ซี่รี่ส์สุดมัน ลากใส้สื่อเห้
2 posters
หน้า 1 จาก 1
ซี่รี่ส์สุดมัน ลากใส้สื่อเห้
ค่ายเนชั่นข้อตกลงกับปีศาจ เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อน ซึ่งไทยอีนิวส์นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ก่อนไปว่าถึงเบ๊ค่ายNationคือสรยุทธ์ ,กนก,ธีระ ก็ต้องเกริ่นถึงตัวพ่อก่อนถึงจะถูกเรื่อง
คนละนามสกุลนะ สง่าราศีก็คนละเรื่องกัน แต่2ตัวนี่พี่น้องคลานตามกันมา แต่แม่แกเป็นคนจีนพูกทายม่ายชักนะแหละเรื่องของเรื่อง ตอนไปแจ้งอำเภอที่หาดใหญ่ สงขลาคนพี่นี่นายทะเบียนราษฎร์ได้ยินแซ่เป็น"หยุ่น" ตอนไปแจ้งเกิดคนน้องดันได้ยินเป็น"หย่อง" อาม่าแกก็ปล่อยเลยตามเลย
อย่าง ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปว่า ราวๆยุคน้าชาติเป็นรัฐบาล ตลาดหุ้นบูมสุดเหวี่ยง พวกเจ้าของบริษัทก็เอากิจการเข้าไปขุดทองในตลาดหุ้น สากกะเบือยันเรือรบเข้าตลาดหุ้นได้หมด พวกหนังสือพิมพ์ก็เข้ากับเขามั่ง...อันนี่แหละเป็นจุดเปลี่ยนโคตรสำคัญของสื่อไทย
ความ เป็นสื่อมืออาชีพ มีอุดมการณ์ มีจรรยาบรรณ มีจุดยืนเพื่อสังคมส่วนรวม และคนที่เคยประกาศจะปฏิวัติแมงลงวันสมัยหนุ่มๆอย่างหยุ่นที่รังเกียจ พฤติการณ์ค่ายหัวสีที่ชอบรับซองขาวหนังสือพิมพ์ ไปเล่นไพ่กับตำรวจทหารนักการเมืองนี่ แม่งก็เลยคอรัปชั่นทางวิชาชีพเสียยิ่งกว่ายุคสมัยก่อนที่หยุ่นเคยด่าแม่เขา ไว้
คือสมัยก่อนนี่หนังสือพิมพ์อยู่กันอดๆอยากๆที่เรียกว่าอุดมการณ์ ไส้แห้งนี่เรื่องจริง หยิ่งยิ่งกว่าโดมผู้จองหอง แต่พอมาเข้าตลาดหุ้นนี่มันก็ต้องใส่สูทผูกไทโก้เป็นนักธุรกิจกันแล้ว เงินเดือนนักข่าวมาเป็นหมื่น หรือขึ้นมาเป็นหลายหมื่นในยุคนี้ ผมเองกินเงินเดือนหลักพันมาหลายปีก็ยังพลอยฟ้าพลอยฝนได้เป็นคนข่าวเงินเดือน หมื่นกับเขาก็อีตอนนี้
"เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม"ใครจำวรรคทองเรื่องThe God Fatherได้มั่ง ฉันใดก็ฉันเพล....
นาย ทุนสื่อก็ต้องดัดแปลงตัวเองเลิกเป็นไดโนเสาร์ ให้เป็นจรเข้น้อยหางแดง เพราะมันก็ต้องวิ่งขอคลื่นสัมปทานทีวี วิทยุ ใครเป็นคนผูกขาดเรื่องยังงี้ก็ทหารซึ่งเป็นม้า และเจ้าของคอกม้า แล้วก็โคดสะนาอีกหละ เพราะคุณเข้าตลาดหุ้นนี่จะมาเป็นหนังสือพิมพ์หรือสื่อไส้แห้งไม่ได้แล้วนะ คุณต้องทำตัวให้ใหญ่ ทุนต้องหนา ต้องมีตัวเลขงบการเงิน อัตราขยายตัวของกำไร รายได้สารพัดไปโชว์ให้คนเล่นหุ้นเห็น
แล้วก็ ปั่นกันชิบหายวายป่วง หุ้นผู้จัดการไป300-400 หุ้นวัฏจักรหนังสือพิมพ์หางานนี่นะ500-600 หุ้นมติชน400กว่า หุ้นเนชั่น400-500 คิดดูแม่งปั่นกันบ้าเลือด
แต่สิ่งที่คนข่าวกับ สื่อเสียไปคืออะไร เพียบครับคือจุดยืน จรรยาบรรณ ความเป็นมืออาชีพ ที่ร้ายสุดอย่างที่พวกคุณๆเห็นกันตอนสงกรานต์เลือดหมาดๆนั่นแหละ ส้นตีนมั๊ยหละที่สื่อประเทศนี้ยัดเยียดข่มขืนกระทำชำเราบ้านเมือง เพื่อแลกกับโชคมหาศาลของพวกมัน
เพราะโลกนี้มันไม่มีอะไรฟรี คุณได้คลื่นวิทยุมา ก็ต้องแลกกับการต้องเชียร์ผู้มีอำนาจ ทั้งพวกที่มีพลังอำนาจทางการเมือง การทหาร และพลังอำนาจแฝง คุณได้สัมปทานทีวีมาแลกกับการเลิกเป็นหมาเฝ้าบ้านให้ประชาชน ไปเป็นสุนัขรับใช้พวกมีอำนาจ คุณได้โฆษณาหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมวิสาหกิจ บริษัทเอกชนที่พวกนี้บีบจ่ายคุณได้ แลกกับที่คุณต้องไปเห่าหอนปฏิปักษ์การเมืองให้เขา แลกกับที่แม้กระทั่งหันมาแว้งกัดเจ้าของบ้านคือประชาชน
แต่หนังสือ พิมพ์ สื่อ คนข่าวติดเสพสุขไปซะแล้วในรอบเกือบ 20 ปีมานี้ จะให้กลับไปไส้แห้ง ไม่รู้สิ้นเดือนมีเงินเดือนจ่ายมั๊ย ต้องหุงข้าวหม้อแกงหม้อไว้ที่โรงพิมพ์ต้มมาม่าปลากระป๋องอย่างที่พวกผมเคย เจอแต่ก่อน...มันนึกกันไม่ออกแล้ว
กลับมาเหี้ยตัวพ่อค่ายเนชั่น
เห ตุการณ์พฤษภาทมิฬ2535นั้น ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายกัน หลังจากนั้นเลือกตั้งใหม่ ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ชวนเป็นนายกฯ คุณหญิงฉุยฉายเมียพี่แป๊ะเป็นรัฐมนตรีคุมสื่อ หยุ่นก็โพนทะนาว่าที่มันบาดเจ็บล้มตายกันมากก็เพราะรสช.ปิดกั้นสื่อ ทีวีไม่เป็นอิสระ ต้องแจ้งเกิดทีวีอิสระซักช่อง(Independent TeleVision-ITV)ก็เกิดมาด้วยประการนี้
หยุ่นชงเองก็ตบเองกินเอง แล้วกลัวคู่แข่งมากก็เสนอค่าสัมปทานแม่งบานเท่าโรคหลายหมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่อง3ช่อง7นี่ไม่กี่ร้อยล้าน
ทำ ไปทำมาก็อย่างที่รู้ มันทีวีสไตล์หยุ่นคือออกแนวๆฮาร์ดคอร์เรื่องการเมือง แวดวงคนดูก็จำกัด ชาวบ้านก็ยังดูจำเลยรัก ดาวพระศุกร์ บ้านทรายทองช่อง3ช่อง7กันไป โคดสะนาก็ไม่พอเลี้ยง ก็ติดค่าสัมปทาน ติดมาติดไปหลายเงินก็อาศัยความเป็นคนปักษ์ใต้ไปหาคุณหญิงฉุยฉายคนปักษ์ใต้ ด้วยกัน คุณหญิงก็ใจดีลดแหลกแจกสะบัด
เข้าใจว่าโดนฝ่ายค้านด่าดักคอไว้....หยุ่นก็แค้นตาแม้นกลับไป
ที นี้เหลี่ยมจะเข้าวงการการเมือง ก็เห็นว่าตอนก่อนนั้นเคยเอาตังค์ให้อาจารย์เจิมไปตั้งบริษัททำวิทยุนี่แม่ง ดีเว้ย เหลี่ยมกลายเป็นคนภาพลักษณ์แหล่มระดับน้องๆบิลลฺเกตส์ไปแล้ว เป็นอัศวินคลื่นลูกที่สามกันโน้น....ก็เลยว่า ไหนๆกูจะลงการเมืองแล้ว ก็เอาตังค์ที่รวยจากตลาดหุ้นนี่ไปซื้อทีวีมาไว้ในมือซักช่อง เอาไว้เป็นไม้กันหมา กับเอาไว้เชียร์ตัวเอง
ก็เลยเข้าไปเทกโอเวอร์ ITVจากไทยพาณิชย์ เครือทรัพย์สิน เตะก้นพวกหยุ่นเนชั่นที่เวลานั้นเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย(แต่เสียงดังกว่า ทรัพย์สินเพราะมันคุมการทำข่าวออกITV)ออกไป
หยุ่นต้องระเห็จไปเปิด เนชั่นแชนัล อยู่กับTTVของลุงไกรวัฒน์ ลูกน้องเก่าเหลี่ยมที่เคยไปบุกเบิกทีวีให้เหลี่ยมที่เขมร..หยุ่นเลยพ้นโทษ ตาย แต่ไม่วายโดนตามบี้ เพราะทีทีวีหรือเนชั่นแชนัลมันดูได้แค่ในกรุงเทพฯ หยุ่นก็เล่นซิกแซ็กไปยิงสัญญาณเมืองนอกเข้ามา กะเผยแพร่สัญญาณทั้งประเทศ
เหลี่ยม เลยตามบี้ว่า เฮ้ยทำผิดสัญญา แบบนี้อาจไม่ต้องเกรงใจลูกน้องเก่าลุงไกรวัฒน์เจ้าของสัมปทาน ก็ฟ้องกันนัวเนีย หยุ่นก็ออกอากาศทั่วประเทศไม่ได้ หาโฆษณาก็ได้จำกัด(ดัง นั้นอย่าสงสัยว่าทำไมหยุ่นเนชั่น กับพวกเด็กๆของหยุ่นอย่างสรยุทธ์ กนก ธีระ จอมขวัญถึงได้ตามฟาดฟันเหลี่ยมชนิดที่ว่า ลืมไปเลยว่าไอ้พวกเหี้ยนี่มึงยังเป็นสื่อกันอยู่มั๊ยสัดดด..)
พอหยุ่นโดนเตะพ้นไอทีวี หยุ่นไม่ไปเปล่าๆ ดันฝากไข่ทิ้งไว้30กว่าชีวิต ในนั้นมีกรุณา บัวคำศรี รองเลขาสนนท.ที่รู้ใจของปริญญา เทวานฤมิตกุล เป็นเลขาธิการยุคพฤษภาทมิฬ(โดยมีอาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานที่ปรึกษาสนนท.ยุคนั้น....โหเรื่องแม่งยาว )
ท่าน พวก30กว่าชีวิตก็ฟาดงวงฟาดงากับเหลี่ยมว่า มึงเป็นนายทุนเป็นรัฐบาลแล้วแทรกแซงสื่อ กรุจะทำข่าวด่าแม่ง...เหลี่ยมก็เฮ้ย เอาไงวะสัดด ตังค์ก็จ่ายซื้อแล้ว นึกว่าได้ทีวีมาช่วยพีอาร์ พวกห่านี่ด่ากูอี๊ก ก็ส่งลูกน้องอย่างพวกนิวัฒน์บุญทรง ธำรงไพศาลหรือใครต่อใครเข้าไปคุมก็คุมไม่อยู่ เพราะมันพูดคนละภาษากัน เด็กสมุนเหลี่ยมพูดภาษานักธุรกิจ ไอ้30กว่าชีวิตพูดภาษาเดียวกับหยุ่นคือ"แทรกแซงสื้อ คุกคามสื่อ กองบรรณาธิการต้องทำงานเป็นอิสระจากนายทุนสื่อ"
เหลี่ยม เลยมาได้สำราญ รอดเพชรที่เล่าไปก่อนนี้เข้ามาคุม สำราญก็เอาอยู่ แล้วดึงลูกน้องเก่าสารพัดมาแทน พวก30กว่าชีวิตก็กลายเป็นกบฎไอทีวี โดนเลิกจ้างตามระเบียบ นับแต่นั้นเรื่องคุกคามสื่อนี่ก็โดนหยุ่นกับพวกเนชั่นตีเหลี่ยมแม่งทุกวัน ทั้งที่มันไปไข่ทิ้งไว้เอง...
ตอนก่อนรัฐประหาร19กันยายนนี่ ลิ้มเป็นคนออกแรงสารพัด หยุ่นก็ให้ไอ้พวกเบ๊อย่างกนก ธีระ เจ๊าะแจ๊ะป้วนเปี้ยนด่าตามน้ำตามเพลงไป แต่ปฏิวัติเสร็จ ไอ้ลิ้มชวดหมดทั้งช่อง11ก็โดนรุมต้าน ได้ไปโผล่หน้าออกอยู่ทีสองที จะมายึดช่อง9ทางพี่ช้างมติชนก็ส่งอาจารย์ป๋องไปนั่งเป็นก้างอยู่ แถมสหภาพอสมท.ต้านใส่เสื้อดำยกป้ายด่าแม่ลิ้ม
แต่หยุ่นเก็บเกี่ยวไป เนียนๆ คือกูไม่ยึดทั้งช่อง แต่แหย่หางเข้าไปเสียบไว้หมดทั้ง3 5 7 9 NBT และที่สำคัญส่งหย่องเข้าไปคว้าTPBSไว้ตั้งช่อง(หยุ่นแม่งเจ๋งมั๊ย โดนไล่ออกจากITVเหมือนหมูหมา ต่อมามันล่อซะITVพัง แล้วแจ้งเกิดใหม่ชื่อTPBSเอาเงินเหล้าบุหรี่ปี2-3พันล้านมาทำฟรีๆแล้วให้ไอ้ หย่องเข้าไปยึด พวกกบฎไอทีวีสมัยก่อนพวกกรุณา บัวคำศรีกลับมาทุกตัว มีไอ้แม็ค-เถกิง สมทรัพย์ มือขวาอาจารย์เจิมที่เขียนหนังสือด่าเหลี่ยม รู้ทันทักษิณมาแชร์อีกตัว...)
ที่เป็นงี้เพราะสิ่งที่เรียกว่า"ข้อตกลงกับปีศาจ"นั่น แหละ หยุ่นคนสงขลา ป๋าคนสงขลา...ป๋านี่แกเป็นพวกกูนิยม2-3ข้อ คือพวกสงขลา พวกสวนกุหลาบ พวกจปร.อันนี้ไม่ต้องอะไรมาก อยากได้อะไรเอาไปเลย แต่มึงต้องรับใช้กูนะ....
สิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอทีวี3 5 7 9 11 TPBSเด็กของหยุ่นไปแหย่หางไว้เพียบ ทำสีหน้าท่าทางกวนส้นตีน ปากแบะปากเบะเวลาพูดถึงเหลี่ยม เสื้อแดง ใครด่าป๋าแม่งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ โต้ตอบเป็นพัลวันพัลเก
ตอนเหตุการณ์สงกรานต์ทมิฬทหารยิงใส่กระทืบ เสื้อแดงเจ็บตายไม่พอ ไอ้พวกเหี้ยนี่ไปกระทืบซ้ำทางทีวีอีก มันก็มีที่ไปที่มายังงี้...นี่คือข้อตกลงกับปีศาจ เรื่องของโชคมหาศาล เบื้องหลังมันคืออาชญากรรม
การจะพูดถึงสรยุทธ กนก ธีระ จอมขวัญอะไรงี้ หากไม่พูดเรื่องนี้ก่อน พวกคุณๆก็ไม่มีวันเข้าใจว่ามันมีมูลเหตุจูงใจอย่างไร คนข่าวหรือสื่อมันถึงได้เหี้ยหางแดงกันขนาดนี้ได้...
กรรมไม่แบแล้วครับพี่น้อง ผมเองก็พูดไม่ออกได้แต่กรอกตา ทำเหี้ยอะไรไม่ได้ ก็ต้องมาด่าแม่มันให้พวกเราฟังนี่ไง.....
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อน ซึ่งไทยอีนิวส์นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
สิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอทีวี3 5 7 9 11 TPBSเด็กของหยุ่นไปแหย่หางไว้เพียบ ทำสีหน้าท่าทางกวนส้นตีน ปากแบะปากเบะเวลาพูดถึงเหลี่ยม เสื้อแดง ใครด่าป๋าแม่งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ โต้ตอบเป็นพัลวันพัลเก
ตอน เหตุการณ์สงกรานต์ทมิฬทหารยิงใส่กระทืบเสื้อแดงเจ็บตายไม่พอ ไอ้พวกเหี้ยนี่ไปกระทืบซ้ำทางทีวีอีก มันก็มีที่ไปที่มายังงี้...นี่คือข้อตกลงกับปีศาจ เรื่องของโชคมหาศาล เบื้องหลังมันคืออาชญากรรม
ก่อนไปว่าถึงเบ๊ค่ายNationคือสรยุทธ์ ,กนก,ธีระ ก็ต้องเกริ่นถึงตัวพ่อก่อนถึงจะถูกเรื่อง
สุทธิชัย หยุ่น-เทพชัย หย่อง
คนละนามสกุลนะ สง่าราศีก็คนละเรื่องกัน แต่2ตัวนี่พี่น้องคลานตามกันมา แต่แม่แกเป็นคนจีนพูกทายม่ายชักนะแหละเรื่องของเรื่อง ตอนไปแจ้งอำเภอที่หาดใหญ่ สงขลาคนพี่นี่นายทะเบียนราษฎร์ได้ยินแซ่เป็น"หยุ่น" ตอนไปแจ้งเกิดคนน้องดันได้ยินเป็น"หย่อง" อาม่าแกก็ปล่อยเลยตามเลย
อย่าง ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปว่า ราวๆยุคน้าชาติเป็นรัฐบาล ตลาดหุ้นบูมสุดเหวี่ยง พวกเจ้าของบริษัทก็เอากิจการเข้าไปขุดทองในตลาดหุ้น สากกะเบือยันเรือรบเข้าตลาดหุ้นได้หมด พวกหนังสือพิมพ์ก็เข้ากับเขามั่ง...อันนี่แหละเป็นจุดเปลี่ยนโคตรสำคัญของสื่อไทย
ความ เป็นสื่อมืออาชีพ มีอุดมการณ์ มีจรรยาบรรณ มีจุดยืนเพื่อสังคมส่วนรวม และคนที่เคยประกาศจะปฏิวัติแมงลงวันสมัยหนุ่มๆอย่างหยุ่นที่รังเกียจ พฤติการณ์ค่ายหัวสีที่ชอบรับซองขาวหนังสือพิมพ์ ไปเล่นไพ่กับตำรวจทหารนักการเมืองนี่ แม่งก็เลยคอรัปชั่นทางวิชาชีพเสียยิ่งกว่ายุคสมัยก่อนที่หยุ่นเคยด่าแม่เขา ไว้
คือสมัยก่อนนี่หนังสือพิมพ์อยู่กันอดๆอยากๆที่เรียกว่าอุดมการณ์ ไส้แห้งนี่เรื่องจริง หยิ่งยิ่งกว่าโดมผู้จองหอง แต่พอมาเข้าตลาดหุ้นนี่มันก็ต้องใส่สูทผูกไทโก้เป็นนักธุรกิจกันแล้ว เงินเดือนนักข่าวมาเป็นหมื่น หรือขึ้นมาเป็นหลายหมื่นในยุคนี้ ผมเองกินเงินเดือนหลักพันมาหลายปีก็ยังพลอยฟ้าพลอยฝนได้เป็นคนข่าวเงินเดือน หมื่นกับเขาก็อีตอนนี้
"เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม"ใครจำวรรคทองเรื่องThe God Fatherได้มั่ง ฉันใดก็ฉันเพล....
นาย ทุนสื่อก็ต้องดัดแปลงตัวเองเลิกเป็นไดโนเสาร์ ให้เป็นจรเข้น้อยหางแดง เพราะมันก็ต้องวิ่งขอคลื่นสัมปทานทีวี วิทยุ ใครเป็นคนผูกขาดเรื่องยังงี้ก็ทหารซึ่งเป็นม้า และเจ้าของคอกม้า แล้วก็โคดสะนาอีกหละ เพราะคุณเข้าตลาดหุ้นนี่จะมาเป็นหนังสือพิมพ์หรือสื่อไส้แห้งไม่ได้แล้วนะ คุณต้องทำตัวให้ใหญ่ ทุนต้องหนา ต้องมีตัวเลขงบการเงิน อัตราขยายตัวของกำไร รายได้สารพัดไปโชว์ให้คนเล่นหุ้นเห็น
แล้วก็ ปั่นกันชิบหายวายป่วง หุ้นผู้จัดการไป300-400 หุ้นวัฏจักรหนังสือพิมพ์หางานนี่นะ500-600 หุ้นมติชน400กว่า หุ้นเนชั่น400-500 คิดดูแม่งปั่นกันบ้าเลือด
แต่สิ่งที่คนข่าวกับ สื่อเสียไปคืออะไร เพียบครับคือจุดยืน จรรยาบรรณ ความเป็นมืออาชีพ ที่ร้ายสุดอย่างที่พวกคุณๆเห็นกันตอนสงกรานต์เลือดหมาดๆนั่นแหละ ส้นตีนมั๊ยหละที่สื่อประเทศนี้ยัดเยียดข่มขืนกระทำชำเราบ้านเมือง เพื่อแลกกับโชคมหาศาลของพวกมัน
เพราะโลกนี้มันไม่มีอะไรฟรี คุณได้คลื่นวิทยุมา ก็ต้องแลกกับการต้องเชียร์ผู้มีอำนาจ ทั้งพวกที่มีพลังอำนาจทางการเมือง การทหาร และพลังอำนาจแฝง คุณได้สัมปทานทีวีมาแลกกับการเลิกเป็นหมาเฝ้าบ้านให้ประชาชน ไปเป็นสุนัขรับใช้พวกมีอำนาจ คุณได้โฆษณาหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมวิสาหกิจ บริษัทเอกชนที่พวกนี้บีบจ่ายคุณได้ แลกกับที่คุณต้องไปเห่าหอนปฏิปักษ์การเมืองให้เขา แลกกับที่แม้กระทั่งหันมาแว้งกัดเจ้าของบ้านคือประชาชน
แต่หนังสือ พิมพ์ สื่อ คนข่าวติดเสพสุขไปซะแล้วในรอบเกือบ 20 ปีมานี้ จะให้กลับไปไส้แห้ง ไม่รู้สิ้นเดือนมีเงินเดือนจ่ายมั๊ย ต้องหุงข้าวหม้อแกงหม้อไว้ที่โรงพิมพ์ต้มมาม่าปลากระป๋องอย่างที่พวกผมเคย เจอแต่ก่อน...มันนึกกันไม่ออกแล้ว
กลับมาเหี้ยตัวพ่อค่ายเนชั่น
เห ตุการณ์พฤษภาทมิฬ2535นั้น ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายกัน หลังจากนั้นเลือกตั้งใหม่ ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ชวนเป็นนายกฯ คุณหญิงฉุยฉายเมียพี่แป๊ะเป็นรัฐมนตรีคุมสื่อ หยุ่นก็โพนทะนาว่าที่มันบาดเจ็บล้มตายกันมากก็เพราะรสช.ปิดกั้นสื่อ ทีวีไม่เป็นอิสระ ต้องแจ้งเกิดทีวีอิสระซักช่อง(Independent TeleVision-ITV)ก็เกิดมาด้วยประการนี้
หยุ่นชงเองก็ตบเองกินเอง แล้วกลัวคู่แข่งมากก็เสนอค่าสัมปทานแม่งบานเท่าโรคหลายหมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่อง3ช่อง7นี่ไม่กี่ร้อยล้าน
ทำ ไปทำมาก็อย่างที่รู้ มันทีวีสไตล์หยุ่นคือออกแนวๆฮาร์ดคอร์เรื่องการเมือง แวดวงคนดูก็จำกัด ชาวบ้านก็ยังดูจำเลยรัก ดาวพระศุกร์ บ้านทรายทองช่อง3ช่อง7กันไป โคดสะนาก็ไม่พอเลี้ยง ก็ติดค่าสัมปทาน ติดมาติดไปหลายเงินก็อาศัยความเป็นคนปักษ์ใต้ไปหาคุณหญิงฉุยฉายคนปักษ์ใต้ ด้วยกัน คุณหญิงก็ใจดีลดแหลกแจกสะบัด
เข้าใจว่าโดนฝ่ายค้านด่าดักคอไว้....หยุ่นก็แค้นตาแม้นกลับไป
ที นี้เหลี่ยมจะเข้าวงการการเมือง ก็เห็นว่าตอนก่อนนั้นเคยเอาตังค์ให้อาจารย์เจิมไปตั้งบริษัททำวิทยุนี่แม่ง ดีเว้ย เหลี่ยมกลายเป็นคนภาพลักษณ์แหล่มระดับน้องๆบิลลฺเกตส์ไปแล้ว เป็นอัศวินคลื่นลูกที่สามกันโน้น....ก็เลยว่า ไหนๆกูจะลงการเมืองแล้ว ก็เอาตังค์ที่รวยจากตลาดหุ้นนี่ไปซื้อทีวีมาไว้ในมือซักช่อง เอาไว้เป็นไม้กันหมา กับเอาไว้เชียร์ตัวเอง
ก็เลยเข้าไปเทกโอเวอร์ ITVจากไทยพาณิชย์ เครือทรัพย์สิน เตะก้นพวกหยุ่นเนชั่นที่เวลานั้นเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย(แต่เสียงดังกว่า ทรัพย์สินเพราะมันคุมการทำข่าวออกITV)ออกไป
หยุ่นต้องระเห็จไปเปิด เนชั่นแชนัล อยู่กับTTVของลุงไกรวัฒน์ ลูกน้องเก่าเหลี่ยมที่เคยไปบุกเบิกทีวีให้เหลี่ยมที่เขมร..หยุ่นเลยพ้นโทษ ตาย แต่ไม่วายโดนตามบี้ เพราะทีทีวีหรือเนชั่นแชนัลมันดูได้แค่ในกรุงเทพฯ หยุ่นก็เล่นซิกแซ็กไปยิงสัญญาณเมืองนอกเข้ามา กะเผยแพร่สัญญาณทั้งประเทศ
เหลี่ยม เลยตามบี้ว่า เฮ้ยทำผิดสัญญา แบบนี้อาจไม่ต้องเกรงใจลูกน้องเก่าลุงไกรวัฒน์เจ้าของสัมปทาน ก็ฟ้องกันนัวเนีย หยุ่นก็ออกอากาศทั่วประเทศไม่ได้ หาโฆษณาก็ได้จำกัด(ดัง นั้นอย่าสงสัยว่าทำไมหยุ่นเนชั่น กับพวกเด็กๆของหยุ่นอย่างสรยุทธ์ กนก ธีระ จอมขวัญถึงได้ตามฟาดฟันเหลี่ยมชนิดที่ว่า ลืมไปเลยว่าไอ้พวกเหี้ยนี่มึงยังเป็นสื่อกันอยู่มั๊ยสัดดด..)
พอหยุ่นโดนเตะพ้นไอทีวี หยุ่นไม่ไปเปล่าๆ ดันฝากไข่ทิ้งไว้30กว่าชีวิต ในนั้นมีกรุณา บัวคำศรี รองเลขาสนนท.ที่รู้ใจของปริญญา เทวานฤมิตกุล เป็นเลขาธิการยุคพฤษภาทมิฬ(โดยมีอาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานที่ปรึกษาสนนท.ยุคนั้น....โหเรื่องแม่งยาว )
ท่าน พวก30กว่าชีวิตก็ฟาดงวงฟาดงากับเหลี่ยมว่า มึงเป็นนายทุนเป็นรัฐบาลแล้วแทรกแซงสื่อ กรุจะทำข่าวด่าแม่ง...เหลี่ยมก็เฮ้ย เอาไงวะสัดด ตังค์ก็จ่ายซื้อแล้ว นึกว่าได้ทีวีมาช่วยพีอาร์ พวกห่านี่ด่ากูอี๊ก ก็ส่งลูกน้องอย่างพวกนิวัฒน์บุญทรง ธำรงไพศาลหรือใครต่อใครเข้าไปคุมก็คุมไม่อยู่ เพราะมันพูดคนละภาษากัน เด็กสมุนเหลี่ยมพูดภาษานักธุรกิจ ไอ้30กว่าชีวิตพูดภาษาเดียวกับหยุ่นคือ"แทรกแซงสื้อ คุกคามสื่อ กองบรรณาธิการต้องทำงานเป็นอิสระจากนายทุนสื่อ"
เหลี่ยม เลยมาได้สำราญ รอดเพชรที่เล่าไปก่อนนี้เข้ามาคุม สำราญก็เอาอยู่ แล้วดึงลูกน้องเก่าสารพัดมาแทน พวก30กว่าชีวิตก็กลายเป็นกบฎไอทีวี โดนเลิกจ้างตามระเบียบ นับแต่นั้นเรื่องคุกคามสื่อนี่ก็โดนหยุ่นกับพวกเนชั่นตีเหลี่ยมแม่งทุกวัน ทั้งที่มันไปไข่ทิ้งไว้เอง...
ตอนก่อนรัฐประหาร19กันยายนนี่ ลิ้มเป็นคนออกแรงสารพัด หยุ่นก็ให้ไอ้พวกเบ๊อย่างกนก ธีระ เจ๊าะแจ๊ะป้วนเปี้ยนด่าตามน้ำตามเพลงไป แต่ปฏิวัติเสร็จ ไอ้ลิ้มชวดหมดทั้งช่อง11ก็โดนรุมต้าน ได้ไปโผล่หน้าออกอยู่ทีสองที จะมายึดช่อง9ทางพี่ช้างมติชนก็ส่งอาจารย์ป๋องไปนั่งเป็นก้างอยู่ แถมสหภาพอสมท.ต้านใส่เสื้อดำยกป้ายด่าแม่ลิ้ม
แต่หยุ่นเก็บเกี่ยวไป เนียนๆ คือกูไม่ยึดทั้งช่อง แต่แหย่หางเข้าไปเสียบไว้หมดทั้ง3 5 7 9 NBT และที่สำคัญส่งหย่องเข้าไปคว้าTPBSไว้ตั้งช่อง(หยุ่นแม่งเจ๋งมั๊ย โดนไล่ออกจากITVเหมือนหมูหมา ต่อมามันล่อซะITVพัง แล้วแจ้งเกิดใหม่ชื่อTPBSเอาเงินเหล้าบุหรี่ปี2-3พันล้านมาทำฟรีๆแล้วให้ไอ้ หย่องเข้าไปยึด พวกกบฎไอทีวีสมัยก่อนพวกกรุณา บัวคำศรีกลับมาทุกตัว มีไอ้แม็ค-เถกิง สมทรัพย์ มือขวาอาจารย์เจิมที่เขียนหนังสือด่าเหลี่ยม รู้ทันทักษิณมาแชร์อีกตัว...)
ที่เป็นงี้เพราะสิ่งที่เรียกว่า"ข้อตกลงกับปีศาจ"นั่น แหละ หยุ่นคนสงขลา ป๋าคนสงขลา...ป๋านี่แกเป็นพวกกูนิยม2-3ข้อ คือพวกสงขลา พวกสวนกุหลาบ พวกจปร.อันนี้ไม่ต้องอะไรมาก อยากได้อะไรเอาไปเลย แต่มึงต้องรับใช้กูนะ....
สิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอทีวี3 5 7 9 11 TPBSเด็กของหยุ่นไปแหย่หางไว้เพียบ ทำสีหน้าท่าทางกวนส้นตีน ปากแบะปากเบะเวลาพูดถึงเหลี่ยม เสื้อแดง ใครด่าป๋าแม่งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ โต้ตอบเป็นพัลวันพัลเก
ตอนเหตุการณ์สงกรานต์ทมิฬทหารยิงใส่กระทืบ เสื้อแดงเจ็บตายไม่พอ ไอ้พวกเหี้ยนี่ไปกระทืบซ้ำทางทีวีอีก มันก็มีที่ไปที่มายังงี้...นี่คือข้อตกลงกับปีศาจ เรื่องของโชคมหาศาล เบื้องหลังมันคืออาชญากรรม
การจะพูดถึงสรยุทธ กนก ธีระ จอมขวัญอะไรงี้ หากไม่พูดเรื่องนี้ก่อน พวกคุณๆก็ไม่มีวันเข้าใจว่ามันมีมูลเหตุจูงใจอย่างไร คนข่าวหรือสื่อมันถึงได้เหี้ยหางแดงกันขนาดนี้ได้...
กรรมไม่แบแล้วครับพี่น้อง ผมเองก็พูดไม่ออกได้แต่กรอกตา ทำเหี้ยอะไรไม่ได้ ก็ต้องมาด่าแม่มันให้พวกเราฟังนี่ไง.....
ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๑
ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๑
โดย ที่เจ้าของ ผู้ประกอบการ บรรณาธิการ และผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ทั้งหลายได้พร้อมใจกัน สถาปนาสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ให้เป็นองค์กรอิสระ ทำหน้าที่ควบคุมกันเอง เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ ความรับผิดชอบ สถานภาพผู้ประกอบวิชาชีพและกิจการหนังสือพิมพ์ ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนสิทธิการใช้สื่อหนังสือพิมพ์ เพื่อการรับรู้ข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็นของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยส่งเสริมให้หนังสือพิมพ์ทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชน รวมทั้งยึดถือความยุติธรรม และความเที่ยงธรรมเป็นหลักในการประกอบวิชาชีพ อาศัยความตามข้อ ๕ (๑) และข้อ ๑๔ (๔) แห่งธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๐ คณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้ตราข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ไว้ดัง ต่อไปนี้
หมวด ๑
หมวดทั่วไป
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ พ.ศ.๒๕๔๑”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อบังคับนี้ "ข่าว" หมายถึง เนื้อข่าว ความนำหรือตัวโปรย พาดหัวข่าว ภาพข่าว และคำบรรยายภาพข่าว"หนังสือพิมพ์" หมายถึง หนังสือพิมพ์ตามธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๐ ข้อ ๓"ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์" หมายถึงผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ตามธรรมนูญสภา การหนังสือพิมพ์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ข้อ ๓
หมวด ๒
จริยธรรมของหนังสือพิมพ์
ข้อ ๔ หนังสือพิมพ์ต้องยึดถือข้อเท็จจริง ความถูกต้องแม่นยำและความครบถ้วน
ข้อ ๕ หนังสือพิมพ์ต้องนำเสนอข่าวเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือ หมู่คณะ
ข้อ ๖ หนังสือพิมพ์ต้องแสดงความพยายาม ในการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ข้อ ๗ หนังสือพิมพ์ต้องไม่แต่งเติมเนื้อหาสาระของข่าว จนคลาดเคลื่อนหรือเกินจากความเป็นจริง
ข้อ ๘ หนังสือพิมพ์ ต้องละเว้นการเสนอข่าวเพราะความลำเอียง หรือมีอคติจนเป็นเหตุให้ข่าวนั้นคลาด เคลื่อนหรือเกินจากความเป็นจริง
ข้อ ๙ หนังสือพิมพ์ต้องไม่สอดแทรกความคิดเห็นลงในข่าว
ข้อ ๑๐ เมื่อคัดลอกข้อความใดจากหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ต้องบอกที่มาของข้อความ นั้น
ข้อ ๑๑ การเสนอข่าวที่มีการพาดพิง อันอาจเกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือองค์กรใด ๆ ต้องแสดงถึงความ พยายามในการเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาแสดงข้อเท็จจริงด้วย
ข้อ ๑๒ ในกรณีที่มีการเสนอข่าวผิดพลาด หนังสือพิมพ์ต้องลงพิมพ์แก้ไขข้อผิดพลาด ดังกล่าวโดยไม่ชักช้า
ข้อ ๑๓ หนังสือพิมพ์ต้องไม่เสนอข่าวโดยเลื่อนลอยปราศจากแหล่งที่มา พึงระบุชื่อบุคคลที่ให้สัมภาษณ์
หรือ ให้ข่าวอย่างเปิดเผย เว้นแต่จะมีเหตุอันควรปกปิดเพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของแหล่งข่าว และต้องเป็น ประโยชน์ต่อสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของสาธารณชน
ข้อ ๑๔ หนังสือพิมพ์ต้องปกปิดชื่อและฐานะของบุคคลที่ให้ข่าวไว้เป็นความลับ หากได้ให้คำมั่นแก่แหล่ง ข่าวนั้นไว้ หนังสือพิมพ์ต้องปกปิดนามปากกาหรือนามแฝงที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้ เป็นความลับ
ข้อ ๑๕ ในการเสนอข่าวหรือภาพใด ๆ หนังสือพิมพ์ต้องคำนึงมิให้ล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของ บุคคลที่ตกเป็นข่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องให้ความคุ้มครองอย่างเคร่งครัดต่อสิทธิมนุษยชนของเด็ก สตรีและผู้ด้อย โอกาส ในการเสนอข่าวตามวรรคแรกต้องไม่เป็นการซ้ำเติมความทุกข์หรือโศกนาฏกรรมอัน เกิดแก่เด็ก สตรีและผู้ ด้อยโอกาสนั้นไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
ข้อ ๑๖ การพาดหัวข่าวและความนำของหนังสือพิมพ์ ต้องไม่เกินไปจากข้อเท็จจริงในข่าวและต้องสะท้อน ใจความสำคัญหรือเนื้อหาหลักของข่าว
ข้อ ๑๗ หนังสือพิมพ์จะต้องไม่เสนอภาพข่าวที่อุจาด ลามกอนาจาร หรือน่าหวาดเสียวโดยไม่คำนึงถึงความรู้ สึกของสาธารณชนอย่างถี่ถ้วน
ข้อ ๑๘ ในการแสดงความคิดเห็นหรือการวิพากษ์วิจารณ์ หนังสือพิมพ์ต้องให้ความเที่ยงธรรมแก่ฝ่ายที่ถูก พาดพิงเสมอ
ข้อ ๑๙ ข้อความที่เป็นประกาศโฆษณา ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ ต้องแสดงให้เห็นชัดว่าเป็นประกาศ โฆษณา จะแอบแฝงเป็นการเสนอข่าวหรือความคิดเห็นมิได้
หมวด ๓
จริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์
ข้อ ๒๐ ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ต้องไม่ประพฤติปฏิบัติการใดๆ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติ ศักดิ์แห่งวิชาชีพ
ข้อ ๒๑ ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ต้องไม่อวดอ้างหรืออาศัยตำแหน่งหน้าที่ เพื่อเรียกร้องสิทธิหรือผล ประโยชน์ใด ๆ ที่ไม่ชอบธรรม
ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ต้องละเว้นการรับอามิสสินจ้างอันมีค่า หรือผลประโยชน์ใดๆ เพื่อ ให้กระทำการหรือไม่กระทำการใดอันจะขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ประชาชน ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง รอบด้าน
หมวด ๔แนวปฏิบัติของหนังสือพิมพ์และผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์
ข้อ ๒๓ ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ พึงละเว้นการรับอภิสิทธิ์ หรือตำแหน่ง เพื่อให้กระทำการ หรือไม่ กระทำการใดอันจะขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูล ข่าวสารอย่างถูกต้องรอบด้าน
ข้อ ๒๔ การเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ พึงตระหนักถึงความสำคัญของข่าวต่อสาธารณชนและไม่เสนอข่าว ในทำนองชวนเชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ข้อ ๒๕ การได้มาซึ่งข่าวสาร หนังสือพิมพ์พึงใช้วิธีที่สุภาพและซื่อสัตย์
ข้อ ๒๖ ในการแสดงความคิดเห็น หนังสือพิมพ์พึงกระทำโดยบริสุทธิ์ใจ และไม่มีพันธะกรณีอื่นใด นอก จากมุ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อสาธารณชน โดยไม่ยอมให้อิทธิพลอื่นใดมาครอบงำความคิดเห็น
ข้อ ๒๗ หนังสือพิมพ์ พึงละเว้นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ข้อ ๒๘ หนังสือพิมพ์พึงใช้ความระมัดระวังอย่างรอบคอบ ให้ประกาศโฆษณาทั้งหลายอยู่ภายในขอบเขต ของศีลธรรมและวัฒนธรรม หนังสือพิมพ์พึงระมัดระวังที่จะไม่เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ประกาศโฆษณา ที่น่า สงสัยว่าจะเป็นภัยแก่สังคมหรือสาธารณชน
ข้อ ๒๙ หนังสือพิมพ์พึงหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ประกาศโฆษณาที่มีเหตุให้น่าเชื่อว่า เจ้าของประกาศโฆษณา นั้น เจตนาจะทำให้ผู้อ่านหลงเชื่อในสิ่งที่งมงาย
ข้อ ๓๐ ภาษาที่ใช้ในหนังสือพิมพ์พึงหลีกเลี่ยงคำที่ไม่สุภาพ หรือมีความหมายเหยียดหยาม
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๑
นายมานิจ สุขสมจิตร
ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ที่มา http://www.presscouncil.or.th/th2/content/view/4/8/
จรรยาบรรณหนังสือพิมพ์
เพื่อให้สถาบันหนังสือพิมพ์ เป็นที่เชื่อถือของประชาชนจึงเห็นสมควรกำหนด จรรยาบรรณ ของผู้ประกอบวิชาชีพ หนังสือพิมพ์ ขึ้น ดังต่อไปนี้
1. การส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพของหนังสือพิมพ์เป็นภาระกิจอันมีความสำคัญ เหนืออื่นใด สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์
2. การเสนอข่าว ภาพ หรือการแสดงความคิดเห็น ต้องเป็นไปด้วยความสุภาพ สุจริต ปราศจากความมุ่งหวังในประโยชน์ส่วนตน หรือ อามิสสินจ้างใดๆ
3. การเสนอข่าว ต้องเสนอแต่ความจริงพึงละเว้นการต่อเติมเสริมแต่งหากปรากฎว่าข่าวใดไม่ตรงต่อความจริง ต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว
4. การที่จะให้ได้ข่าว ภาพหรือข้อมูลอย่างใดๆมาเป็นของตน ต้องใช้วิธีการที่สุภาพ และซื่อสัตย์
5. ต้องเคารพต่อความไว้วางใจ ที่ได้รับมอบหมาย จากการปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพของตน
6. ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยถือเอาสาธารณประโยชน์ เป็นสำคัญ ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตน โดยถือเอาสาธารณประโยชน์ เป็นสำคัญ ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ แสวงหาประโยชน์ส่วนตน หรือหมู่คณะโดยมิชอบ
7. ต้องไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการบั่นทอนเกียรติคุณของวิชาชีพ หรือ ความสามัคคี ของเพื่อนร่วมวิชาชีพ
ประกาศ ณ วันที่ 21 สิงหาคม พุทธศักราช 2519
---------------------------------------------------------------
Society of Professional Journalists: Code of Ethics
Seek Truth and Report It
Journalists should be honest, fair and courageous in gathering, reporting and interpreting information.
Minimize Harm
Ethical journalists treat sources, subjects and colleagues as human beings deserving of respect.
Act Independently
Journalists should be free of obligation to any interest other than the public's right to know.
Be Accountable
Journalists are accountable to their readers, listeners, viewers and each other.
Click to see more detail
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน2):เมื่อไดโนเสาร์กลายพันธุ์มาเป็นเหี้ย!
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552
*บทความเกี่ยวเนื่อง อย่าพลาดตอนแรกของซีรีส์นี้ ค่ายเนชั่นข้อตกลงกับปีศาจ เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
คนอื่นทำหนังสือพิมพ์ก็รวยหมด พี่ช้างก็มติชนเข้าตลาดหุ้น หยุ่นเอาเนชั่นเข้าตลาดหุ้น ลิ้มก็เอาผู้จัดการเข้า วัฏจักรก็เข้า เข้าแม่งหมด ขนาดหนังสือพิมพ์ตงฮั้วยังเข้าได้ ชัชรินทร์บอกกูไม่เข้า เพราะเดี๋ยวก็ต้องวิ่งหาเงินเป็นหมาหิว พอหมาหิวมันหน้ามืดก็ไม่ต้องเป็นคนหนังสือพิมพ์แล้ว จะกลายเป็นหมาหิวเงิน ซึ่งชัชรินทร์พูดไว้ถูกทุกข้อ เพราะพอคุณเอาหนังสือพิมพ์เข้าตลาดหุ้น ทุนคุณต้องใหญ่ ต้องแสวงหากำไร มันก็ต้องวิ่งหาคนมีอำนาจ ต้องเข้าไปกราบตีนเลียตีนเขาเพื่อว่าจะได้สัมปทานทีวี สัมปทานคลื่นวิทยุ เสร็จก็เอาไปปั่นออกอากาศ หาเงินโคดสะนา เอาไปบันทึกเป็นกำไรรายไตรมาส....คนหนังสือพิมพ์มันก็ต้องมาอยู่ในวังวนระบบ อุปถัมภ์
แล้วที่ตอนนี้คนด่าๆว่าสื่อแม่งเอียงเข้าข้างอำมาตย์ส้นตีน ด่าไอ้เหลี่ยมกระทืบเสื้อแดง เรื่องของเรื่องมันก็มีที่มาที่ไปยังงี้ คือเหี้ยกับเหี้ยก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน พวกมึงประชาชนเรียกร้องประชาธืปไตยห่าเหวอะไรกูไม่เกี่ยว กูจะทำมาหาแดกกันไป มันก็ช่วยๆกันไปยังงี้
(2)สื่อ:จากไดโนเสาร์วิวัฒนาการมาเป็นเหี้ย หากไม่เหี้ยก็สูญพันธุ์
ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์มาตุภูมิรายวัน และอาทิตย์ข่าวพิเศษรายสัปดาห์
คือ ชัชรินทร์นี่เค๊าเป็นคนดี ในบรรดาคนหนังสือพิมพ์เหี้ยๆเต็มบ้านเต็มเมือง อาจเพราะความไม่เหี้ยนี่แหละ เอาไปเอามาเลยเอาตัวไม่รอด เจ๊งซะงั้น
ชัชรินทร์ ประสบความสำเร็จเร็วนะ เป็นเจ้าของหนังสือพมพ์รายสัปคืออาทิตย์ตั้งแต่อายุ20กว่า(ต่อมาโดนปิด เปลี่ยนชื่อเป็นว่าเล่น ที่ผมจำได้เช่น วิวัฒน์ อาทิตย์วิวัฒน์ ข่าวพิเศษ) แล้วก็เคยมีเล่มรายวันคือมาตุภูมิ ตอนนั้นเป็นหัวขาวดำทำแข่งกับมติชนของพี่ช้าง แต่สายป่านสั้นเลยเจ๊งไปก่อน
พี่ช้าง(ขรรค์ชัย บุนปาน เจ้าของค่ายมติชน)ชอบคบคนมีอำนาจ พอมีอำนาจก็มีเงิน พี่ช้างก็มีเงินทำหนังสือพิมพ์ต่อสายป่านมาได้เรื่อยๆ
ชัช เขาชอบคบคนไม่มีอำนาจ อย่างเสธ.ชำนาญนี่ตกกระป๋องในทบ.ไปแล้ว หรือพวกสันต์ จิตรปฎิมา ก็กลายเป็นกบฎเมษาฮาวาย หรือพี่ฉิ่งอดีตแม่ทัพ4ก็ปราบเป็นแต่คอมฯหาตังค์ไม่เป็นเหมือนนายพลคนอื่น นักการเมืองก็คบพวกนักคิดนักทำอย่างพี่คนิณอะไรนี่นะ พอใครมีอำนาจแกก็ไม่คบ เคยคบปิยะณัฐอยู่พักนึง แกก็เข้าไปปฏิรูปช่อง11ได้มีรายการดีๆหลายรายการพอสมควร
สรุปคือยัง งี้ชัชรินทร์คบพวกนักอุดมคติ พี่ช้างคบพวกมีอำนาจพวกดลบันดาลหาเงินทองหล่อเลี้ยงได้ แต่พี่ช้างก็ไม่เหี้ยถึงขั้นทำหนังสือพิมพ์ส้นตีนนะ แกก็ให้มืออาชีพทำมติชนออกมาอย่างที่เราเห็นๆกัน
ชัชรินทร์ไม่คบพวก มีอำนาจไม่เท่าไหร่เสือกตามเล่นเขาเรื่อย เลยโดนเด็กบิ๊กจิ๋วตีกบาลเลือดอาบมาแล้ว ตอนรสช.ฉบับอื่นหลบหมด ก็มีชัชรินทร์นี่ชนรสช.อยู่โด่เด่ฉบับเดียวมั๊ง แต่ตอนใกล้ชนะแล้วสนธิค่อยมาเล่นรสช.เต็มๆ
คนอื่นทำหนังสือพิมพ์ก็ รวยหมดพี่ช้างก็มติชนเข้าตลาดหุ้น หยุ่นเอาเนชั่นเข้าตลาดหุ้น ลิ้มเอาผู้จัดการเข้า วัฏจักรหนังสือพิมพ์สมัครงานก็เข้า เข้าแม่งหมด ขนาดหนังสือพิมพ์ตงฮั้วยังเข้าได้
ชัชรินทร์ก็บอกกูไม่เข้า เพราะเดี๋ยวก็ต้องวิ่งหาเงินเป็นหมาหิว พอหมาหิวมันหน้ามืดก็ไม่ต้องเป็นคนหนังสือพิมพ์แล้ว จะกลายเป็นหมาหิวเงิน
ซึ่ง ชัชรินทร์พูดไว้ถูกทุกข้อ เพราะพอคุณเอาหนังสือพืมพ์เข้าตลาดหุ้น ทุนคุณต้องใหญ่ ต้องแสวงหากำไร มันก็ต้องวิ่งหาคนมีอำนาจ(บ้านเมืองเราใครมีอำนาจหละ ก็ทหาร แล้วก็นายของพวกทหาร)มันก็ต้องวิ่งเข้าไปกราบตีนเลียตีนเขาเพื่อว่าจะได้ สัมปทานทีวี สัมปทานคลื่นวิทยุ เสร็จก็เอาไปปั่นออกอากาศ หาเงินโคดสะนา เอาไปบันทึกเป็นกำไรรายไตรมาส....คนหนังสือพิมพ์มันก็ต้องมาอยู่ในวังวนระบบ อุปถัมภ์
แล้วที่ตอนนี้คนด่าๆว่าสื่อแม่งเอียงเข้าข้างอำมาตย์ส้นตีน ด่าไอ้เหลี่ยมกระทืบเสื้อแดง เรื่องของเรื่องมันก็มีที่มาที่ไปยังงี้ คือเหี้ยกับเหี้ยก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน พวกมึงประชาชนเรียกร้องประชาธืปไตยห่าเหวอะไรกูไม่เกี่ยว กูจะทำมาหาแดกกันไป มันก็ช่วยๆกันไปยังงี้
ผมขอแทรกตรงนี้หน่อยหนึ่งมีคนถามมากว่าตอนสงกรานต์ทมิฬรัฐไปใช้พรก.ฉุกเฉิน ควบคุมสื่อมากเหรอ สื่อมันถึงได้ออกข่าวด่าเสื้อแดงชิบหายวายวอด แล้วก็เข้าข้างรัฐบาลหน้าด้านๆ ..ก็อย่างที่ผมเล่าไปแล้วไงครับว่า พวกนี้มันวิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยหมดแล้ว เหี้ยเอากับเหี้ยนึกออกใช่มั๊ย
มัน สมประโยชน์กัน อุปถัมภ์กันไปมา ไอ้พวกกลุ่มพลังอำนาจและอำนาจลึกลับก็อยากหาคนช่วยเชียร์ หาหมาไว้เห่าไว้กัดศัตรู ไอ้พวกสื่อก็อยากได้คลื่น ได้สัมปทานทีวี วิทยุ อยากได้โฆษณา มันก็สมประโยชน์กัน กับไอ้พวกสื่อมันก็มีคดีเก่ากับไอ้เหลี่ยมอยู่เยอะ มันอยากเช็กบิลอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
รัฐจะไปทำอะไรไปบีบอะไรสื่อหละ คือเทียบกับว่าสื่อเป็นผู้หญิง รัฐเป็นผู้ชาย แค่รัฐแตะขาเบาๆ สื่อแม่งก็ถ่างซะจนน้ำบานแล้ว...ไม่รู้จะเทียบกับอะไร เลยเทียบให้แม่งจัญไรอย่างนี้แหละ
ชัชรินทร์ไม่ทำยังงี้เขาเคยพูดไว้ทำนองว่า ไม่ต้องมาห่วงกูหรอกว่า กูจะสูญพันธุ์แบบไดโนเสาร์(คือตอนนั้นเด็กพี่ช้างนี่แหละ อาจอารมณ์ติดพันมาว่าสมัยก่อนมติชนเป็นคู่กัดกับมาตุภูมิรายวันของชัชรินทร์ ไปด่าชัชเขาว่า มึงไม่ปรับตัวเข้าตลาดหุ้นแบบพวกกูมึงจะสูญพันธุ์แบบไดโนเสาร์)ถึงกูจะสูญ พันธุ์ก็ไม่หนักกบาลใคร ดีกว่าให้กูวิวัฒนาการจากไดโนเสาร์ไปเป็นเหี้ยแบบพวกมึง.....อันนี้ถือว่า เป็นคำพูดสั่นสะเทือนวงการพอประมาณ
เรื่องก็เป็นอย่างคาด คือชัชรินทร์ก็สูญพันธุ์ จากเคยมีรายวันรายสัปฯหายหมด เจ๊ง ส่วนพวกที่วิวัฒนาการตอนนี้ก็วิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยตัวพ่อ อย่างที่เห็นๆตอนสงกรานต์ทมิฬไง
ส่วนที่แฟนๆของชัชรินทร์สงสัยว่า ทำไมหลังในตอนนี้เขาออกแนวเหลืองๆในตอนหลัง ผมว่าก็ไม่เหลืองอื๋อน่าเกลียดหรอก ชัชรินทร์เขาหันไปทางเล่นทางใน ศาสนาเปรียบเทียบอะไรงี้ เสียดายเขาอยู่คือเขาเกิดไวโตเร็วเจ๊งก่อน เลยแก่ก่อนใคร หันมาพูดเรื่องวัดวาศาสนามัสยิดโบสถ์อะไรไปแล้ว ทั้งที่วัยอย่างเขานี่ถือว่าmatureน่าจะทำอะไรให้วงการได้มากกว่าที่เป็น
ด่า มาตั้งมาก ดันมาเชียร์ชัชรินทร์หวะ...แต่มุมด้านลบก็คงมีหนะนะผมว่า คือหากเขาปรับตัวอีกนี๊ด คงไม่ต้องเจ๊ง คือไม่ต้องวัฒนาการไปเป็นเหี้ยอะไรที่ไหนหรอก เอาแค่วิวัฒนาการมาเป็นกิ้งก่ากิ้งกือ แล้วยังรักษาแนวทางของตัวเองไว้ได้ ไม่กลายเป็นสื่อส้นตีนอย่างที่เห็นกันตอนนี้ก็น่าจะเวิร์กกว่า
หรือว่าเมืองไทยแม่งเป็นซะงี้ คือเหี้ยให้สุดตีนแล้วพวกมึงจะอยู่รอด...กอดอุดมคติก็ตายห่าซะเหอะ อะไรงี้เหรอ เฮ้อชีวิต
สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม(หนูแก้ว) ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวINNซึ่งมีบทบาทสกัดไม่ให้ณรงค์ วงศ์วรรณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุดบิ๊กสุต้องเสียสัตย์เพื่อชาติมาเป็น นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และเขาต้องตามไปแก้ไขในตอนจบของเหตุการณ์แบบลึกลับ
ทีนี้ เพื่อตอบคำถามว่าทำไมชัชรินทร์ดูจะออกแนวเหลืองๆ ผมก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เป็นเรื่องที่ชัชรินทร์เคยบอกคนใกล้ชิดว่าเขาจะเก็บเรื่องนี้ให้ตายไปกับตัว ...
