RedCyberClub Forum
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ

Go down

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ Empty องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ

ตั้งหัวข้อ by dimistry Sun May 09, 2010 7:53 pm

7 พ.ค. 2010 - องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน และองค์กรสิทธิมนุษยชนโลกประจำสหรัฐฯ (ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ) แสดงความรู้สึกไม่พอใจจากการที่ แอนโธนี่ ชัย ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ในประเทศไทย และต่อมามีการเดินทางมาสอบสวนถึงในสหรัฐฯ ด้วยข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในปี 2549 แม้แต่เดิมชัยอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ ในช่วงราวปลายคริสตศตวรรษที่ 1970 เขาเสี่ยงที่จะถูกจับกุม หากเขากลับมายังประเทศไทย

ในปี 2549 เจ้าหน้าที่ของไทยยังได้ติดต่อกับบริษัทเว็บโฮสติ้งผู้ให้บริการเว็บไซต์ http://www.manusaya.com เว็บไซต์ที่พบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย ซึ่งตรวจสอบพบว่ามีที่มาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของชัย ซึ่งเข้าใจว่ารหัสที่อยู่ไอพี (IP address) ของชัยนั้นถูกเผยแพร่จากบริษัทผู้ให้บริการดังกล่าวโดยที่เขาเองไม่ได้รับ รู้ และบริษัทนี้ก็ได้ทำการปิดเว็บไซต์ไป

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน และองค์กรสิทธิมนุษยชนโลกประจำสหรัฐฯ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า พวกเขารู้สึกเป็นห่วงเรื่องผลกระทบของกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่แพร่ไป ทั่ว รวมถึงความเกี่ยวพันโดยตรงกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดทางการเมืองภายในประเทศ ส่วนในกรณีของชัยนั้นทางสหรัฐฯ เองก็ไม่ได้แสดงการคัดค้านใดๆ กับการที่เจ้าหน้าที่ต่างประเทศดำเนินการไต่สวนคดีกับพลเมืองชาวสหรัฐฯ ในถิ่นของสหรัฐฯ เอง และที่น่าอื้อฉาวกว่านั้นคือเจ้าหน้าที่ของไทยสามารถทำให้ชาวอเมริกันต้อง ปฏิบัติตามกฏหมายของไทย แม้ว่าจะกระทำการต่างๆ ในสหรัฐฯ ก็ตาม ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับกฏหมายของสหรัฐฯ และการปกป้องกิจการของชาติ ทั้ง 2 องค์กรประกาศอีกว่า พวกเขาเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับคดีนี้

แอนโธนี่ ชัย บอกกับองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนและฮิวแมนไรท์ยูเอ็สเอว่า "เจ้าหน้าที่ที่ทำการสิบสวนผมบอกว่าเขาต้องการทำรายงานของเขาให้เสร็จและ เก็บเอกสาร แผ่นพิมพ์ต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของไทยไว้ เพราะเขากลัวว่าผมจะไม่สามารถกลับไปยังประเทศไทยได้ ซึ่งผมก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ยุติธรรมรวมถึงตัวแทนสำนักพระราชวัง อย่างเต็มที่ พวกเขามีอยู่ 3 คน ผมตอบคำถามอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการเขียนบันทึกรายงานของตำรวจ ให้สิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับระบอบกษัตริย์ไทยไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งผมและผู้ช่วยของผมได้รับจากจดหมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมก็ตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่ของไทยตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับผม"

บทแก้ไขฯ ข้อที่ 4 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ระบุว่า "ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองในตัวบุคคล, ที่อยู่อาศัย, สิ่งพิมพ์และทรัพย์สินส่วนบุคคล จากการถูกตรวจค้นและยึดทรัพย์อย่างไม่มีเหตุอันควร อันมิอาจละเมิดได้ แม้จะมีหมายค้น เว้นแต่บางกรณีที่มีเหตุอันควรซึ่งต้องมีการรับรองจากคำปฏิญาณหรือการยืนยัน และต้องมีการระบุถึงสถานที่ บุคคล และสิ่งที่ต้องการตรวจค้นอย่างจำเพาะเจาะจง"

