของศาลฎีกาฯที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ถือครองหุ้นบริษัทชินคอร์ปตัวจริง แต่ใช้ชื่อผู้อื่นมาถือครองแทน มาใช้ประกอบการพิจารณา เพราะถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก ยืน ยันว่าทั้ง 4 คดีที่ผมรับผิดชอบ จะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด" นายภักดีกล่าว


แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.เปิดเผยว่า สำหรับคดีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ เบื้องต้นคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีพฤติการณ์แจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ รวม 9 ครั้ง ระหว่างปี 2544-2549 ได้แก่การยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งเข้ารับตำแหน่ง ออกจากตำแหน่ง และออกจากตำแหน่งครบ 1 ปี สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรก นายกรัฐมนตรีสมัยสอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หากพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ จะมีโทษตามมาตรา 34 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 คือ ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และมีโทษตามมาตรา 118 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


"บัญชีกลาง"ถก"ป.ป.ช."หาช่องยึด


ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ภาย ใน 1-2 วันนี้ จะหารือกับ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯให้ยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท ทักษิณตกเป็นของแผ่นดิน เพราะกระทรวงการคลังมีหน้าที่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จะตรวจสอบบัญชีจากทุกธนาคาร โดยมีทั้งเงินสด หน่วยลงทุนและหุ้น สำหรับการประเมินความเสียหายของภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องจากคำพิพากษาของศาล นั้น หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ต้องตรวจสอบความเสียหายจากกรณีคดียึดทรัพย์ ภายใน 60 วัน และต้องส่งมาให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ชี้ขาดว่ามีความเสียหายเท่าใดบ้างและต้องดำเนินการรับผิดอย่างไร


"กรณีของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) นั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการเก็บภาษีของนายพาน ทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร 12,000 ล้านบาทนั้น กรมสรรพากรจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ" นายพงษ์ภาณุกล่าว


"ไอซีที"ตั้งกก.สอบหวังฟ้องแพ่ง


วันเดียวกัน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แถลงหลังประชุมร่วมกับฝ่ายกฎหมาย และผู้บริหารบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)เพื่อดำเนินการหลังศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงไอซีที เป็นประธาน เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับไอซีทีและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องบ้างโดยคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะยึดคำพิพากษาของศาลมาประกอบการพิจารณา แต่ จะต้องรอดูท่าทีของผู้ถูกกล่าวหาด้วยว่าจะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันหรือไม่ หากไม่ยื่นก็ดำเนินการตามขั้นตอนการฟ้องแพ่ง


ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าวว่า ประเด็นหลักที่จะต้องพิจารณา คือภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคมที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้หักจากส่วนแบ่งรายได้ที่นำส่ง ทีโอที และ กสท ส่งผลให้ทั้ง 2 หน่วยงานได้รับความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท การปรับลดส่วนแบ่งรายได้สำหรับโทรศัพท์ระบบเติมเงิน (พรีเพด) ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส จาก 25% เหลือ 20% และ การอนุมัติให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ยิงดาวเทียมไอพีสตาร์ขึ้นสู่วงโคจรแบบดาวเทียมหลัก ทั้งที่ตามสัญญาต้องเป็นดาวเทียมสำรอง รวมทั้งการคืนเงินประกันค่าสินไหมทดแทนดาวเทียมไทยคม 3 ที่เกิดเหตุขัดข้อง จำนวน 268 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไม่นำส่งกระทรวงไอซีที


ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าวต่อว่า กระทรวงไอซีทีจะขอยืดระยะเวลาพิจารณาการแก้ไขสัญญาสัมปทานมือถือจำนวน 10 ฉบับ ตามที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ดำเนินการก่อนหน้านี้ ภายในกรอบระยะเวลา 90 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 มีนาคมนี้ขยายไปอีกอย่างน้อย 90 วันด้วย



"ดีเอสไอ"รื้อคดีเอสซีแอสเสท


ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติให้หน่วยงานที่ บังคับใช้กฎหมายและเกี่ยวข้องกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น ดีเอสไอได้ตั้งคณะทำงานศึกษาและวิเคราะห์คำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ส่วนคดีการปกปิดโครงสร้าง ผู้ถือหุ้นของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้สำนักคดีการเงินการธนาคาร ไปนำคำพิพากษามาวิเคราะห์ว่าคำพิพากษาถือเป็นหลักฐานใหม่หรือไม่ เนื่องจากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ต้องมีพยานหลักฐานใหม่ถึงจะรื้อฟื้นคดีได้ และรายงานมายังตนภายในวันที่ 9 มีนาคม สำหรับคดีดังกล่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องไปก่อนหน้านี้

วันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 06:30:03 น. มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267625230&grpid=&catid=01
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