อย่างที่ผมเล่าไปว่าชัชรินทร์ชอบคบคนไม่มีอำนาจ หรือหมดอำนาจแล้ว มันก็มีองค์กรหนึ่งเคยมีอำนาจ ดันมาหมดอำนาจเพราะป่าแตก ก็คือพรรคคอมมิวนิสต์...ชัชรินทร์ก็ไปเอาพิรุณ ฉัตรวณิชกุล กรรมการกลางพรรคฯมาลงสัมภาษณ์ในหนังสือรายสัปดาห์ของเขา พิรุณก็พูดไปหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องสมัชชา4พคท.ที่ทำให้ป่าแตก แล้วก็แนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธ
แต่ความซวยมาเยือน ทางการจับพิรุณได้พร้อมกับเมียคืออาจารย์ชล ตอนนั้นตั้งท้องแก่อยู่เป็นที่น่าอนาถมาก ชัชรินทร์ก็ต้องไปนอนคุกด้วย ตรงนี้จะเห็นว่าชัชโดนคุกข้อหาเป็น”แดง” มาวันนี้เสือกออก”เหลือง”นี่คนคงงองู2ตัวแดก
ชัชรินทร์ยังมีความสนิท สนมกับพวกป่าแตกอีกหลาย ในนั้นรวมทั้งคนเขียนหนังสือเรื่อง”จากดอยยาวถึงภูผาจิ”ชื่อนามปากกาจันทนา ฟองทะเล ฟังแล้วออกหญิงแต่แกเป็นผู้ชายนะฮะ แล้วก็ไปทำงานที่มหาลัยรังสิต กลายเป็นมือขวาดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ไป
ในยุครสช.มีการตั้งพรรค สามัคคีธรรมขึ้นพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนประธานสภาดร.อาทิตย์ได้เป็น และเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่ให้ประธานสภาผู้แทน เป็นประธานรัฐสภา มีสิทธิ์ในการเสนอชื่อทูลเกล้าใครเป็นนายกฯ
ตามคิวก็ต้องเป็นพ่อเลี้ยงณรงค์ แต่พ่อเลี้ยงณรงค์ดันโดนสำนักข่าวINNที่เพิ่งตั้งได้หมาดๆแฉว่าแกค้าผงขาวตราสิงโตคู
่เหยียบลูกโลก จนอเมริกาไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศ
สำนัก ข่าวINNนั้นก่อตั้งโดยเพื่อนผมคือไอ้ต้อย-สนธิญาณ หนูแก้ว(ตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นชื่นฤทัยในธรรม เพราะมันชักแก่วัด) ไอ้ต้อยนี่เป็นคนปักษ์ใต้ ตัวดำสะตอพันธุ์แท้ เข้าป่ามาออกมายังไงไม่รู้ เสือกไปสนิทกับอาจารย์จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยาซะงั้น อาจารย์จิรายุก็คือผู้อำนวยการทรัพย์สินฯไง พูดง่ายๆคือคนหาเงินให้ข้างบน
ท่าน ต้อยก็ให้อาจารย์จิรายุหนุนตั้งสำนักข่าวขึ้นมา ส่วนว่าINNไปเล่นพ่อเลี้ยงณรงค์จนชวดเก้าอี้นายกฯ เลยไปจบที่สุจินดา จนบานปลายเป็นพฤษภาทมิฬนี่ถือเป็น”แผนสมคบคิด”กันหรือเปล่า ผมก็ไม่อยากเดา เพราะไม่มีข้อมูลสนับสนุน แต่มันมีความเป็นไปเป็นมาอย่างนี้ ใครจะอยากสงสัยก็เชิญ ผมไม่เกี่ยว
พอเกิดพฤษภาทมิฬ ในหลวงเรียกเด็กๆเข้าไปหมอบ แล้วฟาดก้นคนละป๊าบให้เลิก แต่ปัญหาไม่จบ เพราะต้องตั้งนายกฯใหม่ พวกพรรคสามัคคีธรรมก็หน้าด้านบอกว่า ก็พวกประท้วงอยากได้นายกฯจากการเลือกตั้งไม่ใช่เหรอ งั้นพวกกูก็ขอใช้สิทธิ์ให้หัวหน้าพรรคคนใหม่คือพล.อ.อ.สมบุญ ระหงส์ เป็นนายกฯ คนก็ยี้กันทั้งประเทศ ขอให้ยุบสภา แต่ตอนนั้นนายกฯก็ไม่มี มันก็ต้องหา หาไม่โดนใจเดี๋ยวมีม็อบภาค2อีก เพราะม็อบยังแตกสนิท ไอ้ตู่จตุพรพาคนหลบไปสมรภูมิม.รามฯอยู่
อันนี้เรื่องของเรื่องเลยมา ถึงบทตัวพระออกโรง คือชัชรินทร์นี่รู้จักกับจันทนา ฟองทะเล มือขวาของดร.อาทิตย์ที่เป็นประธานสภา อีกฟากก็สนิทกับไอ้ต้อย มือขวาอาจารย์จิรายุชนิดเป็นพี่น้องรักกันมาก ชัชรินทร์เลยต้องเป็นmatch makerไป
ชัชรินทร์เล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่า เขาก็ได้ตัวประธานสภามาอยู่กับเขา แล้วเขาก็ได้ดร.จิรายุพาเข้าวัง ตอนเข้าวังไปนี่ชัชรินทร์ซึ่งเคยถูกจับข้อหาคอมฯก็บอกว่าทึ่งมาก เพราะในห้องทรงงานเต็มไปด้วยเครื่องมือเครื่องไม้ไฮเทค ชนิดที่ว่าแฟ็กซ์นี่เพิ่งมีกันในเมืองไทยตอนนั้น แต่ห้องทรงงานนั้นน่าจะมีอินเตอร์เน็ตใช้กันแล้ว...อย่าลืมว่าเป็นพ .ศ.2535นะ
ขอข้ามเรื่องวงในไป เดี๋ยวผมจะซวยฐานรู้มากแล้วเอามาเผยในที่แจ้ง สรุปก็คือตามที่คนไทยและชาวโลกตกตะลึงกันตอนนั้นคือ แทนที่รถของวังจะนำตราตั้งพระบรมราชโองการไปบ้านพล.อ.อ.สมบุญที่แต่งตัวชุด ขาวรออยู่ท่ามกลางสำนักข่าวเพียบ และเสียงคนด่าแม่ทั้งประเทศ ก็ขับเลยไปบ้านนายอานันท์ ปันยารชุน และก็เรียบร้อยโรงเรียนจิตรลดาอย่างที่รู้กัน อานันท์เป็นนายกบร๊ะราชทานรอบ2!
ความสัมพันธ์ของชัชรินทร์กับสนธิญาณ ก็เหนียวแน่นยาวนานมาป่านนี้ ตอนนี้สนธิญาณก็ตั้งกลุ่มห่าเหวอะไรซักอย่างมั้ง ที่ให้สินบน1ล้านจับไอ้เหลี่ยมนั่นแหละ ส่วนชัชรินทร์ก็มาสัมพันธ์กับพี่เปลว ไทยโพสต์ที่แกเกลียดเหลี่ยมยังกะขี้ด้วย ก็เลยอาจจะเหลืองไปด้วยเหตุว่าทึ่งอึ้งเสียวด้วย แล้วก็เป็นเรื่องของข้อมูลด้วย
คนหนังสือพิมพ์นี่อย่างผมด่า ไปหากไม่ขายวิญญาณให้ซาตานเพราะกลายเป็นหมาหิวเงิน ก็อาจขายด้วยเหตุผลพิเศษอื่นๆ อย่างกรณีของชัชรินทร์นี่ไม่รู้ขายไปหรือยัง ก็ลองสดับดู...
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552
*บทความเกี่ยวเนื่อง อย่าพลาดตอนแรกของซีรีส์นี้ ค่ายเนชั่นข้อตกลงกับปีศาจ เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
คนอื่นทำหนังสือพิมพ์ก็รวยหมด พี่ช้างก็มติชนเข้าตลาดหุ้น หยุ่นเอาเนชั่นเข้าตลาดหุ้น ลิ้มก็เอาผู้จัดการเข้า วัฏจักรก็เข้า เข้าแม่งหมด ขนาดหนังสือพิมพ์ตงฮั้วยังเข้าได้ ชัชรินทร์บอกกูไม่เข้า เพราะเดี๋ยวก็ต้องวิ่งหาเงินเป็นหมาหิว พอหมาหิวมันหน้ามืดก็ไม่ต้องเป็นคนหนังสือพิมพ์แล้ว จะกลายเป็นหมาหิวเงิน ซึ่งชัชรินทร์พูดไว้ถูกทุกข้อ เพราะพอคุณเอาหนังสือพิมพ์เข้าตลาดหุ้น ทุนคุณต้องใหญ่ ต้องแสวงหากำไร มันก็ต้องวิ่งหาคนมีอำนาจ ต้องเข้าไปกราบตีนเลียตีนเขาเพื่อว่าจะได้สัมปทานทีวี สัมปทานคลื่นวิทยุ เสร็จก็เอาไปปั่นออกอากาศ หาเงินโคดสะนา เอาไปบันทึกเป็นกำไรรายไตรมาส....คนหนังสือพิมพ์มันก็ต้องมาอยู่ในวังวนระบบ อุปถัมภ์
แล้วที่ตอนนี้คนด่าๆว่าสื่อแม่งเอียงเข้าข้างอำมาตย์ส้นตีน ด่าไอ้เหลี่ยมกระทืบเสื้อแดง เรื่องของเรื่องมันก็มีที่มาที่ไปยังงี้ คือเหี้ยกับเหี้ยก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน พวกมึงประชาชนเรียกร้องประชาธืปไตยห่าเหวอะไรกูไม่เกี่ยว กูจะทำมาหาแดกกันไป มันก็ช่วยๆกันไปยังงี้
(2)สื่อ:จากไดโนเสาร์วิวัฒนาการมาเป็นเหี้ย หากไม่เหี้ยก็สูญพันธุ์
ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์มาตุภูมิรายวัน และอาทิตย์ข่าวพิเศษรายสัปดาห์
คือ ชัชรินทร์นี่เค๊าเป็นคนดี ในบรรดาคนหนังสือพิมพ์เหี้ยๆเต็มบ้านเต็มเมือง อาจเพราะความไม่เหี้ยนี่แหละ เอาไปเอามาเลยเอาตัวไม่รอด เจ๊งซะงั้น
ชัชรินทร์ ประสบความสำเร็จเร็วนะ เป็นเจ้าของหนังสือพมพ์รายสัปคืออาทิตย์ตั้งแต่อายุ20กว่า(ต่อมาโดนปิด เปลี่ยนชื่อเป็นว่าเล่น ที่ผมจำได้เช่น วิวัฒน์ อาทิตย์วิวัฒน์ ข่าวพิเศษ) แล้วก็เคยมีเล่มรายวันคือมาตุภูมิ ตอนนั้นเป็นหัวขาวดำทำแข่งกับมติชนของพี่ช้าง แต่สายป่านสั้นเลยเจ๊งไปก่อน
พี่ช้าง(ขรรค์ชัย บุนปาน เจ้าของค่ายมติชน)ชอบคบคนมีอำนาจ พอมีอำนาจก็มีเงิน พี่ช้างก็มีเงินทำหนังสือพิมพ์ต่อสายป่านมาได้เรื่อยๆ
ชัช เขาชอบคบคนไม่มีอำนาจ อย่างเสธ.ชำนาญนี่ตกกระป๋องในทบ.ไปแล้ว หรือพวกสันต์ จิตรปฎิมา ก็กลายเป็นกบฎเมษาฮาวาย หรือพี่ฉิ่งอดีตแม่ทัพ4ก็ปราบเป็นแต่คอมฯหาตังค์ไม่เป็นเหมือนนายพลคนอื่น นักการเมืองก็คบพวกนักคิดนักทำอย่างพี่คนิณอะไรนี่นะ พอใครมีอำนาจแกก็ไม่คบ เคยคบปิยะณัฐอยู่พักนึง แกก็เข้าไปปฏิรูปช่อง11ได้มีรายการดีๆหลายรายการพอสมควร
สรุปคือยัง งี้ชัชรินทร์คบพวกนักอุดมคติ พี่ช้างคบพวกมีอำนาจพวกดลบันดาลหาเงินทองหล่อเลี้ยงได้ แต่พี่ช้างก็ไม่เหี้ยถึงขั้นทำหนังสือพิมพ์ส้นตีนนะ แกก็ให้มืออาชีพทำมติชนออกมาอย่างที่เราเห็นๆกัน
ชัชรินทร์ไม่คบพวก มีอำนาจไม่เท่าไหร่เสือกตามเล่นเขาเรื่อย เลยโดนเด็กบิ๊กจิ๋วตีกบาลเลือดอาบมาแล้ว ตอนรสช.ฉบับอื่นหลบหมด ก็มีชัชรินทร์นี่ชนรสช.อยู่โด่เด่ฉบับเดียวมั๊ง แต่ตอนใกล้ชนะแล้วสนธิค่อยมาเล่นรสช.เต็มๆ
คนอื่นทำหนังสือพิมพ์ก็ รวยหมดพี่ช้างก็มติชนเข้าตลาดหุ้น หยุ่นเอาเนชั่นเข้าตลาดหุ้น ลิ้มเอาผู้จัดการเข้า วัฏจักรหนังสือพิมพ์สมัครงานก็เข้า เข้าแม่งหมด ขนาดหนังสือพิมพ์ตงฮั้วยังเข้าได้
ชัชรินทร์ก็บอกกูไม่เข้า เพราะเดี๋ยวก็ต้องวิ่งหาเงินเป็นหมาหิว พอหมาหิวมันหน้ามืดก็ไม่ต้องเป็นคนหนังสือพิมพ์แล้ว จะกลายเป็นหมาหิวเงิน
ซึ่ง ชัชรินทร์พูดไว้ถูกทุกข้อ เพราะพอคุณเอาหนังสือพืมพ์เข้าตลาดหุ้น ทุนคุณต้องใหญ่ ต้องแสวงหากำไร มันก็ต้องวิ่งหาคนมีอำนาจ(บ้านเมืองเราใครมีอำนาจหละ ก็ทหาร แล้วก็นายของพวกทหาร)มันก็ต้องวิ่งเข้าไปกราบตีนเลียตีนเขาเพื่อว่าจะได้ สัมปทานทีวี สัมปทานคลื่นวิทยุ เสร็จก็เอาไปปั่นออกอากาศ หาเงินโคดสะนา เอาไปบันทึกเป็นกำไรรายไตรมาส....คนหนังสือพิมพ์มันก็ต้องมาอยู่ในวังวนระบบ อุปถัมภ์
แล้วที่ตอนนี้คนด่าๆว่าสื่อแม่งเอียงเข้าข้างอำมาตย์ส้นตีน ด่าไอ้เหลี่ยมกระทืบเสื้อแดง เรื่องของเรื่องมันก็มีที่มาที่ไปยังงี้ คือเหี้ยกับเหี้ยก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน พวกมึงประชาชนเรียกร้องประชาธืปไตยห่าเหวอะไรกูไม่เกี่ยว กูจะทำมาหาแดกกันไป มันก็ช่วยๆกันไปยังงี้
ผมขอแทรกตรงนี้หน่อยหนึ่งมีคนถามมากว่าตอนสงกรานต์ทมิฬรัฐไปใช้พรก.ฉุกเฉิน ควบคุมสื่อมากเหรอ สื่อมันถึงได้ออกข่าวด่าเสื้อแดงชิบหายวายวอด แล้วก็เข้าข้างรัฐบาลหน้าด้านๆ ..ก็อย่างที่ผมเล่าไปแล้วไงครับว่า พวกนี้มันวิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยหมดแล้ว เหี้ยเอากับเหี้ยนึกออกใช่มั๊ย
มัน สมประโยชน์กัน อุปถัมภ์กันไปมา ไอ้พวกกลุ่มพลังอำนาจและอำนาจลึกลับก็อยากหาคนช่วยเชียร์ หาหมาไว้เห่าไว้กัดศัตรู ไอ้พวกสื่อก็อยากได้คลื่น ได้สัมปทานทีวี วิทยุ อยากได้โฆษณา มันก็สมประโยชน์กัน กับไอ้พวกสื่อมันก็มีคดีเก่ากับไอ้เหลี่ยมอยู่เยอะ มันอยากเช็กบิลอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
รัฐจะไปทำอะไรไปบีบอะไรสื่อหละ คือเทียบกับว่าสื่อเป็นผู้หญิง รัฐเป็นผู้ชาย แค่รัฐแตะขาเบาๆ สื่อแม่งก็ถ่างซะจนน้ำบานแล้ว...ไม่รู้จะเทียบกับอะไร เลยเทียบให้แม่งจัญไรอย่างนี้แหละ
ชัชรินทร์ไม่ทำยังงี้เขาเคยพูดไว้ทำนองว่า ไม่ต้องมาห่วงกูหรอกว่า กูจะสูญพันธุ์แบบไดโนเสาร์(คือตอนนั้นเด็กพี่ช้างนี่แหละ อาจอารมณ์ติดพันมาว่าสมัยก่อนมติชนเป็นคู่กัดกับมาตุภูมิรายวันของชัชรินทร์ ไปด่าชัชเขาว่า มึงไม่ปรับตัวเข้าตลาดหุ้นแบบพวกกูมึงจะสูญพันธุ์แบบไดโนเสาร์)ถึงกูจะสูญ พันธุ์ก็ไม่หนักกบาลใคร ดีกว่าให้กูวิวัฒนาการจากไดโนเสาร์ไปเป็นเหี้ยแบบพวกมึง.....อันนี้ถือว่า เป็นคำพูดสั่นสะเทือนวงการพอประมาณ
เรื่องก็เป็นอย่างคาด คือชัชรินทร์ก็สูญพันธุ์ จากเคยมีรายวันรายสัปฯหายหมด เจ๊ง ส่วนพวกที่วิวัฒนาการตอนนี้ก็วิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยตัวพ่อ อย่างที่เห็นๆตอนสงกรานต์ทมิฬไง
ส่วนที่แฟนๆของชัชรินทร์สงสัยว่า ทำไมหลังในตอนนี้เขาออกแนวเหลืองๆในตอนหลัง ผมว่าก็ไม่เหลืองอื๋อน่าเกลียดหรอก ชัชรินทร์เขาหันไปทางเล่นทางใน ศาสนาเปรียบเทียบอะไรงี้ เสียดายเขาอยู่คือเขาเกิดไวโตเร็วเจ๊งก่อน เลยแก่ก่อนใคร หันมาพูดเรื่องวัดวาศาสนามัสยิดโบสถ์อะไรไปแล้ว ทั้งที่วัยอย่างเขานี่ถือว่าmatureน่าจะทำอะไรให้วงการได้มากกว่าที่เป็น
ด่า มาตั้งมาก ดันมาเชียร์ชัชรินทร์หวะ...แต่มุมด้านลบก็คงมีหนะนะผมว่า คือหากเขาปรับตัวอีกนี๊ด คงไม่ต้องเจ๊ง คือไม่ต้องวัฒนาการไปเป็นเหี้ยอะไรที่ไหนหรอก เอาแค่วิวัฒนาการมาเป็นกิ้งก่ากิ้งกือ แล้วยังรักษาแนวทางของตัวเองไว้ได้ ไม่กลายเป็นสื่อส้นตีนอย่างที่เห็นกันตอนนี้ก็น่าจะเวิร์กกว่า
หรือว่าเมืองไทยแม่งเป็นซะงี้ คือเหี้ยให้สุดตีนแล้วพวกมึงจะอยู่รอด...กอดอุดมคติก็ตายห่าซะเหอะ อะไรงี้เหรอ เฮ้อชีวิต
สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม(หนูแก้ว) ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวINNซึ่งมีบทบาทสกัดไม่ให้ณรงค์ วงศ์วรรณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุดบิ๊กสุต้องเสียสัตย์เพื่อชาติมาเป็น นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และเขาต้องตามไปแก้ไขในตอนจบของเหตุการณ์แบบลึกลับ
ทีนี้ เพื่อตอบคำถามว่าทำไมชัชรินทร์ดูจะออกแนวเหลืองๆ ผมก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เป็นเรื่องที่ชัชรินทร์เคยบอกคนใกล้ชิดว่าเขาจะเก็บเรื่องนี้ให้ตายไปกับตัว ...
อย่างที่ผมเล่าไปว่าชัชรินทร์ชอบคบคนไม่มีอำนาจ หรือหมดอำนาจแล้ว มันก็มีองค์กรหนึ่งเคยมีอำนาจ ดันมาหมดอำนาจเพราะป่าแตก ก็คือพรรคคอมมิวนิสต์...ชัชรินทร์ก็ไปเอาพิรุณ ฉัตรวณิชกุล กรรมการกลางพรรคฯมาลงสัมภาษณ์ในหนังสือรายสัปดาห์ของเขา พิรุณก็พูดไปหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องสมัชชา4พคท.ที่ทำให้ป่าแตก แล้วก็แนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธ
แต่ความซวยมาเยือน ทางการจับพิรุณได้พร้อมกับเมียคืออาจารย์ชล ตอนนั้นตั้งท้องแก่อยู่เป็นที่น่าอนาถมาก ชัชรินทร์ก็ต้องไปนอนคุกด้วย ตรงนี้จะเห็นว่าชัชโดนคุกข้อหาเป็น”แดง” มาวันนี้เสือกออก”เหลือง”นี่คนคงงองู2ตัวแดก
ชัชรินทร์ยังมีความสนิท สนมกับพวกป่าแตกอีกหลาย ในนั้นรวมทั้งคนเขียนหนังสือเรื่อง”จากดอยยาวถึงภูผาจิ”ชื่อนามปากกาจันทนา ฟองทะเล ฟังแล้วออกหญิงแต่แกเป็นผู้ชายนะฮะ แล้วก็ไปทำงานที่มหาลัยรังสิต กลายเป็นมือขวาดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ไป
ในยุครสช.มีการตั้งพรรค สามัคคีธรรมขึ้นพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนประธานสภาดร.อาทิตย์ได้เป็น และเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่ให้ประธานสภาผู้แทน เป็นประธานรัฐสภา มีสิทธิ์ในการเสนอชื่อทูลเกล้าใครเป็นนายกฯ
ตามคิวก็ต้องเป็นพ่อเลี้ยงณรงค์ แต่พ่อเลี้ยงณรงค์ดันโดนสำนักข่าวINNที่เพิ่งตั้งได้หมาดๆแฉว่าแกค้าผงขาวตราสิงโตคู
่เหยียบลูกโลก จนอเมริกาไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศ
สำนัก ข่าวINNนั้นก่อตั้งโดยเพื่อนผมคือไอ้ต้อย-สนธิญาณ หนูแก้ว(ตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นชื่นฤทัยในธรรม เพราะมันชักแก่วัด) ไอ้ต้อยนี่เป็นคนปักษ์ใต้ ตัวดำสะตอพันธุ์แท้ เข้าป่ามาออกมายังไงไม่รู้ เสือกไปสนิทกับอาจารย์จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยาซะงั้น อาจารย์จิรายุก็คือผู้อำนวยการทรัพย์สินฯไง พูดง่ายๆคือคนหาเงินให้ข้างบน
ท่าน ต้อยก็ให้อาจารย์จิรายุหนุนตั้งสำนักข่าวขึ้นมา ส่วนว่าINNไปเล่นพ่อเลี้ยงณรงค์จนชวดเก้าอี้นายกฯ เลยไปจบที่สุจินดา จนบานปลายเป็นพฤษภาทมิฬนี่ถือเป็น”แผนสมคบคิด”กันหรือเปล่า ผมก็ไม่อยากเดา เพราะไม่มีข้อมูลสนับสนุน แต่มันมีความเป็นไปเป็นมาอย่างนี้ ใครจะอยากสงสัยก็เชิญ ผมไม่เกี่ยว
พอเกิดพฤษภาทมิฬ ในหลวงเรียกเด็กๆเข้าไปหมอบ แล้วฟาดก้นคนละป๊าบให้เลิก แต่ปัญหาไม่จบ เพราะต้องตั้งนายกฯใหม่ พวกพรรคสามัคคีธรรมก็หน้าด้านบอกว่า ก็พวกประท้วงอยากได้นายกฯจากการเลือกตั้งไม่ใช่เหรอ งั้นพวกกูก็ขอใช้สิทธิ์ให้หัวหน้าพรรคคนใหม่คือพล.อ.อ.สมบุญ ระหงส์ เป็นนายกฯ คนก็ยี้กันทั้งประเทศ ขอให้ยุบสภา แต่ตอนนั้นนายกฯก็ไม่มี มันก็ต้องหา หาไม่โดนใจเดี๋ยวมีม็อบภาค2อีก เพราะม็อบยังแตกสนิท ไอ้ตู่จตุพรพาคนหลบไปสมรภูมิม.รามฯอยู่
อันนี้เรื่องของเรื่องเลยมา ถึงบทตัวพระออกโรง คือชัชรินทร์นี่รู้จักกับจันทนา ฟองทะเล มือขวาของดร.อาทิตย์ที่เป็นประธานสภา อีกฟากก็สนิทกับไอ้ต้อย มือขวาอาจารย์จิรายุชนิดเป็นพี่น้องรักกันมาก ชัชรินทร์เลยต้องเป็นmatch makerไป
ชัชรินทร์เล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่า เขาก็ได้ตัวประธานสภามาอยู่กับเขา แล้วเขาก็ได้ดร.จิรายุพาเข้าวัง ตอนเข้าวังไปนี่ชัชรินทร์ซึ่งเคยถูกจับข้อหาคอมฯก็บอกว่าทึ่งมาก เพราะในห้องทรงงานเต็มไปด้วยเครื่องมือเครื่องไม้ไฮเทค ชนิดที่ว่าแฟ็กซ์นี่เพิ่งมีกันในเมืองไทยตอนนั้น แต่ห้องทรงงานนั้นน่าจะมีอินเตอร์เน็ตใช้กันแล้ว...อย่าลืมว่าเป็นพ .ศ.2535นะ
ขอข้ามเรื่องวงในไป เดี๋ยวผมจะซวยฐานรู้มากแล้วเอามาเผยในที่แจ้ง สรุปก็คือตามที่คนไทยและชาวโลกตกตะลึงกันตอนนั้นคือ แทนที่รถของวังจะนำตราตั้งพระบรมราชโองการไปบ้านพล.อ.อ.สมบุญที่แต่งตัวชุด ขาวรออยู่ท่ามกลางสำนักข่าวเพียบ และเสียงคนด่าแม่ทั้งประเทศ ก็ขับเลยไปบ้านนายอานันท์ ปันยารชุน และก็เรียบร้อยโรงเรียนจิตรลดาอย่างที่รู้กัน อานันท์เป็นนายกบร๊ะราชทานรอบ2!
ความสัมพันธ์ของชัชรินทร์กับสนธิญาณ ก็เหนียวแน่นยาวนานมาป่านนี้ ตอนนี้สนธิญาณก็ตั้งกลุ่มห่าเหวอะไรซักอย่างมั้ง ที่ให้สินบน1ล้านจับไอ้เหลี่ยมนั่นแหละ ส่วนชัชรินทร์ก็มาสัมพันธ์กับพี่เปลว ไทยโพสต์ที่แกเกลียดเหลี่ยมยังกะขี้ด้วย ก็เลยอาจจะเหลืองไปด้วยเหตุว่าทึ่งอึ้งเสียวด้วย แล้วก็เป็นเรื่องของข้อมูลด้วย
คนหนังสือพิมพ์นี่อย่างผมด่า ไปหากไม่ขายวิญญาณให้ซาตานเพราะกลายเป็นหมาหิวเงิน ก็อาจขายด้วยเหตุผลพิเศษอื่นๆ อย่างกรณีของชัชรินทร์นี่ไม่รู้ขายไปหรือยัง ก็ลองสดับดู...
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน3):ลิ้มนักแบล็กเมล์ที่กำลังเจอแบล็กลิสต์ เจาะลึกสำราญ รอดเพชร
มีแค่มาร์คเท่านั้น...?!สถานีข่าวTNNของTRUE VISIONพาดหัวข่าวที่ลิ้มแถลงวันนี้ได้แทนปรากฏการณ์ทั้งหมดคือมี "แค่"อภิสิทธิ์เท่านั้นให้กำลังใจโทรมาแสดงความเป็นห่วง นาทีนี้ใครจะหนาวยะเยือกถึงขั้วหัวใจเท่ากับลิ้มคงไม่มีแล้ว
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
สำราญ รอดเพชร:หนี้แค้นเหลี่ยม กับบุญคุณของลิ้ม
สำราญเดิมเป็นคนประนีประนอมไม่เคยฟันธงเลยในชีวิต แต่ฤทธิ์แค้นเหลี่ยมเขี่ยออกมาจากไอทีวีทั้งที่ไปช่วยปราบกบฎให้ก็ได้สัญญาณ ตายเป็นตายจากลิ้มนี่ลุยถั่วกับเหลี่ยม จนเหลี่ยมพังอย่างที่เห็น
สำราญในความเห็นของผมเป็นคนน่ารักครับ ฝรั่งเรียกว่าnice guy คือไม่ค่อยเป็นพิษเป็นภัยกับใคร ประนีประนอม แต่ตอนมาสังกัดค่ายลิ้มนี่กลายเป็นคนละคน
คนทั่วไปเรียกว่าน้าราญ หรือสำราญ คนที่บ้านลุ่มน้ำปากพนังเรียกว่า"ไอ้อ๊อด" ไอ้อ๊อดเคยเป็นครูโรงเรียนเอกชนมาก่อน เคยเขียนบทกวีไว้เล่มหนึ่ง แล้วต่อมาลาออกมาเป็นนักข่าวอยู่หลายหัว จนโคจรมาเจอชัชรินทร์ ชัยวัฒน์ตอนที่ทำมาตุภูมิรายวัน แข่งกับมติชนของพี่ช้าง
ทำอยู่จน เจ๊ง เหลือแค่รายสัปฯคืออาทิตย์ให้ทำ พรรคพวกก็แตกกระสานซ่านเซ็นไปอยู่หัวอื่นหมด เหลือสำราญอยู่เฝ้าที่นี่ ด้วยความหวังว่าซักวันชัชรินทร์จะหาเงินมาทำรายวันได้ รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ชัชรินทร์ก็ไม่มีทางฟื้นชีพมาตุภูมิได้ สำราญก็เลยโบยบินไปแนวหน้า ต่อมาก็เนชั่นของหยุ่น แล้วไปจับมือกับดนัยทำวิทยุอย่างที่คุณว่า
แล้วต่อมาก็ไปทำหนังสือ แนวเศรษฐกิจการเงินกับสุนันท์ ศรีจันทราชื่อไทยไฟแนนเชียล คุมด้านข่าวการเมือง ก็อยู่จนสุนันท์เจ๊งเลยมั้ง ทีนี้เหลี่ยมเข้าไปเทกโอเวอร์ITVจากทรัพย์สิน เตะก้นพวกหยุ่นเนชั่นออกไป หยุ่นต้องระเห็จไปเปิดเนชั่นแชนัล อยู่กับทีทีวีของลุงไกรวัฒน์ ลูกน้องเก้าเหลี่ยมที่เคยไปยบุกเบิกทีวีให้เหลี่ยมที่เขมร..หยุ่นเลยพ้นโทษ ตาย แต่ไม่วายโดนตามบี้ เพราะทีทีวีหรือเนชั่นแชนัลมันดูได้แค่ในกรุงเทพฯ หยุ่นก็เล่นซิกแซ็กไปยิงสัญญาณเมืองนอกเข้ามา กะเผยแพร่สัญญาณทั้งประเทศ
เหลี่ยม เลยตามบี้ว่า เฮ้ยทำผิดสัญญา แบบนี้อาจไม่ต้องเกรงใจลูกน้องเก่าลุงไกรวัฒน์เจ้าของสัมปทาน ก็ฟ้องกันนัวเนีย หยุ่นก็ออกอากาศทั่วประเทศไม่ได้ หาโฆษณาก็ได้จำกัด(ดังนั้นอย่าสงสัยว่าทำไมหยุ่นเนชั่น กับพวกเด็กๆของหยุ่นอย่างสรยุทธ์ กนก ธีระ จอมขวัญถึงได้ตามฟาดฟันเหลี่ยมชนิดที่ว่า ลืมไปเลยว่าไอ้พวกเหี้ยนี่มึงยังเป็นสื่อกันอยู่มั๊ยสัดดด..)
ตัด กลับมาเรื่องสำราญ พอหยุ่นโดนเตะพ้นไอทีวี หยุ่นไม่ไปเปล่าๆ ดันฝากไข่ทิ้งไว้30กว่าชีวิต ในนั้นมีกรุณา บัวคำศรี รองเลขาสนนท.ที่รู้ใจของปริญญา เทวานฤมิตกุล เป็นเลขาธิการยุคพฤษภาทมิฬ(โดยมีอาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานที่ปรึกษาสนนท.ยุคนั้น....โหเรื่องแม่งยาว ขอตัดกลับไปเรื่องสำราญนะ)
ไอ้พวก30กว่าชีวิตก็ฟาดงวงฟาดงากับ เหลี่ยมว่า มึงเป็นนายทุนเป็นรัฐบาลแล้วแทรกแซงสื่อ กรุจะทำข่าวด่าแม่ง...เหลี่ยมก็เฮ้ย เอาไงวะสัดด ตังค์ก็จ่ายซื้อแล้ว นึกว่าได้ทีวีมาช่วยพีอาร์ พวกห่านี่ด่ากูอี๊ก ก็ส่งลูกน้องอย่างพวกนิวัฒน์บุญทรง ธำรงไพศาล(ชื่อแม่งยาว ชักลืม)หรือใครต่อใครเข้าไปคุมก็คุมไม่อยู่ เพราะมันพูดคนละภาษากัน เลยมาได้สำราญนี่เข้ามาคุม สำราญก็เอาอยู่ แล้วดึงลูกน้องเก่าสารพัดมาแทน พวก30กว่าชีวิตก็กลายเป็นกบฎไอทีวี โดนเลิกจ้างตามระเบียบ นับแต่นั้นเรื่องคุกคามสื่อนี่ก็โดนหยุ่นกับพวกเนชั่นตีเหลี่ยมแม่งทุกวัน ทั้งที่มันไปไข่ทิ้งไว้เอง...
สำราญก็โอเคพาไอทีวีไปได้ แต่เหลี่ยมก็ถือว่าบทบาทก็มีให้ เงินเดือนอะไรก็ให้ ตีกอล์ฟไม่เป็นก็พาไปตี แล้วกูขอให้เชียร์กูหน่อย กับเป็นหมาคอยเห่าพวกสื่อหรือฝ่ายค้านที่จะมากัดกู แค่นี้ไม่ได้เหรอ อ๋อเป็นจรรยาบรรณสื่อเหรอมึง เป็นกลางนักใช่มั๊ย ตอนนั้นเหลี่ยมก็เหลิงมากแล้ว เพราะชนะเลือกตั้งชนะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ก็ปลดสำราญกลางอากาศซะ หาใครที่ใช้ง่ายๆมาแทน
สำราญก็ตกสภาพหมาล่า เนื้อ ยังไม่แก่โดนปลดระวาง แดกเหล้านั่งเฉาอยู่หลายวัน คำนูณก็มาหาพาเข้าพบสนธิลิ้ม ตอนนั้นสนธิลิ้มยังดีกับเหลี่ยมอยู่ ก็ไปคุยกับเหลี่ยมอีท่าไหนไม่รู้ ก็กะว่าจะให้ช่อง11คลอดลูกมาชื่อ11news1แล้วให้สัมปทานลิ้ม...ลิ้มก็พาสำราญ ไปดู ไปเจอก็โอ้โหลงทุนซื้อสาพัดอุปกรณ์มาเตรียมออนแอร์11news1
แต่ ตอนนั้นเหลี่ยมกำลังเหลิง ก็ชักรำคาญลิ้มว่าแม่งแบล็กเมล์กูได้ตลอด เดี๋ยวจะเอาไอ้นั่น เดี๋ยวจะเอาไอ้นี่ สัดดด กรูไม่ให้ ประมาทลิ้มไปหน่อยว่างั้นเหอะ ลิ้มก็เลยเริ่มสัญจรรายสัปดาห์ที่ธรรมศาสตร์ ไปสวนลุม ก็ได้สำราญเป็นโฆษกเวทีให้
สำราญเดิมเป็นคนประนีประนอมไม่ เคยฟันธงเลยในชีวิต แต่ฤทธิ์แค้นเหลี่ยมเขี่ยออกมาจากไอทีวีทั้งที่ไปช่วยปราบกบฎให้ก็ได้สัญญาณ ตายเป็นตายจากลิ้มนี่ลุยถั่วกับเหลี่ยม จนเหลี่ยมพังอย่างที่เห็น
สำราญ ได้รับรางวัลเป็น สมาชิกสนช.หลัง19กันยาฯ แล้วก็มาลงส.ส.บางกะปิ แพ้ไอ้บรู๊คดาราไปไม่กี่แต้มมั้ง เลยสอบตก กลับมาเป็นโฆษกพันธมิตร หลังยึดสนามบินตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ ลิ้มส่งประกวดไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีวัฒนธรรม
แต่กรรมเวรที่สำราญเคย ก่อทั้งในฐานะโฆษกพันธมิตร ที่สำคัญไอ้อ๊อดของเรานี่ชอบ"เอา"เป็นอันมาก ได้โอกาสว่าเมียเป็นพยาบาลอยู่เวรกะดึก ก่อนไปรับเมียก็แวะอาบน้ำตามอ่างเป็นประจำ แล้วเสือกจะมาคุมกระทรวงวัฒนาธรรม คนก็รุมด่า
ตอนนี้ก็เลยเป็นว่าที่รัฐมนตรีไปพลางๆแล้วกันนะอ๊อดนะ
คำนูณ:จากคอมสันติบาลมาเป็นองครักษ์พิทักษ์สถาบัน
แต่ก่อนมันก็คอมสายสันติบาล แล้วจู่ๆอยู่ดีๆมันกลับใจเหรอ?...ก็เปล่าครับ มันก็ต้องตามนายมันคือไอ้ห่ารากลิ้มนั่นแหละ แต่มันเป็นหัวคิดให้ด้วย คือมันเสนอยุทธวิธีว่าจะชนะไอ้เหลี่ยมได้ก็เอา"ชาติ ศาสน์ กษัตริย์"นี่แหละมาสู้ แม่งก็เลยเดินแนวทางขวาจัดที่พวกมันเคยด่าสมัย6ตุลานั่นแหละ
ส่วนไอ้นูณนี่ทุกคนรู้จักมันดี แต่ก่อนมันไม่เป็นแบบที่เห็นออกทีวีตอนนี้
ไอ้ห่านี่5ย.เต็มตีน เสื้อยืด สะพายย่าม กางเกงยีนส์ ผมยาว รองเท้ายาง ศัพท์แสงพูดทีก็ชีวทัศน์ โลกทัศน์พัดลมตู้เย็น คือซ้ายจ๋า
ถอดแบบมาจากผิน บัวอ่อน คอมกลับใจ ซ้ายสันติบาล
ไอ้นูณเคยเป็นเลขาศูนย์นิสิตมาในปี2518ไง ก่อน6ตุลานิดหน่อย แล้วคิดไหมว่ามันไม่ใช่คอม
แต่ทุกวันนี้ต้องปกป้องสถาบันกันชิบหาย จู่ๆอยู่ดีๆมันกลับใจเหรอ
ก็ เปล่าครับ มันก็ต้องตามนายมันคือไอ้ห่ารากลิ้มนั่นแหละ แต่มันเป็นหัวคิดให้ด้วย คือมันเสนอยุทธวิธีว่าจะชนะไอ้เหลี่ยมได้ก็เอา"ชาติ ศาสน์ กษัตริย์"นี่แหละมาสู้ แม่งก็เลยเดินแนวทางขวาจัดที่พวกมันเคยด่าสมัย6ตุลานั่นแหละ
แต่ปก ป้องไปปกป้องมา ไอ้พวกห่านี่ดันสร้างแนวร่วมมุมกลับให้พวกต่อต้านเจ้าบานเลย แต่ก่อนเวบป่าเดียวกันมีอยู่ไม่กี่หน่อ ก็สมศักดิ์ ธนพล อุเชนทร์ กับเด็กจุฬาลูกศิษย์จารย์ใจ2-3คน ตอนนี้แม่งระบาดไปทั้งประเทศ
เพราะงั้นพวกเราอย่าไปด่าคำนูณกับลิ้ม ปล่อยให้มันปกป้องมากๆ เร่งมือให้หนักขึ้น แม่งจะจะได้ชิปหายกันไวขึ้น นี่พูดจริง ไม่ได้ประชด
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์:ซ้ายโซด่ากลั่นที่ต้องมาเล่นบทขวาจัด
สัมพันธ์ยาวนาน-สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์(ซ้าย)กับสำราญ รอดเพชร มีสายสัมพันธ์ในแวดวงสื่อมายาวนานตั้งแต่ยังหน้าละอ่อน จนมาบรรจบกันอีกครั้งที่ม็อบพันธมิตร
จารย์สมเกียรตินี่ก็จะมีสายสัมพันธ์กับอาจารย์โต้งไกรศักดิ์ กับสำราญ รอดเพชร เพราะสำราญนี่เป็นครูมาก่อนก็รู้จักกันมาก่อน เลยเรียกสมเกียรติส่งงานพวกแวดวงครูมาลงหนังสือพิมพ์ ให้ค่าเรื่องไปก็กินเหล้าหมด แต่โซดาแกกลั่นเอง
จารย์สมเกียรตินี่แกเป็นพวกสายอาจารย์โต้งไกรศักดิ์ เคลื่อนไหวแนวซ้ายป่ามาก่อน พอป่าแตกก็ลดโทนมาเป็นแดงอมชมพูแถวๆโคราช บุรีรัมย์ สารคาม แกไวงไข่ไว้เยอะ ผมไปกินเหล้าบ้านแกบ่อยในวค.ราชสีมา คือเวลาจะไปทำข่าวป่าสมัยก่อน ต้องแวะหาแก
แกเป็นคนดีมัธยัสถ์ แดกเหล้าทั้งทีนี่แกกลั่นโซดาเอง พวกโซดาสิงห์นี่ไม่เคยได้กินเงินสมเกียรติ อันนี้มันเป็นเสน่ห์ในการกินเหล้ากับสมเกียรติชนิดหนึ่ง
คือแกก็กิน เงินเดือนครู แต่เคลื่อนไหวการเมืองสัมพันธ์กับพวกเอ็นจีโออีสาน พวกแกเลยมาก แต่คนเกลียดก็ไม่น้อย เพราะความปากหมา ผมเองตอนเมาๆกันก็เคยเกือบโดดถีบแบบไอ้เก่งไปหลายทีเหมือนกัน คือมิตรหรือศัตรูไม่รู้กูขอปากหมาด่าไว้ก่อน
แกก็จะมีสายสัมพันธ์กับ อาจารย์โต้งไกรศักดิ์กับสำราญ รอดเพชร เพราะสำราญนี่เป็นครูมาก่อนก็รู้จักกันมาก่อน เลยเรียกสมเกียรติส่งงานพวกแวดวงครูมาลงหนังสือพิมพ์ ให้ค่าเรื่องไปก็กินเหล้าหมด แต่โซดาแกกลั่นเอง
ถามว่าพวกอาจารย์สม เกียรตินี่นะปกป้องสถาบัน เวลาผมไปเมากับแกก็ด่าชิปหาย ไม่ด่าอย่างเดียวพวกนี้จะล่อเขาด้วย อาจารย์โต้งนี่เรียก"น้านีๆ"ทุกคำ แล้วเรียกแม่ในหลวงว่า"เด็จยายๆ"ทุกคำนะ เพราะท่านผู้หญิงบุญเรือนนี่เคยรับใช้ในวังสระปทุมให้สมเด็จย่ามาก่อน แต่เพราะแกเป็นซ้าย ออกแนวโปรเวียดนามด้วย แกก็เลยด่าชิบหาย
มาทุกวันนี้พวกนี้บอกปกป้องสถาบัน ใครจะเชื่อก็เชื่อ แต่ผมพูดได้คำเดียวสั้นๆคือ ส้นตีนแหนะ!
สมศักดิ์ โก:หมวกนี่ไม่ใช่ใส่บังหัวล้านอย่างเดียว มีที่มา
สมศักดิ์นี่ไม่รู้จัก นอกสายตานะว่าไปแล้ว
แต่พวกผู้นำสหภาพนี่ซ้ายทุกตัวครับ ที่แกชอบใส่หมวกสไตล์เสกสรรค์นั่น ไม่ได้ปิดหัวล้านอย่างเดียว
มันเป็นเครื่องแบบของนักปฏิวัติเขาครับ
รสนาแต่งงานในทัศนะใหม่:เปี๊ยกธงชัยคนขี่หลังเสือ
คือป๋าส.นี่ไม่ใช่พวกซ้าย แต่ไปเป็นพวกขวาก็ไม่มีใครเขาเอากับแก แกเลยสร้างพระตำหนักของแก ลูกศิษย์ลูกหาก็ขึ้น รุ่นใหญ่หน่อยก็พี่เปี๊ยกพิภพ ธงไชย รุ่นถัดมาคือพวกยุค6ตุลาก็จะมีนี่แหละหลวงพี่เตี้ยไพศาล วิสาโล ประชา หุตานุวัตร สันติสุข โสภณศิริอะไรพวกนี้ คนหลังนี่เป็นผัวของรสนาเขา แต่ทำไมยังเป็นนางสาว..