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนเป็นองค์กรเพื่อเสรีภาพสื่อนานาชาติ ที่ปกป้องสิทธิ์ในการสื่อสารทั้งการเผยแพร่และรับข้อมูล ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนโลกประจำสหรัฐฯ (ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ) เป็นองค์กรภาคประชาชนของสหรัฐอเมริกาที่ปฏิบัติงานเรื่องผลกระทบจากการฟ้อง ร้องดำเนินคดี เพื่อทำให้กฏหมายของสหรัฐฯ เป็นไปอย่างสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนสากล
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ Empty ชัยชนะก้าวแรกของคนเสื้อแดง

ตั้งหัวข้อ by dimistry Sun May 09, 2010 7:54 pm

นักปรัชญาชายขอบ

หากพิจารณาจากการระดมสรรพกำลังมหาศาล ทั้งด้านกำลังคนและงบประมาณ รวมถึงยุทธปัจจัยอื่นๆ เช่น รถกระบะ มอเตอร์ไซค์ สามล้อ ไม้รวก พริก เขือ เกลือ ปลาร้า และ ฯลฯ ในการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่ใช้เวลาเกือบจะครบ 3 เดือน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุปนเปื้อนมลพิษในเมืองหลวง และการเสี่ยงชีวิตจากทั้งกองกำลังทหาร ตำรวจ (และกองกำลังไม่ทราบฝ่าย)

ทั้งนับรวมกับ 27 ชีวิตที่สูญเสียไป เกือบ 1,000 คนที่บาดเจ็บ และอาจมีบางคนที่พิการ รวมทั้งการผลิตสร้างภาพลักษณ์ของมวลชนเสื้อแดงที่ดูป่าเถื่อน นิยมความรุนแรง น่าเกลียดน่ากลัวราวกับ “เชื้อโรคแดง” (สำนวนของ ธงชัย วินิจจะกูล) ที่คุกคามความสงบสุขและเศรษฐกิจของคนกรุงเทพฯ แทบจะเรียกได้ว่าผลอันเป็นรูปธรรมแห่งการต่อสู้ของคนเสื้อแดงคือความพ่ายแพ้ อย่างสิ้นเชิง

ไม่ใช่พ่ายแพ้เพราะว่า สังคมไม่เอาด้วยกับวาระ “ไพร่ล้มอำมาตย์” หรือข้อเสนอ “ยุบสภาเลือกตั้งใหม่” หรือ การเรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม หรือการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทุกด้านในสังคม แต่พ่ายแพ้เพราะไม่อาจอธิบายให้สังคมเข้าใจได้อย่างสมเหตุสมผลว่า ทำไมการต่อสู้ครั้งนี้จึงนำไปสู่ “สงครามที่ไม่จำเป็น” และ “การสูญเสียที่ไม่จำเป็น”

แม้สงครามที่ไม่จำเป็นและการสูญเสียที่ไม่จำเป็นจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลก็ อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้ว่า ทำไมจึงปล่อย หรือเสมือนจงใจให้เกิดขึ้น แต่ในฐานะผู้เริ่ม “เปิดเกม” คุณทักษิณและแกนนำเสื้อแดงย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบต่อยุทธวิธีที่ผิด พลาดครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้

แต่จะอย่างไรก็ตาม ในความพ่ายแพ้เชิงยุทธวิธีนั้น ไม่ได้หมายความว่า “ยุทธศาสตร์”ของคนเสื้อแดงต้องพ่ายแพ้ไปด้วย จะเห็นได้ว่าข้อเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยที่พ้นไปจากการครอบงำของระบบ อำมาตย์ และการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมนั้น ไม่มีฝ่ายใดปฏิเสธ

แม้แต่แผนปรองดอง 5 ข้อ ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ยังมีวาระการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำอยู่ด้วย เขาจะจริงใจหรือไม่ รายละเอียดจะตรงกับความคิดของคนเสื้อแดงทั้งหมดหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องถือว่านี่เป็น “ชัยชนะทางความคิดก้าวแรก” ของคนเสื้อแดง

การที่คนเสื้อแดงสามารถทำให้รัฐบาล คนทุกสี ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนของสังคม มองเห็นตรงกันว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็น “วาระ” ที่จำเป็นในการแก้ปัญหาของประเทศ ต้องถือว่าเป็นชัยชนะของคนเสื้อแดง แม้จะเป็นชัยชนะที่เป็นนามธรรม แต่ก็เป็นนามธรรมที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการทำให้คนทั้งสังคมยอมรับความคิดดังกล่าว ส่วนรายละเอียดเชิงความคิดและแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันต่อไป

ฉะนั้น เมื่อพิจารณาจาก “ชัยชนะทางความคิดก้าวแรก” ดังกล่าว สิ่งที่แกนนำเสื้อแดงควรตัดสินใจเดินต่อไป คือการทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องยุทธศาสตร์ความต้องการประชาธิปไตยและการแก้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมต่อไป ด้วยการ...

