อดีตคตส.ถล่มเองกม.เผด็จการรธน.50ฆาตกรรมทางกฎหมาย

[dimistry]

เวทีวิชาการดาหน้าแสดง ความเป็นห่วงการเมืองไทย ร่วมเสวนาหาทางออกในหัวข้อ “การเมืองยกเครื่องก่อนจะสาย” ด้าน “แก้วสรร อติโพธิ” อดี คตส. ยอมรับเอง รธน.50 มีข้อบกพร่อง โดยเฉพาะการยุบพรรคการเมือง ที่ตัดสิทธิไปถึงกรรมการบริหารพรรค ระบุเป็นฆาตกรรมทางกฎหมาย ขณะที่อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ “ชัยอนันต์ สมุทวณิช” แนะการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต้องให้โอกาสประชาชนได้รับรู้และมีส่วนร่วม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากการสัมมนา “การเมืองยกเครื่องก่อนจะสาย”เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่พัทยา จ.ชลบุรี นายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาจะต้องทำให้การเมืองเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วม กิจกรรมและรับทราบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ จะต้องพัฒนาให้การเมืองมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้พรรคการเมืองคัดเลือกผู้นำโดยใช้ ส.ส. จำนวนมากกำหนดและตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล ซึ่งจะทำให้มีผู้นำไม่ดีพอ ควรกำหนดแนวทางการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค โดยมีขั้นตอนการคัดเลือกและให้ผ่านการทดสอบอย่างรอบคอบก่อนที่จะขึ้นดำรง ตำแหน่งหัวหน้าพรรค

"การเมืองไทยถูกมองแย่ในปัจจุบัน จะต้องให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมและรับทราบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ผมไม่อยากให้ประชาชนสิ้นหวัง เพราะการมีเสื้อเหลืองเสื้อแดงถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีความ ยาวนาน และจะเริ่มเปลี่ยนผ่าน ก่อตัวนำไปสู่การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้ดีขึ้น”นายชัยอนันต์ กล่าว

ด้าน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ประชาชนอย่าเพิ่งเบื่อหน่ายนักการเมืองด้วยการสร้างกระแสไม่ยอมรับ การดำเนินงานต่างๆ ของนักการเมืองที่ก่อให้เกิดปัญหา เพราะยังเชื่อว่านักการเมืองจะมีส่วนที่นำไปสู่การแก้ไขให้การเมืองดีขึ้น ได้ และขณะนี้ถึงเวลาที่จะยกเครื่องปัญหาการเมืองแล้ว แต่หากประชาชนเบื่อหน่าย ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมือง วันหนึ่งจะมานั่งเสียดายว่า การเมืองไทยไม่พัฒนาเหมือนกับประเทศอื่น

นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงปัญหาการเมืองด้านหนึ่งที่ก่อให้เกิดความยืดเยื้อในปัจจุบันเนื่อง จากก่อนที่รัฐบาล คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะหมดอำนาจ ได้แก้ไขกฎหมายแนบท้ายรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยกำหนดว่า หากพรรคการเมืองทำผิดต้องถูกยุบพรรค และให้กรรมการบริหารพรรครับโทษ โดยพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง และเว้นวรรคการเมือง ซึ่งถือเป็นการฆาตกรรมทางกฎหมาย และเป็นการแข่งขันทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรม เพราะไปลงโทษกรรมการผู้อื่นที่ไม่มีความผิดไปด้วย

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างทางการเมืองใหม่ควรกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้ รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ ไม่มีอำนาจเหนือนิติบัญญัติ ขณะเดียวกันฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็นอิสระ และต้องไม่ใช้อำนาจเหนือฝ่ายบริหาร และที่มาของรัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช้อำนาจอื่นเพื่อให้ตนเองเข้ามาบริหารประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลต้องบริหารงานให้ครบวาระ เพื่อให้การบริหารงานมีความต่อเนื่องและเป็นไปตามเป้าหมาย

"หากนายกรัฐมนตรีเสียชีวิต ต้องให้สิทธิพรรคคะแนนเสียงอันดับ 1 แต่งตั้งผู้นำรัฐบาลคนใหม่ แต่หากถูกถอดถอนก็ให้พรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงรองลงมาเป็นอันดับ 2 ทำหน้าที่ในการบริหารงานประเทศต่อไป เพื่อไม่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และไม่ควรให้นายกฯ มีอำนาจในการยุบสภา เพราะอาจจะทำให้ใช้อำนาจดังกล่าวมาข่มเหงรังแก ส.ส. ได้ และเพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของพรรคการเมือง จึงขอเสนอให้ประชาชนสมัครใจบริจาคเงินคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประมาณร้อยละ 1 โดยเลือกบริจาคให้กับพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง เพื่อแสดงออกถึงพรรคการเมืองที่ตนเองสนับสนุนอยู่” นายสมบัติ กล่าว

ที่มา http://www.prachatouch.co.th/web/news_detail.asp?id=5710