ไม่ใช่รสนาเขาซุกผัว แต่เขาเรียกว่า"แต่งงานในทัศนะใหม่" เป็นยังไงให้ไปถามพวกเฟมินิสต์
ส่วนรสนานี่เป็นพวกแนวปฏิรูปกลางขวา
หากนึกไม่ออกก็คือแนวๆส.ศิวรักษ์
คือ ป๋าส.นี่ไม่ใช่พวกซ้าย แต่ไปเป็นพวกขวาก็ไม่มีใครเขาเอากับแก แกเลยสร้างพระตำหนักของแก ลูกศิษย์ลูกหาก็ขึ้น รุ่นใหญ่หน่อยก็พี่เปี๊ยกพิภพ ธงไชย รุ่นถัดมาคือพวกยุค6ตุลาก็จะมีนี่แหละหลวงพี่เตี้ยไพศาล วิสาโล ประชา หุตานุวัตร สันติสุข โสภณศิริอะไรพวกนี้ คนหลังนี่เป็นผัวของรสนาเขา แต่ทำไมยังเป็นนางสาว
ไม่ใช่รสนาเขาซุกผัว แต่เขาเรียกว่า"แต่งงานในทัศนะใหม่" เป็นยังไงให้ไปถามพวกเฟมินิสต์(ในนี้มีหลายนาง) แต่ก่อนรสนาก็เป็นกรรมการมูลนิธิโกมล คีมทอง(ที่แกโดนคอมยิงตายที่สุราษฎร์ นี่ก็ลูกศิษย์ป๋าส.แก)ก็ออกหนังสือเล่มอะไรกันไป ออกแนวๆอุดมคติพอสมควร คือนู่นแหละชุมชนทางเลือก ซัมเมอร์ฮิลล์อะไรไปนู่น
ไปๆมาๆรสนามาจับ งานด้านสาสุขทางเลือก แล้วก็มาจับเรื่องทุจริตยา ลงสว.หนแรกนี่ตก แต่หนสองได้ เพราะรสนิยมเข้าทางคนกรุงคือเป็นอาหมวย แล้วก็ด่าไอ้เหลี่ยม ออกทีวีบ่อย เป็นคนดังอะไรงี้
หากขลุกอยู่ในห้องสมุดกับป๋าส.ก็คงสิวเขรอะแบบพวกเจ๊ลัดดาอะไรไปนั่นแล้วป่านนี้....
ดัง นั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมรสนาเขาเชียร์พันธมิตรเพราะมันพวกเดียวกับพี่เปี๊ยก พี่เปี๊ยกนี่แกก็หลงมาขนาดนี้ พรรคพวกวงการก็แอบด่าชิบหาย แต่แกเหมือนขึ้นหลังเสือ หาที่ลงไม่ได้ คงต้องรอให้ลิ้มห่ารากตายห่าซะก่อน แกถึงจะได้กลับป่าเมืองกาญจน์
ลิ้ม:นักแบล็กเมล์ที่อาจจะเจอตอแบล็กลิสต์หายสาปสูญ
มีแค่มาร์คเท่านั้น...สถานีข่าวTNNของTRUE VISIONพาดหัวข่าวที่ลิ้มแถลงวันนี้ได้แทนปรากฎการณ์ทั้งหมดคือมีแค่ อภิสิทธิ์เท่านั้นให้กำลังใจ นาทีนี้ใครจะหนาวยะเยือกถึงขั้วหัวใจเท่ากับลิ้มคงไม่มีแล้ว
ส่วนลิ้มนี่ผมคงไม่มีเรื่องลึกๆลับๆเขียนแล้วหละ เพราะคนเขาเขียนเจาะจนพรุนหมดแล้ว
ลิ้มก็อย่างที่รู้คือจบเชียงใหม่ แล้วไปจบโทเมืองนอกกลับมาก็ทำงานเป็นเบ๊ให้พวกแก๊งตึกดำ เป็นนักธุรกิจดาวรุ่งหลังยุค14ตุลา
แล้ว มาทำหนังสือประชาธิปไตย ก็ออกแนวซ้ายนั่นแหละ ต่อมา6ตุลาก็โดนปิด หลัง6ตุลามาทำผู้จัดการรายเดือน เริ่มสร้างชื่อจากการเขียนข่าวแนวสืบสวนสอบสวน(investigative news)แฉพวกเจ้าพ่อมาเฟียทั้งหลาย แล้วค่อยมาทำข่าวธุรกิจแข่งกับประชาชาติของพี่ช้าง
มาดังมากตอนออก ผู้จัดการรายวันก่อนพฤษภาทมิฬไม่นาน หลังจากทำเซ็คชั่นปริทัศน์ในผู้จัดการรายสัปดาห์ติดตลาด ได้พวกซ้ายเก่าอย่างคำนูณ สิทธิสมาน แล้วก็ยังดี วจีจันทร์เป็นหลัก แล้วก็รุ่งมณี
ผู้จัดการรายวันตีโจทก์แตกคือเจาะตลาดชนชั้นกลาง ผูกไทไวต์คอลลาร์ ก็เป็นฐานใหญ่ พอเข้าตลาดหุ้นได้ ก็อยากเป็นไทคูนในแวดวงมีเดีย ก็ไปเทกหนังสือพิมพ์ฝรั่ง ค่าใช้จ่ายแม่งแพงโคตร ก็ชักไม่ไหว ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี40 คนที่ไปซื้อบริษัทในอเมริกาอย่างเสี่ยปลากระป๋องรายนึง ผมจำชื่อไม่ได้ ฆ่าตัวตาย แต่ลิ้มเลือกอีกทาง
คือเข้าหานักการเมือง ตอนนั้นก็เข้าไปเชียร์ธารินทร์ว่าอนาคตใสจะเชียร์เป็นนายกฯ แต่ธารินทร์ช่วยไม่ได้ ลิ้มก็ตีจนเสียหมากันไปข้าง
ต่อ มาก็เกาะแม้วเชียร์ และเป็นองครักษ์อย่างรู้ๆ เงื่อนไขก็มี1.ช่วยเรื่องNPL3-4พันล้าน 2.ช่วยให้เฮียช้อย วิโรจน์ได้เป็นเอ็มดีแบงก์กรุงไทยนานๆ จะได้มีตังค์มาช่วยลิ้ม 3.ช่วยเอาสปอนเซอร์จากวิสาหกิจต่างๆมาให้ลิ้ม 4.ขอทีวีช่องหนึ่ง...ตอนแรกก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันดี มาแตกกันตอนเหลี่ยมชนะเลือกตั้งรอบสองตั้งรัฐบาลพรรคเดียว กับคิดว่าตัวเองก็มีไอทีวีอยู่ทั้งช่อง ก็ไม่ยอมให้ลิ้มแบล็กเมล์แล้ว ก็ปลดออกจากเมืองไทยรายสัปดาห์ช่อง9
เรื่องนี้หากมึงก็เหี้ยกูก็ วารานัส กอดกันไว้แน่นๆ เมืองไทยตอนนี้ก็คงเป็นอีกเรื่อง แต่เหี้ยเสือกกัดกับเหี้ย แม่งเลยยุ่งชิบหายอย่างที่เห็น
เพราะงั้น ใครที่คิดว่าใช้บริการลิ้มฟรีๆมึงอย่าหวัง มึงจะเจอแบล็กเมล์ตลอด หากไม่ยอมเมื่อไหร่ก็ต้องเจอแบบธารินทร์ที่กลายเป็นไอ้น้อยเสียหมา กับทักษิณที่เละเป็นขี้อย่างตอนนี้
คุณใช้บริการลิ้มก็ต้อง ยอมให้มันแบล็กเมล์ ไม่งั้นก็ต้องแบล็กลิสต์มัน ส่งไปเฝ้าเง็กเซียนไวๆ ดังนั้นคุณคิดว่าใครฆ่าลิ้ม ก็คงหนีไม่พ้นไอ้พวกที่ใช้บริกการลิ้มรายล่าสุดนี่แหละ...ส่วนจะตัดตอนให้ ใครเป็นแพะก็ว่ากันไป หรือจะต่อรองส่งไปเสวยสุขเมืองนอกก็ว่ากันไป
ซีรีสฮารดคอรลากไสสื่อเห (ตอน4) : สมาคมสื่อโจร พวกมึงแหละตัวดีที่ ตองหยุดทำรายประเทศไทย
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ไอ้ดิษฐ์เลขาสมาคมนักข่าวฯ:วีรบุรุษเล้าไก่
ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย(คนเสื้อขาวยืนกลาง)วัน ไปชวนปู่ชัย ชิดชอบ ประธานสภารณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย โดยดีเดย์ชักธงหยุดความรุนแรงทั่วประเทศ4พฤษภาคมนี้
เอาพอหอมปากหอมคอนะ ตัวที่มันกำลังร่วมมือกับดร.ปื๊ดพระปกเกล้า เรื่องหยุดทำร้ายประเทศไทยเนี่ย
คนเป็นคีย์แมนเรื่องนี้มันชื่อไอ้ดิษฐ์ ที่เป็นเลขาสมาคมนักข่าวนะครับ
ท่าน ดิษฐ์นี่เป็นเด็กรุ่นหลังผมหลายปีเหมือนกัน มันเป็นเด็กกิจกรรมรามฯ ทำค่ายชาวเขา แล้วก็เคยไปรณรงค์เรื่องนาเกลือทางภาคอีสาน ตอนนั้นตำรวจทหารล้อมปราบพวกนักศึกษาที่ไปประท้วงนาเกลือ กวาดจับซัก40คนได้
ผู้นำชาวบ้านกลายเป็นฮีโร่ ได้เป็นผู้แทนสารคามหลายสมัยชื่อสุชาติ ศรีสังข์(หลังๆมาเป็นหน่วยแนวหน้าพันธมิตรตอนไปยึดสนามบิน)
พวก เด็กๆรามเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นพรรคพวกนักศึกษาโดนกวาดจับตีหัวร้างข้างแตก แต่ไอ้ดิษฐ์สวมบทผู้นำนักศึกษาหนีรอดไปหลบในเล้าไก่ชาวบ้าน ยังโดนอำขี้แตกมาจนป่านนี้
มันเคยมาสมัครงานนักข่าวกับผมซัก15ปีมา นี่แหละครับ ผมดูแล้วแม่งพูดไทยกลางยังไม่ชัด ทองแดงมาก ผมก็เลยบอกมึงไปหาเอาข้างหน้าก่อนป้ะ มันเลยไปได้งานมติชน แล้วต่อมาอยู่บางกอกโพสต์ ยังงงอยู่ว่าแค่ภาษาไทยกลางก็ไม่รอดแล้ว เสือกไปอยู่ฉบับภาษาฝรั่งอีก ไอ้ห่า
อาศัยความเป็นนักกิจกรรมเก่า มันไปเข้าสมาคมนักข่าว เลยได้ผูกขาดเป็นเลขาฯ แต่น่าผิดหวังอยู่หน่อยตรงที่ว่าเวลามันออกแถลงการณ์ทีมักจะไว้หน้าพวก พันธมิตร ผมเคยถามว่าทำไมมึงทำตัวยังงี้ มันบอกพี่ผมเกรงใจมันพวกเดียวกันคนปักษ์ใต้ทั้งนั้น แต่ทีพวกเสื้อแดงนี่มันใส่ไม่ยั้ง เพราะไม่ใช่พวกมัน ตอนอยู่รามมันก็เชียร์พรรคสาน คู่แข่งพรรคของไอ้ตู่จตุพร ส่วนณัฐวุฒิก็เด็กรุ่นหลังมัน เลยไม่ต้องเกรงใจ
ตอนพันธมิตรชุมนุม มันก็เลยออกแนวเชียร์ ออกแถลงการณ์ไล่รัฐบาลเหลี่ยมออก ให้ตั้งนายกฯมาตรา7 กูถามหน่อยมันธุระอะไรของนักข่าว เสือกทำตัวเป็นข่าวซะเอง
รัฐบาล สมัคร สมชายออกพรก.ฉุกเฉินมันรีบแร่ออกแถลงการณ์ว่ารัฐห้ามทำร้ายม็อบ แล้วไล่รัฐบาลออก แต่พอม็อบยึดทำเนียบ ยึดสนามบินแม่งเฉย ขนาดไปยึดโทรทัศน์NBTแม่งก็ออกแถลงการณ์ด่าพันธมิตรแบบเสียไม่ได้ ด่าแบบขอไปที
แต่พอเสื้อแดงนี่แม่งเอาใหญ่ อภิสิทธิ์ประกาศฉุกเฉิน แม่งออกแถลงการณ์เลยอนุญาตรัฐใช้กำลังปราบ แต่ปราบอย่าให้เจ็บตายนะ กูกลัวเลือด...ดูความกระแดะของพวกมัน พอรัฐปราบเสื้อแดงเสร็จ มันก็ออกแนวรณรงค์รักสันติภาพ หยุดทำร้ายประเทศไทย...เชี่ยมั้ยหละสัดด!!?
ก็พวกมึงแหละไอ้ดิษฐ์ นักข่าวนี่แหละตัวเหี้ยเลยในการทำร้ายประเทศไทย พวกมึงเก็บกวาดขยะที่ทำเรี่ยราดก่อน แล้วค่อยไปบอกชาวบ้าน
ทุเรศ
ภัทระ คำพิทักษ์ :ผู้ทำลายเกียรติภูมิสื่อลงราบคาบใต้ตีนเผด็จการ
แต่แวดวง นักข่าวสนามเด็กๆรุ่นหลังมันถึงกับสาปส่งไอ้เหี้ยนี่ เพราะมันเต็มไปด้วยความหน้าด้าน เอาความเป็นสื่อไปขายกินกับเผด็จการ เขาต่อต้านว่าทำความเสียหมาให้สื่อมวลชน มันเสือกโยนขี้ให้เขา...
ไม่ เคยมียุคไหนที่สมาคมนักข่าวจะตกต่ำเท่ากับยุคภัทระเป็นนายกสมาคมครับ รุ่นพ่อรุ่นพี่เขาทำเอาไว้พังตอนมันเป็น มีที่ไหนแทนที่จะให้สื่อเป็นกลาง หรือวางตัวเป็นกลาง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยยุคภัทระเป็นนายกฯ ดันไปออกแถลงการณ์ไล่ทักษิณออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บอกว่าหมดความชอบธรรมแล้ว ให้แต่งตั้งนายกฯใหม่ตามมาตรา7
พอเกิดการ รัฐประหาร19กันยายน แทนที่ว่าจะต่อต้านหรือไม่งั้นก็นั่งอยู่เฉยๆ ไอ้ภัทระนี่แทบจะเรียกได้ว่าหอบกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีเลยก็ว่าได้ แต่อ้างว่าไปหารือกับบังสนธิเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
คือ ตอนเกิดปฏิวัติ19กันยาใหม่ๆนี่บังสั่งเลยว่าห้ามสื่อออกข่าวทักษิณเด็ดขาด แต่ไม่ได้ออกกฎหมายห้ามหรอกนะ ขอให้ใช้วิจารณญาณกันเอง แต่หากพวกสื่อใช้วิจารณญาณไม่เป็น เดี๋ยวบังจะใช้แทน....ทียังงี้หละหงอ ไม่มีแถลงการณ์ด่าซักแอะว่าคุกคามสื่อ
พอภัทระเข้าไปหาบัง บังก็ลูบหลังลูบไหล่ว่าแหม่ ทหารคมช.กับสื่อพวกเดียวกัน เรื่องที่ว่าบังจะใช้วิจารณญาณแทนหนะ อ่ะ!ล้อเล่ง เอางี้มาช่วยชาติบ้านเมืองกันดีกว่า พอดีจะตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)อยู่มาช่วยๆกัน จะตั้งให้ภัทระเป็นสนช.
คือโดยปกติอาชีพสื่อนี่ไม่เคยนะครับที่จะ ร่วมมือกับฝ่ายอำนาจฝ่ายการเมืองกันแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวแทนสื่อแล้วแม่งน่าเกลียด ก็ถึงขั้นที่ว่ามีการเขียนในข้อกำหนดว่าห้ามนักข่าวไปดำรงตำแหน่งการเมือง
แต่ ไอ้เหี้ยนี่เสือกหน้าด้านอยากเป็นขึ้นมา แต่จะเป็นคนเดียวแม่งก็จะน่าเกลียด เลยทำฟอร์มว่าขอไปปรึกษาพรรคพวกหน่อยนะท่านบัง เสร็จก็มาล็อบบี้นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ คือไอ้เอ๋สมชาย แล้วก็เจ๊หยัดตอนนั้นเจ๊เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์ ไอ้เหี้ยนี่ก็ไปโน้มน้าวว่า ตอนทักษิณนี่พวกเราโดน"คุกคามสื่อ"เยอะ มาตอนคมช.ปฏิวัติก็บอกให้พวกเราใช้วิจารณญาณห้ามออกข่าวเหลี่ยมเด็ดขาด หากใครฝืนออกบังมันจะมาใช้วิจารณญาณแทนพวกเราคือสั่งปิดหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ
นี่บังเขาก็มีไมตรีเชิญไปเป็นสนช. ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เข้าไปปกป้องไม่ให้คุกคามสื่อ เพราะมันมีกฎหมายเยอะแยะ อย่างน้อยพวกเราก็จะได้ท้วงหากกฎหมายไหนออกมาคุกคามสื่อ....(ดูมันตอแหล!)
เจ๊ หยัด(บัญญัติ ทัศนียเวช)วงการรุ่นหลังเขาเรียกป้าหยัด แต่ผมเรียกเจ๊หยัดก็บอกว่าชั้นไม่เอาด้วยหรอก สื่อที่ไหนเคยไปเป็นตำแหน่งการเมืองแบบนี้ มันมีconflict of interest เธอว่าไงเอ๋?(หันมาถามสมชาย นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์) ไอ้เอ๋แม่งแสบครับ แทนที่จะค้านเหมือนเจ๊หยัด ดันข้างๆคูๆเข้าข้างไอ้ภัทระ เลยเสร็จโจร...
เจ๊หยัดก็ตกกระไดพลอยโจร คือหากจะเป็นก็ต้องเป็นทั้ง3สมาคม หากเจ๊หยัดถอน ไอ้2ตัวนั่นอดแดกไปด้วย แกก็ไม่อยากมีปัญหากับเด็กรุ่นหลัง ก็เอาวะเป็นก็เป็น แต่อย่าทำให้น่าเกลียดก็แล้ว ต้องอธิบายสังคมให้ได้
สรุปแม่งก็กลับ ไปหาบังว่า บังครับที่บังเชิญผมเป็นสนช.นี่ "ผมขอสาม" เพราะพวกผมสมาคมสื่อมี3สมาคมไปไหนไปด้วย ถ้าคนหนึ่งไม่ไป มันก็ไปด้วยกันไม่ได้ บังก็กัดฟันยกให้สามต้องไปตัดโควต้าเด็กเส้นเด็กฝากลงเพียบ เพราะถ้าได้ใจสื่อ ต่อไปอะไรมันก็โล่ง ทำชั่วก็ผ่อนเบา ทำดีแม่งก็ตีปี๊บเชียร์ ปากกาอยู่ในมือพวกมัน...
แต่เรื่องก็ไม่หวานคอเหี้ยซะทีเดียวหรอก...
ความ ที่มันกระสันก็ดันไปปล่อยข่าวไปทั่วว่า กูจะได้เป็นสนช.กินเงินเดือนแสนสองโว้ย เรื่องมันก็หึ่งออกไป พวกนักข่าวสนามแถวใต้ถุนสภาก็เฮ้ย!นายกสมาคมกูเหี้ยแล้วมั๊ยสัดด ดันมารับใช้ทหารที่ปฏิวัติเข้าไปนั่งในสภาซะเอง แล้วงี้สื่อก็โดนด่าสิว่าตกลงพวกมึงจะเป็นเหี้ยอะไรแน่ระหว่างสื่อกับนักการ เมือง จะเป็นสื่อหรือเป็นเบ๊คณะปฏิวัติ.....ไอ้พวกนี้ก็รวมหัวกันเขียนหนังสือหาง ว่าวส่งไป
ต่อต้านว่า พวกกรูไม่เห็นด้วยที่นายกสมาคมจะไปเป็นสนช.
ท่าน ภัทระก็นะ คนมันเงี่ยนได้ที่หงี่เต็มพิกัด ก็วิ่งหาผู้ใหญ่ในวงการสื่อ เพราะมันเป็นนายกสมาคม แต่เด็กนักข่าวในสนามก่อกบฎเข้าให้แล้ว(ก็มันเหี้ย เขาก็ต้องก่อกบฎ)
ไอ้ผู้ใหญ่ที่ว่าคือหยุ่นเนชั่น แล้วก็พี่มานิจ สุขสมจิตร ผู้อาวุโสจากไทยรัฐ ทำตัวเป็นขาใหญ่เรียกไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋ เจ๊หยัดมา แล้วก็เรียกเด็กนักข่าวสนามมากินข้าวเกี่ยเซี้ยกันที่รอยัลพรินเซส ตรงหลานหลวง ฝ่ายนักข่าวสนามก็ยื่นคำขาดให้ถอนตัว ส่วนไอ้ภัทระก็โน้มน้าวว่าให้พวกกูเป็นเหอะน้ะนะๆๆ
แล้วก็มันจะเห ลือเรอะ เพราะคนที่บอกว่าเป็นกรรมการกลางอย่างหยุ่นเนชั่นก็รู้อยู่ว่ามันเกลียด เหลี่ยมเป็นขี้ แล้วปฏิวัติคราว19กันยาฯนี่บังก็แค่นอมินีของป๋าเปรม คนสงขลาบ้านเดียวกับหยุ่น เรื่องอะไรจะไปขัดใจป๋า หยุ่นแม่งก็โน้มน้าวโน่นนี่สารพัด สรุปฟันธงว่าพวกมึงนายก3สมาคมเป็นเลย...เชี่ยมั๊ยหละสัดด
ไอ้พวกนัก ข่าวสนามก็ใบ้แดก เพราะไอ้พวกที่ลงชื่อในบัญชีหางว่าวนี่ก็ลูกน้องกินเงินเดือนหยุ่นซะเยอะ มันก็ไปไม่ถูก เลยบอกงั้นเอางี้ ให้พวกนายกสมาคม3ตัวนี่ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมสื่อซะ แล้วก็จะไปเป็นอะไรก็ไป หากไม่ลาออกแล้วถ่างขาควบ2เก้าอี้นี่อย่าเลย พวกกูอายหมามัน....
ไอ้ภัทระกับไอ้เอ๋ก็บอกเอาวะ เอานะเจ๊หยัด ...เจ๊ก็เลยตามเลย กลัวเสียเอกภาพ ความจริงแกก็อยากโดดออกเต็มแก่
เรื่อง มันก็ยังไม่จบ มันมีเรื่องทุเรศตามมาอีก คือไอ้ภัทระก็ไปแถลงข่าวลาออก แต่แทนที่จะบอกว่ามันลาออกเป็นไปตามข้อตกลงกับนักข่าวสนามว่าเมื่อมาเป็นสนช .ก็ต้องลาออกจากนายกสมาคมสื่อ แม่งก็พลิ้วไปอ้างว่าที่ออกเพราะนักข่าวสนามเล่นมัน ด้วยการนำเทปการเกี่ยเซี้ยกันที่รอยัลพรินเซสหลานหลวงมาปูดในที่แจ้ง แบบนี้เสียชื่อสมาคมหมด เลยขอลาออก...ดูมันทำ!
แล้วพอ3ตัวนี่เข้าไป เป็นสนช.มันทำอะไรมั่ง คมช.มันรื้อกฎหมายสมัยจอมพลป.มาใช้ คือก่อนออกหนังสือพิมพ์นี่ให้ส่งสันติบาลตรวจก่อน มันก็นั่งอมสากอยู่เฉยๆ
พอ พวกบ้าสถาบันแก้กฎหมายหมิ่น ด้วยการให้เพิ่มบทลงโทษให้หนักข้อขึ้น แล้วก็คลุมไปคุ้มครองประธานองมนตรีด้วย ไอ้ภัทร ไอ้เอ๋นี่แร่ไปเซ็นก่อนเขา...ไอ้เหี้ย!นี่แหละละเมิดเสรีภาพประชาชน ละเมิดเสรีภาพสื่อโคตรๆ เสือกไปเซ็นอย่างเดียวไม่พอ ต่อมาไอ้เอ๋เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงมาเล่นเรื่องนี้ต่อ หลังจากเขาตบรางวัลให้มันเป็นวุฒิสมาชิกอีกตำแหน่ง...หลังจากสนช.หมดวาระลง
หนังสือ พิมพ์รุ่นพ่อ กุหลาบ สายประดิษฐ์ สุภา ศิริมานนท์ อุทธรณ์ พลกุล เขาเคยเอาอาชีพสื่อไปขายกินกับเผด็จการอย่างพวกมึงเหรอไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋(เจ๊หยัด ผมไม่ขอด่าแก ถือว่าแกก็ตกกระไดพลอยโจน)...
พวกมึงนี่มันเชี่ยสัดๆจริงๆ
สมชาย แสวงการ:จากสื่อมวลชนกลายเป็นสื่อรับของโจร
พื่อนผมเองครับ สมชายชื่อเล่นไอ้เอ๋ มันเคยหุ้นเปิดร้านเหล้ากับไอ้ต้อยสนธิญาณ หนูแก้ว มือขวาอาจารย์จิรายุ ผอ.สำนักงานทรัพย์สิน
แต่ก่อนผมไปเมาประจำ ก็มีพวกสำราญ โฆษกเวทีพันธมิตรครับไปประจำ
ท่าน เอ๋ได้มาเป็นสนช.เพราะมันเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ ตามที่เล่าไปข้างบน พอได้เป็นหน่อยมันก็ติดลมครับ ก็ใช้โควต้าลากตั้งมาเป็นสว.ลากตั้งกับไอ้คำนูณนั่นแหละ
ธรรมดาครับ ก็เขาตั้งมันมา ไอ้เอ๋มันก็ต้องช่วยตอบแทนเขามั่ง..คือไม่ต้องสนว่าพวกที่ตั้งมันนี่คือ เผด็จการปล้นเขามา ไอ้เอ๋มึงไปรับตำแหน่งสนช.หรือสว.ลากตั้งจากเขา แม่งก็ไม่ต่างจากรับของโจรหรอก...จริงมั้ยสัดด?
คุณๆคิดดูไอ้พวกนี้ เพื่อนผมมันซ้ายเก่าทุกตัวแหละครับ เวลาไปเมา ตีหม้อด้วยกันแม่งก็นินทาด่าเจ้า ด่าหนักกว่าพวกฟ้าเดียวกันสะอีก แต่ก็อย่างว่าเขาตั้งมันเป็นสว.หนะ เงินเดือนเป็นแสน อภิสิทธิ์เส้นสายห่าเหวอะไรอีกเพียบ
มันก็ธรรมดา อุดมการณ์ก็โยนลงคลองน้ำเน่าแสนแสบไปก่อน ปากต้องกิน ลูกเมียต้องหาเลี้ยง มันก็ต้องทำงานรับใช้เขา
เรื่อง มันก็เป็นงี้แหละครับท่านสารวัตร เอาเหอะเอ๋ กรุไม่ว่ามึง ไหนๆจะเหี้ยแล้วก็ต้องเหี้ยให้เต็มพิกัด อย่าครึ่งๆกลางๆ เมื่อไหร่กรุเกิดไปรับของโจรแบบมึง...
กรุก็คงเหี้ยหางแดงแบบเอ๋เหมือนกัน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ไอ้ดิษฐ์เลขาสมาคมนักข่าวฯ:วีรบุรุษเล้าไก่
ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย(คนเสื้อขาวยืนกลาง)วัน ไปชวนปู่ชัย ชิดชอบ ประธานสภารณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย โดยดีเดย์ชักธงหยุดความรุนแรงทั่วประเทศ4พฤษภาคมนี้
ไม่มีใครว่าหรอกครับ และน่าสนับสนุนที่จะรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทยในวันที่4พฤษภาคมนี้ แต่ปัญหาที่น่าหมั่นไส้ก็คือว่า ไอ้องค์กรที่กำลังรณรงค์ให้ชาวบ้านหยุดทำร้ายประเทศนี่ แม่งเคยได้หันมาดูตัวพวกมันมั่งรึเปล่า ก็พวกมึงนี่แหละเหี้ยตัวพ่อเลยที่กระทำย่ำยีประเทศมาหนแล้วหนเล่า
ยังๆยังไม่รู้ตัวอีก ก็พวกมึงไอ้สมาคมนักข่าวเหี้ยทั้งหลายนี่แหละ รึว่ามึงจะเถียง...
เอาพอหอมปากหอมคอนะ ตัวที่มันกำลังร่วมมือกับดร.ปื๊ดพระปกเกล้า เรื่องหยุดทำร้ายประเทศไทยเนี่ย
คนเป็นคีย์แมนเรื่องนี้มันชื่อไอ้ดิษฐ์ ที่เป็นเลขาสมาคมนักข่าวนะครับ
ท่าน ดิษฐ์นี่เป็นเด็กรุ่นหลังผมหลายปีเหมือนกัน มันเป็นเด็กกิจกรรมรามฯ ทำค่ายชาวเขา แล้วก็เคยไปรณรงค์เรื่องนาเกลือทางภาคอีสาน ตอนนั้นตำรวจทหารล้อมปราบพวกนักศึกษาที่ไปประท้วงนาเกลือ กวาดจับซัก40คนได้
ผู้นำชาวบ้านกลายเป็นฮีโร่ ได้เป็นผู้แทนสารคามหลายสมัยชื่อสุชาติ ศรีสังข์(หลังๆมาเป็นหน่วยแนวหน้าพันธมิตรตอนไปยึดสนามบิน)
พวก เด็กๆรามเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นพรรคพวกนักศึกษาโดนกวาดจับตีหัวร้างข้างแตก แต่ไอ้ดิษฐ์สวมบทผู้นำนักศึกษาหนีรอดไปหลบในเล้าไก่ชาวบ้าน ยังโดนอำขี้แตกมาจนป่านนี้
มันเคยมาสมัครงานนักข่าวกับผมซัก15ปีมา นี่แหละครับ ผมดูแล้วแม่งพูดไทยกลางยังไม่ชัด ทองแดงมาก ผมก็เลยบอกมึงไปหาเอาข้างหน้าก่อนป้ะ มันเลยไปได้งานมติชน แล้วต่อมาอยู่บางกอกโพสต์ ยังงงอยู่ว่าแค่ภาษาไทยกลางก็ไม่รอดแล้ว เสือกไปอยู่ฉบับภาษาฝรั่งอีก ไอ้ห่า
อาศัยความเป็นนักกิจกรรมเก่า มันไปเข้าสมาคมนักข่าว เลยได้ผูกขาดเป็นเลขาฯ แต่น่าผิดหวังอยู่หน่อยตรงที่ว่าเวลามันออกแถลงการณ์ทีมักจะไว้หน้าพวก พันธมิตร ผมเคยถามว่าทำไมมึงทำตัวยังงี้ มันบอกพี่ผมเกรงใจมันพวกเดียวกันคนปักษ์ใต้ทั้งนั้น แต่ทีพวกเสื้อแดงนี่มันใส่ไม่ยั้ง เพราะไม่ใช่พวกมัน ตอนอยู่รามมันก็เชียร์พรรคสาน คู่แข่งพรรคของไอ้ตู่จตุพร ส่วนณัฐวุฒิก็เด็กรุ่นหลังมัน เลยไม่ต้องเกรงใจ
ตอนพันธมิตรชุมนุม มันก็เลยออกแนวเชียร์ ออกแถลงการณ์ไล่รัฐบาลเหลี่ยมออก ให้ตั้งนายกฯมาตรา7 กูถามหน่อยมันธุระอะไรของนักข่าว เสือกทำตัวเป็นข่าวซะเอง
รัฐบาล สมัคร สมชายออกพรก.ฉุกเฉินมันรีบแร่ออกแถลงการณ์ว่ารัฐห้ามทำร้ายม็อบ แล้วไล่รัฐบาลออก แต่พอม็อบยึดทำเนียบ ยึดสนามบินแม่งเฉย ขนาดไปยึดโทรทัศน์NBTแม่งก็ออกแถลงการณ์ด่าพันธมิตรแบบเสียไม่ได้ ด่าแบบขอไปที
แต่พอเสื้อแดงนี่แม่งเอาใหญ่ อภิสิทธิ์ประกาศฉุกเฉิน แม่งออกแถลงการณ์เลยอนุญาตรัฐใช้กำลังปราบ แต่ปราบอย่าให้เจ็บตายนะ กูกลัวเลือด...ดูความกระแดะของพวกมัน พอรัฐปราบเสื้อแดงเสร็จ มันก็ออกแนวรณรงค์รักสันติภาพ หยุดทำร้ายประเทศไทย...เชี่ยมั้ยหละสัดด!!?
ก็พวกมึงแหละไอ้ดิษฐ์ นักข่าวนี่แหละตัวเหี้ยเลยในการทำร้ายประเทศไทย พวกมึงเก็บกวาดขยะที่ทำเรี่ยราดก่อน แล้วค่อยไปบอกชาวบ้าน
ทุเรศ
ภัทระ คำพิทักษ์ :ผู้ทำลายเกียรติภูมิสื่อลงราบคาบใต้ตีนเผด็จการ
ภัทระ คำพิทักษ์นี่รุ่นหลังครับ ส่วนตัวเลยไม่ได้รู้จักกันสรุปภัทระแม่งก็กลับไปหาบังว่า บังครับที่บังเชิญผมเป็นสนช.นี่ "ผมขอสาม" เพราะพวกผมสมาคมสื่อมี3สมาคมไปไหนไปด้วย ถ้าคนหนึ่งไม่ไป มันก็ไปด้วยกันไม่ได้..บังก็กัดฟันยกให้สาม ต้องไปตัดโควต้าเด็กเส้นเด็กฝากลงเพียบ เพราะถ้าได้ใจสื่อ ต่อไปคมช.จะทำเหี้ยอะไรมันก็จะได้โล่ง ทำชั่วก็ผ่อนเบา ทำดีแม่งก็ตีปี๊บเชียร์ เพราะปากกาอยู่ในมือพวกมัน...
แต่เรื่องก็ไม่หวานคอเหี้ยซะทีเดียวหรอก!
แต่แวดวง นักข่าวสนามเด็กๆรุ่นหลังมันถึงกับสาปส่งไอ้เหี้ยนี่ เพราะมันเต็มไปด้วยความหน้าด้าน เอาความเป็นสื่อไปขายกินกับเผด็จการ เขาต่อต้านว่าทำความเสียหมาให้สื่อมวลชน มันเสือกโยนขี้ให้เขา...
ไม่ เคยมียุคไหนที่สมาคมนักข่าวจะตกต่ำเท่ากับยุคภัทระเป็นนายกสมาคมครับ รุ่นพ่อรุ่นพี่เขาทำเอาไว้พังตอนมันเป็น มีที่ไหนแทนที่จะให้สื่อเป็นกลาง หรือวางตัวเป็นกลาง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยยุคภัทระเป็นนายกฯ ดันไปออกแถลงการณ์ไล่ทักษิณออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บอกว่าหมดความชอบธรรมแล้ว ให้แต่งตั้งนายกฯใหม่ตามมาตรา7
พอเกิดการ รัฐประหาร19กันยายน แทนที่ว่าจะต่อต้านหรือไม่งั้นก็นั่งอยู่เฉยๆ ไอ้ภัทระนี่แทบจะเรียกได้ว่าหอบกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีเลยก็ว่าได้ แต่อ้างว่าไปหารือกับบังสนธิเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
คือ ตอนเกิดปฏิวัติ19กันยาใหม่ๆนี่บังสั่งเลยว่าห้ามสื่อออกข่าวทักษิณเด็ดขาด แต่ไม่ได้ออกกฎหมายห้ามหรอกนะ ขอให้ใช้วิจารณญาณกันเอง แต่หากพวกสื่อใช้วิจารณญาณไม่เป็น เดี๋ยวบังจะใช้แทน....ทียังงี้หละหงอ ไม่มีแถลงการณ์ด่าซักแอะว่าคุกคามสื่อ
พอภัทระเข้าไปหาบัง บังก็ลูบหลังลูบไหล่ว่าแหม่ ทหารคมช.กับสื่อพวกเดียวกัน เรื่องที่ว่าบังจะใช้วิจารณญาณแทนหนะ อ่ะ!ล้อเล่ง เอางี้มาช่วยชาติบ้านเมืองกันดีกว่า พอดีจะตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)อยู่มาช่วยๆกัน จะตั้งให้ภัทระเป็นสนช.
คือโดยปกติอาชีพสื่อนี่ไม่เคยนะครับที่จะ ร่วมมือกับฝ่ายอำนาจฝ่ายการเมืองกันแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวแทนสื่อแล้วแม่งน่าเกลียด ก็ถึงขั้นที่ว่ามีการเขียนในข้อกำหนดว่าห้ามนักข่าวไปดำรงตำแหน่งการเมือง
แต่ ไอ้เหี้ยนี่เสือกหน้าด้านอยากเป็นขึ้นมา แต่จะเป็นคนเดียวแม่งก็จะน่าเกลียด เลยทำฟอร์มว่าขอไปปรึกษาพรรคพวกหน่อยนะท่านบัง เสร็จก็มาล็อบบี้นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ คือไอ้เอ๋สมชาย แล้วก็เจ๊หยัดตอนนั้นเจ๊เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์ ไอ้เหี้ยนี่ก็ไปโน้มน้าวว่า ตอนทักษิณนี่พวกเราโดน"คุกคามสื่อ"เยอะ มาตอนคมช.ปฏิวัติก็บอกให้พวกเราใช้วิจารณญาณห้ามออกข่าวเหลี่ยมเด็ดขาด หากใครฝืนออกบังมันจะมาใช้วิจารณญาณแทนพวกเราคือสั่งปิดหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ
นี่บังเขาก็มีไมตรีเชิญไปเป็นสนช. ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เข้าไปปกป้องไม่ให้คุกคามสื่อ เพราะมันมีกฎหมายเยอะแยะ อย่างน้อยพวกเราก็จะได้ท้วงหากกฎหมายไหนออกมาคุกคามสื่อ....(ดูมันตอแหล!)
เจ๊ หยัด(บัญญัติ ทัศนียเวช)วงการรุ่นหลังเขาเรียกป้าหยัด แต่ผมเรียกเจ๊หยัดก็บอกว่าชั้นไม่เอาด้วยหรอก สื่อที่ไหนเคยไปเป็นตำแหน่งการเมืองแบบนี้ มันมีconflict of interest เธอว่าไงเอ๋?(หันมาถามสมชาย นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์) ไอ้เอ๋แม่งแสบครับ แทนที่จะค้านเหมือนเจ๊หยัด ดันข้างๆคูๆเข้าข้างไอ้ภัทระ เลยเสร็จโจร...
เจ๊หยัดก็ตกกระไดพลอยโจร คือหากจะเป็นก็ต้องเป็นทั้ง3สมาคม หากเจ๊หยัดถอน ไอ้2ตัวนั่นอดแดกไปด้วย แกก็ไม่อยากมีปัญหากับเด็กรุ่นหลัง ก็เอาวะเป็นก็เป็น แต่อย่าทำให้น่าเกลียดก็แล้ว ต้องอธิบายสังคมให้ได้
สรุปแม่งก็กลับ ไปหาบังว่า บังครับที่บังเชิญผมเป็นสนช.นี่ "ผมขอสาม" เพราะพวกผมสมาคมสื่อมี3สมาคมไปไหนไปด้วย ถ้าคนหนึ่งไม่ไป มันก็ไปด้วยกันไม่ได้ บังก็กัดฟันยกให้สามต้องไปตัดโควต้าเด็กเส้นเด็กฝากลงเพียบ เพราะถ้าได้ใจสื่อ ต่อไปอะไรมันก็โล่ง ทำชั่วก็ผ่อนเบา ทำดีแม่งก็ตีปี๊บเชียร์ ปากกาอยู่ในมือพวกมัน...
แต่เรื่องก็ไม่หวานคอเหี้ยซะทีเดียวหรอก...
ความ ที่มันกระสันก็ดันไปปล่อยข่าวไปทั่วว่า กูจะได้เป็นสนช.กินเงินเดือนแสนสองโว้ย เรื่องมันก็หึ่งออกไป พวกนักข่าวสนามแถวใต้ถุนสภาก็เฮ้ย!นายกสมาคมกูเหี้ยแล้วมั๊ยสัดด ดันมารับใช้ทหารที่ปฏิวัติเข้าไปนั่งในสภาซะเอง แล้วงี้สื่อก็โดนด่าสิว่าตกลงพวกมึงจะเป็นเหี้ยอะไรแน่ระหว่างสื่อกับนักการ เมือง จะเป็นสื่อหรือเป็นเบ๊คณะปฏิวัติ.....ไอ้พวกนี้ก็รวมหัวกันเขียนหนังสือหาง ว่าวส่งไป
ต่อต้านว่า พวกกรูไม่เห็นด้วยที่นายกสมาคมจะไปเป็นสนช.
ท่าน ภัทระก็นะ คนมันเงี่ยนได้ที่หงี่เต็มพิกัด ก็วิ่งหาผู้ใหญ่ในวงการสื่อ เพราะมันเป็นนายกสมาคม แต่เด็กนักข่าวในสนามก่อกบฎเข้าให้แล้ว(ก็มันเหี้ย เขาก็ต้องก่อกบฎ)
ไอ้ผู้ใหญ่ที่ว่าคือหยุ่นเนชั่น แล้วก็พี่มานิจ สุขสมจิตร ผู้อาวุโสจากไทยรัฐ ทำตัวเป็นขาใหญ่เรียกไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋ เจ๊หยัดมา แล้วก็เรียกเด็กนักข่าวสนามมากินข้าวเกี่ยเซี้ยกันที่รอยัลพรินเซส ตรงหลานหลวง ฝ่ายนักข่าวสนามก็ยื่นคำขาดให้ถอนตัว ส่วนไอ้ภัทระก็โน้มน้าวว่าให้พวกกูเป็นเหอะน้ะนะๆๆ
แล้วก็มันจะเห ลือเรอะ เพราะคนที่บอกว่าเป็นกรรมการกลางอย่างหยุ่นเนชั่นก็รู้อยู่ว่ามันเกลียด เหลี่ยมเป็นขี้ แล้วปฏิวัติคราว19กันยาฯนี่บังก็แค่นอมินีของป๋าเปรม คนสงขลาบ้านเดียวกับหยุ่น เรื่องอะไรจะไปขัดใจป๋า หยุ่นแม่งก็โน้มน้าวโน่นนี่สารพัด สรุปฟันธงว่าพวกมึงนายก3สมาคมเป็นเลย...เชี่ยมั๊ยหละสัดด
ไอ้พวกนัก ข่าวสนามก็ใบ้แดก เพราะไอ้พวกที่ลงชื่อในบัญชีหางว่าวนี่ก็ลูกน้องกินเงินเดือนหยุ่นซะเยอะ มันก็ไปไม่ถูก เลยบอกงั้นเอางี้ ให้พวกนายกสมาคม3ตัวนี่ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมสื่อซะ แล้วก็จะไปเป็นอะไรก็ไป หากไม่ลาออกแล้วถ่างขาควบ2เก้าอี้นี่อย่าเลย พวกกูอายหมามัน....
ไอ้ภัทระกับไอ้เอ๋ก็บอกเอาวะ เอานะเจ๊หยัด ...เจ๊ก็เลยตามเลย กลัวเสียเอกภาพ ความจริงแกก็อยากโดดออกเต็มแก่
เรื่อง มันก็ยังไม่จบ มันมีเรื่องทุเรศตามมาอีก คือไอ้ภัทระก็ไปแถลงข่าวลาออก แต่แทนที่จะบอกว่ามันลาออกเป็นไปตามข้อตกลงกับนักข่าวสนามว่าเมื่อมาเป็นสนช .ก็ต้องลาออกจากนายกสมาคมสื่อ แม่งก็พลิ้วไปอ้างว่าที่ออกเพราะนักข่าวสนามเล่นมัน ด้วยการนำเทปการเกี่ยเซี้ยกันที่รอยัลพรินเซสหลานหลวงมาปูดในที่แจ้ง แบบนี้เสียชื่อสมาคมหมด เลยขอลาออก...ดูมันทำ!
แล้วพอ3ตัวนี่เข้าไป เป็นสนช.มันทำอะไรมั่ง คมช.มันรื้อกฎหมายสมัยจอมพลป.มาใช้ คือก่อนออกหนังสือพิมพ์นี่ให้ส่งสันติบาลตรวจก่อน มันก็นั่งอมสากอยู่เฉยๆ
พอ พวกบ้าสถาบันแก้กฎหมายหมิ่น ด้วยการให้เพิ่มบทลงโทษให้หนักข้อขึ้น แล้วก็คลุมไปคุ้มครองประธานองมนตรีด้วย ไอ้ภัทร ไอ้เอ๋นี่แร่ไปเซ็นก่อนเขา...ไอ้เหี้ย!นี่แหละละเมิดเสรีภาพประชาชน ละเมิดเสรีภาพสื่อโคตรๆ เสือกไปเซ็นอย่างเดียวไม่พอ ต่อมาไอ้เอ๋เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงมาเล่นเรื่องนี้ต่อ หลังจากเขาตบรางวัลให้มันเป็นวุฒิสมาชิกอีกตำแหน่ง...หลังจากสนช.หมดวาระลง
หนังสือ พิมพ์รุ่นพ่อ กุหลาบ สายประดิษฐ์ สุภา ศิริมานนท์ อุทธรณ์ พลกุล เขาเคยเอาอาชีพสื่อไปขายกินกับเผด็จการอย่างพวกมึงเหรอไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋(เจ๊หยัด ผมไม่ขอด่าแก ถือว่าแกก็ตกกระไดพลอยโจน)...
พวกมึงนี่มันเชี่ยสัดๆจริงๆ
สมชาย แสวงการ:จากสื่อมวลชนกลายเป็นสื่อรับของโจร
พื่อนผมเองครับ สมชายชื่อเล่นไอ้เอ๋ มันเคยหุ้นเปิดร้านเหล้ากับไอ้ต้อยสนธิญาณ หนูแก้ว มือขวาอาจารย์จิรายุ ผอ.สำนักงานทรัพย์สิน
แต่ก่อนผมไปเมาประจำ ก็มีพวกสำราญ โฆษกเวทีพันธมิตรครับไปประจำ
ท่าน เอ๋ได้มาเป็นสนช.เพราะมันเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ ตามที่เล่าไปข้างบน พอได้เป็นหน่อยมันก็ติดลมครับ ก็ใช้โควต้าลากตั้งมาเป็นสว.ลากตั้งกับไอ้คำนูณนั่นแหละ
ธรรมดาครับ ก็เขาตั้งมันมา ไอ้เอ๋มันก็ต้องช่วยตอบแทนเขามั่ง..คือไม่ต้องสนว่าพวกที่ตั้งมันนี่คือ เผด็จการปล้นเขามา ไอ้เอ๋มึงไปรับตำแหน่งสนช.หรือสว.ลากตั้งจากเขา แม่งก็ไม่ต่างจากรับของโจรหรอก...จริงมั้ยสัดด?
คุณๆคิดดูไอ้พวกนี้ เพื่อนผมมันซ้ายเก่าทุกตัวแหละครับ เวลาไปเมา ตีหม้อด้วยกันแม่งก็นินทาด่าเจ้า ด่าหนักกว่าพวกฟ้าเดียวกันสะอีก แต่ก็อย่างว่าเขาตั้งมันเป็นสว.หนะ เงินเดือนเป็นแสน อภิสิทธิ์เส้นสายห่าเหวอะไรอีกเพียบ
มันก็ธรรมดา อุดมการณ์ก็โยนลงคลองน้ำเน่าแสนแสบไปก่อน ปากต้องกิน ลูกเมียต้องหาเลี้ยง มันก็ต้องทำงานรับใช้เขา
เรื่อง มันก็เป็นงี้แหละครับท่านสารวัตร เอาเหอะเอ๋ กรุไม่ว่ามึง ไหนๆจะเหี้ยแล้วก็ต้องเหี้ยให้เต็มพิกัด อย่าครึ่งๆกลางๆ เมื่อไหร่กรุเกิดไปรับของโจรแบบมึง...