1. อย่าเดินตามพันธมิตรฯ ด้วยการปฏิเสธแผนปรองดองของอภิสิทธิ์ เพราะจะเท่ากับเป็นการสกัดยุทธศาสตร์แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่ไม่ให้เข้าไปสู่กระบวนการถกเถียง และการหาทางออกร่วมกันของคนทั้งสังคม พันธมิตรฯ ต้องการทำลายเครดิตในยุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้ของคนเสื้อแดง เขาจึงประณามแผนปรองดอง และยกเรื่องล้มเจ้า การก่อการร้ายขึ้นมาเป็นจุดเน้นเพื่อทำลายยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดง

วิธีคิดของพันธมิตรฯ คือ เขาต้องการ “ผูกขาด” การกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศ เพราะถือว่าเสียสละตัวเองต่อสู้กับทักษิณมามากเหลือเกิน เขาจึงควรได้เป็น “พระเอก” ในการกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงสังคม ดังจะเห็นได้จากท่าทีของพวกเขาต่อภาคส่วนต่างๆ ของสังคมที่ออกมาเสนอทางออกต่างๆ ว่า พวกเหล่านั้นมักเป็น “พวกตีกิน”

คนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเดินตามวิธีคิดแบบ “ผูกขาด” ของพันธมิตรฯ ในเมื่อยุทธศาสตร์คือต้องการประชาธิปไตยและสังคมที่มีความเป็นธรรม/ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำ การที่เราทำให้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้กลายเป็น “วาระ” ที่ทุกภาคส่วนของสังคมเห็นความสำคัญ และต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการทำให้เป็นจริง ย่อมถือว่าเป็นชัยชนะก้าวแรก ที่ก้าวต่อไปคนเสื้อแดงต้องผลักดัน “แนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม” ให้สังคมร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ

2. คนเสื้อแดงต้องปรับยุทธวิธีเน้นชัยชนะทางความคิดด้วยการใช้เหตุผลมากขึ้น วิธีประณามฝ่ายตรงข้าม เพื่อกระตุ้นความสะใจ ความเกลียดชัง น่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ต้องให้มวลชนได้หยุดพัก แต่ยังมั่นคงด้วยอุดมการณ์ที่ต้องการประชาธิปไตยและสังคมที่เป็นธรรม มีสติเก็บรับความผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นบทเรียน ต้องให้แกนนำระดับชุมชนหมู่บ้านดำรงเป้าหมายในการต่อสู้และเตรียมพร้อม สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง

3. พรรคการเมืองของคนเสื้อแดงต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทั้งในเรื่อง นโยบายและตัวบุคคล โดยเฉพาะนโยบายต้องแสดงให้เห็นรูปธรรมของการออกแบบกติกาประชาธิปไตย และการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของความไม่เป็นธรรม ต้องให้สัญญาประชาคมว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะทำเรื่องการออกแบบกติกาประชาธิปไตยและแก้ปัญหาความ เหลื่อมล้ำในสังคมก่อน (เมื่อทำ 2 เรื่องนี้สำเร็จและสังคมยอมรับ การแก้ปัญหาคุณทักษิณอาจง่ายขึ้น)

กล่าวโดยสรุป แม้ยุทธวิธีจะพ่ายแพ้ แต่ยุทธศาตร์ที่ต้องการประชาธิปไตยและสังคมที่เป็นธรรม/ลดปัญหาความเหลื่อม ล้ำ ชนะใจคนทุกภาคส่วนของสังคม คนเสื้อแดงจึงมีสิทธิ์จะประกาศชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์ และยุติการชุมนุมอย่างมีศักดิ์ศรี เพื่อสู้ต่อให้ยุทธศาสตร์ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมกลายเป็นชัยชนะของคนทั้ง ประเทศต่อไป!
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ Empty สมาชิก NLD บางส่วน ตั้งพรรคการเมืองลงเลือกตั้ง

ตั้งหัวข้อ by dimistry Sun May 09, 2010 7:54 pm

แกนนำระดับสูงของพรรคเอ็นแอลดีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับมติของพรรคที่ต่อ ต้านการเลือกตั้ง เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อว่า พรรคพลังประชาธิปไตยแห่งชาติ (National Democratic Force) และจะลงเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้