ข่าว 4 มีค 53 Empty Re: ข่าว 4 มีค 53

ตั้งหัวข้อ by dimistry Thu Mar 04, 2010 4:10 pm

"อภิวันท์"ยันเป็นกลางมากกว่า"กษิต"โดดขึ้นเวที พันธมิตร ปชป.กลับไม่ทำอะไร

"อภิวันท์"ยันทำหน้าที่เป็นกลาง หลังปชป.ตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดถอนอ้างพรรคประชาธิปัตย์อยากทวงเก้าอี้คืน ย้อน"กษิต"ขึ้นเวทีพันธมิตรฯกลับไม่ทำอะไร "ชัย"บอกว่ารองประธานสภาเป็นกลางทำหน้าที่ได้ดี

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรจาก พท. ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งว่า เป็นการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น แต่ถือเป็นสิทธิที่จะยื่นถอดถอน มีหน้าที่เพียงไปชี้แจงความจริง เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะยื่นถอดถอนด้วยเรื่องอะไร มั่นใจว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม ไม่มีปัญหา


"จะยื่นถอดถอนที่ว่า ผมปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลางก็ขอให้ถามสื่อมวลชนทุกคนได้ เพราะเห็นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาตลอดเวลา ซึ่งมั่นใจว่ามีความเป็นกลางและเป็นธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.เกิน 90 เปอร์เซ็นต์ โหวตว่าผมปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและเป็นกลาง ไม่ทราบว่าจะยื่นถอดถอนด้วยเรื่องอะไร อาจจะบอกว่าไปขึ้นเวทีการจัดงานในเขตพื้นที่เลือกตั้งซึ่งบังเอิญว่าคนที่ จัดเป็นพี่น้องเสื้อแดง เป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องไปขึ้นเวทีก็เหมือนกับท่านนายกรัฐมนตรีไปขึ้น เวทีกำนันผู้ใหญ่บ้านเหมือนกันทุกอย่าง แต่การขึ้น เวทีของผมทำในที่รโหฐานทั้งสิ้น 3 ครั้ง ส่วนใหญ่จัดในสนามกีฬา แตกต่างจากรัฐมนตรีกษิต ที่ไปขึ้นเวทีที่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ไม่เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์พูดอะไร" พ.อ.อภิวันท์กล่าว


พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า การไปแถลงข่าวร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค พท.ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ แต่การที่ไปร่วมแถลงนั้นเป็นการแถลงด้วยหลักการทางวิชาการจริงๆ ตนไม่สบายใจที่คณะผู้ตัดสินพูดเสมือนหนึ่งว่าการทำรัฐประหารเป็นความถูกต้อง ชอบธรรม ซึ่งไม่มีประเทศใดในโลกประพฤติปฏิบัติกัน


นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เป็นธรรมดาของนักการเมืองที่จะโดนเช่นนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของ พ.อ. อภิวันท์ จะทำให้ภาพรองประธานสภาเสียความเป็นกลางหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า "เขาไม่ได้พูดในที่ประชุม ถ้าพูดส่วนตัวข้างนอกก็ไม่มีเสียหายอะไร เป็นสิทธิ ท่านก็ทำตัวเป็นกลางอยู่ ไม่เห็นมีผิดตรงไหน ผมมองว่าท่านยังปฏิบัติหน้าที่ได้ดี ไม่เห็นมีอะไร"


นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอท้าไปยัง พ.อ.อภิวันท์ว่าถ้ามั่นใจว่ามี ส.ส.ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าปฏิบัติหน้าที่เป็นกลาง ตนก็ตั้งโต๊ะล่าชื่อ ส.ส. หากได้ ส.ส.เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เห็นว่า พ.อ.อภิวันท์ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 2 พ.อ.อภิวันท์จะลาออกหรือไม่ ถ้า พ.อ.อภิวันท์รับคำท้า จะตั้งโต๊ะล่าชื่อจาก ส.ส.ทุกพรรคทันที การดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์อยากได้โควต้ารอง ประธานสภาคืน และกรณีนี้ก็เป็นคนละเรื่องกับการถอดถอนออกจากตำแหน่ง แต่ยอมรับว่าหากรองประธานสภา ไม่เป็นกลางจะมีผลกระทบต่อการควบคุมการประชุมสภา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะที่ผ่านมาประธานและรองประธานสภา จะมีความเป็นกลางแต่มายุคนี้กลับมุ่งเน้นให้ประโยชน์กับอีกฝ่ายหนึ่ง
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

ข่าว 4 มีค 53 Empty Re: ข่าว 4 มีค 53

ตั้งหัวข้อ by dimistry Thu Mar 04, 2010 4:13 pm

วันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 06:40:28 น. มติชนออนไลน์

"แม้ว"ขู่ศาลไม่รับอุทธรณ์จะประจานไทยบนเวทีโลก ซัดปชป.ยื้อม.309เปลี่ยนดำเป็นขาวยอมหักหลังพรรคร่วม