กรุก็คงเหี้ยหางแดงแบบเอ๋เหมือนกัน
ซีรีสฮารดคอรลากไสสื่อเห (ตอน5) : แก,งเด็กนรกเนชั่นสรยุทธ ธีระ กนก โหดเลวเตี้ย
ผิดจากนี้กูให้เหยียบ-การนำเสนอ เล่าข่าวด้วยความอคติ ลำเอียง ยืนเคียงเผด็จการ ขายวิญญาณให้ปีศาจ ขาดการตรวจสอบรอบด้าน พิพากษาชี้นำทำลายความเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาธิปไตย ไร้ความเป็นวิชาชีพ ขาดการตรวจสอบรอบด้าน หากผิดจากนี้ก็ไม่ใช่เรา
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
4 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
สรยุทธ-กนก-ธีระ:หุ่นยนต์พิฆาตค่ายเนชั่น
ใน3ตัวนี่ว่าไปแล้ว สรยุทธ์น่าเห็นใจมันนะ ชั่วดีถี่ห่างมันก็ยังพยายามจะบอกว่ามันคือมืออาชีพ แต่อีก2ตัวนั่นมันเบ๊หยุ่นเขาหนะ เบ๊ก็ต้องอ่านว่าเบ๊แปลว่าเบ๊ จะให้มันทำเหี้ยอะไรมากกว่านี้ก็คงลำบาก
สรยุทธ์นี่ว่าไปแล้ว อย่างน้อยมันก็ยังมีพื้นฐานเป็นคนข่าวมามั่ง อย่างน้อยก็ไปหาข่าวใต้ถุนสภาปี2ปี ไปทำข่าวรังนกกระจอกอยู่ปี2ปี ก่อนจะมาเล่าข่าวได้ อย่างน้อยมันก็ร่ำเรียนมา หรือเคยอยู่งานสนามมามั่ง แต่อีก2ตัวนี่แม่งไม่มีพื้นฐานงานข่าวสนามมาเลยซักนิด
อันนี้ผมแทรกหน่อยนึง คนข่าวรุ่นลุงรุ่นพ่อนี่ไม่ใช่ทำข่าว2-3ปีมาเป็นบก.ได้นะ เริ่มต้นก็ต้องเป็นนักข่าวตระเวณก่อน ไปตามโรงพัก ไปตามที่มีเรื่องปล้นจี้กัน แล้วค่อยไปทำข่าวกระทรวง มือดีก็ไปทำข่าวกรมตำรวจ เจ๋งขึ้นมาก็สภา ทำเนียบ สายทหารอะไรงี้
อยู่ จนโชกโชนเป็น10ปี ชักแก่ถึงได้ประจำกองบก. แล้วไม่ใช่เป็นบก.หรือบรรณาธิการเลยนะ มึงก็ต้องไปเริ่มที่ตรวจปรู๊ฟก่อน แล้วมาเป็นรีไรเตอร์(คือเรียบเรียงข่าวที่ไอ้พวกนักข่าวสนามส่งเข้ามา แล้วเอามายำ หรือรับข่าวทางโทรศัพท์จากนักข่าวสนามแล้วเรียบเรียง) ฝีมือดีหน่อยก็มาเป็นหัวหน้าข่าว ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยบก. เป็นบก. สุดท้ายแก่ได้ที่ไปหาข่าวเองไม่ไหว เป็นบก.ก็ชักหูตาลาย ก็ไปเป็นคอลัมนิสต์...แล้วอย่านึกว่าเป็นลุงแก่ๆประจำโรงพิมพ์นะ ไอ้พวกคอลัมนิสต์นี่ตัวมีอิทธิฤทธิ์เลยนะสัดด....นักการเมืองใครไปใครมาเป็น รัฐบาล ต้องขอกินข้าวมาซูฮกไอ้พวก18อรหันต์นี่หมด ไม่งั้นเจอรุม
ที นี้ยุคหลังสื่อต้องเบ่งให้ตัวพอง ทำแค่หนังสือพิมพ์ไม่พอ มันก็แตกหน่อเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน เข้าไปทำวิทยุ ไปทำทีวีสารพัดที่เรียกว่าmulti-media มันไม่มีคนพอใช้ จะทำไงดี ก็ต้องเอาไอ้พวกวิ่งข่าวสนามนี่แหละมาเป็นมะม่วงบ่มแก๊ส คือลากมาประจำกองบก.หรือออกทีวีแม่งเลย
สรยุทธ์เขาก็มาเกิดในสถานการณ์ยังงี้ คือตอนนั้นหยุ่นไปได้สัมปทานITVแล้วออกหนังสือพิมพ์หัวสีคมชัดลึกมาแข่งไทย รัฐ เดลินิวส์ อยากจะโฆษณาแฝง ก็ไปมีรายการคมชัดลึกทางITV แรกๆหยุ่นก็ทำเอง แต่มันเป็นนายทุนมัวออกทีวีไม่ไหว เพราะเดี๋ยวต้องนัดป๋า นัดทหาร ตำรวจม นักการเมืองพอ่ค้ากินข้าวเย็น business talk ก็เลยบอก เฮ้ย!ไอ้เผือก(ชื่อเล่นสรยุทธ์) เอ็งมาทำทีวีคู่พี่หน่อยวะ คมชัดลึกนะ
ท่าน เผือกก็ไปไม่ค่อยเป็นตอนแรก ตื่นกล้องก็ตื่นกล้อง หน้าตาแม่งก็ออกตี๋ๆ หยุ่นก็บอกเอางี้ให้ช่างแต่งหน้าทำผมเอ็งนี่ หวีเรียบแปล้ขึ้นไปข้างบน น้ำมันชโลมหน่อย เอ็งก็ออกมาดูแก่แล้ว แว่นก็หาหนาๆหน่อย ดูแล้วแม่งมีภูมิ
ท่าน เผือกก็เลยมีlookอย่างที่ว่า แต่ก็เงอะๆงะๆตื่นกล้อง แล้วก็ต้องเดินแนวทางกับหยุ่นคือทำสีหน้าท่าทางมือไม้ให้แม่งดูเครียด คนดูก็ดูไปจะหงิกแดกตามมันไป...หยุ่นก็บอกไอ้เผือกท่าจะไม่รอดแล้วเว้ย คนดูบอกดูมึงแล้วไม่บันเทิง รายการทีวีที่ดีแม่งต้องบันเทิง มึงลดความเครียดลงหน่อยซิวะ
ไอ้เผือกก็ไปไม่ค่อยเป็น ไอ้เชี่ยก็กูเห็นพี่หยุ่นออกแนวเครียดๆ"นะกรั๊บๆ พูดมาฟันธงให้ชัดๆเลยกรั๊บ"กูก็เอาอย่างมั่ง ทำไมคนดูชอบพี่หยุ่น มาดูกูเสือกบ่นเครียด...สรุปคือตอนแรกไอ้เผือกก็ไม่ได้แจ้งเกิดเปรี้ยงปร้าง นะ คือมันก็พยายามจะเป็นสุทธิชัยหยุ่น2 แล้วใครมันจะไปก๊อปปี้ใครได้
หยุ่น เลยแก้ปัญหาให้ว่า เอางี้ลดโทนจากเครียดๆวิเคราะห์การเมืองแบบฮาร์ดคอร์นี่ลงมาให้มันดูบันเทิง ให้entertainคนดูหน่อย เอาเป็นแบบnews talkแล้วกัน หยิบข่าวมาพูดแล้วแสดงความเห็นหยอกมุกอะไรเข้าไป..ไอ้เผือกบอกพี่ผมเล่นไม่ เป็น เอาไงดี
หยุ่นก็เลยไปลากเอากนกนี่มาเป็นตัวชงมุกให้ไอ้เผือก เป็นคนตบ ไอ้หนกชง ไอ้เผือกตบหน้าเน็ต...คนดูก็ชอบเพราะมันแปลกใหม่ อันนี้คือรายการเก็บตกจากเนชั่น แต่มาแจ้งเกิดนี่ทางNation channelคือTTVของลุงไกรวัฒน์นะ คนดูก็จำกัดเขตกรุงเทพฯปริมณฑล
ไอ้หนกนี่จบวารสาร ธรรมศาสตร์ เอกหนังสือพิมพ์ แต่จบมาแม่งไม่มีแวว เคยไปเป็นเด็กฝึกงานที่เนชั่น เขาก็ไม่เอาหนกทำงาน มันก็ไปสมัครที่ไหนเขาก็ไม่เอา ก็เลยไปเป็นดีเจจัดเพลงทางวิทยุ พวกเพลงป๊อบทั้งหลาย แล้วก็เอาข่าวนู่นนี่มาพูดหน่อยพอกล้อมแกล้ม ก็เงียบๆไม่ดัง หลังๆมาก็มาสมัครทำเป็นดีเจจัดข่าวกับหยุ่น
หยุ่น เห็นว่าเสียงไอ้หนกออกแนวFMก็ให้มันจัด เพราะเนชั่นก็ขยายงานไปสารพัดอย่างที่ว่าไปแล้ว ต่อมาก็เลยลากมันมาเป็นตัวชงให้ไอ้เผือกทางเนชั่นแชนัล แต่ชงไปชงมายังไงไม่รู้ ด้วยความที่ไอ้หนกมันไม่มีพื้นฐานเป็นนักข่าวสนามมาเลย มันก็ออกทะเลอยู่เรื่อย ไอ้เผือกตอนแรกก็เริ่มหงุดหงิด ก็กัดแม่งกลางจอ
กัด ทีงี้เหวอะ...กะจะเอาให้ตายคาจอ เพราะไอ้เผือกติดนิสัยลูกพี่หยุ่นมา กูเอาใครมาออกทีวีนี่ขอกรูทำตัวเป็นนักฆ่าหน้าจอต้อนแม่งจนกระดาน หรือกัดมันเลือดสาดออกจอ สะใจคนดูซาดิสม์
แต่ไอ้เรื่องที่ไอ้เผือก กัดไอ้หนกเหวอะ กลายเป็นเรื่องคนดูทีวีเนชั่นเสือกชอบเว้ยเฮ้ย...ไอ้คนดูแม่งก็ซาดิสม์ได้ เรื่องเหมือนกัน จากที่เริ่มมาจะเป็นตัวชง ไอ้หนกเลยกลายเป็นตัวลูกไล่ให้เผือกกัด...คนดูก็ออกแนวสงสารเห็นใจมัน เห็นตัวเล็กๆเตี้ยๆเท่าลูกหมา เสียงก็FMหน้ามันก็ออกทางหนูไม่รู้ประจำ คนก็เอ็นดู ก็เลยกลายเป็นรายการบันเทิงชนิดหนึ่งขึ้นมา...
กัดกันไป กัดกันมาจนดังได้ที่ ก็ไปเข้าตามิ่งขวัญตอนนั้นมาปลุกปั้นแดนสนธยาช่อง9ให้เป็นโมเดิร์นไนน์ มิ่งขวัญก็ช็อปตัวสรยุทธไปทำรายการคล้ายๆคมชัดลึกเดิม รอบค่ำ4ทุ่ม
ตอน บินหนีจากเนชั่นไปอยู่ช่อง9ทำรายการ"ถึงลูกถึงเมีย” เอ๊ย ถึงลูกถึงคนนี่ ไอ้เผือกก็เป็นเผือกnew lookแล้ว คือไม่ใช่ไอ้ตี๋หน้าจืด เสยผมเรียบแปล้ ยกมือไม้พูดจาทีคนดูหงิกแดก เพราะเครียดกับมันอย่างตะก่อนแล้ว
ไอ้เผือกรู้แล้วว่า การทำทีวี แม้จะเป็นเรื่องจริงจังอย่างเล่าข่าว มันก็ต้องEntertainคนดูด้วย
ที่ สำคัญต้องจับประเด็นที่ผู้คนสนใจ หรือที่วงการเรียกว่าhuman interesting พูดง่ายๆคือหากเทียบการทำหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษแบบNation หรืออย่างกรุงเทพธุรกิจ มติชน มันต้องจับกลุ่มเป้าหมายใหญ่แบบบ้านๆอย่างไทยรัฐ เดลินิวส์
คนที่เอา มาสัมภาษณ์ก็ไม่จำเป็นต้องผูกไท ใส่สูท อย่างพวกท่านปลัด อธิบดี รัฐมนตรี นายกฯห่าเหว แต่ต้องหาคนสนุกๆมีสีสันอย่างชูวิทย์อ่าง หมอพรทิพย์พุดเดิ้ล เจ๊เจ้าของบ้านสีดำ ยายไฮพังเขื่อน หรือผู้การวิสุทธ์มือปราบน้องแน็ตอะไรประมาณนี้....ไอ้เผือกก็เลยดังระเบิด ด้วยเรื่องบ้านๆ การมงการเมืองนี่ก็นานๆที แต่ขออย่าง กูต้องไม่หาศัตรูแบบหยุ่นทำ
หยุ่นก็แค้นตาแม้น กูอุตส่าห์ปั้นมา ไอ้เผือกหนีไปแจ้งเกิดรวยซะแล้ว ก็ดันไอ้หนกขึ้นเป็นเบอร์1ของเก็บตกเนชั่น แล้วก็หาคู่หูมาให้ หาใครก็ไม่ได้ เลยเหล่ไปเจอเด็กที่เคยยกกล้องแบกกล้อง ต่อมาให้เป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์(คือตำแหน่งขี้ข้าสารพัดในรายการทีวีหนะแหละ เช่น โทรนัดแขกมาออกรายการ ยกน้ำเสิร์ฟแขก เตรียมออกรายการ ประสานกล้อง ช่างทำหน้าทำผม ชงกาแฟให้คนดำเนินรายการ"
"เฮ้ย!ไอ้ฮุย พี่จะให้เอ็งออกกล้องมึงสนมั๊ย"หยุ่นพูดขึ้นในวันหนึ่ง หลังจากเหล่หาใครไม่เจอว่าจะเอาใครมาเป็นลูกไล่ให้ไอ้หนก
ไอ้ฮุยที่ว่านี้ มีชื่อจริงตามสำเนาทะเบียนบ้านว่า ธีระ ธัญไพบูลย์
คุณๆสังเกตกันไหม แก๊งเด็กนรกเนชั่นนี่จะมีความเหมือนๆกันอยู่2-3อย่างคือ
1.ไม่ได้เป็นนักข่าวสนามมาก่อน(ยก เว้นไอ้เผือก-สรยุทธ มีประสบการณ์ข่าวสนามมาบ้าง2-3ปี) อย่างไอ้หนกนี่เป็นดีเจจัดรายการเพลงอัสนี-วสันต์ อ้อมสุนิสา พี่เบิร์ดมา ไอ้ฮุย-ธีระนี่เด็กยกฉากแบกกล้องชงกาแฟ โทรสายต่อแขก จอมขวัญก็มาจากแปลข่าวต่างประเทศก๊อกๆแก๊กๆ อันนี้มันก็ทำให้พื้นไม่แน่น โดยเฉพาะหากมึงต้องมาว่าด้วยเรื่องข่าวการบ้านการเมือง คือพวกมึงไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันก็เลยฟ่ามๆ
2.ไม่ได้เป็นactivistหรือเด็กกิจกรรมมาก่อน ซึ่งอันนี้จะ ต่างจากหลายๆค่าย อย่างผู้จัดการ มติชน อาทิตย์ของชัชรินทร์ แนวหน้า ไทยรัฐ เดลินิวส์ INN บางกอกโพสต์ ไทยโพสต์ เขาจะเลือกเด็กActivistมาก่อน ข้อดีคือไอ้พวกนี้มันกระฉับกระเฉงลุยงาน ข้อเสียคือไอ้พวกนี้มันมีชุดความคิดบล็อกในหัวมาแล้ว พูดง่ายๆว่าปกครองยาก ล้างสมองก็ยาก เพราะเด็กมันแก่แดด หยุ่นเอาอย่างแก๊งเด็กนรกที่ไม่ใช่Activistมาทำงานก็สบายยังงี้ คือพวกนี้มันเด็กว่าง่าย เอาอะไรใส่หัวให้มัน มันก็รับไว บอกให้มึงศรัทธาใคร เกลียดใคร ให้พวกมันไปกัดใครแทน มันก็ทำถวายชีวิต...
จะ ต่างจากพวกเด็กกิจกรรมมหาลัย ไอ้พวกนี้ไม่ได้ทำงานให้ใครเพราะมันศรัทธา แต่มันจะซักจะถามจะสงสัย และมีกรอบแนวคิดชนิดหนึ่งว่า ที่มันต้องทำลงไปนั้น เป็นประโยชน์หรือผลเสียแก่บ้านเมืองส่วนรวม...คนอย่างนี้ไม่ได้เกิดที่ Nation คือมันก็เป็นเวรกรรมของหยุ่น คือตอนมันหนุ่มๆมันไปทำกับเจ้านายเก่าไว้มาก หักเขาไปทั่ว แก่ตัวมามันเลยหาเด็กๆโนเกี๊ยะหัวอ่อนมาใช้ดีกว่า เอาอะไรยัดใส่กบาลมันก็รับหมด จะให้มันเป็นม้าใช้ ส่งไปกัดใคร มันเหมือนหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ต้องเคยถามว่า ที่เราทำๆนี่มันไม่เหี้ยหรือครับพี่ บ้านเมืองเสียหายนะพี่...ไม่มี!
3.ทั้งหมดนี่เป็นคนกรุงเทพฯ สเป็คตี๋หมวยถูกจริตคนกรุงเทพฯ ถึงหยุ่นจะเป็นคนสงขลาบ้าสะตอ แต่พอจะหาเด็กออกหน้าจอนี่เห็นไหม ไม่มีเลยที่เป็นเด็กสะตอ จะต่างจากค่ายอื่นๆ หากคุณๆว่างไปเดินเล่นใต้ถุนสภา หรือรังนกกระจอกทำเนียบนี่ ก็ต้องคิดไว้ก่อนว่าภาษาทองแดงถือเป็นภาษาราชการของนักข่าว ส่วนภาษากลางนี่เอาไว้ใช้ถามแหล่งข่าวก็พอ พวกมันคุยกันเองก็สะตอแตกทั้งนั้น...
เด็กกรุงเทพฯไม่พอ ต้องมีเชื้อด้วย คือต้องกากี่นั้งทั้งไอ้เผือก ไอ้หนก ไอ้ฮุย จอมขวัญอะไรพวกนี้กากี่นั้งหมด เพราะมันต้องทำรายการเอาใจคนดูชาวกรุง แล้วก็คนเมือง ซึ่งเป็นกากี่นั้งด้วยกัน ส่วนพวกทองแดง หรือออกลาวนี่หยุ่นก็มีไว้มั่งเป็นไม้ประดับไว้ออกข่าวภูมิภาคอะไรกันไป ...ไม่เคยมีใครดูพวกมันหรอก
4.ไอ้พวกนี้ต้องแสดงออกทางสีหน้าท่าทางกวนตีนกันทุกตัว อัน นี้มันก็ไม่ได้เป็นมาแต่เกิดนะ พ่อหยุ่นสอนมัน พ่อหยุ่นบอกว่าการทำรายการทีวีมันต้องมีภาษากายแบบรายการทีวีฝรั่ง พวกมึงจะมานั่งทื่อมะลื่อนี่ไม่ได้ เอาให้คนดูเห็นๆว่าพวกมึงเกลียดโกรธ บูชาๆคนที่มึงสัมภาษณ์ หรือกำลังพูดถึงให้เห็นตำตาเลย
ดังนั้นเวลาแก๊งเด็กนรกนี่ออกหน้าจอมันก็ทำตามพ่อหยุ่นมันฝังใส่กบาลมานั่นแหละ...
เดี๋ยวไปว่าต่อแต่ละตัว อันนี้ถือว่าแทรกมุก ให้รู้จักแบ็คกราวนด์ตัวละครพอสังเขป
พื้นฐานไอ้ฮุยนี่ก็ไม่ได้เป็นนักข่าวสนามมาเหมือนไอ้หนก ความคิดความอ่านการเมืองก็ไม่มีห่าอะไรเลย ก็เหมือนเด็กทั่วๆไปที่เกิดแล้วรู้ความสมัยป๋าเป็นนายกฯ คือวันๆก็โดนกรอกหูกรอกตาด้วยเรื่องซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก
ไอ้ฮุยนี่ เป็นเอามากถึงขั้นเมียมันจะคลอดวันที่14ธันวานะ แล้วมันนี่ได้ชื่อว่าเป็นคนกลัวมอสระเอียชนิดได้โล่กับเขาคนหนึ่ง ยังอุตส่าห์พาเมียไปผ่าลูกออกก่อนกำหนด คุณๆเดาไม่ผิดหรอกมันผ่าออกตอนวันที่5ธันวาคมพอดี๊พอดี
เพราะงั้น เวลาไอ้ฮุยเล่าข่าวว่าไอ้เหลี่ยมจะล้มล้าง หรืออีเพ็ญจะจับอาวุธลุยถั่วล้มล้าง หรือไอ้พวกเสื้อแดงหมิ่นอะไรต่างๆนี่ มันก็เลยจะออกมาธรรมชาติมากๆ อันนี้พ่อหยุ่นไม่ต้องล้างสมองมา มันเป็นงี้มาแต่เกิด
แล้วเพราะความฟ่ามของไอ้ฮุย ไอ้หนก จอมขวัญที่ว่ามันไม่มีพื้นฐานงานข่าวสนามมาก่อนหนึ่งหละ แล้วก็ไม่เคยผ่านการเป็นเด็กแอ๊คทิวิสต์ในมหาลัยมาด้วยหละ ไอ้สิ่งที่เรียกว่าconceptual frameworkของมันเรื่องของกิจการบ้านเมือง เรื่องในเชิงidealisticsอะไรทั้งหลายแหล่เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อสังคมส่วนรวม เพื่อคนด้อยโอกาสคนยากคนจนนี่เลยไม่ต้องมี มันมองไปเจอเสื้อแดงมากันเป็นแสนหลายแสนนี่ ที่มันคิดคือสามแสนคน หัวห้าร้อย คุณกันแล้ว ไอ้เหลี่ยมต้องควักเท่าไหร่วะ?....ขี้ชัดๆนะในหัวไอ้พวกเหี้ยนี่
การ ทำรายการทางเนชั่นมันก็เลยออกมาอย่างเห็นๆ แม่งจะแสดงภูมิปัญญาอะไรได้เพื่อประเทศชาติบ้านเกิด คุณคิดเหรอว่างาช้างมันจะงอกออกมาจากปากหมาเน่าๆอย่างไอ้เหี้ยสองตัวนี่
ท่าน หนกก็นะ ตอนแรกทำรายการไอ้เผือก เป็นลูกไล่ไอ้เผือกออกแนวหงิมๆคนก็เอ็นดูสงสารมัน มันก็เอาใหญ่อ้อนแฟนๆว่า ผมเป็นคนจีนก็จริงแต่ยากจนอนาถา ตอนเด็กมีแฟนอยู่คน มีปัญญาแค่ซื้อแอ็ปเปิ้ลให้กิ๊กกินลูกเดียว จากนั้นก็พลัดพรากจากกัน...พอมามีหนังแฟนฉันเข้าโรงดังบึ้ม ไอ้นี่ก็เข้าไปเขียนประกาศในห้องเฉลิมไทย เวบไซต์พันทิป สะดีดสะดิ้งบอกอยากพาแฟนฉันสมัยเด็กไปตีตั๋วดูหนังรำลึกความหลังกัน....ท่าน ดอก!ลูกผัวเค๊ามีมันคิดมั่งมั๊ย
ไอ้พวกเฉลิมไทยก็สะดีดสะดิ้งตอแหล ลุ้นไปกับไอ้เหี้ยหนกกันยกใหญ่ ติดตามกันเหมือนละครน้ำเน่าหลังข่าวพระราชสำนัก เอาไปเอามาไอ้หนกต้องเอาจริงเพราะแรงยุของพวกสะดีดสะดิ้งปัญญาสะตึในเหลิ มไทย ผู้หญิงเขาไม่ยอมออกมา ไอ้ห่ารากนี่เอารถไปตามเขาถึงบ้าน ลากเมียเขาออกมา...ผัวเขาก็นั่งกัดฟันกรอดๆรออยู่ที่บ้าน ไอ้เชี่ย แฟนฉันก็จริง แต่อีนี่มันเมียกูนะสัดดด...!
ส่วนเมียไอ้หนกก็เรื่อง รัยจะปล่อยแม่งไปแหววกับแฟนฉันสองต่อสอง แฟนฉันก็ใช่ แต่ไอ้หนกนี่ผัวกูนะอีดอก มันก็เลยไปนั่งคั่นกลาง...คนทั้งโรงก็ดูไปฮากันไป ส่วนไอ้หนกกับเมียพร้อมกิ๊กนี่นั่งหายใจฟืดฟาดๆๆ กว่าจะจบเรื่องได้ ลงท้ายไอ้เจี๊ยบอีน้อยหน่าไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งยังไง
ไอ้หนกกับเมียมัน รวมทั้งแฟนฉันและผัวเขา ก็แทบจะบ้านแตกฉันนั้น...
กลับ มาฝั่งไอ้เผือกมั่ง ตอนนี้ต้องใช้คำว่าเสี่ยนำหน้าแล้ว เพราะรายการถึงลูกถึงเมียฮิตระเบิด เจ๊มิ่งก็เลยจะเปิดรายการใหม่ให้เป็นเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ไอ้เผือกเลยต้องไปทาบไอ้หนกมาเป็นลูกไล่ที่ช่อง9 ไอ้หนกเลยได้อาศัยเกาะไอ้เผือกดัง เพราะมันทำตัวน่าเอ็นดูให้ไอ้เผือกสับโขกเล่นเป็นที่บันเทิงของคนดู
ท่าน เผือกก็สร้างวีรกรรมไว้เยอะที่ช่อง9อย่างรู้ๆกัน เรื่องเงินๆทองๆทั้งนั้น ทั้งอมเงินค่าโคดสะนา100กว่าล้าน ทั้งเรื่องให้คนดูส่งSMSมารายการแล้วแทนที่มันจะแบ่งให้ช่อง9เขา ไอ้ห่ารากนี่อมซะเอง ไหนจะเรื่องtry in หรือโคดสะนาแฝงเวลาเชิญแขกเชิญใครมาออกรายการที่พอจะมีตังค์ไถได้
แต่ คุณงามความดีมันก็มากคือมันสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้วงการเยอะมาก แล้วก็ให้ผมพูดตรงๆนะ มันสลัดเงาของหยุ่นได้พอสมควร คือไม่ต้องเป็นขี้ตีนรับใช้เป็นหุ่นยนต์พิฆาตให้หยุ่น ดังนั้นพวกเสื้อแดงอาจจะไม่ถูกใจมัน แต่อย่าลืมว่าไอ้พวกเสื้อเหลืองก็ด่ามันยับ หาว่ามันเป็นคนของระบอบทักษิณ...ผมว่ามันก็ตรงไปตรงมา อย่างตอนไอ้พวกเหี้ยเหลืองยึดสนามบิน มันก็เล่นตรงๆว่า80ลำนะเว้ยเฮ้ย พวกมึงยึดเขาไว้ มันก็กดดันให้เหี้ยเหลืองปล่อยเครื่องบินตัวประกันได้ พวกมุสลิมก็ได้ไปเมกกะห์ก็เพราะมันออกแรง ไม่งั้นก็แห้งตายอยู่สุวรรณภูมิ....
ไอ้เผือกนี่อย่างน้อยมันก็มี พื้นฐานนักข่าวสนามมา มันมีconceptualของมัน ถึงใครจะด่าว่าออกดัดจริต แต่การที่มันเน้นเรื่อง”สามัคคีประเทศไทย รักในหลวง บลาบลาบลา”…ผมก็ว่ามันไม่ได้เหี้ยเหมือนไอ้หนก ไอ้ฮุยที่มีแต่”คอนเซ็ปชั่ว”ลูกเดียวนะ ว่ามั๊ยสัดดด?
ว่า กันตรงๆคือมันก็คือ”พ่อค้า”คนหนึ่งแหละ มันถือตำรากากี่นั้งว่า”กินขี้หมาดีกว่าค้าความ”มันไม่อยากหาศัตรู จะได้ทำมาหาแดกไปได้เรื่อยๆ แสดงออกว่ากรูเดินสายกลาง ไม่เข้าใครออกใคร
แต่ อย่ามีลูกหลุดถึงตีนกูนะ อย่างรถแก๊สดินแดงตอนสงกรานต์ มันก็ต้องตามน้ำว่า”ก็นี่แหละครับ!”ซักหน่อย....ไอ้เรื่องจะเหี้ยก็คือว่า การที่จะสืบเสาะหาข้อเท็จจริงนี่เสือกไม่ทำ ว่ากันไปตามกระแส ไม่รู้แม่งจริงไม่จริง มันก็ตามน้ำไปก่อน..”ก็นี่แหละครับ คุณผู้ชมครับ”...มึงก็ทำการบ้านหน่อยซีว้าไอ้เผือก....อย่าเสือกมักง่าย มึงมักง่ายก็ต้องโดนกูด่า ...ก็นี่แหละครับ
หลัง รัฐประหาร19กันยา เจ๊มิ่งไป ไอ้เผือกก็หลุดช่อง9 ไปประจำช่อง3มันก็ไม่เดือดร้อนหรอก ก็ยังเป็นเสี่ยเหมือนเดิม จะเดือดร้อนหน่อยก็ไอ้เตี้ยหนกนี่เสือกด่าไล่หลังเพื่อนว่า”กูทำงานกับคนโกง ไม่ได้”
..อ้าว!ไอ้เตี้ยนี่ออกลายเนรคุณเพื่อน มาได้เกิดช่อง9ก็ไอ้เผือกลากมา ไม่งั้นก็แคระตายอยู่ช่องเนชั่น พอเพื่อนล้มไอ้เตี้ยโดดข้ามไม่พอ แม่งขอตื้บฟรี1ดอก ไอ้สัดดด
พอหลัง 19กันยาก็อย่างที่เห็นคือไอ้หนกคนเดียวไม่พอ ไอ้ฮุยตามมาด้วย จอมขวัญตามมาติด หยุ่นตัวพ่อก็มาโผล่ เล่นแม่งเป็นลูกระนาด3 5 7 9 NBT ส่วนTPBSนี่ให้หย่องแดกเรียบ เพราะมันมีข้อตกลงกับปีศาจอย่างที่ผมว่ามาก่อนๆนี้
บางทีหาเรื่อง เล่นไม่เจอ ไอ้ฮุยก็มามุกด้านๆเลย บอกได้ฟอร์เวิร์ดเมล์จากทางบ้าน(ก็ไอ้พวกเหี้ยเหลืองนะแหละ)บอกวันนี้ให้ใส่ เสื้อเหลืองทั้งประเทศนะ เพราะหมอผีเขมรเล่นของสะกดเมืองไทยให้ยกเขาพระวิหารให้มัน....ขอเชิญชวน ประชาชนไทยนะ
ครับทั้งชาติแค่รวมใจใส่เสื้อเหลืองแก้เคล็ด วันนี้เห็นมั๊ยผมยังใส่เสื้อเหลืองออกทีวีเลย
วีณารัตน์ แซ่เล้านั่งจัดคู่ด้วยอายก็อาย ทุเรศก็ทุเรศเลยแขวะไอ้ฮุยว่าเธอนี่ก็เป็นเอามากนะ จะเล่นของไปถึงไหน เมืองไทยก็มีพระสยามเทวธิราชปกป้องคุ้มครองอยู่แล้ว ไอ้ฮุยนี่มีเคืองออกหน้าจอให้เห็น พอพักโคดสะนากลับมามันก็แก้ตัวดิบๆเลยว่า หันไปเล่นมุมว่ากูนี่ไม่ได้บ้าไสยศาสตร์เว้ย กูนี่ก็วิทยาศาสตร์เหมือนกัน
ว่า แล้วไอ้ฮุยก็เล่าข่าวว่า นอกจากเรื่องไสยดำมนต์เขมรแล้วเนี่ย พอดีวันนี้เกิดสุริยุปราคาด้วย แล้วก็เล่าว่าอันนี้เป็นปรากฎการณ์ทางวิทยาศาสตร์นะ โลกบังดวงจันทร์บังอาทิตย์กี่องศาฟิลิปดาห่าเหวยาวเลย วีณารัตน์ แซ่เล้าได้ทีแขวะว่า”อ่า ไปดูสุริยุปราคานี่ไม่ต้องใส่เสื้อเหลืองดูหรอกนะ...”
ไอ้ฮุยเสือกไม่ขำ รายการจบพอดี วีณารัตน์ แซ่เล้าโดนไอ้ฮุยตบคว่ำหรือเปล่า ข่าวไม่ได้แจ้ง
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน6):ชื่อของนก นามของไม้ ศักดิ์ศรีของคนชายคามติชน
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
4 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ขรรค์ชัย บุนปาน
คนก็กังขากันมากเรื่องปลดเสถียร จันทิมาธรออกจากบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ ไอ่พวกเหี้ยเหลืองไปอ้างว่าเพราะบุญบารมีพ่อมันคือไอ่ลิ้มสั่งบอยคอต พี่ช้าง-ขรรค์ชัย บุนปานกลัวมติชนเจ๊ง เลยปลดเอาใจเหี้ยเหลือง
ไอ้ที่มันอ้างมาหน้าด้านๆนี่ ตอแหลทั้งดุ้น หมาที่ไหนจะไปเชื่อมึงไอ่พวกเหี้ยเหลือง
เอางี้ตั้งแต่ตั้งมติชนมา30ปีนี้พี่ช้างแกไม่เคยปลดใครซี้ซั้วง่ายๆ
เคยมีปลดสมหมาย ปาริจฉัตต์ออกจากบรรณาธิการมาหนนึง ซัก20ปีมาแล้วมั๊ง
เรื่องของเรื่องคือมติชนเขามีคอลัมน์ให้คนอ่านส่งจดหมายมาลงหน้าแถวกลางๆ เล่ม ทีนี้วันหนึ่งมันก็มีคนเขียนมาด่าพระบอกเจ้าอาวาสวัดบวรฯทำผิดเรื่องนู้น เรื่องนี้ มติชนก็เอาลงพิมพ์ ต่อมาคนก็ด่ามาชิบหายว่าเฮ้ยลงยังงี้ได้ไงไอ้ชิปหาย ไม่รู้หรือว่าเจ้าอาวาสวัดบวรนี่คือพระสังฆราช
สมหมาย ปาริจฉัตต์
พี่ช้างแกเป็นพวกอนุรักษ์นิยม เป็น2กุมารสยามคู่กับพี่สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นศิษย์ก้นกุฏิอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ตั้งแต่สยามรัฐ แกก็ออกแนวๆ"ชาติ ศาสน์ กษัตริย์"นั่นแหละ แต่แกก็ใจกว้างให้พวกฝ่ายซ้ายมาทำงานเต็มกองบก.ได้ เพราะเป้าหมายคนอ่านเป็นปัญญาชน พวกนี้ส่วนใหญ่มีแนวโน้มอยู่ซ้ายเรื่องของเรื่อง
แกก็ปลดสมหมายออก แต่ก็ไม่ให้อดอยากหรอก ทุกวันนี้ก็ให้มาเป็นเอ็มดีบริษัท
ที นี้พี่ช้างนอกจากแกแก่วัดกราบพระแล้วแกก็เป็นพวกกราบเจ้าด้วย แกก็มาได้เรียกว่าสนิทกับพระเทพเรื่องของเรื่อง ขนาดที่ว่าเคยพึ่งพาบารมีพระเทพนี่เอาป๋าส.รอดคุกคดีหมิ่นมาแล้วก็แล้วกัน
ความ สัมพันธ์กับพี่เถียรนั้นยาวนานเก่าแก่มากตั้งแต่แกเป็น2กุมารสยามอยู่กับ อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ที่สยามรัฐแล้ว พี่เถียรหนีเข้าป่าตอน6ตุลา เขียนหนังสือทิ้งไว้เล่มหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้ แต่ประมาณว่าบ้านเมืองแม่งเป็นงี้พวกเราคนหนังสือพิมพ์มาเป็นคอมฯเถอะวะ อะไรประมาณนี้ แต่ภาษาพี่เถียรแกสวย ประมาณว่าซ้ายโรมานซ์
เสถียร จันทิมาธร
พอป่าแตกแกก็ออกมาทำมติชนสุดฯนี่ แหละ ตั้งแต่เป็นแทปลอยด์ขาวดำเลย ตอนนั้นการเมืองรายสัปฯนี่มีหลายหัวมาก อย่างจตุรัสของพันธ์ศักดิ์ สยามใหม่ ไทยนิกร อาทิตย์ สยามร้ฐสัปฯ แล้วก็มติชนสุด แต่พวกที่ว่ามานั้นตายจากแผงไปหมด เหลือมติชนรอดมาใหญ่โตยอดพิมพ์เป็นแสนอยู่เล่มเดียว เพราะพี่เถียรแกฉีกแนวไม่ใช่แนวการเมืองแบบฮาร์ดคอร์ แกก็ยำใหญ่ใส่สารพัด เอานิยายมาลง เอานู่นเอานี่มาลง แม้กระทั่งนู้ดแกก็เอามาลง แล้วก็ปรุงๆมันก็ถูกปากคน เพราะมันvarietyมันก็โต
แล้วแกยังมาปั้น ข่าวสดจนพอไปได้ แม้จะไม่เปรี่ยงปร้างนะ ขี้หมูขี้หมาปีที่แล้วแกก็หาเงินจากข่าวสดให้พี่ช้างเอาไปทำเรือนขุนช้างแก ได้60กว่าล้าน แสดงว่าแกมือแน่ มืออาชีพพูดง่ายๆ
แล้วคุณคิดดูคนมัน ปึ้กขนาดนี้บอกว่าแกไปเขียนด่าพันธมิตรเลยโดนพี่ช้างปลดตกงานนี่หมาที่ไหน มันจะเชื่อ แล้วไปบอกว่าพันธมิตรเลิกอ่านบอยคอตกลัวเจ๊งนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไปดูงบการเงินที่มติชนส่งให้ตลาดหลักทรัพย์สิ ปีกลายนี่กำไรขั้นต้นเพิ่มนะ แต่บริษัทในตลาดหุ้นก็อย่างรู้ๆพอเศรษฐกิจตก แม่งก็สวมรอยทำตัวเลขกำไรหด จะได้หลบภาษี นี่ว่ากันตรงๆ ของแท้คือพี่เถียรเอาตังค์ใส่พานให้พี่ช้างไปฉีกเล่น60กว่าล้าน
ถ้า ให้ผมเดาก็คงพี่เถียรวิญญาณซ้ายเก่าแกของขึ้นนั่นแหละ ขนาดหนีเข้าป่าไม่กลัวตาย กูยังทำมาแล้ว แค่ทำหนังสือรบกับพวกมึงขี้หมามาก แกก็เล่นเขาไม่ยั้ง ดูซิขึ้นปกเย็นศิระเพราะพระ"บริบาล"ตอนงานศพนังโบว์ หาว่าเขาไป"บริบาล"พันธมิตร แล้วก็อะไรอีกพระเทพตรัส They do for themselves ข่าวสดหลุดเดี่ยวฉบับเดียว แล้วมาขึ้นปกไอ้เหลี่ยมว่า"ปีศาจ"ที่ ให้นัยประหวัดถึงสาย สีมา พระเอกนิยายปีศาจที่ประกาศจะล้มซากเดนเก่า อดีตเป็นของพวกมึง อนาคตมันคิวพวกกูอะไรแบบนี้ ....มันก็คงถึงที่สุดเขาเข้าซักวัน
ผมว่าตอนสมหมายโดนปลดเรื่องพระ ตอนนี้ก็เดาว่าเป็นเรื่องเจ้าหวะ แต่คนมันปึ้กกันมานานขนาดนี้แกก็คงไม่ปล่อยพี่เถียรตกงานตอนแก่หรอก คงดูแลกัน
เรื่องพี่เถียรนี่ผมว่าไปแล้ว คือสรุปก็หนก่อนพี่ช้างปลดสมหมายเพราะเรื่องพระ คราวนี้คงปลดพี่เถียรเพราะเรื่องเจ้า แต่แกก็คงดูแลพี่เถียรทางชีวิตส่วนตัวต่อไป
แต่พี่เถียรนี่สิ ชื่อของนก นามของไม้ ศักดิ์ศรีของคน มันน่าจะหาทางลงสวยๆให้แกด้วย งานนี้พี่ช้างแกทำไม่ถูก
พี่ช้างจะเยียวยายังไง...
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
4 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
เรื่องพี่เถียรนี่ผมว่าไปแล้ว คือสรุปก็หนก่อนพี่ช้างปลดสมหมายเพราะเรื่องพระ คราวนี้คงปลดพี่เถียรเพราะเรื่องเจ้า แต่แกก็คงดูแลพี่เถียรทางชีวิตส่วนตัวต่อไป..แต่พี่เถียรนี่สิ ชื่อของนก นามของไม้ ศักดิ์ศรีของคน มันน่าจะหาทางลงสวยๆให้แกด้วย งานนี้พี่ช้างแกทำไม่ถูก
ขรรค์ชัย บุนปาน
คนก็กังขากันมากเรื่องปลดเสถียร จันทิมาธรออกจากบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ ไอ่พวกเหี้ยเหลืองไปอ้างว่าเพราะบุญบารมีพ่อมันคือไอ่ลิ้มสั่งบอยคอต พี่ช้าง-ขรรค์ชัย บุนปานกลัวมติชนเจ๊ง เลยปลดเอาใจเหี้ยเหลือง
ไอ้ที่มันอ้างมาหน้าด้านๆนี่ ตอแหลทั้งดุ้น หมาที่ไหนจะไปเชื่อมึงไอ่พวกเหี้ยเหลือง
เอางี้ตั้งแต่ตั้งมติชนมา30ปีนี้พี่ช้างแกไม่เคยปลดใครซี้ซั้วง่ายๆ
เคยมีปลดสมหมาย ปาริจฉัตต์ออกจากบรรณาธิการมาหนนึง ซัก20ปีมาแล้วมั๊ง
เรื่องของเรื่องคือมติชนเขามีคอลัมน์ให้คนอ่านส่งจดหมายมาลงหน้าแถวกลางๆ เล่ม ทีนี้วันหนึ่งมันก็มีคนเขียนมาด่าพระบอกเจ้าอาวาสวัดบวรฯทำผิดเรื่องนู้น เรื่องนี้ มติชนก็เอาลงพิมพ์ ต่อมาคนก็ด่ามาชิบหายว่าเฮ้ยลงยังงี้ได้ไงไอ้ชิปหาย ไม่รู้หรือว่าเจ้าอาวาสวัดบวรนี่คือพระสังฆราช
สมหมาย ปาริจฉัตต์
พี่ช้างแกเป็นพวกอนุรักษ์นิยม เป็น2กุมารสยามคู่กับพี่สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นศิษย์ก้นกุฏิอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ตั้งแต่สยามรัฐ แกก็ออกแนวๆ"ชาติ ศาสน์ กษัตริย์"นั่นแหละ แต่แกก็ใจกว้างให้พวกฝ่ายซ้ายมาทำงานเต็มกองบก.ได้ เพราะเป้าหมายคนอ่านเป็นปัญญาชน พวกนี้ส่วนใหญ่มีแนวโน้มอยู่ซ้ายเรื่องของเรื่อง
แกก็ปลดสมหมายออก แต่ก็ไม่ให้อดอยากหรอก ทุกวันนี้ก็ให้มาเป็นเอ็มดีบริษัท
ที นี้พี่ช้างนอกจากแกแก่วัดกราบพระแล้วแกก็เป็นพวกกราบเจ้าด้วย แกก็มาได้เรียกว่าสนิทกับพระเทพเรื่องของเรื่อง ขนาดที่ว่าเคยพึ่งพาบารมีพระเทพนี่เอาป๋าส.รอดคุกคดีหมิ่นมาแล้วก็แล้วกัน
ความ สัมพันธ์กับพี่เถียรนั้นยาวนานเก่าแก่มากตั้งแต่แกเป็น2กุมารสยามอยู่กับ อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ที่สยามรัฐแล้ว พี่เถียรหนีเข้าป่าตอน6ตุลา เขียนหนังสือทิ้งไว้เล่มหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้ แต่ประมาณว่าบ้านเมืองแม่งเป็นงี้พวกเราคนหนังสือพิมพ์มาเป็นคอมฯเถอะวะ อะไรประมาณนี้ แต่ภาษาพี่เถียรแกสวย ประมาณว่าซ้ายโรมานซ์
เสถียร จันทิมาธร
พอป่าแตกแกก็ออกมาทำมติชนสุดฯนี่ แหละ ตั้งแต่เป็นแทปลอยด์ขาวดำเลย ตอนนั้นการเมืองรายสัปฯนี่มีหลายหัวมาก อย่างจตุรัสของพันธ์ศักดิ์ สยามใหม่ ไทยนิกร อาทิตย์ สยามร้ฐสัปฯ แล้วก็มติชนสุด แต่พวกที่ว่ามานั้นตายจากแผงไปหมด เหลือมติชนรอดมาใหญ่โตยอดพิมพ์เป็นแสนอยู่เล่มเดียว เพราะพี่เถียรแกฉีกแนวไม่ใช่แนวการเมืองแบบฮาร์ดคอร์ แกก็ยำใหญ่ใส่สารพัด เอานิยายมาลง เอานู่นเอานี่มาลง แม้กระทั่งนู้ดแกก็เอามาลง แล้วก็ปรุงๆมันก็ถูกปากคน เพราะมันvarietyมันก็โต
แล้วแกยังมาปั้น ข่าวสดจนพอไปได้ แม้จะไม่เปรี่ยงปร้างนะ ขี้หมูขี้หมาปีที่แล้วแกก็หาเงินจากข่าวสดให้พี่ช้างเอาไปทำเรือนขุนช้างแก ได้60กว่าล้าน แสดงว่าแกมือแน่ มืออาชีพพูดง่ายๆ
แล้วคุณคิดดูคนมัน ปึ้กขนาดนี้บอกว่าแกไปเขียนด่าพันธมิตรเลยโดนพี่ช้างปลดตกงานนี่หมาที่ไหน มันจะเชื่อ แล้วไปบอกว่าพันธมิตรเลิกอ่านบอยคอตกลัวเจ๊งนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไปดูงบการเงินที่มติชนส่งให้ตลาดหลักทรัพย์สิ ปีกลายนี่กำไรขั้นต้นเพิ่มนะ แต่บริษัทในตลาดหุ้นก็อย่างรู้ๆพอเศรษฐกิจตก แม่งก็สวมรอยทำตัวเลขกำไรหด จะได้หลบภาษี นี่ว่ากันตรงๆ ของแท้คือพี่เถียรเอาตังค์ใส่พานให้พี่ช้างไปฉีกเล่น60กว่าล้าน
ถ้า ให้ผมเดาก็คงพี่เถียรวิญญาณซ้ายเก่าแกของขึ้นนั่นแหละ ขนาดหนีเข้าป่าไม่กลัวตาย กูยังทำมาแล้ว แค่ทำหนังสือรบกับพวกมึงขี้หมามาก แกก็เล่นเขาไม่ยั้ง ดูซิขึ้นปกเย็นศิระเพราะพระ"บริบาล"ตอนงานศพนังโบว์ หาว่าเขาไป"บริบาล"พันธมิตร แล้วก็อะไรอีกพระเทพตรัส They do for themselves ข่าวสดหลุดเดี่ยวฉบับเดียว แล้วมาขึ้นปกไอ้เหลี่ยมว่า"ปีศาจ"ที่ ให้นัยประหวัดถึงสาย สีมา พระเอกนิยายปีศาจที่ประกาศจะล้มซากเดนเก่า อดีตเป็นของพวกมึง อนาคตมันคิวพวกกูอะไรแบบนี้ ....มันก็คงถึงที่สุดเขาเข้าซักวัน
ผมว่าตอนสมหมายโดนปลดเรื่องพระ ตอนนี้ก็เดาว่าเป็นเรื่องเจ้าหวะ แต่คนมันปึ้กกันมานานขนาดนี้แกก็คงไม่ปล่อยพี่เถียรตกงานตอนแก่หรอก คงดูแลกัน
เรื่องพี่เถียรนี่ผมว่าไปแล้ว คือสรุปก็หนก่อนพี่ช้างปลดสมหมายเพราะเรื่องพระ คราวนี้คงปลดพี่เถียรเพราะเรื่องเจ้า แต่แกก็คงดูแลพี่เถียรทางชีวิตส่วนตัวต่อไป
แต่พี่เถียรนี่สิ ชื่อของนก นามของไม้ ศักดิ์ศรีของคน มันน่าจะหาทางลงสวยๆให้แกด้วย งานนี้พี่ช้างแกทำไม่ถูก
พี่ช้างจะเยียวยายังไง...
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน7):เปลว สีเงินปฏิบัติการแค้นฝังเหลี่ยม
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
6 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
สำหรับค่ายไทยโพสต์นี่ คนสงสัยกันมากว่าแค้นเหลี่ยมมาแต่ชาติปางไหน ตามบี้เช็ดเหลือเกิน
คือพี่เปลวนี่แกเป็นนักเลงโบราณนะครับ ใครดีมาก็ดีด้วย ใครร้ายก็ร้ายตอบให้เหลือแสน...
แก เคยทำงานไทยรัฐยุคป๊ะกำพลมานาน จนป๊ะตาย แกก็ออกมาทำสยามโพสต์ แกถือคติว่าคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านกับทุกรัฐบาล ตอนแกทำหนังสือพิมพ์สยามโพสต์ใหม่ๆ รัฐบาลนายชวนแกก็ด่าครับ ด่ามาด่าไปดร.ไตรรงค์ฉุน ลูกน้องดร.ไตรรงค์ตัวเหี้ยๆเยอะ(เสธ.แดงบอกว่าได้วิชาเหี้ยศาสตร์มาจากดร .ไตรรงค์นี่แหละ) ก็บุกโรงพิมพ์แกจะไปเอาเรื่องก็เคยมาแล้ว นอกนั้นก็โดนฟ้องนัวเนีย จนปิดสยามโพสต์ลง
มาเปิดหัวใหม่ไทยโพสต์ พอดีเหลี่ยมมาเป็นรัฐบาล แกก็ด่าตามคติแกคือคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านด่าแม่งทุกรัฐบาล แต่เหลี่ยมไม่ยอมรับคตินี้ก็เอาคืนแก ทั้งให้ตำรวจ ให้สตง.ตรวจสอบบัญชีเงินทอง ทั้งไปบีบโรงพิมพ์ของพี่วิ(ระวิ โหลทอง สยามกีฬา)ไม่ให้รับพิมพ์ไทยโพสต์ พี่วิก็ไม่อยากมีศัตรู ประกอบกับพี่เปลวก็ไปพิมพ์กับพี่วิก็ต๊ะไว้ดะ หนี้สะสมชักบานด้วย...
อัน นี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนให้พี่เปลวเปลี่ยนคติของแกจากที่ว่ากูขอเป็นฝ่ายค้าน ด่าทุกรัฐบาล มาเป็นว่ากูจะขอจองเวรไอ้เหลี่ยมให้ตายกันไปข้าง(แกประกาศกับลูกน้องคนสนิท ที่ร้านข้าวต้มอนันต์แถวพระราม6 ตอนนั้นผมเมาๆออกจากห้องน้ำมาได้ยินประมาณนี้)
เรื่องของเรื่องก็เป็นงี้แหละครับ บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระให้สาสม
ส่วนใบตองแห้ง เขียนคอลัมน์ว่ายทวนน้ำ อันนี้คนก็สงสัยว่าเขียนไปคนละโทนกับพี่เปลวเลย ทำไมพี่เปลวยังเลี้ยงไว้ทำซากอีก?
คือไอ้นี่ คงเป็นไอ้ถึกเพื่อนผมครับ ไอ้นี่ในชีวิตมันกวนตีน มันมีจุดยืนเป็นนักวิชาชีพเป็นกลาง ใครห้ามมาสั่งกูซ้ายหันขวาหัน
ฉายามัน"ถึกเที่ยงถึง" คือหากไม่เที่ยงไอ้นี่ไม่เคยถึงโรงพิมพ์ เพราะดึกๆแม่งดูหนังโป๊ทั้งคืน แล้วเสือกตัดต่อหนังโป๊เองไว้เป็นคอลเล็กชั่นด้วย
พี่ เปลวแกก็นักเลงพอตัว ก็ปล่อยไอ้ถึกไว้เขียนแบบเป็นตัวของตัวเอง ก็ดีออก ใครเกลียดแม้วก็อ่านเปลว ใครรักแม้วก็อ่านใบตองแห้ง ได้แม่งทั้งขึ้นทั้งล่อง....ดีกว่าเอียงไปข้างเดียวแบบผู้จัดการ กับเนชั่น...