มีรายงานว่า พรรคพลังประชาธิปไตยแห่งชาติเตรียมจดทะเบียนพรรคการเมืองกับคณะกรรมการเลือก ตั้งกลางเดือนนี้ ทั้งนี้ ดร. ตาน เหญ่ง สมาชิกพรรคเอ็นแอลดีอดีตนักโทษทางการเมือง เปิดเผยว่า พรรค NDF จะมีแกนนำ 7 คน โดยมีการคาดการณ์กันดร. ตาน เหญ่ง น่าจะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

อย่างไรก็ตาม ดร.ตาน เหญ่ง เปิดเผยว่า การจัดตั้งพรรคการเพื่อลงเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้ต้องการยืนตรงข้ามกับนางออ งซาน ซูจี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดีแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปเท่านั้น ดร.ตาน เหญ่ง ย้ำว่า หากไม่ทำเช่นนี้ ก็จะไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้

ขณะที่พรรคเอ็นแอลดีจะปิดตัวลงในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่รัฐบาลกำหนดให้พรรคการเมืองทุกพรรคจดทะเบียนภายใต้ กฎหมายเลือกตั้งพม่า หลังมติเสียงส่วนใหญ่ในพรรคเอ็นแอลดีเห็นด้วยที่จะไม่ลงเลือกตั้ง และบอยคอตกฎหมายเลือกตั้งที่ประกาศออกมาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับนางซูจีที่ระบุว่า กฎหมายเลือกตั้งของรัฐบาลพม่าไม่มีความยุติธรรมและไม่เป็นธรรม

ดร. ตาน เหญ่ง เปิดเผยว่า ดร.วินหน่าย นายติ่นยุ้น นายเส่งลาอู และสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีคนอื่นๆ จะเข้าร่วมกับพรรค NDF ขณะที่สมาชิกคณะกรรมการกลางของเอ็นแอลดีอีกจำนวน 20 คนจะเป็นที่ปรึกษาของพรรค NDF แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีกี่คนที่จะเข้าร่วมพรรค การเมืองใหม่ที่ว่านี้

เมื่อถามถึงความคาดหวังและเสียงสนับสนุนจากประชาชนของพรรค NDF ว่าจะได้รับมากน้อยแค่ไหน หากไม่มีชื่อของนางซูจีรวมอยู่ด้วย ดร.ตาน เหญ่ง เชื่อว่าพรรคน่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยทางแกนนำพรรคจะร่วมกันหารืออีกครั้งถึงจำนวนเขตเลือกตั้งใดบ้างที่ทาง พรรคจะส่งผู้สมัครลงชิงชัย

ก่อนหน้านี้พล.ท.เต็งเส่ง นายกรัฐมนตรีพม่าและผู้นำพม่าระดับสูงอีก 22 คนได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ภายใต้พรรคการเมือง พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (Union Solidarity Development Party - USDP) ขณะที่ชาวพม่าจำนวนมากหวั่นวิตกว่า การลาออกของนายกพม่าเพื่อลงชิงชัยเลือกตั้งนี้จะยิ่งตอกย้ำว่า รัฐบาลทหารจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไปในคราบของรัฐบาลพลเรือนในอนาคต

ด้านดร.ตาน เหญ่ง กล่าวว่า “พรรค USDP ของรัฐบาล จะเป็นพรรคการเมืองหลักในการเลือกตั้งที่จะมาถึงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลทหารจะเล่นเกมกับพรรคการเมืองอื่นๆในระดับไหนเท่านั้นเอง” (Irrawaddy 6 พ.ค.53)

เกิดระเบิด 2 ครั้งซ้อนในมิตจีนา

เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนเมื่อเวลา 11.00 น. บริเวณสถานีรถประจำทางในเขตเอ็นแจงควอง (N-Jang Kawng) เมืองมิตจีนา รัฐคะฉิ่น ใกล้กับสถานีตำรวจ แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาเจ็บหรือได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เนื่องจากแรงระเบิดไม่รุนแรง ซึ่งทางการพม่ากำลังเร่งสอบสวนเหตุระเบิดดังกล่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ได้เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งในเขตก่อสร้างเขื่อนมิตซง เป็นเหตุให้แรงงานชาวจีนเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 12 ราย โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่ ชาวบ้านเชื่อว่า อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลพม่า