"แม้ว"ยังต่อรองรัฐบาลคืนอำนาจ ขู่ประจานด้านมืดไทยบนเวทีโลก วอนศาลรับอุทธรณ์หลักฐานใหม่คดียึดทรัพย์ อ้อนเห็นใจถูกรังแกไม่เลิก จวกมาตรา 309 เปลี่ยนผิดเป็นถูกเปรียบใบอนุญาตฆ่าคน ปมปชป.ยอมหักหลังพรรคร่วม

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 3 มีนาคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าววิดีโอลิงก์ผ่านรายการทอล์ค อะราวด์ เดอะ เวิลด์ ซึ่งออกอากาศทางเว็บไซต์ทักษิณไลฟ์ (www.thaksinlive.com) และถ่ายทอดสดผ่านสถานี "พีเพิลชาแนล"ของคนเสื้อแดง ว่า ช่วงนี้มีพรรคพวกมาเยี่ยม หนึ่งในนั้นคือนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้วิจารณ์การเมืองอย่างเผ็ดร้อน และนายมานิตย์ได้กล่าวถึงเหตุผลพรรคประชาธิปัตย์ถึงยอมหักหลังพรรคร่วมไม่ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมาตรา 309 ในรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา ระบุว่า "บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลใดๆ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เนื่องในการกระทำรัฐประหารเพื่อเลิกใช้รัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เเละประกาศใช้รัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 หากเป็นการผิดกฎหมายใดๆ ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดเเละความรับผิดโดยสิ้นเชิง"


พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เห็นได้ว่าเป็นการ รับรองการกระทำผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย มิน่าพรรคประชาธิปัตย์ถึงได้ใจ มิน่าการปฏิวัติถึงไม่เสร็จสิ้น และตีความเข้าข้าง ให้ลดโทษกับกลุ่มปฏิวัติ แต่มาเล่นงานกลุ่มทางตนไม่จบสิ้น เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้


"การยึดอำนาจหรือการปล้นอำนาจมีความผิดสูงสุดถึงประหารชีวิต แต่กลับไปรับรองให้ถูก เอะอะอ้างทำเพื่อพระมหากษัติย์ เพื่อให้โทษเบาลง แต่สรุปพวกนี้ทำเอง" อดีตนายกฯ กล่าว


อดีตนายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลไม้ที่เกิดจาก ต้นเป็นพิษย่อมเป็นพิษ การทำรัฐประหารและตั้งคนตัวเองขึ้นมา อ้างว่ามีรัฐธรรมนูญคุ้มครอง เหมือนใบอนุญาตฆ่าคนก็ได้ ทำคนถูกให้ผิด เอาคนเข้าคุก เป็นใบอนุญาตที่น่ากลัวมาก


"มิน่าล่ะ พรรคประชาธิปัตย์ถึงได้ยอมหักหลังพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมควรคิดให้ดี วันหนึ่งในประวัติศาสตร์พวกท่านได้ทำอะไรเพื่อร่วมมือกันล้มล้างอำนาจ ประชาชน โดยออกกฎหมายรับรองการกระทำผิด"


พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลก็อ้างคำสั่งคณะบุคคลที่ตั้งขึ้นมา นำมาสู่การปล้นทรัพย์ของตน คนที่ไปรับคำสั่งมาอาจด้วยความกลัวหรือความอยากก็ตาม


"ผมต้องดำเนินการให้ความยุติธรรมนั้นประจักษ์ ถ้าเรื่องออกสู่สากลขอให้เห็นใจผม ผมต้องหาความยุติธรรม แต่วันนี้ยังรังแกไม่เลิก ผมก็ยอมไม่ได้ ต้องไปพึ่งความยุติธรรมนอกประเทศ ยังหวังอีกครั้ง หากคณะกฎหมายผมขอยื่นอุทธณ์ในกรณีมีหลักฐานใหม่ ผู้พิพากษาอาวุโส คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(กต.) เห็นแก่ประเทศและสถาบัน จะได้ไม่ต้องเอาเรื่องน่าเกลียด ไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดนิติธรรมสากลหลักให้คนอื่นได้เห็น"


ส่วนคนที่เคยหันหลังตนและไปเป็นกุนซือใหญ่ให้รัฐบาล ที่เตรียมจะการปราบปรามประชาชนให้คิดให้ดี เพราะการปราบปรามประชาชนเคยล้มเหลวมาแล้วทั่วโลก อย่าพยายามทำผิดจนถูก


"สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ตัดสินใจ หากอยากได้รัฐธรรมนูญปี 50 ก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ หากจะเอารัฐธรรมนูญปี40 มาปรับใช้ ก็เลือกพรรคเพื่อไทย ประชาชนของทั้งประเทศคือคำตอบ ไม่ใช่แค่ประชาชนบ้านสี่เสาเท่านั้น"
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