หากผมเป็นพี่เปลวผมก็ทำแบบแกนี่แหละ คือจะกวนตีนใครก็กวนไป แต่อย่าเสือกมากวนตีนกูก็พอ ซึ่งไอ้ถึกมันไม่กล้าไปกวนตีนพี่เปลวหรอกเท่าที่ผมรู้...วีรกรรมไอ้ถึกเยอะ ครับ สมัยหนึ่งมันไปอยู่รายวันเล่มนึง ไอ้เทือกเข้ามาเสือกมาสั่งนายทุนให้เชียร์มันหน่อย แล้วช่วยด่าไทยรัฐที่กำลังถล่มไอ้เทือกเรื่องสปก.ให้ด้วย ไอ้ถึกมันไม่ยอม นายทุนบอกมึงไม่ยอม มึงกับกูอยู่กันไม่ได้
ไอ้ถึกไม่เสียดมเสียดายเงินเดือนหลายหมื่นเลย แม่งเก็บของได้ก็ไปจากโรงพิมพ์เหี้ยนั่นเลย...
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
6 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
อันนี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนให้พี่เปลวเปลี่ยนคติของแกจากที่ว่ากูขอเป็นฝ่าย ค้านด่าทุกรัฐบาล มาเป็นว่ากูจะขอจองเวรไอ้เหลี่ยมให้ตายกันไปข้าง(แกประกาศกับลูกน้องคนสนิท ที่ร้านข้าวต้มอนันต์แถวพระราม6 ตอนนั้นผมเมาๆออกจากห้องน้ำมาได้ยินประมาณนี้)
สำหรับค่ายไทยโพสต์นี่ คนสงสัยกันมากว่าแค้นเหลี่ยมมาแต่ชาติปางไหน ตามบี้เช็ดเหลือเกิน
คือพี่เปลวนี่แกเป็นนักเลงโบราณนะครับ ใครดีมาก็ดีด้วย ใครร้ายก็ร้ายตอบให้เหลือแสน...
แก เคยทำงานไทยรัฐยุคป๊ะกำพลมานาน จนป๊ะตาย แกก็ออกมาทำสยามโพสต์ แกถือคติว่าคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านกับทุกรัฐบาล ตอนแกทำหนังสือพิมพ์สยามโพสต์ใหม่ๆ รัฐบาลนายชวนแกก็ด่าครับ ด่ามาด่าไปดร.ไตรรงค์ฉุน ลูกน้องดร.ไตรรงค์ตัวเหี้ยๆเยอะ(เสธ.แดงบอกว่าได้วิชาเหี้ยศาสตร์มาจากดร .ไตรรงค์นี่แหละ) ก็บุกโรงพิมพ์แกจะไปเอาเรื่องก็เคยมาแล้ว นอกนั้นก็โดนฟ้องนัวเนีย จนปิดสยามโพสต์ลง
มาเปิดหัวใหม่ไทยโพสต์ พอดีเหลี่ยมมาเป็นรัฐบาล แกก็ด่าตามคติแกคือคนหนังสือพิมพ์ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านด่าแม่งทุกรัฐบาล แต่เหลี่ยมไม่ยอมรับคตินี้ก็เอาคืนแก ทั้งให้ตำรวจ ให้สตง.ตรวจสอบบัญชีเงินทอง ทั้งไปบีบโรงพิมพ์ของพี่วิ(ระวิ โหลทอง สยามกีฬา)ไม่ให้รับพิมพ์ไทยโพสต์ พี่วิก็ไม่อยากมีศัตรู ประกอบกับพี่เปลวก็ไปพิมพ์กับพี่วิก็ต๊ะไว้ดะ หนี้สะสมชักบานด้วย...
อัน นี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนให้พี่เปลวเปลี่ยนคติของแกจากที่ว่ากูขอเป็นฝ่ายค้าน ด่าทุกรัฐบาล มาเป็นว่ากูจะขอจองเวรไอ้เหลี่ยมให้ตายกันไปข้าง(แกประกาศกับลูกน้องคนสนิท ที่ร้านข้าวต้มอนันต์แถวพระราม6 ตอนนั้นผมเมาๆออกจากห้องน้ำมาได้ยินประมาณนี้)
เรื่องของเรื่องก็เป็นงี้แหละครับ บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระให้สาสม
ส่วนใบตองแห้ง เขียนคอลัมน์ว่ายทวนน้ำ อันนี้คนก็สงสัยว่าเขียนไปคนละโทนกับพี่เปลวเลย ทำไมพี่เปลวยังเลี้ยงไว้ทำซากอีก?
คือไอ้นี่ คงเป็นไอ้ถึกเพื่อนผมครับ ไอ้นี่ในชีวิตมันกวนตีน มันมีจุดยืนเป็นนักวิชาชีพเป็นกลาง ใครห้ามมาสั่งกูซ้ายหันขวาหัน
ฉายามัน"ถึกเที่ยงถึง" คือหากไม่เที่ยงไอ้นี่ไม่เคยถึงโรงพิมพ์ เพราะดึกๆแม่งดูหนังโป๊ทั้งคืน แล้วเสือกตัดต่อหนังโป๊เองไว้เป็นคอลเล็กชั่นด้วย
พี่ เปลวแกก็นักเลงพอตัว ก็ปล่อยไอ้ถึกไว้เขียนแบบเป็นตัวของตัวเอง ก็ดีออก ใครเกลียดแม้วก็อ่านเปลว ใครรักแม้วก็อ่านใบตองแห้ง ได้แม่งทั้งขึ้นทั้งล่อง....ดีกว่าเอียงไปข้างเดียวแบบผู้จัดการ กับเนชั่น...
หากผมเป็นพี่เปลวผมก็ทำแบบแกนี่แหละ คือจะกวนตีนใครก็กวนไป แต่อย่าเสือกมากวนตีนกูก็พอ ซึ่งไอ้ถึกมันไม่กล้าไปกวนตีนพี่เปลวหรอกเท่าที่ผมรู้...วีรกรรมไอ้ถึกเยอะ ครับ สมัยหนึ่งมันไปอยู่รายวันเล่มนึง ไอ้เทือกเข้ามาเสือกมาสั่งนายทุนให้เชียร์มันหน่อย แล้วช่วยด่าไทยรัฐที่กำลังถล่มไอ้เทือกเรื่องสปก.ให้ด้วย ไอ้ถึกมันไม่ยอม นายทุนบอกมึงไม่ยอม มึงกับกูอยู่กันไม่ได้
ไอ้ถึกไม่เสียดมเสียดายเงินเดือนหลายหมื่นเลย แม่งเก็บของได้ก็ไปจากโรงพิมพ์เหี้ยนั่นเลย...
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน8):'จารย์เจิมเสือเจ็บร้อง"เอ๋ง"!
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
7 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
พูดเรื่องสื่อเหี้ยม ม.ม้าหายแล้ว ลืมคนนี้ไปได้ไง..
(ความจริงมีแฟนๆรีเควสต์มาตั้งนานแล้ว ผมก็ไม่มีเวลาจะลากไส้สะที) เขาผู้นี้คือ"เสือน้อย"แต่หุ่นนี่ตัวพ่อซูโม่กิ๊ก
เขาคือ'จารย์เจิม
ที่เอาจารย์เจิมมาเขียนวันนี้ เพราะบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศมาคุ
หลัง จบสงกรานต์ทมิฬก็เนี่ย มาพูดเรื่องแก้รัดทำนูนกันอีกแร๊ะ...บ้านเมืองเรามันมีเวรกรรมชนิดหนึ่ง เป็นเรื่องเป็นเหตุกันขึ้นมาแต่ละที สิ่งแรกที่คิดทำกันคือแก้รัดทำนูน...
จารย์ เจิมนี่ก็จรเข้น้อยหางแดงตัวพ่อเลยแหละเรื่องรัดทำนูนปี50นี่นะ คือแกยังไงไม่รู้ องค์ลงเป็นศาสดาผู้เชี่ยวชาญ แล้วก็องครักษ์พิทักษ์รัดทำนูนฉบับนี้ขึ้นมา ทั้งที่แกนี่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว...เออ ถ้าแกพูดเรื่องทำเหล้าสาโทนี่ผมจะเชื่ออยู่ว่าแกรู้จริง
เดี๋ยวแกคงออกมาเต้นว่าห้ามแก้ ซึ่งก็เป็นความตอแหลอย่างแรง
เพราะ แกเคยเดินสายทั่วประเทศ ออกทีวีด้วยตอนลงประชามติกันที่ตอนนั้นแยกเป็นพวกเขียวพวกแดงหงะ แกก็เป็นนักยุทธวิธีใช้ได้ คือบอกว่าให้"รับๆไปก่อนค่อยแก้ไขทีหลัง"...
เพราะ ถ้าไม่รับนะ พวกมึงก็ต้องโดนคมช.ปกครองเผด็จการต่อไป จะไม่มีเลือกตั้ง น้ำก็จะไม่ไหล ภูเขาไฟจะระเบิด มนุษย์ต่างดาวจะยึดครองโลก....โห!ไอ่สัดดด ฟังแล้วคนแม่งก็กลัว เลยยอมผ่านรัดทำนูน50แบบฉิวเฉียด
แล้วพอเข้า แก๊งเหี้ยเหลืองนี่อาการมันจะเหมือนกันทุกตัว คือชอบดึงฟ้าต่ำ มาตอนหลังไม่ได้อ้างเรื่องมนุษย์ต่างดาวจะยึดครองโลกแล้ว ไปอ้างเรื่องอภินิหารแทน
แกบอกว่าแก้ไม่ด๊าย เพราะว่า"ขอให้กลับไปอ่านพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังที่ปรากฏอยู่ในพระราชปรารภของรัฐธรรมนูญ 2550 อีกครั้ง ! พึงตระหนักว่า หลังจากที่ประชาชนมีมติเห็นชอบให้บังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริ ปรากฏในพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ความตอนหนึ่งว่า
“...เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว สภาร่างรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อให้ค
วามเห็นชอบแก่ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ การออกเสียงลงประชามติปรากฏผลว่าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากของผู้มา
ออก เสียงประชามติเห็นชอบให้นําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาใช้บังคับ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติจึงนําร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยให้ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สืบไป
ทรงพระราชดําริว่า สมควรพระราชทานพระบรมราชานุมัติตามมติของมหาชน…”
นั่น!รัดทำนูน50เลยกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งขึ้นมา....เอ้า!กราบบบบบบ
จารย์ เจิมนี่เป็นคนอ่างทอง พื้นฐานแกเป็นนักเสดสาด คือจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดีมาก) จากธรรมศาสตร์ ปริญญาโทเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ธรรมศาสตร์) และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์การเกษตร จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เมกา
ครอบ ครัวแกดีอบอุ่นแต่งกับ ดร.จิตริยา เอกอัครราชทูตไทยประจำนอร์เวย์ (นามสกุลเดิม ติงศภัทิย์ เป็นบุตรสาวของ ศ.จิตติ ติงศภัทิย์ อดีตองคมนตรีในรัชกาลปัจจุบัน)
(พูดเรื่องนอร์เวย์นี่น่าไปนะ ใครแต่งเมียใหม่ๆนี่ไปค้างซักคืน แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปเดนมาร์คบรรยากาศจะโรมานซ์ ยิ่งไปตอนหน้าร้อนนี่แม่งไม่ต้องนอนกัน เพราะพระอาทิตย์เที่ยงคืน
ใคร หื่นๆพาเมียไปฮันนี่มูนไม่ผิดหวัง แต่ใครเป็นลูกเป็นเมีย เขาตบแต่งแล้วชวนไปฮันนี่มูนหน้าร้อนแถวนี้มึงคิดให้ดี...มันไม่ใช่แค่ฟ้า เหลือง อาจจะมีตาย เพราะฟ้าดันสว่างตลอด เจอผัวหื่นๆเข้านี่ตายแน่ๆ ยิ่งกว่าปฎิญญาฟินแลนด์)
กลับมาที่จารย์เจิม เดิมทีแกก็บูชาๆอาจารย์ป๋วย คือทำไงจะลงจากหอคอยงาช้าง เอาวิชาการงานวิจับมาดัดแปลงรับใช้มวลชน คือจะออกแนวๆนี้ แทนที่แกจะเป็นแค่อาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ท่าพระจันทร์ ว่างๆเดินส่องพระ แกก็เริมสร้างชื่อด้วยการเป็นผู้ค้นคว้า วิจัย เชี่ยวชาญ ด้านการตลาดสินค้าเกษตร สินค้าโภคภัณฑ์ และการพัฒนาชนบท เชี่ยวชาญเรื่องราคาข้าว และนโยบายข้าวชนิดหาตัวจับยาก
ทีที้แกมา แจ้งเกิดเปรี้ยงปร้างตอนรสช.ปฏิวัติน้าชาติ แรกๆแกก็ออกมาด่าเลยว่า"ประเทศชาติเหมือนเครื่องบิน การรัฐประหารไม่ใช่แค่การหยุดประเทศ แต่เป็นการทำให้ประเทศย่อยยับ เพราะเครื่องบินตก"...พวกต้านรัฐประหารฟังแล้วก็ซี๊ดซ๊าดเป่าปากปรี๊ด
แต่ อีท่าไหนไม่รู้ พอรสช.ตั้งอานันท์เป็นนายกฯ แกก็เข้าไปเจออานันท์ แล้วก็ลัดดาวัลย์ โมงเม่งโมง ที่ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีคุมช่อง11บอกว่าอยากจะนำเสนอปัญหาชาวนาชาวไร่สู่ รายการโทรทัศน์เพราะยังไม่มีใครเคยทำมาก่อนเลย จะได้ช่วยเหลือดูแลเกษตรกรในชนบท
อันนี้เป็นที่มาของการแจ้งเกิดแกทางทีวีด้วยรายการ"เวทีชาวบ้าน" ไม่นานต่อก็เปิดรายการ"มองต่างมุม"ซึง เป็นอะไรที่ใหม่มากในพ.ศ.นั้น เพราะจารย์เจิม กำหนดคอนเซ็ปต์ให้เป็นรายการโทรทัศน์ประเภททอล์กสาระ แบบ ‘ถามสด’ ที่ให้ประชาชนในห้องส่งได้มีส่วนร่วมตั้งประเด็นคำถาม พูดกันอย่างตรงไปตรงมา เป็น ‘ตลาดความคิดเสรี เวทีประชาชน’ แล้วเชิญ2ฝ่ายที่เห็นขัดแย้งกันมาโต้กันสดๆ
"มองต่างมุม"จึงเป็น การปฏิวัติรายการโทรทัศน์แบบรายการทอล์กครั้งมโหราฬ เพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อน อย่างไรก็ตามแม้เจิมศักดิ์จะบอกว่าเป็นตลาดคงามคิดเสรี เวทีประชาชน เปิดทางให้2ฝ่ายโต้กันได้เต็มที่ แต่ตัวพิธีกรคือเจิมศักดิ์เองก็มักจะมีอคติเข้าข้างทางใดทางหนึ่งอย่างเห็น ได้ชัดทั้งสีหน้าแววตา และคำถามที่บางครั้งแทบจะ"ฆ่ากันทางหน้าจอ"ได้
พูด ง่ายๆที่ใครต่อใครว่าไอ่พวกแก๊งเด็กนรกเนชั่นมีสีหน้าท่าทางกวนตีนนี่ ย้อนไปตอนนั้นก็ถือว่าจารย์เจิมเป็นผู้บุกเบิกความกวนส้นตีนออกทีวีมาก่อน ไอ้พวกนี้นาน
มีบางคราวที่นายสมัคร สุนทรเวช ขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย มาออกรายการมองต่างมุม และอาจจะด้วยความที่เจิมศักดิ์เป็นศิษย์ของอาจารย์ป๋วย ที่เคยถูกพิษการเมือง6ตุลาฯเล่นงานอย่างเจ็บปวด โดยเชื่อกันว่าสมัครมีบทบาทสำคัญในคราวนั้น ทำให้จารย์เจิมสวมวิญญาณนักฆ่าหน้าจอต่อสมัครแบบไม่ปรานี
ส่งผลให้เมื่อจบรายการออหมัก(ย่อมาจากคำว่า "ไอ้หมัก")ถึงกับบริภาษว่ารายการนี้ไม่ควรมีต่อไป เพราะว่าไม่ได้มองต่างมุมจริง หากแต่"มองแต่มุมมารดามัน"...!
จาก นักวิชาการที่ลงจากหอคอยงาช้างมารับใช้สังคมชาวไร่ชาวนา ขยับไปสนุกกับรายการทอล์กการเมืองแบบ"มองต่างมุม"ก็ทำให้ดร.เจิมศักดิ์รู้ ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องประกันราคาข้าว หรือยุชาวบ้านทำเหล้าสาโทขายอย่างแต่ก่อน
แกก็เลยลุยถั่วเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจสื่อเต็มตัว ทั้งทางทีวีและวิทยุ โดยการก่อตั้งบริษัทวอชท์ด็อก หรือ"หมาเฝ้าบ้าน"ขึ้น
นอก จากเจิมศักดิ์แล้ว บริษัทนี้ก็มีดร.เกษมสันต์ วีรกุล(ผัวเก่าน้องมังคุด) พิรุณ ฉัตรวนิชกุล (กรรมการพรรคคอมฯเก่า) แล้วก็ไอ้แม็คปากเบี้ยว-เถกิง สมทรัพย์ เป็นแกนหลัก
โดยเจิมศักดิ์เคยเล่าว่า ดร.เกษมสันต์ได้มาคุยกับเขาว่า ให้ช่วยพาไปหาดร.ทักษิณ ชินวัตรด้วย ตอนนั้นเป็นปี 2536 หลังจากที่เจิมศักดิ์เข้าวงการโทรทัศน์ได้ซัก 2 ปี และเป็นช่วงที่ทักษิณกำลังเป็นนักธุรกิจดาวรุ่งร่ำรวยจากการขายโทรศัพท์มือ ถือ คอมพิวเตอร์ และเครื่องมือสื่อสาร ดังนั้นเกษมสันต์จึงอยากจะไปชวนAISของทักษิณมาลงโฆษณาที่รา้ยการ เจิมศักดิ์ก็พาไป แต่ให้ดร.เกษมสันต์ไปขายเอาเอง
“ไปถึงคุณทักษิณถาม ว่าถ้าหากจะซื้อรายการทั้งหมดเหมาเลยเท่าไหร่ ผมเนี่ยตัวแข็งเลย ในใจนึกว่ามาเที่ยวนี้คุณทักษิณกลายจะเป็นคนซื้อรายการทั้งหมด กลายเป็นผมจะมาทำรายการให้คุณทักษิณแทนบริษัท วอทช์ด็อก อาจารย์เกษมสันต์ตอบดีมากครับ ตอบว่าผมขอบพระคุณมากครับที่จะเหมาโฆษณาเพียงผู้เดียว แต่ผมเพิ่งหัดทำธุรกิจ ขอให้หัดทำเถอะ ซื้อไปหมดผมก็ไม่สนุก ที่มานี่หวังจะมาขายโฆษณาเพียงแค่ 1-2 นาที”
ซึ่งทักษิณกล่าวตอบว่า ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป แต่มีหุ้นให้ซื้อบ้างไหม อยากร่วมทำธุรกิจด้วย ดร.เกษมสันต์ กล่าวตอบไปว่า พวกผมจดทะเบียนแค่ 2 ล้านบาท ถ้าซื้อไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ก็พอซื้อได้ ทักษิณก็เลยซื้อ 10% ก็ประมาณ 2 แสนกว่าบาท แล้วบอกว่าอย่าใส่ชื่อผม ให้ใส่ชื่อพี่เมียคือบรรพจน์ ดามาพงศ์ บอกว่าไม่อยากให้คนอื่นรูว่าถือหุ้นบริษัททำสื่อ
เจิมศักดิ์กลาย เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ เพราะออกรายการทางสื่อโทรทัศน์ และวิทยุเป็นประจำ รายได้ก็เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ แถมเมื่อลงสมัครส.ว.ในปี2543ก็ชนะเลือกตั้งได้เป็นส.ว.อีกต่างหาก
แต่ แล้วปัญหาก็เริ่มขึ้นเมื่อหม้อข้าวเขาถูกทุบ เมื่อถูกช่อง 9 ยกเลิกสัญญาเช่ารายการทีวี"ขอคิดด้วยคน"ของเจิมศักดิ์ ซึ่งก็น่าจะทำให้เสียผลประโยชน์ก้อนโตเอาการ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำขึ้นของเจิมศักดิ์ เทียบไปแล้วก็เหมือนสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในปัจจุบันยังไงยังงั้น
เรื่องนี้ทำให้เจิมศักดิ์ เข้าใจว่า ทักษิณ ซึ่งเวลานั้นเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆคือทักษิณ1น่าจะอยู่เบื้องหลังให้ยกเลิก รายการ เพราะทั้งที่เป็นพวกกัน ถือหุ้นอยู่บริษัทด้วยกัน ช่วยอุดหนุนโฆษณาให้ แต่กลับมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามดร.สรจักร์ เกษมสุวรรณ ผอ.อสมท.ในขณะนั้นได้ออกมาตอบโต้ ระบุว่าเจิมศักดิ์ทำตัวไม่เหมาะสม ผิดสัญญากับทางช่อง 9 เอง จึงจำเป็นต้องยกเลิกสัญญา
อย่างไรก็ตามเจิมศักดิ์ก็ปักใจว่างานนี้ ทักษิณเป็นคนเล่นกูแน่ เลยชำระสะสางแม่งสะเลย ด้วยการออกหนังสือชุด"รู้ทันทักษิณ"ออกมาวิพากษ์ทักษิณ และกลายเป็นหนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะทักษิณไปงับเหยื่อกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ในรายการ"นายกฯทักษิณพบ ประชาชน"และการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน...เท่ากับเหลี่ยมช่วยตีให้ดังไปปริยาย
เจิม ศักดิ์จึงนับเป็นคนแรกๆที่ออกมาวิจารณ์ทักษิณ ในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังฮันนีมูนอยู่กับรัฐบาลทักษิณ 1 แต่ก็ไม่มีน้ำหนักพอที่จะสั่นคลอนโค่นล้มทักษิณได้..แถมทักษิณได้เปิดทางให้ สนธิ ลิ้มทองกุล ค่ายผู้จัดการเข้ามาจัดรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์"ทางช่อง9 และสนธิก็ทำหน้าที่เชียร์ทักษิณยกใหญ่ ยกยอปอปั้นให้เป็น"นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา" แล้วก็หันไปสอนสั่งเจิมศักดิ์ที่หลุดจอและหน้าปัทม์วิทยุว่า"ที่ร้องแรก แหกกระเชิงอยู่นั้น เปรียบได้กับ ‘ลูกหมา’ ที่มีนิสัยร้องเสียงดัง"เอ๋งๆ"เมื่อถูกทำให้เจ็บ ซึ่งไม่อาจเทียบได้กับ ‘ลูกเสือ’ เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินเสียงร้อง"
สนธิย้ำอยู่หลายหนเรื่อง "เสือเจ็บไม่ร้อง แต่หมาเจ็บมันร้องดังเอ๋ง!" แต่ก็เหมือนกงเกวียนกำเกวียน เพราะต่อมาไม่นานสนธิก็มีเรื่องขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับทักษิณบางกรณี เช่น ขอโทรทัศน์ช่องNEWS1ไม่ได้ ขอให้วิโรจน์ นวลแข เป็นกรรมการผู้จัดการแบงก์กรุงไทยต่อ (เพื่อช่วยเรื่องหนี้ของสนธิ)ไม่ได้ และสนธิก็หลุดจอช่อง9 ต้องไปจัดเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ก่อนจะกลายเป็นพันธมิตร นำไปสู่รัฐประหาร19กันยา49ในเวลาต่อมา
ศัตรูของศัตรูคือมิตร ใครจะว่าพายเรือให้โจรนั่งชั่งหัวมัน
หลัง รัฐประหาร19กันยา49 ขณะที่สนธิลำพองในชัยชนะ เจิมศักดิ์ที่เคยถูกด่าเป็นหมูเป็นหมาก็ไม่ถือโทษอะไร เพราะเขาอาจถือคติว่า"ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร" เจิมศักดิ์จึงไปขึ้นเวทีกู้ชาติร่วมกับสนธิตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร และต่อมาก็มามีรายการที่ออกอากาศ เช่น รู้ทันประเทศไทย ทาง ASTV ช่อง NEWS1 ของสนธิ และรายการวิทยุ "พูดตรงใจกับ ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" ทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 - 17.00 น. ทาง F.M. 92.25 ด้วย
ในยุคหลัง รัฐประหาร19กันยา ดร.เจิมศักดิ์ ได้รับการตบรางวัลให้เป็นกรรมการ และโฆษกประจำคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)แน่นอนว่ามีพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นประธานบอร์ด แต่สุดท้ายบอร์ดชุดนี้ถูกหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์พาดหัวด่าอย่างไม่ ไยดีว่าสพรั่งนั้นก็คือ"เหลือบ"หาผลประโยชน์จากรัฐวิสาหกิจเหล่านี้...นี่ นับว่าเจิมศักดิ์ไปไกลเกินกว่านักวิชาการที่ลงจากหอคอยงาช้างเพื่อมาช่วย ชาวนาให้ขายข้าวได้ราคาดีไปไกลโขจริงๆ
เจิมศักดิ์ยังได้รับแต่งตั้ง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และมีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ให้ประชาชนลงมติรับร่างฉบับนี้ โดยชูคำขวัญว่า"รับไปก่อนแล้วค่อยแก้ทีหลัง" โดยเขาชี้อยู่หลายครั้งว่า“ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่ให้ประชาชน เสนอแก้ไขได้ แต่ครั้งนี้ให้ประชาชนเข้าชื่อ 50,000 ชื่อเสนอได้ ทำให้ประชาชนไม่ใช่ผู้นั่งดูการเมืองอีกต่อไป ”
อย่างไรก็ตามภายหลัง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านเพราะคนหลงเชื่อว่า"รับๆไปก่อนแล้วค่อยแก้ทีหลัง แก้ก็ง่ายเข้าชื่อกันแค่5หมื่นชื่อ"แบบที่เจิมศักดิ์เคยว่าไว้ มาในเวลานี้เมื่อมีความเคลื่อนไหวจะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย สลัดคราบไคลเผด็จการทิ้งไป เจิมศักดิ์ก็ไปเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์แนวหน้า เรื่อง"ทุกข์ของประเทศไทย"ชักแม่น้ำทั้งห้า ในแบบเดียวกับสนธิแอนด์เดอะแก๊งค์ว่า "ปรากฏหลักฐานทำให้เชื่อได้ว่า มีกระบวนการจ้องทำลายสถาบันสูงสุด ที่คนไทยเคารพรัก โดยมีการปล่อยข่าว การแสดงออกถึงความไม่เคารพ และถึงขั้นโจมตี ใส่ร้าย ซึ่งหากประมวลเอกสารหลักฐานจากบุคคลหลายบุคคลที่ได้มีพฤติการณ์ร่วมในลักษณะ หมิ่นเหม่่ จาบจ้วง ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกันนี้"
จากแต่ก่อนที่ ต้านรัฐประหารอย่างแรง อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้น มาในยุครัฐบาลสมัคร -สมชายนี่นะ ที่เหี้ยเหลืองมีการประท้วงกัน เจิมศักดิ์นี่ไปคนละคนเลย คือหากมีรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลสมัคร-สมชายที่ชาวบ้านเลือกมาก็ถือว่าเป็น เรืองสุดวิสัย
ทุกวันนี้จารย์เจิมมีความสุขดี แกส่งลูกมือคือไอ้แม็คปากเบี้ยวไปเป็นรองผอ.ข่าวTPBSอยู่ สารคดีอะไรที่ออกแนวๆเหี้ยมม.ม้าหายนี่ว่ากันว่า แกสั่งไอ้แม็คที่เป็นนอมินีทำ....
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
7 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
เจิม ศักดิ์เป็นคนแรกๆที่ออกมาวิจารณ์ทักษิณ ในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังฮันนีมูนอยู่กับรัฐบาลทักษิณ 1 แต่ก็ไม่มีน้ำหนักพอที่จะสั่นคลอนโค่นล้มทักษิณได้..แถมทักษิณได้เปิดทางให้ สนธิ ลิ้มทองกุล ค่ายผู้จัดการเข้ามาจัดรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์"ทางช่อง9 และสนธิก็ทำหน้าที่เชียร์ทักษิณยกใหญ่ ยกยอปอปั้นให้เป็น"นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา" แล้วก็หันไปสอนสั่งเจิมศักดิ์ที่หลุดจอและหน้าปัทม์วิทยุว่า"ที่ร้องแรก แหกกระเชิงอยู่นั้น เปรียบได้กับ ‘ลูกหมา’ ที่มีนิสัยร้องเสียงดัง"เอ๋งๆ"เมื่อถูกทำให้เจ็บ ซึ่งไม่อาจเทียบได้กับ ‘ลูกเสือ’ เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินเสียงร้อง"
พูดเรื่องสื่อเหี้ยม ม.ม้าหายแล้ว ลืมคนนี้ไปได้ไง..
(ความจริงมีแฟนๆรีเควสต์มาตั้งนานแล้ว ผมก็ไม่มีเวลาจะลากไส้สะที) เขาผู้นี้คือ"เสือน้อย"แต่หุ่นนี่ตัวพ่อซูโม่กิ๊ก
เขาคือ'จารย์เจิม
ที่เอาจารย์เจิมมาเขียนวันนี้ เพราะบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศมาคุ
หลัง จบสงกรานต์ทมิฬก็เนี่ย มาพูดเรื่องแก้รัดทำนูนกันอีกแร๊ะ...บ้านเมืองเรามันมีเวรกรรมชนิดหนึ่ง เป็นเรื่องเป็นเหตุกันขึ้นมาแต่ละที สิ่งแรกที่คิดทำกันคือแก้รัดทำนูน...
จารย์ เจิมนี่ก็จรเข้น้อยหางแดงตัวพ่อเลยแหละเรื่องรัดทำนูนปี50นี่นะ คือแกยังไงไม่รู้ องค์ลงเป็นศาสดาผู้เชี่ยวชาญ แล้วก็องครักษ์พิทักษ์รัดทำนูนฉบับนี้ขึ้นมา ทั้งที่แกนี่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว...เออ ถ้าแกพูดเรื่องทำเหล้าสาโทนี่ผมจะเชื่ออยู่ว่าแกรู้จริง
เดี๋ยวแกคงออกมาเต้นว่าห้ามแก้ ซึ่งก็เป็นความตอแหลอย่างแรง
เพราะ แกเคยเดินสายทั่วประเทศ ออกทีวีด้วยตอนลงประชามติกันที่ตอนนั้นแยกเป็นพวกเขียวพวกแดงหงะ แกก็เป็นนักยุทธวิธีใช้ได้ คือบอกว่าให้"รับๆไปก่อนค่อยแก้ไขทีหลัง"...
เพราะ ถ้าไม่รับนะ พวกมึงก็ต้องโดนคมช.ปกครองเผด็จการต่อไป จะไม่มีเลือกตั้ง น้ำก็จะไม่ไหล ภูเขาไฟจะระเบิด มนุษย์ต่างดาวจะยึดครองโลก....โห!ไอ่สัดดด ฟังแล้วคนแม่งก็กลัว เลยยอมผ่านรัดทำนูน50แบบฉิวเฉียด
แล้วพอเข้า แก๊งเหี้ยเหลืองนี่อาการมันจะเหมือนกันทุกตัว คือชอบดึงฟ้าต่ำ มาตอนหลังไม่ได้อ้างเรื่องมนุษย์ต่างดาวจะยึดครองโลกแล้ว ไปอ้างเรื่องอภินิหารแทน
แกบอกว่าแก้ไม่ด๊าย เพราะว่า"ขอให้กลับไปอ่านพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังที่ปรากฏอยู่ในพระราชปรารภของรัฐธรรมนูญ 2550 อีกครั้ง ! พึงตระหนักว่า หลังจากที่ประชาชนมีมติเห็นชอบให้บังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริ ปรากฏในพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ความตอนหนึ่งว่า
“...เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว สภาร่างรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อให้ค
วามเห็นชอบแก่ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ การออกเสียงลงประชามติปรากฏผลว่าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากของผู้มา
ออก เสียงประชามติเห็นชอบให้นําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาใช้บังคับ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติจึงนําร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยให้ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สืบไป
ทรงพระราชดําริว่า สมควรพระราชทานพระบรมราชานุมัติตามมติของมหาชน…”
นั่น!รัดทำนูน50เลยกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งขึ้นมา....เอ้า!กราบบบบบบ
จารย์ เจิมนี่เป็นคนอ่างทอง พื้นฐานแกเป็นนักเสดสาด คือจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดีมาก) จากธรรมศาสตร์ ปริญญาโทเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ธรรมศาสตร์) และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์การเกษตร จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เมกา
ครอบ ครัวแกดีอบอุ่นแต่งกับ ดร.จิตริยา เอกอัครราชทูตไทยประจำนอร์เวย์ (นามสกุลเดิม ติงศภัทิย์ เป็นบุตรสาวของ ศ.จิตติ ติงศภัทิย์ อดีตองคมนตรีในรัชกาลปัจจุบัน)
(พูดเรื่องนอร์เวย์นี่น่าไปนะ ใครแต่งเมียใหม่ๆนี่ไปค้างซักคืน แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปเดนมาร์คบรรยากาศจะโรมานซ์ ยิ่งไปตอนหน้าร้อนนี่แม่งไม่ต้องนอนกัน เพราะพระอาทิตย์เที่ยงคืน
ใคร หื่นๆพาเมียไปฮันนี่มูนไม่ผิดหวัง แต่ใครเป็นลูกเป็นเมีย เขาตบแต่งแล้วชวนไปฮันนี่มูนหน้าร้อนแถวนี้มึงคิดให้ดี...มันไม่ใช่แค่ฟ้า เหลือง อาจจะมีตาย เพราะฟ้าดันสว่างตลอด เจอผัวหื่นๆเข้านี่ตายแน่ๆ ยิ่งกว่าปฎิญญาฟินแลนด์)
กลับมาที่จารย์เจิม เดิมทีแกก็บูชาๆอาจารย์ป๋วย คือทำไงจะลงจากหอคอยงาช้าง เอาวิชาการงานวิจับมาดัดแปลงรับใช้มวลชน คือจะออกแนวๆนี้ แทนที่แกจะเป็นแค่อาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ท่าพระจันทร์ ว่างๆเดินส่องพระ แกก็เริมสร้างชื่อด้วยการเป็นผู้ค้นคว้า วิจัย เชี่ยวชาญ ด้านการตลาดสินค้าเกษตร สินค้าโภคภัณฑ์ และการพัฒนาชนบท เชี่ยวชาญเรื่องราคาข้าว และนโยบายข้าวชนิดหาตัวจับยาก
ทีที้แกมา แจ้งเกิดเปรี้ยงปร้างตอนรสช.ปฏิวัติน้าชาติ แรกๆแกก็ออกมาด่าเลยว่า"ประเทศชาติเหมือนเครื่องบิน การรัฐประหารไม่ใช่แค่การหยุดประเทศ แต่เป็นการทำให้ประเทศย่อยยับ เพราะเครื่องบินตก"...พวกต้านรัฐประหารฟังแล้วก็ซี๊ดซ๊าดเป่าปากปรี๊ด
แต่ อีท่าไหนไม่รู้ พอรสช.ตั้งอานันท์เป็นนายกฯ แกก็เข้าไปเจออานันท์ แล้วก็ลัดดาวัลย์ โมงเม่งโมง ที่ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีคุมช่อง11บอกว่าอยากจะนำเสนอปัญหาชาวนาชาวไร่สู่ รายการโทรทัศน์เพราะยังไม่มีใครเคยทำมาก่อนเลย จะได้ช่วยเหลือดูแลเกษตรกรในชนบท
อันนี้เป็นที่มาของการแจ้งเกิดแกทางทีวีด้วยรายการ"เวทีชาวบ้าน" ไม่นานต่อก็เปิดรายการ"มองต่างมุม"ซึง เป็นอะไรที่ใหม่มากในพ.ศ.นั้น เพราะจารย์เจิม กำหนดคอนเซ็ปต์ให้เป็นรายการโทรทัศน์ประเภททอล์กสาระ แบบ ‘ถามสด’ ที่ให้ประชาชนในห้องส่งได้มีส่วนร่วมตั้งประเด็นคำถาม พูดกันอย่างตรงไปตรงมา เป็น ‘ตลาดความคิดเสรี เวทีประชาชน’ แล้วเชิญ2ฝ่ายที่เห็นขัดแย้งกันมาโต้กันสดๆ
"มองต่างมุม"จึงเป็น การปฏิวัติรายการโทรทัศน์แบบรายการทอล์กครั้งมโหราฬ เพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อน อย่างไรก็ตามแม้เจิมศักดิ์จะบอกว่าเป็นตลาดคงามคิดเสรี เวทีประชาชน เปิดทางให้2ฝ่ายโต้กันได้เต็มที่ แต่ตัวพิธีกรคือเจิมศักดิ์เองก็มักจะมีอคติเข้าข้างทางใดทางหนึ่งอย่างเห็น ได้ชัดทั้งสีหน้าแววตา และคำถามที่บางครั้งแทบจะ"ฆ่ากันทางหน้าจอ"ได้
พูด ง่ายๆที่ใครต่อใครว่าไอ่พวกแก๊งเด็กนรกเนชั่นมีสีหน้าท่าทางกวนตีนนี่ ย้อนไปตอนนั้นก็ถือว่าจารย์เจิมเป็นผู้บุกเบิกความกวนส้นตีนออกทีวีมาก่อน ไอ้พวกนี้นาน
มีบางคราวที่นายสมัคร สุนทรเวช ขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย มาออกรายการมองต่างมุม และอาจจะด้วยความที่เจิมศักดิ์เป็นศิษย์ของอาจารย์ป๋วย ที่เคยถูกพิษการเมือง6ตุลาฯเล่นงานอย่างเจ็บปวด โดยเชื่อกันว่าสมัครมีบทบาทสำคัญในคราวนั้น ทำให้จารย์เจิมสวมวิญญาณนักฆ่าหน้าจอต่อสมัครแบบไม่ปรานี
ส่งผลให้เมื่อจบรายการออหมัก(ย่อมาจากคำว่า "ไอ้หมัก")ถึงกับบริภาษว่ารายการนี้ไม่ควรมีต่อไป เพราะว่าไม่ได้มองต่างมุมจริง หากแต่"มองแต่มุมมารดามัน"...!
จาก นักวิชาการที่ลงจากหอคอยงาช้างมารับใช้สังคมชาวไร่ชาวนา ขยับไปสนุกกับรายการทอล์กการเมืองแบบ"มองต่างมุม"ก็ทำให้ดร.เจิมศักดิ์รู้ ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องประกันราคาข้าว หรือยุชาวบ้านทำเหล้าสาโทขายอย่างแต่ก่อน
แกก็เลยลุยถั่วเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจสื่อเต็มตัว ทั้งทางทีวีและวิทยุ โดยการก่อตั้งบริษัทวอชท์ด็อก หรือ"หมาเฝ้าบ้าน"ขึ้น
นอก จากเจิมศักดิ์แล้ว บริษัทนี้ก็มีดร.เกษมสันต์ วีรกุล(ผัวเก่าน้องมังคุด) พิรุณ ฉัตรวนิชกุล (กรรมการพรรคคอมฯเก่า) แล้วก็ไอ้แม็คปากเบี้ยว-เถกิง สมทรัพย์ เป็นแกนหลัก
โดยเจิมศักดิ์เคยเล่าว่า ดร.เกษมสันต์ได้มาคุยกับเขาว่า ให้ช่วยพาไปหาดร.ทักษิณ ชินวัตรด้วย ตอนนั้นเป็นปี 2536 หลังจากที่เจิมศักดิ์เข้าวงการโทรทัศน์ได้ซัก 2 ปี และเป็นช่วงที่ทักษิณกำลังเป็นนักธุรกิจดาวรุ่งร่ำรวยจากการขายโทรศัพท์มือ ถือ คอมพิวเตอร์ และเครื่องมือสื่อสาร ดังนั้นเกษมสันต์จึงอยากจะไปชวนAISของทักษิณมาลงโฆษณาที่รา้ยการ เจิมศักดิ์ก็พาไป แต่ให้ดร.เกษมสันต์ไปขายเอาเอง
“ไปถึงคุณทักษิณถาม ว่าถ้าหากจะซื้อรายการทั้งหมดเหมาเลยเท่าไหร่ ผมเนี่ยตัวแข็งเลย ในใจนึกว่ามาเที่ยวนี้คุณทักษิณกลายจะเป็นคนซื้อรายการทั้งหมด กลายเป็นผมจะมาทำรายการให้คุณทักษิณแทนบริษัท วอทช์ด็อก อาจารย์เกษมสันต์ตอบดีมากครับ ตอบว่าผมขอบพระคุณมากครับที่จะเหมาโฆษณาเพียงผู้เดียว แต่ผมเพิ่งหัดทำธุรกิจ ขอให้หัดทำเถอะ ซื้อไปหมดผมก็ไม่สนุก ที่มานี่หวังจะมาขายโฆษณาเพียงแค่ 1-2 นาที”
ซึ่งทักษิณกล่าวตอบว่า ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป แต่มีหุ้นให้ซื้อบ้างไหม อยากร่วมทำธุรกิจด้วย ดร.เกษมสันต์ กล่าวตอบไปว่า พวกผมจดทะเบียนแค่ 2 ล้านบาท ถ้าซื้อไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ก็พอซื้อได้ ทักษิณก็เลยซื้อ 10% ก็ประมาณ 2 แสนกว่าบาท แล้วบอกว่าอย่าใส่ชื่อผม ให้ใส่ชื่อพี่เมียคือบรรพจน์ ดามาพงศ์ บอกว่าไม่อยากให้คนอื่นรูว่าถือหุ้นบริษัททำสื่อ
เจิมศักดิ์กลาย เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ เพราะออกรายการทางสื่อโทรทัศน์ และวิทยุเป็นประจำ รายได้ก็เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ แถมเมื่อลงสมัครส.ว.ในปี2543ก็ชนะเลือกตั้งได้เป็นส.ว.อีกต่างหาก
แต่ แล้วปัญหาก็เริ่มขึ้นเมื่อหม้อข้าวเขาถูกทุบ เมื่อถูกช่อง 9 ยกเลิกสัญญาเช่ารายการทีวี"ขอคิดด้วยคน"ของเจิมศักดิ์ ซึ่งก็น่าจะทำให้เสียผลประโยชน์ก้อนโตเอาการ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำขึ้นของเจิมศักดิ์ เทียบไปแล้วก็เหมือนสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในปัจจุบันยังไงยังงั้น
เรื่องนี้ทำให้เจิมศักดิ์ เข้าใจว่า ทักษิณ ซึ่งเวลานั้นเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆคือทักษิณ1น่าจะอยู่เบื้องหลังให้ยกเลิก รายการ เพราะทั้งที่เป็นพวกกัน ถือหุ้นอยู่บริษัทด้วยกัน ช่วยอุดหนุนโฆษณาให้ แต่กลับมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามดร.สรจักร์ เกษมสุวรรณ ผอ.อสมท.ในขณะนั้นได้ออกมาตอบโต้ ระบุว่าเจิมศักดิ์ทำตัวไม่เหมาะสม ผิดสัญญากับทางช่อง 9 เอง จึงจำเป็นต้องยกเลิกสัญญา
อย่างไรก็ตามเจิมศักดิ์ก็ปักใจว่างานนี้ ทักษิณเป็นคนเล่นกูแน่ เลยชำระสะสางแม่งสะเลย ด้วยการออกหนังสือชุด"รู้ทันทักษิณ"ออกมาวิพากษ์ทักษิณ และกลายเป็นหนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะทักษิณไปงับเหยื่อกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ในรายการ"นายกฯทักษิณพบ ประชาชน"และการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน...เท่ากับเหลี่ยมช่วยตีให้ดังไปปริยาย
เจิม ศักดิ์จึงนับเป็นคนแรกๆที่ออกมาวิจารณ์ทักษิณ ในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังฮันนีมูนอยู่กับรัฐบาลทักษิณ 1 แต่ก็ไม่มีน้ำหนักพอที่จะสั่นคลอนโค่นล้มทักษิณได้..แถมทักษิณได้เปิดทางให้ สนธิ ลิ้มทองกุล ค่ายผู้จัดการเข้ามาจัดรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์"ทางช่อง9 และสนธิก็ทำหน้าที่เชียร์ทักษิณยกใหญ่ ยกยอปอปั้นให้เป็น"นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา" แล้วก็หันไปสอนสั่งเจิมศักดิ์ที่หลุดจอและหน้าปัทม์วิทยุว่า"ที่ร้องแรก แหกกระเชิงอยู่นั้น เปรียบได้กับ ‘ลูกหมา’ ที่มีนิสัยร้องเสียงดัง"เอ๋งๆ"เมื่อถูกทำให้เจ็บ ซึ่งไม่อาจเทียบได้กับ ‘ลูกเสือ’ เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินเสียงร้อง"
สนธิย้ำอยู่หลายหนเรื่อง "เสือเจ็บไม่ร้อง แต่หมาเจ็บมันร้องดังเอ๋ง!" แต่ก็เหมือนกงเกวียนกำเกวียน เพราะต่อมาไม่นานสนธิก็มีเรื่องขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับทักษิณบางกรณี เช่น ขอโทรทัศน์ช่องNEWS1ไม่ได้ ขอให้วิโรจน์ นวลแข เป็นกรรมการผู้จัดการแบงก์กรุงไทยต่อ (เพื่อช่วยเรื่องหนี้ของสนธิ)ไม่ได้ และสนธิก็หลุดจอช่อง9 ต้องไปจัดเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ก่อนจะกลายเป็นพันธมิตร นำไปสู่รัฐประหาร19กันยา49ในเวลาต่อมา
ศัตรูของศัตรูคือมิตร ใครจะว่าพายเรือให้โจรนั่งชั่งหัวมัน
หลัง รัฐประหาร19กันยา49 ขณะที่สนธิลำพองในชัยชนะ เจิมศักดิ์ที่เคยถูกด่าเป็นหมูเป็นหมาก็ไม่ถือโทษอะไร เพราะเขาอาจถือคติว่า"ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร" เจิมศักดิ์จึงไปขึ้นเวทีกู้ชาติร่วมกับสนธิตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร และต่อมาก็มามีรายการที่ออกอากาศ เช่น รู้ทันประเทศไทย ทาง ASTV ช่อง NEWS1 ของสนธิ และรายการวิทยุ "พูดตรงใจกับ ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" ทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 - 17.00 น. ทาง F.M. 92.25 ด้วย
ในยุคหลัง รัฐประหาร19กันยา ดร.เจิมศักดิ์ ได้รับการตบรางวัลให้เป็นกรรมการ และโฆษกประจำคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)แน่นอนว่ามีพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นประธานบอร์ด แต่สุดท้ายบอร์ดชุดนี้ถูกหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์พาดหัวด่าอย่างไม่ ไยดีว่าสพรั่งนั้นก็คือ"เหลือบ"หาผลประโยชน์จากรัฐวิสาหกิจเหล่านี้...นี่ นับว่าเจิมศักดิ์ไปไกลเกินกว่านักวิชาการที่ลงจากหอคอยงาช้างเพื่อมาช่วย ชาวนาให้ขายข้าวได้ราคาดีไปไกลโขจริงๆ
เจิมศักดิ์ยังได้รับแต่งตั้ง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และมีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ให้ประชาชนลงมติรับร่างฉบับนี้ โดยชูคำขวัญว่า"รับไปก่อนแล้วค่อยแก้ทีหลัง" โดยเขาชี้อยู่หลายครั้งว่า“ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่ให้ประชาชน เสนอแก้ไขได้ แต่ครั้งนี้ให้ประชาชนเข้าชื่อ 50,000 ชื่อเสนอได้ ทำให้ประชาชนไม่ใช่ผู้นั่งดูการเมืองอีกต่อไป ”
อย่างไรก็ตามภายหลัง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านเพราะคนหลงเชื่อว่า"รับๆไปก่อนแล้วค่อยแก้ทีหลัง แก้ก็ง่ายเข้าชื่อกันแค่5หมื่นชื่อ"แบบที่เจิมศักดิ์เคยว่าไว้ มาในเวลานี้เมื่อมีความเคลื่อนไหวจะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย สลัดคราบไคลเผด็จการทิ้งไป เจิมศักดิ์ก็ไปเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์แนวหน้า เรื่อง"ทุกข์ของประเทศไทย"ชักแม่น้ำทั้งห้า ในแบบเดียวกับสนธิแอนด์เดอะแก๊งค์ว่า "ปรากฏหลักฐานทำให้เชื่อได้ว่า มีกระบวนการจ้องทำลายสถาบันสูงสุด ที่คนไทยเคารพรัก โดยมีการปล่อยข่าว การแสดงออกถึงความไม่เคารพ และถึงขั้นโจมตี ใส่ร้าย ซึ่งหากประมวลเอกสารหลักฐานจากบุคคลหลายบุคคลที่ได้มีพฤติการณ์ร่วมในลักษณะ หมิ่นเหม่่ จาบจ้วง ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกันนี้"
จากแต่ก่อนที่ ต้านรัฐประหารอย่างแรง อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้น มาในยุครัฐบาลสมัคร -สมชายนี่นะ ที่เหี้ยเหลืองมีการประท้วงกัน เจิมศักดิ์นี่ไปคนละคนเลย คือหากมีรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลสมัคร-สมชายที่ชาวบ้านเลือกมาก็ถือว่าเป็น เรืองสุดวิสัย
ทุกวันนี้จารย์เจิมมีความสุขดี แกส่งลูกมือคือไอ้แม็คปากเบี้ยวไปเป็นรองผอ.ข่าวTPBSอยู่ สารคดีอะไรที่ออกแนวๆเหี้ยมม.ม้าหายนี่ว่ากันว่า แกสั่งไอ้แม็คที่เป็นนอมินีทำ....