ขณะที่ชาวบ้านจากหมู่บ้านตังเพร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่สร้างเขื่อนมิตซง ถูกทางการพม่าสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่ภายในเดือนนี้ ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยอยู่จำนวนกว่า 1,100 คน ทั้งนี้ทางการพม่าเตรียมให้หมู่บ้านใกล้พื้นที่สร้างเขื่อนจำนวน 60 หมู่บ้านออกจากในพื้นที่ในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน โดยโครงการเขื่อนมิตซงเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างทางการพม่าและจีน (KNG/Mizzima 5 พ.ค.53)
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ Empty ณัฐวุฒิ' ขอเวลาปรึกษาแผนปรองดองอีก 1-2 วัน

ตั้งหัวข้อ by dimistry Sun May 09, 2010 7:55 pm

ณัฐวุฒิ' ระบุแกนนำ นปช.ต้องประชุมกันอีกรอบเพื่อหารือแผนปรองดองให้สอดรับกับโรดแมพของ 'อภิสิทธิ์' ระบุแกนนำต้องใช้เวลาในการพูดคุยรายละเอียด เพราะปัญหาที่ยากที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ประเทศอยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงวันเลือกตั้ง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ชี้แจงก่อนการประชุมถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีอยากให้ยุติการชุมนุมใน 1-2 วันนี้ว่า ทันทีที่ผู้ชุมนุมมีมติตอบรับกระบวนการปรองดองของนายกรัฐมนตรีก็อยากยุติการ ชุมนุมโดยเร็วที่สุด แต่ต้องใช้เวลาปรึกษาหารือพูดคุยกันในรายละเอียด เหมือนที่นายกรัฐมนตรีต้องใช้เวลาเดินสายพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และการสร้างความปรองดองไม่ใช่แค่เรื่องการประกาศยุบสภา หรือการยุติการชุมนุม ทั้งสองเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือ สถานการณ์หลังจากยุติการชุมนุมไปแล้ว และเป็นช่วงระหว่างที่ประเทศกำลังเดินไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาทางให้ประเทศเดินไปได้อย่างปลอดภัยไม่เกิด อุบัติเหตุทางการเมือง เพราะต้องยอมรับความจริงว่า มีคนบางกลุ่มไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง

ส่วนที่นายก รัฐมนตรีบอกว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร กับ พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ไม่ต้องการให้เกิดกระบวนการปรองดองนั้น นายณัฐวุฒิเห็นว่า เป็นการทำลายบรรยากาศการสร้างความปรองดอง และหากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า กลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองเองก็ไม่ต้องการให้เกิดกระบวนการปรองดอง ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่อยากให้กล่าวหากันไปมา ซึ่งในส่วนของเสธ.แดงนั้น เคลื่อนไหวโดยอิสระไม่เกี่ยวข้องกับ นปช.หากไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เจ้าตัวก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายเอง
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ Empty คนอุบลรุกปฏิรูปประเทศไทย ชี้ที่ผ่านมาลุกขึ้นทำแล้วส่งต่อนักการเมืองเหลวตลอด

ตั้งหัวข้อ by dimistry Sun May 09, 2010 7:56 pm

Sun, 2010-05-09 18:57

วานนี้(8 พ.ค. 53) ที่บ้านของ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต สว.อุบลราชธานี ผู้ที่ทำงานภาคประชาสังคมของจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 40 คน ได้ร่วมระดมสมองหาทางออกให้กับวิกฤติของประเทศไทยในขณะนี้

น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อดีต สว.อุบลราชธานี กล่าวว่า ปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ เกิดจากกลุ่มทุนใหม่ กับกลุ่มทุนเก่า แย่งชิงอำนาจ แย่งชิงผลประโยชน์กัน

ผลก็คือประชาชนกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ผู้ที่มาร่วมประชุมในวันนี้ล้วนเป็นภาคประชาชนที่ทำงานมายาวนาน น่าที่จะรวบรวมประเด็นปัญหา หาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม จัดให้เป็นระบบเพื่อนำสู่การแก้ปัญหาของประชาชนที่เสนอโดยประชาชน มองให้ข้ามรัฐบาล,นปช.ไปถึงความไม่ชอบธรรม ความเหลื่อมล้ำทางสังคมจึงจะสามารถแก้ปัญหาชาติได้ อีกจุดหนึ่งคือการทำงานครั้งนี้จะเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาล ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นไม้ประดับให้รัฐแล้วไม่ก่อประโยชน์ให้ประชาชน เหมือนเดิม