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน9):ชำแหละอ.ย.ม.ชัยอนันต์ สู่อ.ล.ม.กุนซือลิ้ม
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
9 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ชัยอนันต์ดำรงจิตวิญญาณแห่ง อ.ย.ม.อย่างคงเส้นคงวาในทศวรรษนั้นและอีก2-3ทศวรรษถัดมา ด้วยเหตุที่มีจิตวิญญาณแห่งอ.ย.ม. ที่ฝังรากลึกเช่นนี้เอง ชัยอนันต์จึงเป็นนักวิชาการรัฐศาสตร์ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนขบวนการ สิทธิและเสรีภาพ รวมตลอดจนการปฏิรูปการเมืองโดยตรง
ในยุคเผด็จการถนอ ม-ประภาส จารย์ชัยอนันต์ทุ่มเทให้กับการเคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเอาการเอางาน การจัดประชุมคนหนุ่มนักศึกษาหัวก้าวหน้ามีขึ้นที่บ้านย่านสะพานควายของแก หลายหน แล้วก็มีการเข้าชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ
ซึ่งก็แน่นอนว่าใน บรรดาผู้กล้า100คนนั้นมีชื่อแกอยู่อันดับต้นๆ ที่แสบคือแกไปล่ารายชื่อญาติจอมพลถนอมมาลงชื่อได้ด้วย ท่านจอมพลถึงกับแค้นตาแม้นอักๆ
พอล่าชื่อเสร็จก็มีพวกคนหนุ่มสมัย นั้น อย่างน้าวิสา อ๋าผัวมาลีรัตน์อะไรพวกนี้ออกแจกใบปลิวที่ท้องสนามหลวง และถูกจับกุม นำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกที่ถูกจับ และบานปลายขยายวงไปเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
ชัยอนันต์คนเดียว กันนี้ ในพ.ศ.2549 ได้เรียกร้องให้ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวแรงแข็งขันของการเข้าชื่อถวายฎีกาเรียกร้องให้มีนายกรัฐมนตรีพระ ราชทาน หรือนายกฯมาตรา 7
ในปี2551 แกเขียนบทความเรียกร้องให้ทหารกระทำการรัฐประหารยึดอำนาจ หลังจากเหี้ยเหลืองม็อบมานานชักเหี่ยวปลายเต็มที โดยแกจิตวิตกว่าเวลานี้กำลังมีขบวนการสาธารณรัฐประชาชนไทย หรือRepublic of Thailand อันเป็นปีศาจที่ไม่มีตัวตน แต่แกและพรรคพวกร่วมขบวนการอย่างลิ้ม คำนูณ สิทธิสมาน ปราโมทย์ นาครทรรพ ซึ่งเคยแสดงปรากฏการณ์"เอียงซ้าย"มาก่อน ได้สร้างปีศาจตนนี้ขึ้นมาหลอกหลอนคนในสังคมไทย เพื่อปูทางให้กับการรัฐประหารครั้งใหม่ ทั้งที่พวกเหี้ยนี่เพิ่งสมคบคิดปูทางให้กับการรัฐประหาร19กันยายน2549 โดยไร้สำนึก และไร้ยางอายต่อตัวตนในอดีตของพวกเขาเอง
หลังยุค 14 ตุลาคม 2516 สังคมไทยโหยหาวีรบุรุษสามัญชน ที่ไม่ใช่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ดังขนบจารีตเดิม...ในขณะที่พวกฝ่ายซ้ายที่อิง แอบกับอุดมการณ์สังคมนิยมคอมมิวนิสต์พากันเชิดชูจิตร ภูมิศักดิ์ ครูคอง จันดาวงศ์ แต่ชัยอนันต์ซึ่งมีลักษณะเป็นนักปฏิรูปสังคมได้ย้อนไกลไปในประวัติศาสตร์ไทย โดยการเผยแพร่เกียรติคุณของ2ปัญญาชนแห่งสยามยามอดีตคือ เทียนวรรณ และ ก.ศ.ร.กุหลาบให้คนไทยได้รู้จัก
กรณีของเทียนวรรณ คนหนังสือพิมพ์ระดับตำนานคนแรกๆของเมืองไทย และเป็นปัญญาชนสมัยร.5นั้น เริ่มเขียนบทความชิ้นแรกเมื่ออายุได้ 30 ปี โดยนำเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงราชการบ้านเมือง เสนอให้เลิกทาส เลิกการพนัน ปราบปรามทุจริตคอรัปชัน และเสนอให้มีสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเทียนวรรณอายุได้ 40 ปี ก็ถูกกลั่นแกล้ง โดยมีผู้กล่าวหาว่าแกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ข้อหานี้มันเป็นอมตะจริงๆหวะ) และหมิ่นประมาทเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตร จึงถูกเฆี่ยน 40 ที และจำคุกไว้อย่างไม่มีกำหนด
ในช่วงแรก เทียนวรรณถูกจับใส่ตรวนและขื่อคาทั้งที่ศรีษะ มือ และเท้า จนกระทั่งได้เขียนหนังสือร้องเรียนไปยังกรมหลวงราชบุรีฯ จึงได้มีคำสั่งให้ปลดโซ่ที่คอออกจากนักโทษทุกคน
แม้ชัยอนันต์จะเชิด ชูเทียนวรรณ และก.ศ.ร.กุหลาบซึ่งนับเป็นนักปฏิรูปสังคมท้ายทายศักดินาในยุคอดีต แต่ชัยอนันต์ก็ออกจะไม่เห็นด้วยอย่างมาก เมื่อขบวนการนักศึกษาประชาชนหลัง14ตุลาฯถูกครอบงำโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง ประเทศไทย และพยายามขับเคลื่อนสังคมไทยไปทางซ้าย
ชัยอนันต์ถูกฝ่าย ซ้ายตราหน้าว่าเป็นพลังล้าหลังในสังคม บ้างก็ว่าเป็นพวกปฏิกิริยา และบ้างก็ว่าเป็นพวกศักดินา ซึ่งนักปฏิรูปอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็ถูกตราหน้าในลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ด้วย
ชัยอนันต์ เขียนหนังสือเรื่อง "ศักดินากับพัฒนาการของสังคมไทย" ในปี 2519 นัยสำคัญก็คือ การประกาศสงครามวิชาการกับฝ่ายซ้าย เพราะเนื้อหาส่วนสำคัญของหนังสือนี้อยู่ที่การวิพากษ์หนังสือ"โฉมหน้า ศักดินาไทย" ของจิตร ภูมิศักดิ์ อันเป็นคัมภีร์วิจารณ์เจ้าของพวกฝ่ายซ้ายในพ.ศ.นั้น
การวิวาทะยังไม่ รู้แพ้ชนะ ประชาธิปไตยหลัง14ตุลาแสนสั้นจุ๊ดจู๋ และเป็นยุคที่ผู้คนแตกแยกด้วยอุดมการณ์ซ้ายขวา ชนชั้นปกครองสลิดดกกลัวไทยตกเป็นคอมแบบ3ประเทศอินโดจีน(ทั้งที่เงือนไขทาง ประวัติศาสตร์โคตรต่างกัน) เมื่อปิดฉากด้วยเหตุการณ์นองเลือด6ตุลาคม2519 ชัยอนันต์ผู้ผิดหวังกับประชาธิปไตยที่เขาเพียรเรียกร้องได้เขียนหนังสือขึ้น มาเล่มหนึ่งคือ" The Thai Young Turks"
หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง ทหารยังเติร์กของไทยหลังการรัฐประหารที่ล้มเหลวเมื่อ 1 เมษายน 2524 โดยเขาได้เขียนแผนภูมิอันลือลั่น และรู้จักกันในนาม"วงจรอุบาทว์"การเมืองไทย ซึ่งก็คือการวนเวียนอยู่กับการปฏิวัติ รัฐประหาร แล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วจัดการเลือกตั้ง จากนั้นก็มีเรื่องราวอื้อฉาวคอรัปชั่น และเกิดรัฐประหาร แล้วก็วนเวียนอยู่อย่างนั้น
หลังยุค6ตุลาเลือด ทหารโดยการหนุนหลังของพลังจารีตนิยมครอบครองอำนาจมายาวนานผ่านป๋าเปรม ซึ่งเป็นนายกฯอยู่กว่า 8 ปี(ความจริงไม่น่ารอดตั้งแต่ปีแรกแล้ว หากไม่ได้"สุภาพสตรีท่านนั้น"กระเตงเอาไว้)
กระทั่งในปี พ.ศ. 2531 ชัยอนันต์ผู้เคยมีชื่อเสียงในการลงชื่อ100ผู้กล้าเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่เหตุการณ์14ตุลาคม2516ได้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งร่วมกับนัก วิชาการคนอื่นๆ เช่น ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ รวบรวมนักรายชื่อวิชาการ 99 คนลงชื่อเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรณรงค์เรื่องนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง
อาจารย์โต้งนี่ ก็ไปเล่นด้วย ยุนักศึกษาไล่ ในตอนนั้นพวกผู้นำนักษศึกษาอย่างอนุสรณ์ ธรรมใจ ชนะ ผาสุกสกุล(ไอ้ก๊องผู้จัดการ)ก็ขึ้นกระบะ6ล้อไปไล่ที่หน้าบ้านสี่เสา ที่สุดพลเอกเปรมต้องยอมลงจากเก้าอี้ ด้วยประโยคทอง"กูพอแล้ว.."
จาก นั้นชัยอนันต์เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการเป็นคอลัมนิสต์ในเซ็คชั่นปริทัศน์ให้ กับผู้จัดการรายสัปดาห์ของสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นปริทัศน์ใต้บังเหียนของคำนูณ สิทธิสมาน ซ้ายเก่า อดีตเลขาธิการศูนย์นิสิตฯ และอดีตนักรบจากป่านามแคน สาริกา และยังดี วจีจันทร์(เสียไปแล้ว)...
บทบาทสำคัญนอกจากเรื่องบ้านเมืองแล้ว ชัยอนันต์หันไปยกย่องกระแสทุนนิยมภายใต้ระเบียบโลกใหม่ที่อเมริกาเป็นผู้ส่ง ออก ในยามที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ค่ายคอมมิวนิสต์พ่ายแพ้ เมกาเป็นมหาอำนาจเดียวเที่ยวไปแส่จัดระเบียบโลกใหม่แบบที่เราเห็นทุกวันนี้ กระแสของทุนที่ไหลทะลักไปยังทุกมุมโลก การสื่อสารสมัยใหม่กำลังทำให้โลกเป็นชุมชนเดียว เป็นโลกไร้พรมแดน ชัยอนันต์ภาคภูมิใจกับการประดิดประดอยถ้อยความ"โลกานุวัตร"
อย่างไร ก็ตามราชบัณฑิตบอกว่าโลกานุตรของชัยอนันต์แปลว่า"เป็นไปตามโลก" หากจะเอาให้หมายถึงโลกไร้พรมแดน ทุนไร้สัญชาติ การสื่อสารนำพาโลกเป็นชุมชนเดียวต้องใช้ว่า"โลกาภิวัตน์"...ไม่รู้เพราะ เคืองเรื่องนี้หรือไม่ ในเวลาต่อมาชัยอนันต์ก็เลยได้กลายเป็นท่านราชบัณฑิตไปอีกตำแหน่งหนึ่ง...
ชัย อนันต์ยังมีบทบาทสนับสนุนประชาธิปไตยเรื่อยมา รวมทั้งการทำคลอดรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตย คือฉบับปี2540เขาก็เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างรัฐธรรมญฉบับนี้ โดยที่ได้ต้นเค้ามาจาก ศาสตราจารย์ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ ที่ได้ลงมือเขียน "ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อการปฏิรูปการเมืองตามแนวทางคอนสติติว ชั่นแนลลิสม์ (Constitutionalism)" ซึ่งค่ายผู้จัดการ โดยคำนูณ ซึ่งตอนนั้นใช้นามปากกา"รามบุตรี516"เขียนลงในผู้จัดการรายวันทุกๆวัน จนหนังสือพิมพ์ต่างค่ายที่หมั่นไส้คำนูณอย่างค่ายมติชนแซวว่า"คอนสติวตุ๊ด "..กันเลยทีเดียว
ชัยอนันต์ผู้ทรงอิทธิพล และมีต้นทุนทางสังคมสูงจากการเป็นผู้นำ100รายชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญยุค 14ตุลาฯ,ผู้นำ99นักวิชาการเรียกร้องเปรมลาออก เพรียกหานายกฯจากการเลือกตั้ง มามีบทบาทสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้งในปี2549 ภายหลังสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งอีกฐานะหนึ่งคือคนจ่ายเงินเดือนให้เขาในฐานะคอลัมนิสต์ และกุนซือใกล้ชิด ได้ประกาศสงครามแตกหักกับทักษิณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น...
โดย ชัยอนันต์จุดประเด็นนายกฯมาตรา7ขึ้นมาผ่านสื่อเครือผู้จัดการ ด้วยการนำเสนอให้เห็นว่า มีแต่พระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ เท่านั้นที่จะปลดชนวนการเมือง ให้ทักษิณพ้นตำแหน่งนายกฯและพระราชทานนายกรัฐมนตรีให้แก่ปวงชนชาวไทย จากนั้นเขาก็ล่าชื่อรานชื่อ 95 นักวิชาการยื่นฏีกา...แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าในเวลาต่อมาในหลวงทรงมีพระ ราชกระแสดำรัสความว่าบ้านเมืองยังไม่ล่มจมถึงคราวต้องกู้ และไม่มีมีรัฐธรรมนูญหรือในจารีตประเพณีที่จะให้อำนาจแก่พระองค์ในการพระราช ทานนายกฯ
ตามมาตรา 7
อย่างไรก็ตามแม้จะกินแห้ว ผิดหวังเรื่องนายกฯมาตรา7ต่อมาก็เกิดรัฐประหาร19กันยา49 ตามมาด้วยการเลือกตั้งใหม่23ธันวา50 พรรคการเมืองที่ใกล้ชิดทักษิณคือพลังประชาชนได้ชัยชนะจัดตั้งรัฐบาล มีสมัคร สุนทรเวช นักการเมืองอนุรักษ์นิยมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และพันธมิตรได้ฟื้นชีพมาต่อต้านอีกคราว
ในคราวนี้ชัยอนันต์ยังมี บทบาทในการเป็น"GURU"ให้ขบวนพันธมิตรของสนธิลิ้มเช่นเคย แต่ที่หนักหนาระอาใจ และสร้างความกระอักกระอ่วนให้กับคนที่เคยชื่นชมบทบาทของชัยอนันต์ที่เคยมี คุณูปการต่อบ้านเมืองในเรื่องประชาธิปไตยก็คือ เขาได้สวมบท"ขวาคลั่ง"ในการกระหน่ำปฏิปักษ์ทางการเมือง เริ่มจากปฏิญญาฟินแลนด์ในปี2549 มาถึงการสร้างปีศาจตัวใหม่ขึ้นมาหลอกหลอนคนไทยโดยเขียนบทความเผยแพร่ในสื่อ เครือผู้จัดการว่า ตอนนี้มีขบวนการ Republic of Thailand
หาก ใครเป็นแฟนหนังSTAR WAR ก็จะเห็นว่าคนดีๆแบบอนาคิน สกายวอล์กเกอร์นี่ เอาไปเอามามันก็กลายเป็นเหี้ยลอร์ดดาร์ธ เวเดอร์ไปได้เหมือนกัน ชีวิตของคนเราก็อีหรอบนี้
ชัยอนันต์จากAngry young man คนหนุ่มที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคม จากผู้นำความคิดเรียกร้องประชาธิปไตย จากคนที่ชูธงปฏิรูปการเมือง นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ล่าสุดในทศวรรษนี้ชัยอนันต์มีข้อสรุปที่จัดเจนตามบทความเรื่อง"การเมืองใหม่ "ของแกว่า..
พรรคการเมืองควรมีผู้แทนในสภาฯ กี่ส่วน จาก 30-70% ถ้าดูพรรคการเมืองในประเทศไทยที่มีฐานมวลชนแคบมากแล้ว 30% ก็น่าจะดี อีก 50% น่าจะมาจากองค์กรปกครองท้องถิ่น และ 20% มาจากองค์กรประชาชน..ประเทศไทยก็อาจต้องหันไปหาระบอบ “กึ่งประชาธิปไตย” คือ ให้มีการร่วมกันใช้อำนาจระหว่างนักการเมืองกับพลังอื่นๆ ในสังคม ซึ่งแต่ก่อนคือ ข้าราชการ แต่ในปัจจุบันพลังขององค์กรประชาชนตื่นตัวมาก การร่วมกันใช้อำนาจนี้ก็น่าจะเป็นระหว่างนักการเมือง-ข้าราชการ-ภาคประชา สังคม ในสังคมที่คนรังเกียจการเมือง และมีนักการเมืองแบบนี้สมควรหรือไม่ที่เราจะฝากอนาคตของชาติไว้กับนักการ เมืองแต่เพียงกลุ่มเดียวhttp://www.manager.co.th/Daily /ViewNews.aspx?NewsID=9510000082234)
ไม่รู้แกคิดตำรารัฐศาสตร์มาจากไหน ไม่แน่อาจจะก๊อปของแมคเควียเวลลี่มา...
ส่วน หนทางไปสู่การเมืองใหม่นั้น ชัยอนันต์ไม่ต้องปกปิดซ่อนเร้นเจตนา หรือเหนียมอายกันอีกต่อไปแล้ว โดยนำเสนอผ่านบทความเรื่อง"รัฐประหารจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด"ว่า มีคำถามว่า แล้วทหารจะทำรัฐประหารอีกหรือไม่ บางคนเห็นว่ามีความยากลำบากมากขึ้น เพราะต่างประเทศไม่ยอมรับ ในอดีตมีผู้นำหลายประเทศที่มาจากการเลือกตั้ง เช่น มาร์กอสในฟิลิปปินส์ ซูฮาร์โตในอินโดนีเซีย แต่ก็ถูกประชาชนและคณะทหารขับไล่ออกไป ทั้งมาร์กอสและซูฮาร์โตมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจที่ผิดๆ ดังนั้น หากความผิดของผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งชัดแจ้ง นานาชาติก็คงจะไม่ต่อต้านรัฐบาลใหม่มากเท่าไร
การที่ต่างประเทศจะมีท่าทีอย่างไรกับประเทศไทย หากมีรัฐประหารนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนของประชาชนในชาติเป็นสำคัญ
(http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000091057)
มี คำถามว่า ชัยอนันต์ทำไมถึงได้ยอมเปลืองตัวขนาดนี้ ทำไมแกยอมนำคุณงามความดี และคุณูปการต่อประชาธิปไตยในอดีตมาแลกชนิดที่ว่าไม่กลัวเสียคนตอนแก่ บ้างก็ว่าเพื่อตอบแทนพระคุณสนธิ ลิ้มทองกุล บ้างก็ว่ามีความทะเยอทะยานซ่อนอยู่ภายในตัวตนของเขา สิ่งนั้นก็คือ"อำนาจ"ซึ่งเป็นด้านมืดที่เปลี่ยนแปลงนักอุดมคติที่มี อุดมการณ์มานักต่อนัก แน่นอนว่าไม่ยกเว้นสำหรับชัยอนันต์
ก่อนการ เลือกตั้ง23 ธันวาคม 2550 มีกระแสข่าวสะพัดว่าทหารกำลังตั้งพรรคการเมือง และเล็งให้เขาเป็นหัวหน้าพรรค ในเวลานั้นชัยอนันต์ในวัย63เคยให้สัมภาษณ์ว่า"ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี "(http://www.blogth.com/blog/Colum/Criticze/7287.html)อย่างไรก็ตามพรรค ทหารที่ว่านั้นล้มไปซะก่อน และชัยอนันต์ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย
เมื่อคน ที่เคยเชิดชูนักสู้สามัญชนหันมาเป็นปากเสียงให้คณะเจ้าในวัยหนุ่มอ.ย.ม.ชัย อนันต์มีบทบาทอย่างแข็งขันในการเชิดชูนักสู้สามัญชนอย่างเทียนวรรณ และก.ศ.ร.กุหลาบ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ทำหน้าที่วิพากษ์การปฏิวัติ2475ของคณะราษฎร์ และพิทักษ์ปกป้องที่คณะเจ้าก่อกบฎบวรเดชในปี2476ในงานเขียนชื่อ“๑๔ ตุลาคม:คณะราษฎร กับ กบฏบวรเดช”จนทำให้สุพจน์ ด่านตระกูล ผู้ที่เพิ่งล่วงลับ ต้องมาผลิตงานด้วยการออกหนังสือชื่อ"ชำแหละชัยอนันต์"ออกมาโต้ในปี2517 โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า..***
จากข้อเขียนที่เปิดเผยของ ดร.ชัยอนันต์ ฯเป็นการชี้ชัดถึงความพยายามของพวกซากเดนศักดินาปฏิกิริยาอันเป็นพลังเก่า ในอันที่จะทำลายล้าง “คณะราษฎร” และ “พลังใหม่ที่ก้าวหน้า” การโฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายป้ายสีคณะราษฎรและยกย่องเชิดชูคณะ “กบฏบวรเดช” ดังที่ได้กระทำนั้น นั่นก็คืองานส่วนหนึ่งของแผนการทำลายล้าง “คณะราษฎร”
คน ที่ติดตามผลงานของชัยอนันต์ในวัยหนุ่ม อาจจะงงเต๊กกับบทบาทของชัยอนันต์ในวัยแก่ แต่ในบรรดาผู้ใกล้ชิดของชัยอนันต์นั้นบอกว่า ลึกๆแล้วเขามีความใฝ่ฝันยิ่งกว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ..เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติแก่แกและต่อวงศ์ตระกูลยิ่งกว่า หากแกจะได้เป็นองคมนตรี ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นที่ฝันใฝ่ของบรรดาeliteในสังคมไทย
เรื่องที่ร่ำ ลือว่าชัยอนันต์มีความ"อยาก"ในตำแหน่งอันทรงเกียรติยศยิ่งนี้ไม่เพียงพูดจา ในแวดวง"วงใน"เท่านั้น ตอนนี้ค่อยๆระบือไปยังแวดวงนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งในประเทศ เป็นเรื่องนินทากันไปยังฝรั่งต่างประเทศแล้วด้วยว่า น่าจะเป็น"แรงจูงใจ"สำคัญให้ชัยอนันต์"เปี๊ยนไป๋"ในระดับสั่นสะเทือนถึงฐาน รากขนาดนี้
จาก อ.ย.ม.ก็เลยมาจบด้วย อ.ล.ม.หรือugly old manไปซะงั้น
ส่วน ชัยศิริ น้องชัยอนันต์ หรือพี่ปานนี่(ก็ของผม) ผมขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ เกรงใจพี่บุญชิต ฟักมี สมาชิกขาใหญ่ของบอร์ดฟ้าเดียวกันอ่ะนะ
แต่ ก็นะพี่ปานนี่เกินไปจริงๆ น่าจะอาศัยความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่สะกิดสะเกาพวกลิ้ม พวกเหี้ยเหลืองให้มันมีหลักอะไรซักอย่างที่เข้าท่ากว่านี้หน่อย เอาไปเอามาพี่ปานจากพวกหัวก้าวหน้า มีหลักมีเกณฑ์มีความน่ารักน่าใคร่ ก็ดั๊นไปเป็นแมวเซื่องๆตามน้ำตามเพลง ชาติศาสน์กษัตริย์ขวาจัดปฏิปริยาไปกับเขาด้วย จะเอาชนะเหลี่ยมลูกเดียว หน้ามืดตาบอด ทำเอาบ้านเมืองเละเป็นขี้...
ก็ถือว่าในฐานะคนรักใคร่นับถือกันมา ก็เลยออกจะเซ็งแกเล็กน้อยถึงปานกลาง
นี่ว่าจะไม่ด่าพี่ปานแล้วนะ...แต่ซักนิดเหอะวะ จะได้ไม่เสียของ
หมายเหตุ:บท ความนี้เคยเผยแพร่ในไทยอีนิวส์มาก่อนเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ผมได้ขอจากไทยอีนิวส์มาตัดแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อย และขอขอบคุณไทยอีนิวส์มา ณ โอกาสนี้
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
9 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
อ.ย.ม.ที่ผมว่านี่ไม่ได้เป็นคำหยาบ หลอกด่าว่าไอ่แม่yeดนะ ผมนี่เป็นคนสุภาพกับผู้หลักผู้ใหญ่ อย่าได้เข้าใจผิด คือสมัยหนุ่มๆห้าวๆจารย์ชัยอนันต์แกเป็นคนเลือดร้อน หุนหัน อยากเปลี่ยนโลกตามอุดมคติ
ในยุคทศวรรษ 2510 ชัยอนันต์เป็นนักเรียนนอกกลับมาเป็นครูสอนหนังสือรัฐศาสตร์ จุฬา แล้วแกก็เล่นทางใต้ดินเยอะ ป๋าส.(ศิวะยั้วะ)เลยเรียกแกแบบแซวๆว่า เป็นพวก"อ.ย.ม." ซึ่งอ.ย.ม.ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Angry Young Man
ชัยอนันต์ดำรงจิตวิญญาณแห่ง อ.ย.ม.อย่างคงเส้นคงวาในทศวรรษนั้นและอีก2-3ทศวรรษถัดมา ด้วยเหตุที่มีจิตวิญญาณแห่งอ.ย.ม. ที่ฝังรากลึกเช่นนี้เอง ชัยอนันต์จึงเป็นนักวิชาการรัฐศาสตร์ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนขบวนการ สิทธิและเสรีภาพ รวมตลอดจนการปฏิรูปการเมืองโดยตรง
ในยุคเผด็จการถนอ ม-ประภาส จารย์ชัยอนันต์ทุ่มเทให้กับการเคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเอาการเอางาน การจัดประชุมคนหนุ่มนักศึกษาหัวก้าวหน้ามีขึ้นที่บ้านย่านสะพานควายของแก หลายหน แล้วก็มีการเข้าชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ
ซึ่งก็แน่นอนว่าใน บรรดาผู้กล้า100คนนั้นมีชื่อแกอยู่อันดับต้นๆ ที่แสบคือแกไปล่ารายชื่อญาติจอมพลถนอมมาลงชื่อได้ด้วย ท่านจอมพลถึงกับแค้นตาแม้นอักๆ
พอล่าชื่อเสร็จก็มีพวกคนหนุ่มสมัย นั้น อย่างน้าวิสา อ๋าผัวมาลีรัตน์อะไรพวกนี้ออกแจกใบปลิวที่ท้องสนามหลวง และถูกจับกุม นำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกที่ถูกจับ และบานปลายขยายวงไปเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
ชัยอนันต์คนเดียว กันนี้ ในพ.ศ.2549 ได้เรียกร้องให้ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวแรงแข็งขันของการเข้าชื่อถวายฎีกาเรียกร้องให้มีนายกรัฐมนตรีพระ ราชทาน หรือนายกฯมาตรา 7
ในปี2551 แกเขียนบทความเรียกร้องให้ทหารกระทำการรัฐประหารยึดอำนาจ หลังจากเหี้ยเหลืองม็อบมานานชักเหี่ยวปลายเต็มที โดยแกจิตวิตกว่าเวลานี้กำลังมีขบวนการสาธารณรัฐประชาชนไทย หรือRepublic of Thailand อันเป็นปีศาจที่ไม่มีตัวตน แต่แกและพรรคพวกร่วมขบวนการอย่างลิ้ม คำนูณ สิทธิสมาน ปราโมทย์ นาครทรรพ ซึ่งเคยแสดงปรากฏการณ์"เอียงซ้าย"มาก่อน ได้สร้างปีศาจตนนี้ขึ้นมาหลอกหลอนคนในสังคมไทย เพื่อปูทางให้กับการรัฐประหารครั้งใหม่ ทั้งที่พวกเหี้ยนี่เพิ่งสมคบคิดปูทางให้กับการรัฐประหาร19กันยายน2549 โดยไร้สำนึก และไร้ยางอายต่อตัวตนในอดีตของพวกเขาเอง
หลังยุค 14 ตุลาคม 2516 สังคมไทยโหยหาวีรบุรุษสามัญชน ที่ไม่ใช่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ดังขนบจารีตเดิม...ในขณะที่พวกฝ่ายซ้ายที่อิง แอบกับอุดมการณ์สังคมนิยมคอมมิวนิสต์พากันเชิดชูจิตร ภูมิศักดิ์ ครูคอง จันดาวงศ์ แต่ชัยอนันต์ซึ่งมีลักษณะเป็นนักปฏิรูปสังคมได้ย้อนไกลไปในประวัติศาสตร์ไทย โดยการเผยแพร่เกียรติคุณของ2ปัญญาชนแห่งสยามยามอดีตคือ เทียนวรรณ และ ก.ศ.ร.กุหลาบให้คนไทยได้รู้จัก
กรณีของเทียนวรรณ คนหนังสือพิมพ์ระดับตำนานคนแรกๆของเมืองไทย และเป็นปัญญาชนสมัยร.5นั้น เริ่มเขียนบทความชิ้นแรกเมื่ออายุได้ 30 ปี โดยนำเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงราชการบ้านเมือง เสนอให้เลิกทาส เลิกการพนัน ปราบปรามทุจริตคอรัปชัน และเสนอให้มีสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเทียนวรรณอายุได้ 40 ปี ก็ถูกกลั่นแกล้ง โดยมีผู้กล่าวหาว่าแกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ข้อหานี้มันเป็นอมตะจริงๆหวะ) และหมิ่นประมาทเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตร จึงถูกเฆี่ยน 40 ที และจำคุกไว้อย่างไม่มีกำหนด
ในช่วงแรก เทียนวรรณถูกจับใส่ตรวนและขื่อคาทั้งที่ศรีษะ มือ และเท้า จนกระทั่งได้เขียนหนังสือร้องเรียนไปยังกรมหลวงราชบุรีฯ จึงได้มีคำสั่งให้ปลดโซ่ที่คอออกจากนักโทษทุกคน
แม้ชัยอนันต์จะเชิด ชูเทียนวรรณ และก.ศ.ร.กุหลาบซึ่งนับเป็นนักปฏิรูปสังคมท้ายทายศักดินาในยุคอดีต แต่ชัยอนันต์ก็ออกจะไม่เห็นด้วยอย่างมาก เมื่อขบวนการนักศึกษาประชาชนหลัง14ตุลาฯถูกครอบงำโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง ประเทศไทย และพยายามขับเคลื่อนสังคมไทยไปทางซ้าย
ชัยอนันต์ถูกฝ่าย ซ้ายตราหน้าว่าเป็นพลังล้าหลังในสังคม บ้างก็ว่าเป็นพวกปฏิกิริยา และบ้างก็ว่าเป็นพวกศักดินา ซึ่งนักปฏิรูปอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็ถูกตราหน้าในลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ด้วย
ชัยอนันต์ เขียนหนังสือเรื่อง "ศักดินากับพัฒนาการของสังคมไทย" ในปี 2519 นัยสำคัญก็คือ การประกาศสงครามวิชาการกับฝ่ายซ้าย เพราะเนื้อหาส่วนสำคัญของหนังสือนี้อยู่ที่การวิพากษ์หนังสือ"โฉมหน้า ศักดินาไทย" ของจิตร ภูมิศักดิ์ อันเป็นคัมภีร์วิจารณ์เจ้าของพวกฝ่ายซ้ายในพ.ศ.นั้น
การวิวาทะยังไม่ รู้แพ้ชนะ ประชาธิปไตยหลัง14ตุลาแสนสั้นจุ๊ดจู๋ และเป็นยุคที่ผู้คนแตกแยกด้วยอุดมการณ์ซ้ายขวา ชนชั้นปกครองสลิดดกกลัวไทยตกเป็นคอมแบบ3ประเทศอินโดจีน(ทั้งที่เงือนไขทาง ประวัติศาสตร์โคตรต่างกัน) เมื่อปิดฉากด้วยเหตุการณ์นองเลือด6ตุลาคม2519 ชัยอนันต์ผู้ผิดหวังกับประชาธิปไตยที่เขาเพียรเรียกร้องได้เขียนหนังสือขึ้น มาเล่มหนึ่งคือ" The Thai Young Turks"
หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง ทหารยังเติร์กของไทยหลังการรัฐประหารที่ล้มเหลวเมื่อ 1 เมษายน 2524 โดยเขาได้เขียนแผนภูมิอันลือลั่น และรู้จักกันในนาม"วงจรอุบาทว์"การเมืองไทย ซึ่งก็คือการวนเวียนอยู่กับการปฏิวัติ รัฐประหาร แล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วจัดการเลือกตั้ง จากนั้นก็มีเรื่องราวอื้อฉาวคอรัปชั่น และเกิดรัฐประหาร แล้วก็วนเวียนอยู่อย่างนั้น
หลังยุค6ตุลาเลือด ทหารโดยการหนุนหลังของพลังจารีตนิยมครอบครองอำนาจมายาวนานผ่านป๋าเปรม ซึ่งเป็นนายกฯอยู่กว่า 8 ปี(ความจริงไม่น่ารอดตั้งแต่ปีแรกแล้ว หากไม่ได้"สุภาพสตรีท่านนั้น"กระเตงเอาไว้)
กระทั่งในปี พ.ศ. 2531 ชัยอนันต์ผู้เคยมีชื่อเสียงในการลงชื่อ100ผู้กล้าเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่เหตุการณ์14ตุลาคม2516ได้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งร่วมกับนัก วิชาการคนอื่นๆ เช่น ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ รวบรวมนักรายชื่อวิชาการ 99 คนลงชื่อเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรณรงค์เรื่องนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง
อาจารย์โต้งนี่ ก็ไปเล่นด้วย ยุนักศึกษาไล่ ในตอนนั้นพวกผู้นำนักษศึกษาอย่างอนุสรณ์ ธรรมใจ ชนะ ผาสุกสกุล(ไอ้ก๊องผู้จัดการ)ก็ขึ้นกระบะ6ล้อไปไล่ที่หน้าบ้านสี่เสา ที่สุดพลเอกเปรมต้องยอมลงจากเก้าอี้ ด้วยประโยคทอง"กูพอแล้ว.."
จาก นั้นชัยอนันต์เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการเป็นคอลัมนิสต์ในเซ็คชั่นปริทัศน์ให้ กับผู้จัดการรายสัปดาห์ของสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นปริทัศน์ใต้บังเหียนของคำนูณ สิทธิสมาน ซ้ายเก่า อดีตเลขาธิการศูนย์นิสิตฯ และอดีตนักรบจากป่านามแคน สาริกา และยังดี วจีจันทร์(เสียไปแล้ว)...
บทบาทสำคัญนอกจากเรื่องบ้านเมืองแล้ว ชัยอนันต์หันไปยกย่องกระแสทุนนิยมภายใต้ระเบียบโลกใหม่ที่อเมริกาเป็นผู้ส่ง ออก ในยามที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ค่ายคอมมิวนิสต์พ่ายแพ้ เมกาเป็นมหาอำนาจเดียวเที่ยวไปแส่จัดระเบียบโลกใหม่แบบที่เราเห็นทุกวันนี้ กระแสของทุนที่ไหลทะลักไปยังทุกมุมโลก การสื่อสารสมัยใหม่กำลังทำให้โลกเป็นชุมชนเดียว เป็นโลกไร้พรมแดน ชัยอนันต์ภาคภูมิใจกับการประดิดประดอยถ้อยความ"โลกานุวัตร"
อย่างไร ก็ตามราชบัณฑิตบอกว่าโลกานุตรของชัยอนันต์แปลว่า"เป็นไปตามโลก" หากจะเอาให้หมายถึงโลกไร้พรมแดน ทุนไร้สัญชาติ การสื่อสารนำพาโลกเป็นชุมชนเดียวต้องใช้ว่า"โลกาภิวัตน์"...ไม่รู้เพราะ เคืองเรื่องนี้หรือไม่ ในเวลาต่อมาชัยอนันต์ก็เลยได้กลายเป็นท่านราชบัณฑิตไปอีกตำแหน่งหนึ่ง...
ชัย อนันต์ยังมีบทบาทสนับสนุนประชาธิปไตยเรื่อยมา รวมทั้งการทำคลอดรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตย คือฉบับปี2540เขาก็เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างรัฐธรรมญฉบับนี้ โดยที่ได้ต้นเค้ามาจาก ศาสตราจารย์ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ ที่ได้ลงมือเขียน "ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อการปฏิรูปการเมืองตามแนวทางคอนสติติว ชั่นแนลลิสม์ (Constitutionalism)" ซึ่งค่ายผู้จัดการ โดยคำนูณ ซึ่งตอนนั้นใช้นามปากกา"รามบุตรี516"เขียนลงในผู้จัดการรายวันทุกๆวัน จนหนังสือพิมพ์ต่างค่ายที่หมั่นไส้คำนูณอย่างค่ายมติชนแซวว่า"คอนสติวตุ๊ด "..กันเลยทีเดียว
ชัยอนันต์ผู้ทรงอิทธิพล และมีต้นทุนทางสังคมสูงจากการเป็นผู้นำ100รายชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญยุค 14ตุลาฯ,ผู้นำ99นักวิชาการเรียกร้องเปรมลาออก เพรียกหานายกฯจากการเลือกตั้ง มามีบทบาทสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้งในปี2549 ภายหลังสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งอีกฐานะหนึ่งคือคนจ่ายเงินเดือนให้เขาในฐานะคอลัมนิสต์ และกุนซือใกล้ชิด ได้ประกาศสงครามแตกหักกับทักษิณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น...
โดย ชัยอนันต์จุดประเด็นนายกฯมาตรา7ขึ้นมาผ่านสื่อเครือผู้จัดการ ด้วยการนำเสนอให้เห็นว่า มีแต่พระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ เท่านั้นที่จะปลดชนวนการเมือง ให้ทักษิณพ้นตำแหน่งนายกฯและพระราชทานนายกรัฐมนตรีให้แก่ปวงชนชาวไทย จากนั้นเขาก็ล่าชื่อรานชื่อ 95 นักวิชาการยื่นฏีกา...แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าในเวลาต่อมาในหลวงทรงมีพระ ราชกระแสดำรัสความว่าบ้านเมืองยังไม่ล่มจมถึงคราวต้องกู้ และไม่มีมีรัฐธรรมนูญหรือในจารีตประเพณีที่จะให้อำนาจแก่พระองค์ในการพระราช ทานนายกฯ
ตามมาตรา 7
อย่างไรก็ตามแม้จะกินแห้ว ผิดหวังเรื่องนายกฯมาตรา7ต่อมาก็เกิดรัฐประหาร19กันยา49 ตามมาด้วยการเลือกตั้งใหม่23ธันวา50 พรรคการเมืองที่ใกล้ชิดทักษิณคือพลังประชาชนได้ชัยชนะจัดตั้งรัฐบาล มีสมัคร สุนทรเวช นักการเมืองอนุรักษ์นิยมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และพันธมิตรได้ฟื้นชีพมาต่อต้านอีกคราว
ในคราวนี้ชัยอนันต์ยังมี บทบาทในการเป็น"GURU"ให้ขบวนพันธมิตรของสนธิลิ้มเช่นเคย แต่ที่หนักหนาระอาใจ และสร้างความกระอักกระอ่วนให้กับคนที่เคยชื่นชมบทบาทของชัยอนันต์ที่เคยมี คุณูปการต่อบ้านเมืองในเรื่องประชาธิปไตยก็คือ เขาได้สวมบท"ขวาคลั่ง"ในการกระหน่ำปฏิปักษ์ทางการเมือง เริ่มจากปฏิญญาฟินแลนด์ในปี2549 มาถึงการสร้างปีศาจตัวใหม่ขึ้นมาหลอกหลอนคนไทยโดยเขียนบทความเผยแพร่ในสื่อ เครือผู้จัดการว่า ตอนนี้มีขบวนการ Republic of Thailand
หาก ใครเป็นแฟนหนังSTAR WAR ก็จะเห็นว่าคนดีๆแบบอนาคิน สกายวอล์กเกอร์นี่ เอาไปเอามามันก็กลายเป็นเหี้ยลอร์ดดาร์ธ เวเดอร์ไปได้เหมือนกัน ชีวิตของคนเราก็อีหรอบนี้
ชัยอนันต์จากAngry young man คนหนุ่มที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคม จากผู้นำความคิดเรียกร้องประชาธิปไตย จากคนที่ชูธงปฏิรูปการเมือง นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ล่าสุดในทศวรรษนี้ชัยอนันต์มีข้อสรุปที่จัดเจนตามบทความเรื่อง"การเมืองใหม่ "ของแกว่า..
พรรคการเมืองควรมีผู้แทนในสภาฯ กี่ส่วน จาก 30-70% ถ้าดูพรรคการเมืองในประเทศไทยที่มีฐานมวลชนแคบมากแล้ว 30% ก็น่าจะดี อีก 50% น่าจะมาจากองค์กรปกครองท้องถิ่น และ 20% มาจากองค์กรประชาชน..ประเทศไทยก็อาจต้องหันไปหาระบอบ “กึ่งประชาธิปไตย” คือ ให้มีการร่วมกันใช้อำนาจระหว่างนักการเมืองกับพลังอื่นๆ ในสังคม ซึ่งแต่ก่อนคือ ข้าราชการ แต่ในปัจจุบันพลังขององค์กรประชาชนตื่นตัวมาก การร่วมกันใช้อำนาจนี้ก็น่าจะเป็นระหว่างนักการเมือง-ข้าราชการ-ภาคประชา สังคม ในสังคมที่คนรังเกียจการเมือง และมีนักการเมืองแบบนี้สมควรหรือไม่ที่เราจะฝากอนาคตของชาติไว้กับนักการ เมืองแต่เพียงกลุ่มเดียวhttp://www.manager.co.th/Daily /ViewNews.aspx?NewsID=9510000082234)
ไม่รู้แกคิดตำรารัฐศาสตร์มาจากไหน ไม่แน่อาจจะก๊อปของแมคเควียเวลลี่มา...
ส่วน หนทางไปสู่การเมืองใหม่นั้น ชัยอนันต์ไม่ต้องปกปิดซ่อนเร้นเจตนา หรือเหนียมอายกันอีกต่อไปแล้ว โดยนำเสนอผ่านบทความเรื่อง"รัฐประหารจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด"ว่า มีคำถามว่า แล้วทหารจะทำรัฐประหารอีกหรือไม่ บางคนเห็นว่ามีความยากลำบากมากขึ้น เพราะต่างประเทศไม่ยอมรับ ในอดีตมีผู้นำหลายประเทศที่มาจากการเลือกตั้ง เช่น มาร์กอสในฟิลิปปินส์ ซูฮาร์โตในอินโดนีเซีย แต่ก็ถูกประชาชนและคณะทหารขับไล่ออกไป ทั้งมาร์กอสและซูฮาร์โตมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจที่ผิดๆ ดังนั้น หากความผิดของผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งชัดแจ้ง นานาชาติก็คงจะไม่ต่อต้านรัฐบาลใหม่มากเท่าไร
การที่ต่างประเทศจะมีท่าทีอย่างไรกับประเทศไทย หากมีรัฐประหารนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนของประชาชนในชาติเป็นสำคัญ
(http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000091057)
มี คำถามว่า ชัยอนันต์ทำไมถึงได้ยอมเปลืองตัวขนาดนี้ ทำไมแกยอมนำคุณงามความดี และคุณูปการต่อประชาธิปไตยในอดีตมาแลกชนิดที่ว่าไม่กลัวเสียคนตอนแก่ บ้างก็ว่าเพื่อตอบแทนพระคุณสนธิ ลิ้มทองกุล บ้างก็ว่ามีความทะเยอทะยานซ่อนอยู่ภายในตัวตนของเขา สิ่งนั้นก็คือ"อำนาจ"ซึ่งเป็นด้านมืดที่เปลี่ยนแปลงนักอุดมคติที่มี อุดมการณ์มานักต่อนัก แน่นอนว่าไม่ยกเว้นสำหรับชัยอนันต์
ก่อนการ เลือกตั้ง23 ธันวาคม 2550 มีกระแสข่าวสะพัดว่าทหารกำลังตั้งพรรคการเมือง และเล็งให้เขาเป็นหัวหน้าพรรค ในเวลานั้นชัยอนันต์ในวัย63เคยให้สัมภาษณ์ว่า"ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี "(http://www.blogth.com/blog/Colum/Criticze/7287.html)อย่างไรก็ตามพรรค ทหารที่ว่านั้นล้มไปซะก่อน และชัยอนันต์ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย
เมื่อคน ที่เคยเชิดชูนักสู้สามัญชนหันมาเป็นปากเสียงให้คณะเจ้าในวัยหนุ่มอ.ย.ม.ชัย อนันต์มีบทบาทอย่างแข็งขันในการเชิดชูนักสู้สามัญชนอย่างเทียนวรรณ และก.ศ.ร.กุหลาบ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ทำหน้าที่วิพากษ์การปฏิวัติ2475ของคณะราษฎร์ และพิทักษ์ปกป้องที่คณะเจ้าก่อกบฎบวรเดชในปี2476ในงานเขียนชื่อ“๑๔ ตุลาคม:คณะราษฎร กับ กบฏบวรเดช”จนทำให้สุพจน์ ด่านตระกูล ผู้ที่เพิ่งล่วงลับ ต้องมาผลิตงานด้วยการออกหนังสือชื่อ"ชำแหละชัยอนันต์"ออกมาโต้ในปี2517 โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า..***
จากข้อเขียนที่เปิดเผยของ ดร.ชัยอนันต์ ฯเป็นการชี้ชัดถึงความพยายามของพวกซากเดนศักดินาปฏิกิริยาอันเป็นพลังเก่า ในอันที่จะทำลายล้าง “คณะราษฎร” และ “พลังใหม่ที่ก้าวหน้า” การโฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายป้ายสีคณะราษฎรและยกย่องเชิดชูคณะ “กบฏบวรเดช” ดังที่ได้กระทำนั้น นั่นก็คืองานส่วนหนึ่งของแผนการทำลายล้าง “คณะราษฎร”
คน ที่ติดตามผลงานของชัยอนันต์ในวัยหนุ่ม อาจจะงงเต๊กกับบทบาทของชัยอนันต์ในวัยแก่ แต่ในบรรดาผู้ใกล้ชิดของชัยอนันต์นั้นบอกว่า ลึกๆแล้วเขามีความใฝ่ฝันยิ่งกว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ..เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติแก่แกและต่อวงศ์ตระกูลยิ่งกว่า หากแกจะได้เป็นองคมนตรี ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นที่ฝันใฝ่ของบรรดาeliteในสังคมไทย
เรื่องที่ร่ำ ลือว่าชัยอนันต์มีความ"อยาก"ในตำแหน่งอันทรงเกียรติยศยิ่งนี้ไม่เพียงพูดจา ในแวดวง"วงใน"เท่านั้น ตอนนี้ค่อยๆระบือไปยังแวดวงนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งในประเทศ เป็นเรื่องนินทากันไปยังฝรั่งต่างประเทศแล้วด้วยว่า น่าจะเป็น"แรงจูงใจ"สำคัญให้ชัยอนันต์"เปี๊ยนไป๋"ในระดับสั่นสะเทือนถึงฐาน รากขนาดนี้
จาก อ.ย.ม.ก็เลยมาจบด้วย อ.ล.ม.หรือugly old manไปซะงั้น
ส่วน ชัยศิริ น้องชัยอนันต์ หรือพี่ปานนี่(ก็ของผม) ผมขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ เกรงใจพี่บุญชิต ฟักมี สมาชิกขาใหญ่ของบอร์ดฟ้าเดียวกันอ่ะนะ
แต่ ก็นะพี่ปานนี่เกินไปจริงๆ น่าจะอาศัยความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่สะกิดสะเกาพวกลิ้ม พวกเหี้ยเหลืองให้มันมีหลักอะไรซักอย่างที่เข้าท่ากว่านี้หน่อย เอาไปเอามาพี่ปานจากพวกหัวก้าวหน้า มีหลักมีเกณฑ์มีความน่ารักน่าใคร่ ก็ดั๊นไปเป็นแมวเซื่องๆตามน้ำตามเพลง ชาติศาสน์กษัตริย์ขวาจัดปฏิปริยาไปกับเขาด้วย จะเอาชนะเหลี่ยมลูกเดียว หน้ามืดตาบอด ทำเอาบ้านเมืองเละเป็นขี้...