แม่สมปอง เวียงจันทร์ ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูนชี้ กลุ่มเสื้อแดงส่วนใหญ่มอง ๆ ไปก็คือชาวบ้านที่เดือดร้อนทุกข์ยากไม่มีทางออก ทำอย่างไรจึงจะสามารถดึงคนเหล่านี้มาปฏิรูปประเทศไทย โดยประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร เสนอให้เริ่มตั้งคณะทำงานรวบรวมปัญหาและทางแก้ระยะสั้น ระยะยาว แล้วเริ่มแก้ที่ระยะสั้นก่อน

จำนง จิตนิรัตน์ องค์กรเข้าถึงสิทธิ์เผยความจริงภาคประชาชนนี่เคลื่อนใหญ่มาหลายครั้ง เช่น ธงเขียว จนได้รัฐธรรมนูญ 40 , กรณีสึนามิ ฯลฯ แต่พวกเราเคลื่อนเสร็จก็กลับบ้านส่งภารกิจต่อไปให้นักการเมือง เพราะถือว่าเขาคือตัวแทนประชาชน ผลก็คือล้มเหลวทุกครั้ง ต้องใช้กรณีเหล่านี้เป็นบทเรียนในเคลื่อนต่อ

ที่ประชุมได้เห็นสอดคล้องกันว่าประเด็น “การแก้ไขปัญหาความยากจน” เป็นเรื่องใหญ่ที่ควรขับเคลื่อนก่อน และตั้งคณะทำงาน ฝ่ายวิชาการ รวบรวมปัญหาและแนวทางการแก้ไข ฝ่ายสื่อ ร่วมเผยแพร่สู่สาธารณะ และเครือข่ายภาคประชาชนแต่ละกลุ่มที่จะร่วมระดมความคิด ให้เสร็จก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม 2553
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน-ฮิวแมนไรท์ยูเอสเอ ไม่พอใจไทยตามสอบสวนคดีหมิ่นฯ พลเมืองสหรัฐ Empty รพ.จุฬาฯ ออกแถลงการณ์หลังรับการรักษาผู้ป่วย

ตั้งหัวข้อ by dimistry Sun May 09, 2010 7:58 pm

จากเหตุระเบิดบริเวณแยกศาลาแดง และหน้าสวนลุมพินี
โรง พยาบาลจุฬาลงกรณ์ ออกแถลงการณ์หลังรับการรักษาผู้ป่วย จากเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณแยกศาลาแดง และหน้าสวนลุมพินี
ศาสตราจารย์นายแพทย์อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาคไทย เปิดเผยถึงกรณีรที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 7 เนื่องจากมีเหตุการณ์ยิงอาวุธสงคราม และระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณแยกศาลาแดง และหน้าสวนลุมพินี โดยโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้รับผู้ป่วยจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม เข้ารักษา 8 ราย เสียชีวิต 2 ราย เข้ารับการรักษาตัว ณ ตึกปัจมราชินี 3 ราย และให้กลับบ้านจำนวน 3 ราย โดยผู้เสียชีวิต 2 นาย คือ สิบตำรวจโทกานต์นุภัทร เลิศจันทร์เพ็ญ และ จ่าสิบตำรวจวิทยา พรมสำลี สำหรับผู้ป่วยที่ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้แก่ จ่าสิบตำรวจเกษม แก้วกุล, สิบตำรวจโทณัฐกานต์ โพธิ์น้อย ซึ่งอาการปลอดภัยแล้ว คาดว่าจะกลับบ้านได้ในวันนี้ ส่วนดาบตำรวจเกียรติศักดิ์ อัญชรินทร์ อาการสาหัส ต้องเข้ารับการผ่าตัดล้างสะเก็ดระเบิดที่สมองอีกครั้ง ขณะที่ สิบตำรวจเอกวิสุทธิ์ บุญยังมาก ได้ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ สำหรับผู้ที่กลับบ้านไปแล้วมี 2 คน คือ นายศุภชีพ เกตุมณี และดาบตำรวจบรรจบ โยมา ทั้งนี้ หากผู้ใดสงสัยว่าจะเป็นญาติผู้ป่วย สามารถสอบถามรายชื่อได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-256-4898 และ 02-256-4899
dimistry
dimistry
Admin

จำนวนข้อความ : 808
Join date : 18/09/2009
ที่อยู่ : France

http://http:redcyberclub.co.cc

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