ก็ถือว่าในฐานะคนรักใคร่นับถือกันมา ก็เลยออกจะเซ็งแกเล็กน้อยถึงปานกลาง
นี่ว่าจะไม่ด่าพี่ปานแล้วนะ...แต่ซักนิดเหอะวะ จะได้ไม่เสียของ
หมายเหตุ:บท ความนี้เคยเผยแพร่ในไทยอีนิวส์มาก่อนเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ผมได้ขอจากไทยอีนิวส์มาตัดแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อย และขอขอบคุณไทยอีนิวส์มา ณ โอกาสนี้
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน10):ภารกิจลับระดับสูงของปีย์-พญาไม้-ไพศาล
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
10 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ปีย์:ผู้ทำงานใหญ่ฉลองพระเดชพระคุณ
ในยุคเปลี่ยนผ่านก่อนที่เหลี่ยมเข้ามาเทกไอทีวี เตะก้นหยุ่นเนชั่นออกไป ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ITV ก็ไปเชิญปีย์มานั่งเป็นก้าง เอ๊ย เป็นบอร์ดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเหลี่ยมก็เตะออกไป เพราะดันพ่วงของแถมคือดร.สมเกียรติขาเก่าขาแก่มาด้วย เหลี่ยมคงจะเห็นว่าคุมยากมั้ง
แต่เป็นอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเป็น ประธานกรรมการบริษัทแปซิฟิคอินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผลิตรายการสารคดีพิเศษเฉลิมพระเกียรติใน พระราชวงศ์ ทางทีวีช่องต่างๆให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระบารมี และได้ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางตอนที่ปีย์ได้ทำงานสนองพระเดชพระคุณ
-เป็นกรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการอันเนื่องมาจากพระราดำริ พ.ศ. 2534 ของกระทรวงศึกษาธิการ
-เป็นกรรมการที่ปรึกษา ในคณะกรรมการประชาสัมพันธ์การพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ พ.ศ.2541-2542
-เป็นคณะทำงานโครงการเผยแพร่ และจัดจำหน่ายหนังสือพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" ฉบับการ์ตูน ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2542
-เป็นรองประธานกรรมการของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ในคณะกรรมการอำนวยการปรับปรุงพร
ะที่นั่งจักรีมหาปราสาท พ.ศ. 2535
-เป็น กรรมการฝ่ายหาทุน และจำหน่ายบัตรของคณะกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติของมูลนิธิพระบรมราชานุ สรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2535-2548
-เป็นกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้ากัลยาณิ วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ของมูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2538
-เป็นกรรมการจัดการ และที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ "พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9" ของมูลนิธิสวนหลวง ร.9 พ.ศ. 2534-2538
-เป็นกรรมการจัดทำเหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเหรียญสมเด็จพระสุริโยทัย พ.ศ. 2538
-เป็นกรรมการฝ่ายขายบัตรงานแสดงคอนเสิร์ต "ใกล้ดวงใจแต่ไกลสุดฟ้า" ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. 2539
-เป็นอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และการตลาดโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ "ศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9" พ.ศ. 2539
-เป็น กรรมการฝ่ายหาทุน และจำหน่ายบัตรของคณะกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติของมูลนิธิพระบรมราชานุ สรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2543
-เป็นคณะกรรมการธนบัตรที่ระลึกวันราชาภิเษกสมรสครบ 50 ปี (กธภ.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543
-เป็นคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานวันเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี พ.ศ. 2543
-เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ในโครงการจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พ.ศ. 2545
-เป็น กรรมการอำนวยการโครงการเปลี่ยนไตถวายเป็นพระกุศล 80 พรรษา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 2545
-ในหนังสือพระราชอำนาจที่เขียนโดย ประมวล รุจนเสวี ระบุเอาไว้ในบทอาเศียรวาทว่า
"…เราอ่านแล้ว เราชอบมาก เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง"
คือ กระแสพระราชดำรัสที่ทรงตรัสกับนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา และทรงรับสั่งให้เชิญกระแสพระราชดำรัสนี้มาแจ้งกับข้าพระพุทธเจ้า
"เรา" ทรงชี้พระหัตถ์ไปที่พระอุระของพระองค์ "ให้ไปบอกเขาว่า เราชอบมาก"
ข้า พระพุทธเจ้าได้ยกมือทั้งสองประนมเหนือศีรษะน้อมรับกระแสพระราชดำรัสนี้จาก ท่านปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เมื่อได้พบกัน ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2548 เวลา 17.00 น. ณ บ้านของท่านปีย์ฯ
ปีย์ถูกเหลี่ยมแฉในการโฟนอินชุมนุมใหญ่ หน้าทำเนียบ ก่อนสงกรานต์ทมิฬไม่กี่วันว่า มีชนชั้นนำจำนวนมากไปที่บ้านปีย์สุขุมวิท เพื่อวางแผนรัฐประหาร19กันยายน2549 ในนั้นก็มีพล.อ.สุรยุทธ์(ซึ่งหลังรัฐประหาร19กันยา ได้เป็นนายกฯ) นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ(หลัง19กันยาได้เป็นองคมนตรี) นายอักขราทร จุฬารัตน์(ซึ่งเคยมีชื่อว่าจะได้เป็นนายกฯหลังรัฐประหาร19กันยา แต่วันหน้าก็อาจจะได้เป็น) นายจรัญ ภักดีธนากุล และนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวชิการประจำพันธมิตร
ปีย์ออกมาแก้ข่าวว่า ไม่มีการพูดเรื่องการวางแผนรัฐประหารหรือโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการเชิญคนที่สนิทสนมและเป็นเพื่อนมารับประทานอาหารที่บ้านเพื่อพูด คุยถึงปัญหาบ้านเมืองซึ่งทำเป็นปกติอยู่แล้ว การเชิญเพื่อนและคนที่มีความสนิทสนมมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจำ อยู่ก็เพื่อให้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง เพราะต้องการทันสถานการณ์เนื่องจากมีอาชีพเป็นนักข่าว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 เกี่ยวกับปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง จึงได้เชิญคุณอักขราทร ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ
"พญาไม้ "หรือเผด็จ ภูริฯเคยเขียนในบางกอกทูเดย์ของแป๊ะปีศาจว่า หลังรัฐประหาร19กันยา ปีย์เคยเรียกพญาไม้แล้วก็พวก18อรหันต์วงการคนหนังสือพิมพ์ไปกินข้าว ในหลายเรื่องที่พูดกันนั้นก็รวมทั้งปฏิบัติการที่จะสกัดกั้นเวบไซต์ต่าง ประเทศที่มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจำนวนมาก
"นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ที่ได้เชิญตัวแทนจาก “บางกอกทูเดย์” ไปร่วมหารือและคิดหาหนทาง “ปิด” เว็บไซต์ต่างชาติ ที่เผยแพร่ข้อเขียนสุดอุบาทว์ ทำลายเบื้องสูงและทำร้ายจิตใจหัวใจไทยทั้งชาติ...ให้เร็วที่สุด
นาย ปีย์ คนที่รู้สึกวิตกกังวลและเป็นห่วงมากๆ กับการที่เว็บไซต์ต่างชาติยังคงเดินหน้าเผยแพร่ข้อเขียนของพวกหัวเอียงซ้าย “บูชา” ลัทธิสาธารณรัฐ จึงเชิญชวนให้ใครต่อใครที่คิดว่า...จะหวังดีต่อประเทศนี้ มาร่วมคิดหาหนทาง “สกัดกั้น” มิให้ข้อเขียนสุดอุบาทว์ ชิ้นนั้นดำรงอยู่ได้อีกต่อไป เกือบ 3 ชั่วโมง...ที่กว่าภารกิจดังกล่าวจะแล้วเสร็จ แต่ก็ใช่...จะ “ปิดกั้น” และ “หยุดยั้ง” เว็บไซต์ต่างชาติ...ได้อย่างยั่งยืน เพราะวันต่อๆ มา คนทั่วไปก็ยังคงหาอ่าน ข้อเขียนอุบาทว์ๆ ชิ้นนั้นได้อีก"พญาไม้ระบุในข้อเขียน ที่บ่งชี้ถึงภารกิจทางลึกของปีย์ที่สนองพระเดชพระคุณ และปกป้องสถาบัน
ในrepนี้ ผมจึงไม่มีคำสบถคำหยาบเมื่อกล่าวถึงท่านปีย์ ขอให้ท่านเกษมสำราญ สนองพระเดชพระคุณไปตราบเท่านาน เป็นบุญแก่พสกยิ่งแล้วที่ท่านปีย์สนองคุณชาติบ้านเมืองเยี่ยงนี้ และยังผลิตรายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติให้พสกนิกรได้ซาบซึ้งในพระบารมี และสำนึกพระมหากรุณาธิคุณโดยทั่วกัน
ดร.สมเกียรติซี้ปีย์ แต่ยังประคองความเป็นนักวิชาชีพสื่อไว้ได้
พูดเรื่องปีย์แล้วหากไม่กล่าวถึงดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ก็คงไม่ครบเครื่อง เพราะความเป็นซี้กัน
ผมก็ว่าแกไม่ได้เป็นคนแย่ที่ไหน ถึงจะมีเพื่อนเป็นเหี้ยตัวพ่อของวงการ
อย่างน้อยแกอยากเป็นสว.ก็ไปลงแรงหาเสียงให้คนสุพรรณเลือก ต่างจากไอ้สมชาย ไอ้คำนูณแม่งเลียตีนเผด็จการแลกกับการเป็นสว.
เรื่อง TPBSนี่แกก็ด่าชิปหายว่าไม่จำเป็นเอาเงินมาผลาญ หากจะทำตามไอเดียที่ว่าTPBSนะ ยิ่งมาเป็นสื่อราชการอีกอัน ซ้ำกับช่อง11แกยิ่งด่าแม่เข้าไปใหญ่
วีรกรรมแกที่เคยทำข่าวหม่อมคึกฤทธิ์นอนป่วยโรงพยาล โดนคึกฤทธิ์ด่าไอ้แม่เย็ดนี่ถือว่าเป็ยฮีโร่ของผมเลยนะ
ที่แกพลาดตอนพฤษภาทมิฬก็เพราะปีย์หัวเถิกไซโคแกหนักไปหน่อย...กลายเป็นรอยด่างในชีวิตแก
หาก แกออกมาพูดซักคำว่า"ขอโทษ ผิดไปแล้ว"ผมว่าใครๆก็พร้อมจะยกโทษให้แก เทียบกับที่แกบุกเบิกงานข่าวทีวีให้เห็นอย่างที่เป็นมาในระยะหลัง
แก สร้างคนในวงการไว้มาก อย่างอรุณโรจน์ ป้าแอ้ รุ่นหลังๆก็สุริยนต์ จองลีพันธ์ กิตติ สิงหาปัด คนพวกนี้เป็นเมล็ดพืช เมล็ดกล้าที่ดี ไปอยู่ไหนก็ทำให้ที่นั่นมีสง่าราศีไปด้วย...ลูกศิษย์แกนี่ไม่ออกลายเหี้ยให้ เห็นซักตัว
พูดถึงกรณีแกมีเรื่องกับคึกฤทธิ์นี่ก็คือ ตอนนั้นอาจารย์หม่อมที่แกขึ้นหิ้งแล้ว ชนิดที่ว่าหากคนข่าวหาข่าวอะไรมาเล่นไม่ได้ ก็ไปถามแกให้ด่าคนนั้นคนนี้ ตอนท้ายๆนี่แกด่าป๋าเป็นอาชีพหลัก มาวันนึ่งแกป่วยไปนอนโรงบาล น่าจะซักราวพ.ศ.2530
ตอนนั้นดร.สมเกียรติมาคุมข่าวช่อง7กำลังฮ็อตมาก ก็สั่งเด็กนักข่าวไปทำข่าวถ่ายๆๆใหญ่ หม่อมคึกฤทธิ์จะขี้เยี่ยวกินข้าวบนเตียงโรงบาลก็ตามถ่าย
อาจารย์ หม่อมแกคนโบราณก็ถือว่าไอ้ดร.สมเกียรติแม่งไม่รู้จักกาละเทศะ มาถ่ายตอนกูป่วยนี่กะจะแช่งให้กูตายใช่มั๊ยสัดด แกก็ให้"ครวย"เด็กนักข่าวผู้หญิงของดร.สมเกียรติ ถึงกับน้ำตาแตก แล้วแกก็ฝากด่าว่า"ไอ้yeดแม่ดร.สมเกียรติ คนไทยเขาถือ แล้วเขาถือด้วยว่าพวกผมหยัก หน้ากล้อ คอสั้นอย่างดร.สมเกียรตินี่เป็นพวกอัปลักษณ์ ห้ามคบหา"
ดร.สมเกียรติเลยได้ตกงานจากช่อง7 ต่อมาแกก็ไปทำที่ช่อง5 แกก็ไม่กล้าเปิดศึกกลับคืนอาจารย์หม่อม คนโบราณเขาถืออาวุโสกัน
ส่วน ตอนพฤษภา35นี่ ดร.สมเกียรติแกมาทำวิทยุจส.100ก็ฮ็อตมากมาย ใครจะไปรู้ว่าวิทยุรานงานรถติดมันจะฮิตขนาดนี้ ลูกน้องแกจัดรายการชื่อวิไล จะไปเรียนเมืองนอก ร่ำลากันแฟนๆร้องไห้เป็นเผาเต่า
แล้วคนฟังนี่ไม่ ธรรมดา พวกรัฐมนตรี ส.ส.ก็แอบโทรไปรายงานจราจรด้วย มีข่าวกระทั่งว่าแม้แต่ในหลวงก็เคยแอบโทรไปรายงานกับเขาเหมือนกานน..ทรงบร๊ะ เจริญ
ทีนี่มาเป็นเรื่องคือแกทำจส.100ด้วย ช่อง5ด้วย มันก็ช่องทหาร ตอนวันที่17พฤษภา มหาจำลองก็หุนหันออกจากสนามหลวงไม่ปรึกษาใคร แค่ออกมาถึงหน้ากองสลาก ไอ้ช่อง5กับจส.100รายงานข่าวแล้วว่าตอนนี้เกิดจลาจลเผาโน่นเผานี่แล้ว...ผม เองก็เดิน
ท่อมๆอยู่แถวนั้น ข่าวนี่รายงานซักทุ่มสองทุ่ม ตอนนั้นยังไม่เผาเอี้ยอะไรเลย จส.100กับช่อง5ดันบอกว่าเผา...ทั้งที่มีเรื่องเผากันนี่ก็ซัก5-6ทุ่มแล้ว เป็นพวกพัลลภไปเผา
คนเลยด่าแม่ดร.สมเกียรติว่าแกบิดเบือน รับใช้ทหาร เพราะได้สัมปทานคลื่นกับความถี่
แล้ว ก็รายงานก่อนนั้นทุกวันว่าอย่าไปม็อบเหอะรถมันติด คนไปม็อบก็ไม่กี่ร้อยหรอก...คนอยู่ทางบ้านก็บอกแหกตากู กูโกรธ จะไปดูด้วยตา ก็เลยกลายเป็นหมื่นเป็นเสนขึ้นมา
เรื่องนี้ก็เป็นเหตุ ให้หยุ่นเนชั่นมาโวยวายว่า สื่อบิดเบือนงี้อันตราย ที่อันตรายเพราะสื่อถูกรัฐครอบงำ มันต้องแจ้งเกิดทีวีอิสระ(Independent TeleVision-ITV)ขึ้นมาซักช่อง ต่อไปมีเหตุแบบนี้ ก็จะได้เป็นอิสระจากรัฐบาล รายงานข่าวแบบเสรี
ถึงตอนนี้คุณก็ไปอ่าน ต่อตอนที่ผมเขียนถึงค่ายเนชั่นทำสัญญาขายวิญญาณใหปีศาจ แล้วไปต่อด้วยเรื่องเหลี่ยมเข้ามาtakeover ITV ต่อด้วย30กบฎITV ต่อด้วยดึงสำราญ รอดเพชรไปปราบกบฎ ปลดสำราญกลางอากาศ สำราญไปจับมือลิ้มไล่เหลี่ยม....มันจะเป็นซีรีส์ยังงี้
เสี่ยประชัย จากนายทุนอุตสาหกรรมใหญ่มาเป็นนายทุนวิทยุเก้าสิบสองสลึง
ก่อนที่ประชัยจะมาเป็นนายทุนวิทยุ92.25หรือวงการเรียกว่าเก้าสิบสองสลึง แถมมาเสียเงินทำพรรคมัฌชิมาเป็นพันล้าน โดยไม่ได้อะไรเลย โดนแก๊งคฺสมศักดิ์ เทพสุทินเตะออกมาชีช้ำนี่ เรื่องมันยาว
เรื่องเสี่ยประชัยนี่ความซวยบังเกิดกับแกเพราะไปทำธุรกิจแข่งกับขาใหญ่ครับ
ทั้งปูน เคมี กระดาษ ไปแข่งเขาหมด แบงก์ก็จะตั้งแข่งกับเขา ถึงขั้นเคยเจอสั่งล้มสัมปทานมาแล้ว
เกือบ20 ปีมาแล้วผมเคยไปนั่งคุยกับแก แกก็บ่นชิปหายเรื่องขาใหญ่บีบให้แกยอมจำนน แล้วเขาก็บี้แกทุกเม็ด อาศัยเส้นสายกลไกราชการ และรัฐบาลทุกรัฐบาลเล่น ตั้งแต่เอาAFTAมาบี้ สารพัดเรื่อง กูแกล้งมึงหมด เจอวิกฤตปี40ขาใหญ่เอาเงินหลวงมาช่วย ตัวเองรอด ของประชัยปล่อยให้ตายหยังเขียด
ใครเข้าใจว่าประชัยโดนเหลี่ยมบี้ หรือจะไปฮุบTPIนี่เข้าใจผิดหมดครับ มันใหญ่กว่าทักษิณเยอะ คนที่เล่นประชัยหนะ
มาหลังๆจำได้ไหมประชัยพูดอะไรซักอย่าง แล้วพูดปุ๊บคุกปั๊บ
ถ้ายังขืนพูดต่อนี่จะไม่มีปากไว้กินข้าว
นายทุนแบบประชัยนี่หากไปเจอประเทศเสรีนะ รวยบรรลัยราก มาเจอประเทศผูกขาดแบบไทยแลนด์นี่ มึงไม่ถึงตายก็บุญหัวแล้ว ว่าไปก็เสียดายของ
ไพศาล พืชมงคล:จากโค่นล้มศักดินามาถึง"โอ้ว่าทูลกระหม่อมแก้ว เห็นแล้วว่าประทับอยู่ข้างไหน"*
โดยหลังเหตุการณ์14ตุลาคม 2516 ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้แทรกซึมเข้ามายังขบวนการนักศึกษาและ กรรมกร นายไพศาลได้ตั้งวงดนตรี “คนจน” เพื่อหนุนช่วยงานกรรมกร และเป็นผู้แต่งเพลงศักดิ์ศรีกรรมกรอันโด่งดัง เป็นนักเขียนบทความตั้งแต่เป็นนักศึกษา หลัง 14 ตุลาคม 2516 เป็นผู้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ฝ่ายซ้ายคือ “อธิปัตย์” และ “ประชาธิปไตย"
เพลงศักดิ์ศรีกรรมกร
(สร้อย) เสียงครวญของมวลกรรมกร
ใช่เสียงอ้อนวอนขอความปรานี
แต่เป็นเสียงเพื่อสิทธิ์เสรี
ที่ถูกย่ำยีกดขี่มานาน
อาบเหงื่อแทนน้ำเช้าค่ำ
ทนลำบากยากเข็ญ
ชีวีเราแสนเศร้าลำเค็ญ
มองไปไม่เป็นดังเช่นคน
ผอมซูบโซโอ้อับจน
ผองเราทุกคนต้องสู้เพื่อเสรี
(สร้อย)
ทำงานทุกวันขันกล้า
ค่าเลี้ยงชีพไม่พอ
ลูกและเมียร้องเรียกหาพ่อ
หิวข้าวตัวงอระงมไป
ดวงเดือนดาวพราวสดใส
แม้สอยกินได้ จะสอยไว้ให้ลูกกิน
(สร้อย)
หยาดเหงื่อไหลรินสรรค์สร้าง
ทั่วโลกกว้างงามตา
ปวงนายทุนขุนศึกศักดินา
มันกดขี่ บีฑา กินเลือดเรา
ทำเท่าไรได้พวกเขา
เอ้าเอา พวกเราโค่นล้มมันเถิดเอย(สร้อย)
กรรมกรจงรวมกันเข้า
ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณ
สามัคคีน้องพี่คนงาน
ร่วมแรงฝ่าฟันไม่พรั่นใคร
แอกบนบ่าปลดออกไป
สร้างความเป็นไท สดใสนิรันดร
(สร้อย)
เพลง ศักดิ์ศรีกรรมกร นี้ปรากฏครั้งแรกในหลังยุค 14 ตุลา2516 เมื่อ ปี 2517 แสดงครั้งแรกโดย วงดนตรีคนจน ณ โรงงานย่านอ้อมน้อย ขับร้องครั้งแรกโดย นิรุตติ์, จำนูญ, ระพิน และ แอ๋ว วงดนตรีเฉพาะกิจวงนี้ร่วมสนับสนุนการเคลื่อนไหวชุมนุมของผู้ใช้แรงงานใน พื้นที่ กรุงเทพมหานคร -ปริมณฑล และ สลายตัว ไปหลังเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม 2519 เนื่องจาก จำนูญ สมาชิกคนสำคัญ ถูกยิงเสียชีวิต หลังจากนั้นไม่นาน แอ๋ว ก็ ถูกยิงเสียชีวิต ส่วน ระพิน สมาชิกอีกคนหนึ่ง หายสาบสูญ แต่ไพศาลที่เป็นคนแต่งเหลือรอดมาเขียนบทใหม่และอุดมการณ์ใหม่คือ"โอ้ว่าทูล กระหม่อมแก้วฯ"
อย่างไรก็ตามต่อมาไพศาลมาทำงานให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นักปราบคอมมิวนิสต์ และมาเขียนบทความให้ผู้จัดการของสนธิ ลิ้มทองกุล เขายังส่งนายพิธาร พืชมงคล เป็นบอดี้การ์ดใกล้ชิดที่สุดให้กับสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำสูงสุดของพันธมิตร ต่อมาในการรัฐประหาร19กันยายน 2549 ไพศาลเป็นคนเขียนแถลงการณ์คณะรัฐประหารฉบับแรกๆจากการเปิดเผยของคำนูณ สิทธิสมาน และเขาได้ตบรางวัลเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติสายของนายสนธิ ลิ้มทองกุลด้วย
ไพศาลก็เช่นเดียวกับฝ่ายซ้ายเก่าจำนวนมากรอบตัวนาย สนธิ ไม่ว่าจะเป็นคำนูณ สิทธิสมาน สำราญ รอดเพชร ประพันธ์ คูณมี สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พิภพ ธงชัย อมร อมรรัตนานนท์ กระทั่งแจ๊ค-วัชระ เพชรทอง และสุริยะใส กตะศิลา ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยสมาทานอุดมการณ์สังคมนิยม หรือแม้แต่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่เคยประกาศจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์มาก่อน
แต่ เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป พวกเขากลับเชิดสถาบันขึ้นบังหน้าแล้วนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อ กำจัดปฏิปักษ์ทางการเมือง รวมทั้งกำจัดอำนาจของประชาชนไทยที่ต้องการประชาธิปไตย แล้วนำบ้านเมืองถอยหลังลงคลองด้วยการเมืองโควต้า70:30
...............................
“โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว เห็นแล้วว่าประทับอยู่ข้างไหน”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.as...D=9510000124188
*หมายเหตุ:บทความเรื่องไพศาลเคยเผยแพร่ในไทยอีนิวส์มาก่อน ต้องขอขอบคุณมาในโอกาสนี้
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
10 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ปีย์:ผู้ทำงานใหญ่ฉลองพระเดชพระคุณ
ปีย์เป็นอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างครับ
เช่น เคยเป็นบก.หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยหลัง14ตุลา2516
เป็นเจ้าของหนังสือดิฉัน
เป็นเจ้าของจส.100
แต่เหนือสิ่งใด เป็นผู้ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างสูง
ในยุคเปลี่ยนผ่านก่อนที่เหลี่ยมเข้ามาเทกไอทีวี เตะก้นหยุ่นเนชั่นออกไป ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ITV ก็ไปเชิญปีย์มานั่งเป็นก้าง เอ๊ย เป็นบอร์ดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเหลี่ยมก็เตะออกไป เพราะดันพ่วงของแถมคือดร.สมเกียรติขาเก่าขาแก่มาด้วย เหลี่ยมคงจะเห็นว่าคุมยากมั้ง
แต่เป็นอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเป็น ประธานกรรมการบริษัทแปซิฟิคอินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผลิตรายการสารคดีพิเศษเฉลิมพระเกียรติใน พระราชวงศ์ ทางทีวีช่องต่างๆให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระบารมี และได้ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางตอนที่ปีย์ได้ทำงานสนองพระเดชพระคุณ
-เป็นกรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการอันเนื่องมาจากพระราดำริ พ.ศ. 2534 ของกระทรวงศึกษาธิการ
-เป็นกรรมการที่ปรึกษา ในคณะกรรมการประชาสัมพันธ์การพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ พ.ศ.2541-2542
-เป็นคณะทำงานโครงการเผยแพร่ และจัดจำหน่ายหนังสือพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" ฉบับการ์ตูน ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2542
-เป็นรองประธานกรรมการของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ในคณะกรรมการอำนวยการปรับปรุงพร
ะที่นั่งจักรีมหาปราสาท พ.ศ. 2535
-เป็น กรรมการฝ่ายหาทุน และจำหน่ายบัตรของคณะกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติของมูลนิธิพระบรมราชานุ สรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2535-2548
-เป็นกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้ากัลยาณิ วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ของมูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2538
-เป็นกรรมการจัดการ และที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ "พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9" ของมูลนิธิสวนหลวง ร.9 พ.ศ. 2534-2538
-เป็นกรรมการจัดทำเหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเหรียญสมเด็จพระสุริโยทัย พ.ศ. 2538
-เป็นกรรมการฝ่ายขายบัตรงานแสดงคอนเสิร์ต "ใกล้ดวงใจแต่ไกลสุดฟ้า" ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. 2539
-เป็นอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และการตลาดโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ "ศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9" พ.ศ. 2539
-เป็น กรรมการฝ่ายหาทุน และจำหน่ายบัตรของคณะกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติของมูลนิธิพระบรมราชานุ สรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2543
-เป็นคณะกรรมการธนบัตรที่ระลึกวันราชาภิเษกสมรสครบ 50 ปี (กธภ.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543
-เป็นคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานวันเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี พ.ศ. 2543
-เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ในโครงการจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พ.ศ. 2545
-เป็น กรรมการอำนวยการโครงการเปลี่ยนไตถวายเป็นพระกุศล 80 พรรษา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 2545
-ในหนังสือพระราชอำนาจที่เขียนโดย ประมวล รุจนเสวี ระบุเอาไว้ในบทอาเศียรวาทว่า
"…เราอ่านแล้ว เราชอบมาก เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง"
คือ กระแสพระราชดำรัสที่ทรงตรัสกับนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา และทรงรับสั่งให้เชิญกระแสพระราชดำรัสนี้มาแจ้งกับข้าพระพุทธเจ้า
"เรา" ทรงชี้พระหัตถ์ไปที่พระอุระของพระองค์ "ให้ไปบอกเขาว่า เราชอบมาก"
ข้า พระพุทธเจ้าได้ยกมือทั้งสองประนมเหนือศีรษะน้อมรับกระแสพระราชดำรัสนี้จาก ท่านปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เมื่อได้พบกัน ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2548 เวลา 17.00 น. ณ บ้านของท่านปีย์ฯ
ปีย์ถูกเหลี่ยมแฉในการโฟนอินชุมนุมใหญ่ หน้าทำเนียบ ก่อนสงกรานต์ทมิฬไม่กี่วันว่า มีชนชั้นนำจำนวนมากไปที่บ้านปีย์สุขุมวิท เพื่อวางแผนรัฐประหาร19กันยายน2549 ในนั้นก็มีพล.อ.สุรยุทธ์(ซึ่งหลังรัฐประหาร19กันยา ได้เป็นนายกฯ) นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ(หลัง19กันยาได้เป็นองคมนตรี) นายอักขราทร จุฬารัตน์(ซึ่งเคยมีชื่อว่าจะได้เป็นนายกฯหลังรัฐประหาร19กันยา แต่วันหน้าก็อาจจะได้เป็น) นายจรัญ ภักดีธนากุล และนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวชิการประจำพันธมิตร
ปีย์ออกมาแก้ข่าวว่า ไม่มีการพูดเรื่องการวางแผนรัฐประหารหรือโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการเชิญคนที่สนิทสนมและเป็นเพื่อนมารับประทานอาหารที่บ้านเพื่อพูด คุยถึงปัญหาบ้านเมืองซึ่งทำเป็นปกติอยู่แล้ว การเชิญเพื่อนและคนที่มีความสนิทสนมมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจำ อยู่ก็เพื่อให้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง เพราะต้องการทันสถานการณ์เนื่องจากมีอาชีพเป็นนักข่าว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 เกี่ยวกับปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง จึงได้เชิญคุณอักขราทร ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ
"พญาไม้ "หรือเผด็จ ภูริฯเคยเขียนในบางกอกทูเดย์ของแป๊ะปีศาจว่า หลังรัฐประหาร19กันยา ปีย์เคยเรียกพญาไม้แล้วก็พวก18อรหันต์วงการคนหนังสือพิมพ์ไปกินข้าว ในหลายเรื่องที่พูดกันนั้นก็รวมทั้งปฏิบัติการที่จะสกัดกั้นเวบไซต์ต่าง ประเทศที่มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจำนวนมาก
"นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ที่ได้เชิญตัวแทนจาก “บางกอกทูเดย์” ไปร่วมหารือและคิดหาหนทาง “ปิด” เว็บไซต์ต่างชาติ ที่เผยแพร่ข้อเขียนสุดอุบาทว์ ทำลายเบื้องสูงและทำร้ายจิตใจหัวใจไทยทั้งชาติ...ให้เร็วที่สุด
นาย ปีย์ คนที่รู้สึกวิตกกังวลและเป็นห่วงมากๆ กับการที่เว็บไซต์ต่างชาติยังคงเดินหน้าเผยแพร่ข้อเขียนของพวกหัวเอียงซ้าย “บูชา” ลัทธิสาธารณรัฐ จึงเชิญชวนให้ใครต่อใครที่คิดว่า...จะหวังดีต่อประเทศนี้ มาร่วมคิดหาหนทาง “สกัดกั้น” มิให้ข้อเขียนสุดอุบาทว์ ชิ้นนั้นดำรงอยู่ได้อีกต่อไป เกือบ 3 ชั่วโมง...ที่กว่าภารกิจดังกล่าวจะแล้วเสร็จ แต่ก็ใช่...จะ “ปิดกั้น” และ “หยุดยั้ง” เว็บไซต์ต่างชาติ...ได้อย่างยั่งยืน เพราะวันต่อๆ มา คนทั่วไปก็ยังคงหาอ่าน ข้อเขียนอุบาทว์ๆ ชิ้นนั้นได้อีก"พญาไม้ระบุในข้อเขียน ที่บ่งชี้ถึงภารกิจทางลึกของปีย์ที่สนองพระเดชพระคุณ และปกป้องสถาบัน
ในrepนี้ ผมจึงไม่มีคำสบถคำหยาบเมื่อกล่าวถึงท่านปีย์ ขอให้ท่านเกษมสำราญ สนองพระเดชพระคุณไปตราบเท่านาน เป็นบุญแก่พสกยิ่งแล้วที่ท่านปีย์สนองคุณชาติบ้านเมืองเยี่ยงนี้ และยังผลิตรายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติให้พสกนิกรได้ซาบซึ้งในพระบารมี และสำนึกพระมหากรุณาธิคุณโดยทั่วกัน
ดร.สมเกียรติซี้ปีย์ แต่ยังประคองความเป็นนักวิชาชีพสื่อไว้ได้
พูดเรื่องปีย์แล้วหากไม่กล่าวถึงดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ก็คงไม่ครบเครื่อง เพราะความเป็นซี้กัน
ผมก็ว่าแกไม่ได้เป็นคนแย่ที่ไหน ถึงจะมีเพื่อนเป็นเหี้ยตัวพ่อของวงการ
อย่างน้อยแกอยากเป็นสว.ก็ไปลงแรงหาเสียงให้คนสุพรรณเลือก ต่างจากไอ้สมชาย ไอ้คำนูณแม่งเลียตีนเผด็จการแลกกับการเป็นสว.
เรื่อง TPBSนี่แกก็ด่าชิปหายว่าไม่จำเป็นเอาเงินมาผลาญ หากจะทำตามไอเดียที่ว่าTPBSนะ ยิ่งมาเป็นสื่อราชการอีกอัน ซ้ำกับช่อง11แกยิ่งด่าแม่เข้าไปใหญ่
วีรกรรมแกที่เคยทำข่าวหม่อมคึกฤทธิ์นอนป่วยโรงพยาล โดนคึกฤทธิ์ด่าไอ้แม่เย็ดนี่ถือว่าเป็ยฮีโร่ของผมเลยนะ
ที่แกพลาดตอนพฤษภาทมิฬก็เพราะปีย์หัวเถิกไซโคแกหนักไปหน่อย...กลายเป็นรอยด่างในชีวิตแก
หาก แกออกมาพูดซักคำว่า"ขอโทษ ผิดไปแล้ว"ผมว่าใครๆก็พร้อมจะยกโทษให้แก เทียบกับที่แกบุกเบิกงานข่าวทีวีให้เห็นอย่างที่เป็นมาในระยะหลัง
แก สร้างคนในวงการไว้มาก อย่างอรุณโรจน์ ป้าแอ้ รุ่นหลังๆก็สุริยนต์ จองลีพันธ์ กิตติ สิงหาปัด คนพวกนี้เป็นเมล็ดพืช เมล็ดกล้าที่ดี ไปอยู่ไหนก็ทำให้ที่นั่นมีสง่าราศีไปด้วย...ลูกศิษย์แกนี่ไม่ออกลายเหี้ยให้ เห็นซักตัว
พูดถึงกรณีแกมีเรื่องกับคึกฤทธิ์นี่ก็คือ ตอนนั้นอาจารย์หม่อมที่แกขึ้นหิ้งแล้ว ชนิดที่ว่าหากคนข่าวหาข่าวอะไรมาเล่นไม่ได้ ก็ไปถามแกให้ด่าคนนั้นคนนี้ ตอนท้ายๆนี่แกด่าป๋าเป็นอาชีพหลัก มาวันนึ่งแกป่วยไปนอนโรงบาล น่าจะซักราวพ.ศ.2530
ตอนนั้นดร.สมเกียรติมาคุมข่าวช่อง7กำลังฮ็อตมาก ก็สั่งเด็กนักข่าวไปทำข่าวถ่ายๆๆใหญ่ หม่อมคึกฤทธิ์จะขี้เยี่ยวกินข้าวบนเตียงโรงบาลก็ตามถ่าย
อาจารย์ หม่อมแกคนโบราณก็ถือว่าไอ้ดร.สมเกียรติแม่งไม่รู้จักกาละเทศะ มาถ่ายตอนกูป่วยนี่กะจะแช่งให้กูตายใช่มั๊ยสัดด แกก็ให้"ครวย"เด็กนักข่าวผู้หญิงของดร.สมเกียรติ ถึงกับน้ำตาแตก แล้วแกก็ฝากด่าว่า"ไอ้yeดแม่ดร.สมเกียรติ คนไทยเขาถือ แล้วเขาถือด้วยว่าพวกผมหยัก หน้ากล้อ คอสั้นอย่างดร.สมเกียรตินี่เป็นพวกอัปลักษณ์ ห้ามคบหา"
ดร.สมเกียรติเลยได้ตกงานจากช่อง7 ต่อมาแกก็ไปทำที่ช่อง5 แกก็ไม่กล้าเปิดศึกกลับคืนอาจารย์หม่อม คนโบราณเขาถืออาวุโสกัน
ส่วน ตอนพฤษภา35นี่ ดร.สมเกียรติแกมาทำวิทยุจส.100ก็ฮ็อตมากมาย ใครจะไปรู้ว่าวิทยุรานงานรถติดมันจะฮิตขนาดนี้ ลูกน้องแกจัดรายการชื่อวิไล จะไปเรียนเมืองนอก ร่ำลากันแฟนๆร้องไห้เป็นเผาเต่า
แล้วคนฟังนี่ไม่ ธรรมดา พวกรัฐมนตรี ส.ส.ก็แอบโทรไปรายงานจราจรด้วย มีข่าวกระทั่งว่าแม้แต่ในหลวงก็เคยแอบโทรไปรายงานกับเขาเหมือนกานน..ทรงบร๊ะ เจริญ
ทีนี่มาเป็นเรื่องคือแกทำจส.100ด้วย ช่อง5ด้วย มันก็ช่องทหาร ตอนวันที่17พฤษภา มหาจำลองก็หุนหันออกจากสนามหลวงไม่ปรึกษาใคร แค่ออกมาถึงหน้ากองสลาก ไอ้ช่อง5กับจส.100รายงานข่าวแล้วว่าตอนนี้เกิดจลาจลเผาโน่นเผานี่แล้ว...ผม เองก็เดิน
ท่อมๆอยู่แถวนั้น ข่าวนี่รายงานซักทุ่มสองทุ่ม ตอนนั้นยังไม่เผาเอี้ยอะไรเลย จส.100กับช่อง5ดันบอกว่าเผา...ทั้งที่มีเรื่องเผากันนี่ก็ซัก5-6ทุ่มแล้ว เป็นพวกพัลลภไปเผา
คนเลยด่าแม่ดร.สมเกียรติว่าแกบิดเบือน รับใช้ทหาร เพราะได้สัมปทานคลื่นกับความถี่
แล้ว ก็รายงานก่อนนั้นทุกวันว่าอย่าไปม็อบเหอะรถมันติด คนไปม็อบก็ไม่กี่ร้อยหรอก...คนอยู่ทางบ้านก็บอกแหกตากู กูโกรธ จะไปดูด้วยตา ก็เลยกลายเป็นหมื่นเป็นเสนขึ้นมา
เรื่องนี้ก็เป็นเหตุ ให้หยุ่นเนชั่นมาโวยวายว่า สื่อบิดเบือนงี้อันตราย ที่อันตรายเพราะสื่อถูกรัฐครอบงำ มันต้องแจ้งเกิดทีวีอิสระ(Independent TeleVision-ITV)ขึ้นมาซักช่อง ต่อไปมีเหตุแบบนี้ ก็จะได้เป็นอิสระจากรัฐบาล รายงานข่าวแบบเสรี
ถึงตอนนี้คุณก็ไปอ่าน ต่อตอนที่ผมเขียนถึงค่ายเนชั่นทำสัญญาขายวิญญาณใหปีศาจ แล้วไปต่อด้วยเรื่องเหลี่ยมเข้ามาtakeover ITV ต่อด้วย30กบฎITV ต่อด้วยดึงสำราญ รอดเพชรไปปราบกบฎ ปลดสำราญกลางอากาศ สำราญไปจับมือลิ้มไล่เหลี่ยม....มันจะเป็นซีรีส์ยังงี้
เสี่ยประชัย จากนายทุนอุตสาหกรรมใหญ่มาเป็นนายทุนวิทยุเก้าสิบสองสลึง
ก่อนที่ประชัยจะมาเป็นนายทุนวิทยุ92.25หรือวงการเรียกว่าเก้าสิบสองสลึง แถมมาเสียเงินทำพรรคมัฌชิมาเป็นพันล้าน โดยไม่ได้อะไรเลย โดนแก๊งคฺสมศักดิ์ เทพสุทินเตะออกมาชีช้ำนี่ เรื่องมันยาว
เรื่องเสี่ยประชัยนี่ความซวยบังเกิดกับแกเพราะไปทำธุรกิจแข่งกับขาใหญ่ครับ
ทั้งปูน เคมี กระดาษ ไปแข่งเขาหมด แบงก์ก็จะตั้งแข่งกับเขา ถึงขั้นเคยเจอสั่งล้มสัมปทานมาแล้ว
เกือบ20 ปีมาแล้วผมเคยไปนั่งคุยกับแก แกก็บ่นชิปหายเรื่องขาใหญ่บีบให้แกยอมจำนน แล้วเขาก็บี้แกทุกเม็ด อาศัยเส้นสายกลไกราชการ และรัฐบาลทุกรัฐบาลเล่น ตั้งแต่เอาAFTAมาบี้ สารพัดเรื่อง กูแกล้งมึงหมด เจอวิกฤตปี40ขาใหญ่เอาเงินหลวงมาช่วย ตัวเองรอด ของประชัยปล่อยให้ตายหยังเขียด
ใครเข้าใจว่าประชัยโดนเหลี่ยมบี้ หรือจะไปฮุบTPIนี่เข้าใจผิดหมดครับ มันใหญ่กว่าทักษิณเยอะ คนที่เล่นประชัยหนะ
มาหลังๆจำได้ไหมประชัยพูดอะไรซักอย่าง แล้วพูดปุ๊บคุกปั๊บ
ถ้ายังขืนพูดต่อนี่จะไม่มีปากไว้กินข้าว
นายทุนแบบประชัยนี่หากไปเจอประเทศเสรีนะ รวยบรรลัยราก มาเจอประเทศผูกขาดแบบไทยแลนด์นี่ มึงไม่ถึงตายก็บุญหัวแล้ว ว่าไปก็เสียดายของ
ไพศาล พืชมงคล:จากโค่นล้มศักดินามาถึง"โอ้ว่าทูลกระหม่อมแก้ว เห็นแล้วว่าประทับอยู่ข้างไหน"*
สำหรับสิริอัญญาผู้เขียนบทความนี้เป็นนามปากของนายไพศาล พืชมงคล นามปากกาสิริอัญญานำมาจากชื่อภรรยาของเขา นายไพศาลเป็นเจ้าของสำนักกฎหมายธรรมนิติ ได้ชื่อว่าเป็น"ฝ่ายซ้ายเก่า"หรือผู้นิยมเลื่อมใสลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ผู้หนึ่งปฏิบัติการตอกลิ่มของสื่อเครือผู้จัดการ กระบอกเสียงของพันธมิตรต่อสังคมไทยคือการเขียนบทความหมิ่นเหม่ว่า"โอ้ว่าพระ ทูลกระหม่อมแก้ว เห็นแล้วว่าประทับอยู่ข้างไหน”โดยอ้างกรณีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถไปพระราชทานเพลิงศพ"น้องโบว์"เมื่อ13ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ถูกวิจารณ์วิจารณ์อย่างมาก แม้แต่ผู้อ่านของผู้จัดการเอง
โดยหลังเหตุการณ์14ตุลาคม 2516 ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้แทรกซึมเข้ามายังขบวนการนักศึกษาและ กรรมกร นายไพศาลได้ตั้งวงดนตรี “คนจน” เพื่อหนุนช่วยงานกรรมกร และเป็นผู้แต่งเพลงศักดิ์ศรีกรรมกรอันโด่งดัง เป็นนักเขียนบทความตั้งแต่เป็นนักศึกษา หลัง 14 ตุลาคม 2516 เป็นผู้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ฝ่ายซ้ายคือ “อธิปัตย์” และ “ประชาธิปไตย"
เพลงศักดิ์ศรีกรรมกร
(สร้อย) เสียงครวญของมวลกรรมกร
ใช่เสียงอ้อนวอนขอความปรานี
แต่เป็นเสียงเพื่อสิทธิ์เสรี
ที่ถูกย่ำยีกดขี่มานาน
อาบเหงื่อแทนน้ำเช้าค่ำ
ทนลำบากยากเข็ญ
ชีวีเราแสนเศร้าลำเค็ญ
มองไปไม่เป็นดังเช่นคน
ผอมซูบโซโอ้อับจน
ผองเราทุกคนต้องสู้เพื่อเสรี
(สร้อย)
ทำงานทุกวันขันกล้า
ค่าเลี้ยงชีพไม่พอ
ลูกและเมียร้องเรียกหาพ่อ
หิวข้าวตัวงอระงมไป
ดวงเดือนดาวพราวสดใส
แม้สอยกินได้ จะสอยไว้ให้ลูกกิน
(สร้อย)
หยาดเหงื่อไหลรินสรรค์สร้าง
ทั่วโลกกว้างงามตา
ปวงนายทุนขุนศึกศักดินา
มันกดขี่ บีฑา กินเลือดเรา
ทำเท่าไรได้พวกเขา
เอ้าเอา พวกเราโค่นล้มมันเถิดเอย(สร้อย)
กรรมกรจงรวมกันเข้า
ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณ
สามัคคีน้องพี่คนงาน
ร่วมแรงฝ่าฟันไม่พรั่นใคร
แอกบนบ่าปลดออกไป
สร้างความเป็นไท สดใสนิรันดร
(สร้อย)
เพลง ศักดิ์ศรีกรรมกร นี้ปรากฏครั้งแรกในหลังยุค 14 ตุลา2516 เมื่อ ปี 2517 แสดงครั้งแรกโดย วงดนตรีคนจน ณ โรงงานย่านอ้อมน้อย ขับร้องครั้งแรกโดย นิรุตติ์, จำนูญ, ระพิน และ แอ๋ว วงดนตรีเฉพาะกิจวงนี้ร่วมสนับสนุนการเคลื่อนไหวชุมนุมของผู้ใช้แรงงานใน พื้นที่ กรุงเทพมหานคร -ปริมณฑล และ สลายตัว ไปหลังเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม 2519 เนื่องจาก จำนูญ สมาชิกคนสำคัญ ถูกยิงเสียชีวิต หลังจากนั้นไม่นาน แอ๋ว ก็ ถูกยิงเสียชีวิต ส่วน ระพิน สมาชิกอีกคนหนึ่ง หายสาบสูญ แต่ไพศาลที่เป็นคนแต่งเหลือรอดมาเขียนบทใหม่และอุดมการณ์ใหม่คือ"โอ้ว่าทูล กระหม่อมแก้วฯ"
อย่างไรก็ตามต่อมาไพศาลมาทำงานให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นักปราบคอมมิวนิสต์ และมาเขียนบทความให้ผู้จัดการของสนธิ ลิ้มทองกุล เขายังส่งนายพิธาร พืชมงคล เป็นบอดี้การ์ดใกล้ชิดที่สุดให้กับสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำสูงสุดของพันธมิตร ต่อมาในการรัฐประหาร19กันยายน 2549 ไพศาลเป็นคนเขียนแถลงการณ์คณะรัฐประหารฉบับแรกๆจากการเปิดเผยของคำนูณ สิทธิสมาน และเขาได้ตบรางวัลเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติสายของนายสนธิ ลิ้มทองกุลด้วย
ไพศาลก็เช่นเดียวกับฝ่ายซ้ายเก่าจำนวนมากรอบตัวนาย สนธิ ไม่ว่าจะเป็นคำนูณ สิทธิสมาน สำราญ รอดเพชร ประพันธ์ คูณมี สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พิภพ ธงชัย อมร อมรรัตนานนท์ กระทั่งแจ๊ค-วัชระ เพชรทอง และสุริยะใส กตะศิลา ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยสมาทานอุดมการณ์สังคมนิยม หรือแม้แต่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่เคยประกาศจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์มาก่อน
แต่ เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป พวกเขากลับเชิดสถาบันขึ้นบังหน้าแล้วนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อ กำจัดปฏิปักษ์ทางการเมือง รวมทั้งกำจัดอำนาจของประชาชนไทยที่ต้องการประชาธิปไตย แล้วนำบ้านเมืองถอยหลังลงคลองด้วยการเมืองโควต้า70:30
...............................
“โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว เห็นแล้วว่าประทับอยู่ข้างไหน”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.as...D=9510000124188
*หมายเหตุ:บทความเรื่องไพศาลเคยเผยแพร่ในไทยอีนิวส์มาก่อน ต้องขอขอบคุณมาในโอกาสนี้
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน11):แทงกั๊กสไตล์ไทยรัฐมีตั้งแต่เหลืองอื๋อไปยันแดงแปร๊ด
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
12 พฤษภาคม 2552
พูดเรื่องค่ายไทยรัฐเนี่ยเค๊าเป็นอะไรที่แทงกั๊กมาก คือมีตั้งแต่คนแบบออกแนวกลางๆ พวกที่เหลืองอื๋อ แล้วก็พวกแดงแปร๊ดอยู่ในเล่มเดียวกัน คนอ่านก็เลยยังเหนียวแน่น รักใครชอบใครอ่านคนนั้น
คนกลางๆก็อย่างพี่ซูม ที่เขียนคอลัมน์เหะหะพาทีในไทยรัฐมานานตั้งแต่ยุคป๊ะกำพลครับ แกก็ออกแนวกลางๆเพราะเป็นข้าราชการ แล้วก็เป็นพวกบูโรแครต แต่ตัวหนังสือแกอารมณ์ดีร่าเริงมองโลกแง่ดี แกก็จะไม่เข้าใครออกใครว่าไปตามกระแสเป็นหลัก แกจะออกมาแนวตัวอย่างสำรวจของพวกABAC POLLนี่แหละคือไปเรื่อยๆตามกระแสแฟชั่นช่วงนั้นๆ
พี่ซูมเคยเป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์คนที่สองนะ แต่จะไปเอาเรื่องเอาราวอะไรกับแกก็คงไม่ได้มากนัก แกก็กั๊กเป็นหลักไปวันๆ
ส่วนพวกเหลืองอื๋อก็เห็นๆคือชัย ราชวัตร หน้า5การ์ตูนไทยรัฐ แกสร้างชื่อสมัย6ตุลาครับ ก็เหมือนๆคนหนังสือพิมพ์เอียงซ้ายทั่วไปที่เห็นอกเห็นใจคนยากจน ต่อต้านชนชั้นปกครอง พื้นเพชัยเป็นคนอุบล ก็จะเก็ตเรื่องชนชั้นง่ายหน่อย แกก็สร้างตัวละครไอ้บักจ่อยเป็นตัวแทนของชาวบ้านที่โง่ จน เจ็บ เซอะซะถูกเอาเปรียบ แต่ก็ออกแนวศรีธนญชัยในการแก้เผ็ดชนชั้นปกครอง แล้วผู้ใหญ่มาก็เป็นตัวแทนของชนชั้นปกครอง แต่ก็เป็นชนชั้นปกครองที่ไม่ได้กดขี่ขูดรีด คือเป็นตัวประสานระหว่างทางการกับคนบ้านๆแบบไอ้บักจ่อย
ตัวละครชุดนี้ก็เลยดังมาก ถึงขั้นเคยเอาไปสร้างเป็นหนังของพวกที่เคยทำหนังครูบ้านนอก ก็ล้านแล้วจ้ามาแล้ว
ดัง มากๆเข้าชัยก็ไปเข้าตาผู้ใหญ่ เลยได้ไปวาดการ์ตูนพระมหาชนก ตอนนั้นมีปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา(ย้อนขึ้นไปอ่านที่ผมเขียนไว้ก่อนนี้)เป็นแม่งานโต้โผ ชัยก็เข้าไปรับงาน แล้วก็ต้องฟังบรี๊ฟจากท่านผู้พระราชนิพนธ์ใกล้ชิดมาก ก็ทำให้ชัยค่อยๆเคลื่อนจุดยืนมาเรื่อยๆ
หลังๆก็รับใช้ใกล้เบื้องพระยุคลบาทมาเขียนเรื่องหมาทรงเลี้ยง คือหมาทองแดงอะไรนี่อีกด้วย...เอ้ากราบกันซะ
หลังๆ ตัวละครไอ้บักจ่อยเลยไม่ค่อยมีบทบาท อาจเพราะว่ามันโง่ ขายเสียง คลั่งเหลี่ยม ชัยก็สร้างตัวละครใหม่เป็นชนชั้นกลางมีอายุพอสมควร ตื่นเช้ากินกาแฟดูข่าว สายขับรถไปทำงานออฟฟิศ ไปออฟฟิศก็นั่งด่าพวกรากหญ้าว่างี่เง่า ว่าเหลี่ยมกระหลั่วสั่วตีน
ส่วนแดงแปร๊ดก็คือเซีย การ์ตูนหน้า3ไทยรัฐ หรือศักดา เอียว ก็เริ่มเป็นการ์ตูนนิสต์จากรายสัปดาห์อย่างพวกอาทิตย์ของชัชรินทร์ เคยเขียนอยู่อีกหลายเล่ม จนมาปักหลักหน้า3ไทยรัฐ เซียก็จะออกแนวซ้ายๆเห็นอกเห็นใจคนยากคนจนมาแต่ไหนแต่ไร จนป่านนี้ก็ยังไม่ย้ายจุดยืน
เขียนมาเขียนไปก็จนพวกพรรคประชาวิบัติ ออกโรงมาเอาเรื่องนี่แหละ ไปฟ้องสภาการหนังสือพิมพ์ว่าเซียนี่แม่งจ้องด่าไอ่มาร์คกับพรรคประชาวิบัติ ท่าเดียว...แต่พวกเสื้อแดงก็เชียร์นายเซีย เพราะตอนนี้คนหนังสือพิมพ์ที่อยู่ข้างพวกเสื้อแดงนี่นับหัวได้ไม่ครบ5นิ้ว มือ
หากเซียเผอิญได้ร่วมงานกับปีย์ แล้วก็รับบรี๊ฟจากพระองค์ท่านผู้ทรงพระราชนิพนธ์พระมหาชนก หรือวาดหมาคุณทองแดงนี่มันก็ไม่แน่...อาจจะเขียนไปทางเดียวกับชัย ราชวัตร ไปแว้วก็ได้
:c
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
12 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูก หลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
พูดเรื่องค่ายไทยรัฐเนี่ยเค๊าเป็นอะไรที่แทงกั๊กมาก คือมีตั้งแต่คนแบบออกแนวกลางๆ พวกที่เหลืองอื๋อ แล้วก็พวกแดงแปร๊ดอยู่ในเล่มเดียวกัน คนอ่านก็เลยยังเหนียวแน่น รักใครชอบใครอ่านคนนั้น
คนกลางๆก็อย่างพี่ซูม ที่เขียนคอลัมน์เหะหะพาทีในไทยรัฐมานานตั้งแต่ยุคป๊ะกำพลครับ แกก็ออกแนวกลางๆเพราะเป็นข้าราชการ แล้วก็เป็นพวกบูโรแครต แต่ตัวหนังสือแกอารมณ์ดีร่าเริงมองโลกแง่ดี แกก็จะไม่เข้าใครออกใครว่าไปตามกระแสเป็นหลัก แกจะออกมาแนวตัวอย่างสำรวจของพวกABAC POLLนี่แหละคือไปเรื่อยๆตามกระแสแฟชั่นช่วงนั้นๆ
พี่ซูมเคยเป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์คนที่สองนะ แต่จะไปเอาเรื่องเอาราวอะไรกับแกก็คงไม่ได้มากนัก แกก็กั๊กเป็นหลักไปวันๆ
ส่วนพวกเหลืองอื๋อก็เห็นๆคือชัย ราชวัตร หน้า5การ์ตูนไทยรัฐ แกสร้างชื่อสมัย6ตุลาครับ ก็เหมือนๆคนหนังสือพิมพ์เอียงซ้ายทั่วไปที่เห็นอกเห็นใจคนยากจน ต่อต้านชนชั้นปกครอง พื้นเพชัยเป็นคนอุบล ก็จะเก็ตเรื่องชนชั้นง่ายหน่อย แกก็สร้างตัวละครไอ้บักจ่อยเป็นตัวแทนของชาวบ้านที่โง่ จน เจ็บ เซอะซะถูกเอาเปรียบ แต่ก็ออกแนวศรีธนญชัยในการแก้เผ็ดชนชั้นปกครอง แล้วผู้ใหญ่มาก็เป็นตัวแทนของชนชั้นปกครอง แต่ก็เป็นชนชั้นปกครองที่ไม่ได้กดขี่ขูดรีด คือเป็นตัวประสานระหว่างทางการกับคนบ้านๆแบบไอ้บักจ่อย
ตัวละครชุดนี้ก็เลยดังมาก ถึงขั้นเคยเอาไปสร้างเป็นหนังของพวกที่เคยทำหนังครูบ้านนอก ก็ล้านแล้วจ้ามาแล้ว
ดัง มากๆเข้าชัยก็ไปเข้าตาผู้ใหญ่ เลยได้ไปวาดการ์ตูนพระมหาชนก ตอนนั้นมีปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา(ย้อนขึ้นไปอ่านที่ผมเขียนไว้ก่อนนี้)เป็นแม่งานโต้โผ ชัยก็เข้าไปรับงาน แล้วก็ต้องฟังบรี๊ฟจากท่านผู้พระราชนิพนธ์ใกล้ชิดมาก ก็ทำให้ชัยค่อยๆเคลื่อนจุดยืนมาเรื่อยๆ
หลังๆก็รับใช้ใกล้เบื้องพระยุคลบาทมาเขียนเรื่องหมาทรงเลี้ยง คือหมาทองแดงอะไรนี่อีกด้วย...เอ้ากราบกันซะ
หลังๆ ตัวละครไอ้บักจ่อยเลยไม่ค่อยมีบทบาท อาจเพราะว่ามันโง่ ขายเสียง คลั่งเหลี่ยม ชัยก็สร้างตัวละครใหม่เป็นชนชั้นกลางมีอายุพอสมควร ตื่นเช้ากินกาแฟดูข่าว สายขับรถไปทำงานออฟฟิศ ไปออฟฟิศก็นั่งด่าพวกรากหญ้าว่างี่เง่า ว่าเหลี่ยมกระหลั่วสั่วตีน
ส่วนแดงแปร๊ดก็คือเซีย การ์ตูนหน้า3ไทยรัฐ หรือศักดา เอียว ก็เริ่มเป็นการ์ตูนนิสต์จากรายสัปดาห์อย่างพวกอาทิตย์ของชัชรินทร์ เคยเขียนอยู่อีกหลายเล่ม จนมาปักหลักหน้า3ไทยรัฐ เซียก็จะออกแนวซ้ายๆเห็นอกเห็นใจคนยากคนจนมาแต่ไหนแต่ไร จนป่านนี้ก็ยังไม่ย้ายจุดยืน
เขียนมาเขียนไปก็จนพวกพรรคประชาวิบัติ ออกโรงมาเอาเรื่องนี่แหละ ไปฟ้องสภาการหนังสือพิมพ์ว่าเซียนี่แม่งจ้องด่าไอ่มาร์คกับพรรคประชาวิบัติ ท่าเดียว...แต่พวกเสื้อแดงก็เชียร์นายเซีย เพราะตอนนี้คนหนังสือพิมพ์ที่อยู่ข้างพวกเสื้อแดงนี่นับหัวได้ไม่ครบ5นิ้ว มือ
หากเซียเผอิญได้ร่วมงานกับปีย์ แล้วก็รับบรี๊ฟจากพระองค์ท่านผู้ทรงพระราชนิพนธ์พระมหาชนก หรือวาดหมาคุณทองแดงนี่มันก็ไม่แน่...อาจจะเขียนไปทางเดียวกับชัย ราชวัตร ไปแว้วก็ได้
:c
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน12):อัญชะนีชีวิตนี้สู้ถวายหัวให้เฮียเอี่ยม
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
13 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกา ว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ส่วน เรื่องอื้อฉาวอะไรนี่คนไม่ชอบมันก็นินทากันไปว่า อัญชะนีห้าวเป้งจนไปโดนใจไอ่ตั้วเข้า อันนี้เขาว่ามาอีกทีว่า ดึกๆดื่นๆตอนม็อบยึดทำเนียบนี่อัญชะนีกับตั้วชอบแว๊บเข้ารถตู้ของพวกเหี้ย เหลืองไปประชุมกันสองต่อสองแบบลับๆล่อๆ หรือล่อๆลับๆ หรืออาจจะล่อลับๆ แต่มันก็มีพวกไม่ดูตาม้าตาเรือพรวดพราดไปจ๊ะเอ๋มั่งอะไรมั่ง เห็นว่ามีคล๊งมีคลิปไว้...แต่มันก็แค่ว่าๆกันนะ ผมก็ไม่ปักใจเชื่อเรื่องพรรค์นี้หรอก เพราะไอ่ที่เอามาลงคือมติชนมันก็ลงแบบไม่ค่อยชัวร์((แต่ถ้าบังเอิญมีจริง หากใครได้ดูเป็นเสนียดตาก็บอกกันมามั่งนะว้อย))
แหม่...ปาเข้าไป8หมื่นเพจวิว ค่อยได้ฤกษ์ปล่อยตัวนางเอกของท้องร่อง...555
ความจริงว่าจะกั๊กไว้ปล่อยตอนรวมเล่ม พร้อมแถมคลิปลับ
อย่ากระนั้นเลย แฟนๆกระทู้อุตส่าห์ขอมาตะแง๊วๆ เลยต้องจัดไปตามระเบียบพอเป็นกระสาย
อัญ ชะนีเป็นเด็กปากน้ำหนะ พ่อของอีนี่ซี้กับเฮียกิมเอี่ยม-วัฒนามากๆก็เลยผูกพันกันมาแต่เด็กจนแก่ เฮียเอี่ยมเคยส่งลงส.จ.ก็แดกแห้ว ลงส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินที่เฮียเอี่ยมตั้งขึ้นมาก็วืด
คือจะว่าไปตอน ที่ด่าๆว่าเหลี่ยมคุกคามสื่อนี่มันต้องดูด้วยว่ามึงเป็นสื่อมีจรรยาบรรณ เป็นกลาง หรือสื่อมีปลอกคอ..อีอัญชะนีนี่ก็เป็นปกติสื่อคือมีปลอกคอ เฮียเอี่ยมเป็นคนถือปลอกคออยู่
ตอนรัฐบาลไอ่เหลี่ยมทุกคนคงจะจำคดี คลองด่านของเฮียเอี่ยมได้ กับคดีเขาไม้แก้วของกำนันเป๊าะ อย่างที่ทุกคนรู้ทั้งแก๊งเฮียเอี่ยม กับแก๊งกำนันเป๊าะก็วิ่งตีนขวิดให้เหลี่ยมช่วยๆเป่าคดีหน่อยเหอะวะ ผลสุดท้ายอย่างที่รู้คือถึงศาลทั้งคู่ แล้วตัดสินเด็ดขาดถึงคุกทั้งคู่ ไอ้2ตัวนี่ไม่รู้แม่งเป็นเจ้าพ่อพันธุ์ไหน มันก็เผ่นหนีทั้งคู่...นังอัญชะนีเคยเรียกว่า นช.เป๊าะ หรือนช.เอี่ยมหรือเปล่า ก็เปล่า...มันก็เรียกเตี่ยทุกคำแหละคนเรา
อัญ ชะนีจบนิเทศน์ ม.กรุงเทพแล้วก็มาเริ่มงานข่าวเดลินิวส์ ทำข่าวสัพเพเหระ สมัยก่อนเขาเรียกนักข่าวตระเวณ หรือนักข่าวจเร คือก็ไปแม่งเรื่อยๆข่าวหมูหมากาไก่ กระเทียมหัวใหญ่ขึ้นราคา ไข่ป๋าไข่น้าชาติ ปีหนึ่งได้พาดหัวกับเขาซักที วงการเรียกข่าว"ไข่นายกฯ"เช่นพาดหัว"ไข่มาร์คแพงบรรลัยราก"อะไรประมาณนี้ นอกนั้นก็ไปทำข่าวประกวดหมูหมากาไก่นกเขาชวาห่าเหว แล้วก็ข่าวประกวดนางงาม
พอ ดีนางงามยุคปุ๋ย-ภรทิพย์ดั๊นได้นางงามจักรวาลขึ้นมา อัญชะนีก็เห็นน้ำขึ้นรีบตักรวมเล่มปุ๋ยขายแม่งซะเลย ตอนนั้นใครทำเรื่องปุ๋ยขึ้นปก หรือเป็นหนังสือเฉพาะกิจนี่ขายดีหมด
ต่อ มาได้เป็นคนอ่านข่าวทางช่อง7 แต่ก็ไม่ได้เด่นดีดังอะไร คือคนพอจำหน้าได้ คืออัญชะนีไม่ได้เป็นคนสวยหนะนะ เสียงก็ออกบี้ๆ แล้วอ่านข่าวเฉยๆไม่ใช่เล่าข่าวอย่างทุกวันนี้ มันก็เรียบๆ แล้วก็มาทำรายการทางช่อง9ก็เรื่อยๆ
มาแจ้งเกิดนี่ตอนมาจัดวิทยุทาง 96.5FM คืออัญชะนีออกแนวห้าวเป้ง เสียงก็บี้ๆแบนๆอยู่แล้ว อัญชะนีนะชีก็พยายามตะเบ็งให้มันดัง ใส่อารมณ์ห้าวเป้งตัวแม่แหลระเบิดเข้าให้อีก คนฟังก็ชักสนุกว่าเออ อีนี่แม่งโอเว่อร์แอ็คติ้งดีหวะ ก็ฟังสนุก ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครด่าไอ่เหลี่ยมด้วย พอมีกล้อมแกล้มก็สงค์เสี้ยมทางแนวหน้า จารย์เจิมออกพ็อคเก็ตบุ๊คมาด่า ส่วนฝ่ายหญิงอัญชะนีก็เริ่มหละ บรรยากาศก็ชักจะมาคุหน่อยๆ
ยิ่งคดี คลองด่านของเฮียเอี่ยมงวดเข้าเท่าไหร่ เหลี่ยมไม่ยอมช่วยเคลียร์เท่าไร อัญชะนีก็ยิ่งจีบปากจีบคอแผดเสียบแหบห้าวด่าเหลี่ยมชนิดสุดตรีนเท่านั้น กระทั่งไปจับมือกับไอ่เอกยุทธ แชร์ชาร์เตอร์ ออกหนังสือรวมเล่มมาด่า เอาเอกยุทธมาสัมภาษณ์ แล้วเอกยุทธ์ก็เริ่มไปม็อบไล่เหลี่ยมที่สนามหลวงกับประพันธ์ คูณมี เด็กของสงค์เสี้ยม อัญชะนีก็เป็นกระบอกเสียงให้พวกนี้
อัญชะนีเลย หลุดคลื่น96.5 เลยไปรับงานจากเสี่ยประชัยTPIที่แกเพิ่งสูญเสียTPIไปเป็นของรัฐบาล โดยปตท.ฮุบ(เรื่องนี้ผมได้เล่าไปแล้วว่า ความจริงเสี่ยประชัยรู้ดีว่าไม่ใช่เหลี่ยมมาฮุบTPIหรอก แต่เป็นขาใหญ่เมืองไทย เพราะเสี่ยประชัยเสือกซ่าทำธุรกิจแข่งกับขาใหญ่แม่งหมดทั้งปูน เคมี กระดาษ สารพัด เขาทำอะไรไปแข่งเขาหมด เลยโดนแกล้งสารพัดมาตั้งนมนาน ตอนฟองสบู่แตก ขาใหญ่เอาเงินหลวงมาอุ้มธุรกิจตัวเองรอด ส่วนTPIโดนบีบให้ประชัยเสียของรัก..สุดท้ายปากเปลาะไปพูดว่าผู้ใหญ่แกล้ง เลยโดนศาลสั่งคุก ดีว่าประกันทัน ไม่งั้นกลายเป็นนช.ประชัยไปแล้น)มาทำวิทยุ92สลึง หรือ92.25
วิทยุ เหี้ยนี่อ้างว่าวิทยุชุมชน แต่เสาโคตรสูง กระจายเสียงได้ทั่วกรุงเทพฯ อัญชะนีก็ได้สถานีมาไว้ด่าเหลี่ยมเช็ดเลยงานนี้...ตอนแรกพวกลิ้มที่หลุดช่อง 9เมืองไทยรายสัปดาห์มาก็ประกาศชนเหลี่ยมเต็มตีน
อัญชะนีก็เห็นว่าพวก เอกยุทธ์ ประพันธ์ ประชัยนี่ไม่ได้เรื่อง จุดม็อบไม่ติด ก็หันเหมาถ่ายทอดสดรายการลิ้มตามเช็ดเหลี่ยมออก92สลึง ช่วงนั้นเฮียเอี่ยมก็ถึงศาลแล้วมั๊ง โดนตัดสินอะไรกันไปแล้ว อัญชะนีก็ได้โอกาสว่าจะล้างหนี้แค้นให้เฮียเอี่ยมก็งานนี้
มาขึ้น เวทีพันธมิตรเต็มตีนก็ตอนหลังพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง สมัครเป็นนายกฯ เหี้ยเหลืองฟื้นชีพเริ่มม็อบ25พฤษภาคม อัญชะนีก็โดดมาร่วมแจม แล้วก็อาศัยความเป็นนักข่าวเก่า ก็มาปลุกพวกม้อบแต่เช้า แล้วเอาหนังสือมากางอ่านให้ฟัง ตอนแรกๆก็มีแค่พวกสันติอโศกนะฟัง หลังๆอัญชะนีแผดเสียงแหบห้าวกรอกใส่ไมค์ ใครก็ต้องตื่นเพราะทนเสียงนังนี่ไม่ไหว ใครไม่ลุกมาฟัง อัญชะนีก็เริ่มด่า
ด่า มาด่าไปดั๊นถูกจริตกับพวกเหี้ยเหลือง คือหัวหน้าม็อบคนอื่นก็ด่าเหลี่ยม ด่าหมักด่าหมาแมวอะไรไปหมดแล้ว ก็เลยมีอัญชะนีไว้ด่าม็อบเหี้ยเหลือง ก็เรื่องสัพเพเหระ เช่น ด่าพวกที่มาแล้วแม่งไม่มีน้ำใจบริจาคช่วยASTV ด่าพวกที่ถึงจังหวะเขาให้ปรบมือ เสือกนั่งเกาไข่เกาหอย แล้วก็ด่าไอ้พวกพันธมิตรทางบ้านว่าดีแต่เฝ้าASTVหน้าจอ หรือเฝ้าเวบผู้จัดการ...อีก็ด่าๆๆๆด่ากันห้าวเป้ง ไอ้พวกเหี้ยเหลืองก็รำคาญก็มาก ทนรำคาญไม่ไหวก็ทำตามอีบอกอีสั่งมา
นับแต่นั้นก็กลายเป็นเจ้าแม่ประจำม็อบขึ้นมา...ใครอย่าไปหือกับอี มีโดนด่าผ่านไมค์ ผ่านASTVทั้งประเทศ
เรื่อง ดังทางด่าด้วยเสียวแหบห้าวเป้งนี่เป็นที่รู้กัน ส่วนเรื่องอื้อฉาวอะไรนี่คนไม่ชอบมันก็นินทากันไปว่า อัญชะนีห้าวเป้งจนไปโดนใจไอ่ตั้วเข้า อันนี้เขาว่ามาอีกทีว่า ดึกๆดื่นๆตอนม็อบยึดทำเนียบนี่อัญชะนีกับตั้วชอบแว๊บเข้ารถตู้ของพวกเหี้ย เหลืองไปประชุมกันสองต่อสองแบบลับๆล่อๆ หรือล่อๆลับๆ หรืออาจจะล่อลับๆ แต่มันก็มีพวกไม่ดูตาม้าตาเรือพรวดพราดไปจ๊ะเอ๋มั่งอะไรมั่ง เห็นว่ามีคล๊งมีคลิปไว้...แต่มันก็แค่ว่าๆกันนะ ผมก็ไม่ปักใจเชื่อเรื่องพรรค์นี้หรอก เพราะไอ่ที่เอามาลงคือมติชนมันก็ลงแบบไม่ค่อยชัวร์((แต่ถ้าบังเอิญมีจริง หากใครได้ดูเป็นเสนียดตาก็บอกกันมามั่งนะว้อย))
มีช่วงหนึ่งที่ก็ถึง ขั้นว่าท่อน้ำในทำเนียบอุดตัน นักข่าวก็ไปเจอสาเหตุเข้าให้ว่า อ้าว ก็เพราะมีถุงยางอนามัยลอยเกลื่อนอุดตันท่อ น้ำในทำเนียบตอนพวกเหี้ยเหลืองยึดเลยเน่ากลิ่นโชย
ข่าวเหี้ยๆพรรค์ ยังงี้ มีเรอะจะรอดสายหูสายตาอัญชะนี ปกตินี่อีต้องแผดแปดหลอดด่าพ่อล่อแม่อ้ายอีที่ไปม็อบแล้วในรายการข่าวยาม เช้าบนเวทีเหี้ยเหลือง แต่อัญชะนีทำเฉยซะงั้นกับเรื่องถุงยางลอยเกลื่อน
ของพรรค์งี้ ด่าคนอื่นนี่มันง่าย แต่ด่าแล้วบังเอิญว่าเสือกเข้าตัว มันก็ต้องปล่อยผ่านๆไปซักเรื่องอะนะ..ป้าแก่แว้ว ขอป้าก่อนเหอะวะ
ปัญหาโทรทัศน์ไทย กับการเสนอความจริงและความเป็นกลาง
โดย บุญเลิศ ช้างใหญ่
ที่มา มติชนรายวัน
14 พฤษภาคม 2552
ข่าวสารอันควรแก่การรับรู้ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากทีวีที่จะนำมาบอกเล่าแก่สาธารณชน
ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในหลุมดำของ "วิกฤตการณ์ทางการเมือง" เกิดความรุนแรงถึงขั้นจลาจลและกลียุคอย่างต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา คนไทยซึ่งต่างกันแค่เพียงสีเสื้อที่สวมใส่ห้ำหั่นทุบตี ทำร้ายและฆ่าแกงและหลายครั้งที่ตำรวจถูกตำหนิว่าปล่อยให้คนเสื้อสีนี้ทำร้าย คนอีกสีเสื้อหนึ่งได้อย่างไร ทำไมจึงมีสองมาตรฐานในการดำเนินคดี เหตุใดตำรวจจึงสลัดชุดสีกากีทิ้งแล้วเอาเสื้อสีน้ำเงินไปใส่จากนั้นก็ทำร้าย คนเสื้อแดง มีอยู่ครั้งหนึ่งครั้งตำรวจสลายฝูงชนด้วยแก๊สน้ำตา (กลุ่มพันธมิตร) ที่รัฐสภาและลานพระบรมรูปทรงม้าจนมีผู้บาดเจ็บเกือบ 500 คน ตาย 2 ศพ (เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551) ล่าสุด ทหารสลายคนเสื้อแดงช่วงสงกรานต์ 2552 มีคนเจ็บเป็นร้อย เรื่องคนตายยังเป็นปริศนาให้ถูกโจษขานเหมือนเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ปี 2535
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้ง เล่าจากคนไทยที่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย มีพรรคการเมืองที่เกิดการเปลี่ยนขั้ว คนไทยใส่เสื้อสีต่างกัน มีสีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีขาว
มีตำรวจ (สีกากี) มีทหาร (สีเขียว) เข้ามาเป็นตัวละครในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย มีกำลังพล มีอาวุธ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรทัศน์ยังไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างสมบูรณ์
สิ่งที่ปรากฏก็คือข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นที่โทรทัศน์นำเสนอโดนด่าทอจากทุก ฝ่ายที่ขัดแย้ง แตกแยกโดยกล่าวหาว่ามีความลำเอียง
เอ็นบีทีถูกกลุ่มพันธมิตรบุกเข้าไปยึดและเข้าไปในห้องทำงาน ถีบกระจกแตก
สำนัก งานทีวีไทย (ทีวีสาธารณะ) ที่เชียงใหม่ถูกคนเสื้อแดงยกกำลังเข้าไปปิดล้อมเพราะไม่พอใจที่รายงานข่าว ว่าคนเสื้อแดงไปร่วมงานที่กรุงเทพฯเพราะถูกจ้าง
เอเอสทีวีถูกลอบยิงด้วยอาวุธสงคราม
ดี สเตชั่นถูกตัดสัญญาณ ฯลฯ
ไม่ ว่าฟรีทีวี ได้แก่ช่อง 3, 5, 7, 9, เอ็นบีที และทีวีไทย ซึ่งเป็นทีวีกระแสหลักที่ใช้คลื่นความถี่ในการส่งกระจายเสียงและส่งวิทยุ โทรทัศน์ เคเบิลทีวีและทีวีผ่านดาวเทียม เมื่อได้ชื่อว่าเป็นสื่อมวลชนย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญให้มี เสรีภาพในการเสนอข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นโดยอยู่ภายใต้กฎหมายและ จริยธรรมแห่งวิชาชีพ
ผู้ประกอบวิชาชีพในสื่อทีวีทุกประเภทตั้งแต่ เจ้าของ ผู้บริหารลงมาถึงผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายข่าวจะต้องรับรู้และ สำนึกว่าการนำเสนอข่าวหรือข้อมูลต้องยึดถือข้อเท็จจริง การรายงานข่าวหรือเหตุการณ์ต้องรายงานตามความเป็นจริง ไม่แทรกความคิดเห็น ไม่ลำเอียงและต้องพยายามยืนอยู่ในจุดที่ "เป็นกลาง"
สำหรับข่าวและ เหตุการณ์ที่มีความขัดแย้ง แตกแยก การนำเสนอข้อมูล ความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องจะต้องรอบด้าน สมดุลและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ใน ความเป็นจริง ฟรีทีวีโดยทั่วไปนอกจากจะไม่ให้ความสำคัญกับข่าวและเหตุการณ์ที่จะต้องนำ เสนออย่างเจาะลึก ดังจะเห็นได้ว่าข่าวและเหตุการณ์การเคลื่อนไหว การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ควรจะรายงานกันสดๆ มีการตั้งกล้องถ่ายภาพให้เห็นก็ไม่รายงานสด รายละเอียดของข่าวและความหลากหลายของแง่มุมที่ควรจะมีให้มากเพื่อสร้างความ กระจ่างของข่าวและเหตุการณ์ หรือนำเสนอที่น่า สนใจ ให้ข้อคิดและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องก็มีให้ดูน้อยมากข่าวแต่ละช่อง เหมือนๆ กัน "ความจริง" ถูกเสนอบางส่วน อีกหลายๆ ส่วนปกปิดเอาไว้อย่างจงใจ
เงื่อน งำความวุ่นวายที่พัทยาจนต้องล้มเลิกการประชุมผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจาซึ่งมี เสื้อสีน้ำเงินเข้ามาเกี่ยวข้องก็ดี การจับคนเสื้อแดง 19คน ไปขังค่ายทหารจังหวัดสระบุรี การที่กล่าวหากันว่ามีคนตายจากการสลายฝูงชนของทหาร การใช้กระสุนกระดาษของทหาร การทุบรถนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในกระทรวงมหาดไทยก็ดี การตายปริศนาของพลทหารอภินพ เครือสุขก็ดี ใครปิดดี สเตชั่น อาศัยอำนาจอะไร การเลือกปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐานและอื่นๆ นำมาซึ่งความรู้สึกไม่ยอมรับของผู้คนต่างสีเสื้อ ต่างพากันกล่าวหาว่าสื่อไม่เป็นกลาง เสนอข่าวสารที่เป็นเท็จ เป็นที่มาของความพยายามจะเปิดรับข่าวสารจากสื่อที่เห็นว่าให้ความเป็นธรรม กับฝ่ายตน เช่น เว็บไซต์ วิทยุชุมชน ทีวีผ่านดาวเทียม เป็นต้น
พูด ถึงทีวีดาวเทียมก็มีแต่เอเอสทีวีของพันธมิตร ส่วนดี สเตชั่น ที่คนเสื้อแดงเคยดูได้ถูกปิดมากว่า 1 เดือนแล้ว ทำให้เสื้อแดงไม่มีช่องทางการสื่อสารที่จะถ่วงดุลกับคนเสื้อสีอื่น มองผิวเผินอาจคิดว่าเป็นสิ่งดีเพราะคนเสื้อแดงจะได้ไม่ใช้เป็นเครื่องมือ หรืออาวุธไปต่อสู้ แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้ง อาจสร้างความรู้สึกเก็บกดว่าพวกตนถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรมและอาจจะเกิด ปฏิบัติการที่นอกเหนือความคาดหมายจนสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศ
องค์กร วิชาชีพสื่ออย่างสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คนทำสื่อทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์อยู่ในจรรยาบรรณ ไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง แต่ก็ไม่เห็นว่าทีวีจะกลับมาตั้งหลักให้อยู่ในจุดที่ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง นำเสนอความจริงที่เป็น "ความจริงแท้" สมกับการเป็นสื่อมวลชนที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพได้เลย
การเลือกข้างของ สื่อทีวี การเอนเอียงของสื่อทีวีเข้าหาผู้มีอำนาจรัฐเพราะผู้มีอำนาจรัฐได้ขอร้องหรือ สร้างบรรยากาศให้เกิดความเกรงใจหรือกลัวให้กับคนทำสื่อทีวีส่งผลให้การนำเสน ข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นไม่เป็นกลาง เปี่ยมล้นไปด้วยอคติ ความจริงถูกบิดเบือน ข่าวสารและเหตุการณ์ที่นำเสนอจึงวนเวียนอยู่กับเปลือกนอกของเหตุการณ์ เข้าไม่ถึงแก่นของปัญหาของวิกฤตการณ์ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอำนาจ มิหนำซ้ำยังเลือกเฟ้นแต่การเสนอในแง่มุมที่ทำให้คนที่มีสีเสื้อหนึ่งชื่นชอบ อีกสีเสื้อหนึ่งโกรธแค้น
เมื่อเป็นดังนี้ แทนที่สื่อทีวีจะสร้างความเข้าใจที่ดีของคนในชาติ และยอมโอนอ่อนเข้าหากันเพื่อความปรองดองตามที่ทีวีนำเสนอข่าวสารก็จะกลับ กลายเป็นความคับแค้นใจและปะทุออก มาเป็นความรุนแรงถึงขั้นเข่นฆ่าทำลายล้างและเผาบ้านเผาเมือง
ถ้าจะ โทษใคร สถาบันไหนที่ทำให้ "สงครามกลางเมือง" แผ่ขยายลุกลามไปมากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งแน่ละนักการเมือง ตำรวจ ทหาร กระบวนการยุติธรรมจะต้องรับไปเต็มๆ แต่สื่อแขนงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีวีก็มิอาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้
เมื่อรู้ว่าสถานการณ์กำลัง เดินไปลงเหว ทำไมสื่อทีวีจึงไม่ช่วยกันเสียแต่วันนี้ในการหาทางป้องกันโดยทำหน้าที่อย่าง เป็นอิสระ เป็นกลางและเสนอแต่ความจริง
เลิกฝักใฝ่ เลือกข้างให้คนอาฆาตแค้นกันแล้วหันมาประณามสื่อได้เมื่อไร เมื่อนั้นทีวีก็จะได้ชื่อว่าหยุดทำร้ายประเทศไทย
ที่มา มติชนรายวัน
14 พฤษภาคม 2552
ในสภาวการณ์ที่บ้านเมืองเป็นปกติ ไม่มีวิกฤตทางการเมือง การเสนอข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของสถานีโทรทัศน์หรือทีวีเมืองไทยจะไม่ ถูกตั้งคำถามหรือตั้งข้อรังเกียจในลักษณะ "ไม่เชื่อถือ-ไม่ไว้ใจ" จากสังคม อย่างมากก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าทีวีเอาแต่แข่งกันเสนอละครน้ำเน่าเพื่อสร้าง ความบันเทิงและยัดเยียดโฆษณาให้คนดูเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าจนผู้ชมแทบจะ สำลักตายอยู่แล้วการเลือกข้างของสื่อทีวี การเอนเอียงของสื่อทีวีเข้าหาผู้มีอำนาจรัฐเพราะผู้มีอำนาจรัฐได้ขอร้องหรือ สร้างบรรยากาศให้เกิดความเกรงใจหรือกลัวให้กับคนทำสื่อทีวี ส่งผลให้การนำเสนข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นไม่เป็นกลาง เปี่ยมล้นไปด้วยอคติ ความจริงถูกบิดเบือน ข่าวสารและเหตุการณ์ที่นำเสนอจึงวนเวียนอยู่กับเปลือกนอกของเหตุการณ์ เข้าไม่ถึงแก่นของปัญหาของวิกฤตการณ์ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอำนาจ มิหนำซ้ำยังเลือกเฟ้นแต่การเสนอในแง่มุมที่ทำให้คนที่มีสีเสื้อหนึ่งชื่นชอบ อีกสีเสื้อหนึ่งโกรธแค้น
ข่าวสารอันควรแก่การรับรู้ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากทีวีที่จะนำมาบอกเล่าแก่สาธารณชน
ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในหลุมดำของ "วิกฤตการณ์ทางการเมือง" เกิดความรุนแรงถึงขั้นจลาจลและกลียุคอย่างต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา คนไทยซึ่งต่างกันแค่เพียงสีเสื้อที่สวมใส่ห้ำหั่นทุบตี ทำร้ายและฆ่าแกงและหลายครั้งที่ตำรวจถูกตำหนิว่าปล่อยให้คนเสื้อสีนี้ทำร้าย คนอีกสีเสื้อหนึ่งได้อย่างไร ทำไมจึงมีสองมาตรฐานในการดำเนินคดี เหตุใดตำรวจจึงสลัดชุดสีกากีทิ้งแล้วเอาเสื้อสีน้ำเงินไปใส่จากนั้นก็ทำร้าย คนเสื้อแดง มีอยู่ครั้งหนึ่งครั้งตำรวจสลายฝูงชนด้วยแก๊สน้ำตา (กลุ่มพันธมิตร) ที่รัฐสภาและลานพระบรมรูปทรงม้าจนมีผู้บาดเจ็บเกือบ 500 คน ตาย 2 ศพ (เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551) ล่าสุด ทหารสลายคนเสื้อแดงช่วงสงกรานต์ 2552 มีคนเจ็บเป็นร้อย เรื่องคนตายยังเป็นปริศนาให้ถูกโจษขานเหมือนเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ปี 2535
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้ง เล่าจากคนไทยที่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย มีพรรคการเมืองที่เกิดการเปลี่ยนขั้ว คนไทยใส่เสื้อสีต่างกัน มีสีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีขาว
มีตำรวจ (สีกากี) มีทหาร (สีเขียว) เข้ามาเป็นตัวละครในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย มีกำลังพล มีอาวุธ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรทัศน์ยังไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างสมบูรณ์
สิ่งที่ปรากฏก็คือข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นที่โทรทัศน์นำเสนอโดนด่าทอจากทุก ฝ่ายที่ขัดแย้ง แตกแยกโดยกล่าวหาว่ามีความลำเอียง
เอ็นบีทีถูกกลุ่มพันธมิตรบุกเข้าไปยึดและเข้าไปในห้องทำงาน ถีบกระจกแตก
สำนัก งานทีวีไทย (ทีวีสาธารณะ) ที่เชียงใหม่ถูกคนเสื้อแดงยกกำลังเข้าไปปิดล้อมเพราะไม่พอใจที่รายงานข่าว ว่าคนเสื้อแดงไปร่วมงานที่กรุงเทพฯเพราะถูกจ้าง
เอเอสทีวีถูกลอบยิงด้วยอาวุธสงคราม
ดี สเตชั่นถูกตัดสัญญาณ ฯลฯ
ไม่ ว่าฟรีทีวี ได้แก่ช่อง 3, 5, 7, 9, เอ็นบีที และทีวีไทย ซึ่งเป็นทีวีกระแสหลักที่ใช้คลื่นความถี่ในการส่งกระจายเสียงและส่งวิทยุ โทรทัศน์ เคเบิลทีวีและทีวีผ่านดาวเทียม เมื่อได้ชื่อว่าเป็นสื่อมวลชนย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญให้มี เสรีภาพในการเสนอข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นโดยอยู่ภายใต้กฎหมายและ จริยธรรมแห่งวิชาชีพ
ผู้ประกอบวิชาชีพในสื่อทีวีทุกประเภทตั้งแต่ เจ้าของ ผู้บริหารลงมาถึงผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายข่าวจะต้องรับรู้และ สำนึกว่าการนำเสนอข่าวหรือข้อมูลต้องยึดถือข้อเท็จจริง การรายงานข่าวหรือเหตุการณ์ต้องรายงานตามความเป็นจริง ไม่แทรกความคิดเห็น ไม่ลำเอียงและต้องพยายามยืนอยู่ในจุดที่ "เป็นกลาง"
สำหรับข่าวและ เหตุการณ์ที่มีความขัดแย้ง แตกแยก การนำเสนอข้อมูล ความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องจะต้องรอบด้าน สมดุลและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ใน ความเป็นจริง ฟรีทีวีโดยทั่วไปนอกจากจะไม่ให้ความสำคัญกับข่าวและเหตุการณ์ที่จะต้องนำ เสนออย่างเจาะลึก ดังจะเห็นได้ว่าข่าวและเหตุการณ์การเคลื่อนไหว การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ควรจะรายงานกันสดๆ มีการตั้งกล้องถ่ายภาพให้เห็นก็ไม่รายงานสด รายละเอียดของข่าวและความหลากหลายของแง่มุมที่ควรจะมีให้มากเพื่อสร้างความ กระจ่างของข่าวและเหตุการณ์ หรือนำเสนอที่น่า สนใจ ให้ข้อคิดและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องก็มีให้ดูน้อยมากข่าวแต่ละช่อง เหมือนๆ กัน "ความจริง" ถูกเสนอบางส่วน อีกหลายๆ ส่วนปกปิดเอาไว้อย่างจงใจ
เงื่อน งำความวุ่นวายที่พัทยาจนต้องล้มเลิกการประชุมผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจาซึ่งมี เสื้อสีน้ำเงินเข้ามาเกี่ยวข้องก็ดี การจับคนเสื้อแดง 19คน ไปขังค่ายทหารจังหวัดสระบุรี การที่กล่าวหากันว่ามีคนตายจากการสลายฝูงชนของทหาร การใช้กระสุนกระดาษของทหาร การทุบรถนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในกระทรวงมหาดไทยก็ดี การตายปริศนาของพลทหารอภินพ เครือสุขก็ดี ใครปิดดี สเตชั่น อาศัยอำนาจอะไร การเลือกปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐานและอื่นๆ นำมาซึ่งความรู้สึกไม่ยอมรับของผู้คนต่างสีเสื้อ ต่างพากันกล่าวหาว่าสื่อไม่เป็นกลาง เสนอข่าวสารที่เป็นเท็จ เป็นที่มาของความพยายามจะเปิดรับข่าวสารจากสื่อที่เห็นว่าให้ความเป็นธรรม กับฝ่ายตน เช่น เว็บไซต์ วิทยุชุมชน ทีวีผ่านดาวเทียม เป็นต้น
พูด ถึงทีวีดาวเทียมก็มีแต่เอเอสทีวีของพันธมิตร ส่วนดี สเตชั่น ที่คนเสื้อแดงเคยดูได้ถูกปิดมากว่า 1 เดือนแล้ว ทำให้เสื้อแดงไม่มีช่องทางการสื่อสารที่จะถ่วงดุลกับคนเสื้อสีอื่น มองผิวเผินอาจคิดว่าเป็นสิ่งดีเพราะคนเสื้อแดงจะได้ไม่ใช้เป็นเครื่องมือ หรืออาวุธไปต่อสู้ แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้ง อาจสร้างความรู้สึกเก็บกดว่าพวกตนถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรมและอาจจะเกิด ปฏิบัติการที่นอกเหนือความคาดหมายจนสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศ
องค์กร วิชาชีพสื่ออย่างสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คนทำสื่อทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์อยู่ในจรรยาบรรณ ไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง แต่ก็ไม่เห็นว่าทีวีจะกลับมาตั้งหลักให้อยู่ในจุดที่ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง นำเสนอความจริงที่เป็น "ความจริงแท้" สมกับการเป็นสื่อมวลชนที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพได้เลย
การเลือกข้างของ สื่อทีวี การเอนเอียงของสื่อทีวีเข้าหาผู้มีอำนาจรัฐเพราะผู้มีอำนาจรัฐได้ขอร้องหรือ สร้างบรรยากาศให้เกิดความเกรงใจหรือกลัวให้กับคนทำสื่อทีวีส่งผลให้การนำเสน ข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นไม่เป็นกลาง เปี่ยมล้นไปด้วยอคติ ความจริงถูกบิดเบือน ข่าวสารและเหตุการณ์ที่นำเสนอจึงวนเวียนอยู่กับเปลือกนอกของเหตุการณ์ เข้าไม่ถึงแก่นของปัญหาของวิกฤตการณ์ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอำนาจ มิหนำซ้ำยังเลือกเฟ้นแต่การเสนอในแง่มุมที่ทำให้คนที่มีสีเสื้อหนึ่งชื่นชอบ อีกสีเสื้อหนึ่งโกรธแค้น
เมื่อเป็นดังนี้ แทนที่สื่อทีวีจะสร้างความเข้าใจที่ดีของคนในชาติ และยอมโอนอ่อนเข้าหากันเพื่อความปรองดองตามที่ทีวีนำเสนอข่าวสารก็จะกลับ กลายเป็นความคับแค้นใจและปะทุออก มาเป็นความรุนแรงถึงขั้นเข่นฆ่าทำลายล้างและเผาบ้านเผาเมือง
ถ้าจะ โทษใคร สถาบันไหนที่ทำให้ "สงครามกลางเมือง" แผ่ขยายลุกลามไปมากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งแน่ละนักการเมือง ตำรวจ ทหาร กระบวนการยุติธรรมจะต้องรับไปเต็มๆ แต่สื่อแขนงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีวีก็มิอาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้
เมื่อรู้ว่าสถานการณ์กำลัง เดินไปลงเหว ทำไมสื่อทีวีจึงไม่ช่วยกันเสียแต่วันนี้ในการหาทางป้องกันโดยทำหน้าที่อย่าง เป็นอิสระ เป็นกลางและเสนอแต่ความจริง
เลิกฝักใฝ่ เลือกข้างให้คนอาฆาตแค้นกันแล้วหันมาประณามสื่อได้เมื่อไร เมื่อนั้นทีวีก็จะได้ชื่อว่าหยุดทำร้ายประเทศไทย
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน13):เปิดโฉมหน้าอรหันต์คอลัมนิสต์ไทยรัฐ
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
15 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ลม เปลี่ยนทิศ
ลมเปลี่ยนทิศตามการเมือง-ลม เปลี่ยนทิศ หรือ ใต้ฝุ่น ภาพบน(ขวาสุด)ยุครัฐบาลทักษิณ มีทนงเป็นขุนคลัง ส่วนลมเปลี่ยนทิศภาพล่าง(ที่2จากซ้าย)เป็นยุครัฐบาลมาร์ค
เป็น นามปากของสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ เขายังเป็นเจ้าของนิตยสารการเงินการธนาคารอีกด้วย เลยได้พื้นที่คอลัมน์เขียนเชียร์หนังสือตัวเองไปในตัว
ทั้งยังอาศัย เส้นสายความเป็นเจ้าของการเงินการธนาคาร และเจ้าของนามปากกาบิ๊กเนม ไปเป็นเจ้าของงานMoney expoอีกด้วย โดยได้อาศัยทางกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ แบงก์ต่างๆ บริษัทโบรกเกอร์เปิดงานชวนคนมาเล่นหุ้น หรือกองทุน จัดมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็เพิ่งจัดไปหมาดๆ
เขายังเป็นเจ้าของนามปากกาใต้ฝุ่นเขียนคอลัมน์สังคมหน้า4ไทยรัฐด้วย
ด้วย ความที่เป็นนักธุรกิจด้วย เป็นคอลัมนิสต์ด้วยก็เลยทำให้ใต้ฝุ่น หรือลม เปลี่ยนทิศต้องอิงๆกับใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลแหละนะครับ เพราะมันไปเกี่ยวกับการทำมาหากินของเขา
กิเลน ประลองเชิง
เป็นนามปากกาของประกิต หลิมสกุล สมัยก่อนใช้นามปากกาทแกล้ว ภูกล้าจนโด่งดัง พอป๊ะกำพลเจ้าของไทยรัฐตายก็ออกไปร่อนเร่ในยุทธจักรอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหวนคืนไทยรัฐมาใช้นามปากกานี้ครับ ผมรู้จักมักคุ้นพี่ประกิตในระดับหนึ่ง แกเป็นคนอัธยาศัยใจคอดีทีเดียว ชอบไปทางพระทางเจ้า พระเครื่องอะไรงี้ แกเป็นคนสมถะนะ อันนี้หมายถึงสมัยที่รู้จักกัน แกเป็นคอลัมนิสต์ใหญ่ขนาดนี้ก็ยังไม่มีรถส่วนตัวใช้(แต่ตอนนี้ไม่รู้ยังไงนะ ผมไม่ได้เจอแกนานพอสมควร)
แม่ลูกจันทร์
เป็นปลายปากกาจากอารมณ์ขันของชูพงศ์ มณีน้อยครับ แต่ก่อนแกเขียนนี่แม่งฮาก๊ากทุกเม็ด พักหลังๆนี่ไม่ค่อยฮาหวะ
กระสุนทอง
เป็นนามปากกาของสุนทร คันธพิศาล เขาไม่ค่อยเล่นบทตัวทางเปิด แต่เป็นอันรู้ว่าคนผู้นี้เขียนคอลัมน์สังคมหน้า4ไทยรัฐ ปกติกระสุนทองจะสมคบกับพวกกํวน18อรหันต์อย่างพวกพญาไม้,บารอน,ตรีศูล,มดคัน ไฟ อะไรอย่างนี้ไปกินข้าวเย็นกับพวกนักการเมือง ทหาร ผู้ใหญ่แวดวงต่างๆ เป็นที่มาของข่าววงในมั่ง หรือพวกคอลัมนิสต์อรหันต์เหล่านี้จะกำหนดทิศทางของบ้านเมืองว่าจะไปทางไหน จะตีเมืองขึ้นใคร หรือจะเชียร์ใครให้ล้ำเลิศเป็นเทวดา
กระสุนทองเลยนับเป็นคอลัมนิสต์ 18 อรหันต์อีกคนในวงการ
สายล่อฟ้า
สายล่อฟ้า เป็นนามปากของ ลิขิต จงสกุล ที่เขียนสับรางวันอาทิตย์ในไทยรัฐนะฮะ
สาย ล่อฟ้าก็เริ่มต้นที่รายวันหัวขาวดำคือมาตุภูมิ ของชัชรินทร์ ตอนหลังก็มาอยู่ไทยรัฐ เป็นเขยไทยรัฐแล้วก็เป็นบอร์ดไทยรัฐ เขาเรียนรัฐศาสตร์ เชียงใหม่รุ่นเดียวกับเมพเมือกครับ ก็คงมีใจให้กันไม่น้อย
ว่าไปแล้วมาตุภูมินี่มีอายุซัก3-4ปีเองนะครับ แต่นักข่าวที่เริ่มที่นั่น และยังมามีชื่อเสียงในวงกามตอนนี้ก็หลายคน นอกจากสายล่อฟ้าแล้วก็ยังมีฉลามเขียว-วีรจักร ก้อนทอง ที่เคยเขียนหน้า3ไทยรัฐนี่อีกคน เข้าใจว่า"งานเข้า"เลยโดนปลดพ้นหน้า3ไป
นอก นั้นที่คุ้นๆชื่อกันก็มีสำราญ รอดเพชร โฆษกเวทีเหี้ยเหลือง, สุนันท์ ศรีจันทรา พิธีกรรายการหุ้นที่ชอบด่าเหลี่ยมเป็นอาชีพหลัก, อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ บก.กรุงเทพธุรกิจ, พงษ์ศักดิ์ ศรีสด บก.เนชั่นสุดสัปดาห์, นาตยา เชษฐ์โชติรส หัวหน้าข่าวบางกอกโพสต์ อดีตนายกสมาคมนักข่าวเมื่อปีกลาย, คมทวน คันธนู-อัศศิริ ธรรมโชติ กวี/นักเขียนซีไรต์, เหยี่ยวถลาลม-มติชน,วงศ์ ตาวัน-ข่าวสด, ณรงค์ ชื่นชม เจ้าของรายการกรองสถานการณ์ ช่อง 11, อายุษ ประทีป ณ ถลาง อดีตบก.แนวหน้า และอดีตบก.ข่าวไทยโพสต์, สุรวิชช์ วีรวรรณ-ผู้จัดการ, ปาริชาติ ประคองจิตร์ เป็นอาทิ
เคยมีคนหนังสือพิมพ์ชื่อสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ไปอยู่ค่ายนี้ และหัดกินเบียร์เป็นที่นี่ จากคำบอกเล่าของเจ้าตัว ปัจจุบันสมศักดิ์ คือเสด็จพ่อสมศักดิ์ของชาว เวบฟดก.
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
15 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ขอว่าถึงคอลัมนิสต์ตัวพ่อเลยแล้วกัน เด่นๆก็มีกิเลน ประลองเชิง,สายล่อฟ้า,ลม เปลี่ยนทิศ,แม่ลูกจันทร์,ฉลามเขียว ส่วนซูม กับชัย ราชวัตร และการ์ตูนเซียนี่ว่าไปก่อนนี้แล้ว รวมทั้งคอลันิสต์เก่าอย่างเปลว สีเงินที่ออกไปตั้งไทยโพสต์ด้วย พวกนี้ให้ไปย้อนอ่านของตอนเก่าๆตอนนี้ว่าด้วยคอลัมนิสต์ไทยรัฐ ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ชี้เป็นชี้ตาย จิกหัวใครด่าไอ้นั่นต้องกลายเป็นโจร เชียร์ใครก็กลายเป็นเทวดา พวกนี้มันเป็นใคร อยากรู้ก็ล้อมวงกันเข้ามา
ลม เปลี่ยนทิศ
ลมเปลี่ยนทิศตามการเมือง-ลม เปลี่ยนทิศ หรือ ใต้ฝุ่น ภาพบน(ขวาสุด)ยุครัฐบาลทักษิณ มีทนงเป็นขุนคลัง ส่วนลมเปลี่ยนทิศภาพล่าง(ที่2จากซ้าย)เป็นยุครัฐบาลมาร์ค
เป็น นามปากของสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ เขายังเป็นเจ้าของนิตยสารการเงินการธนาคารอีกด้วย เลยได้พื้นที่คอลัมน์เขียนเชียร์หนังสือตัวเองไปในตัว
ทั้งยังอาศัย เส้นสายความเป็นเจ้าของการเงินการธนาคาร และเจ้าของนามปากกาบิ๊กเนม ไปเป็นเจ้าของงานMoney expoอีกด้วย โดยได้อาศัยทางกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ แบงก์ต่างๆ บริษัทโบรกเกอร์เปิดงานชวนคนมาเล่นหุ้น หรือกองทุน จัดมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็เพิ่งจัดไปหมาดๆ
เขายังเป็นเจ้าของนามปากกาใต้ฝุ่นเขียนคอลัมน์สังคมหน้า4ไทยรัฐด้วย
ด้วย ความที่เป็นนักธุรกิจด้วย เป็นคอลัมนิสต์ด้วยก็เลยทำให้ใต้ฝุ่น หรือลม เปลี่ยนทิศต้องอิงๆกับใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลแหละนะครับ เพราะมันไปเกี่ยวกับการทำมาหากินของเขา
กิเลน ประลองเชิง
เป็นนามปากกาของประกิต หลิมสกุล สมัยก่อนใช้นามปากกาทแกล้ว ภูกล้าจนโด่งดัง พอป๊ะกำพลเจ้าของไทยรัฐตายก็ออกไปร่อนเร่ในยุทธจักรอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหวนคืนไทยรัฐมาใช้นามปากกานี้ครับ ผมรู้จักมักคุ้นพี่ประกิตในระดับหนึ่ง แกเป็นคนอัธยาศัยใจคอดีทีเดียว ชอบไปทางพระทางเจ้า พระเครื่องอะไรงี้ แกเป็นคนสมถะนะ อันนี้หมายถึงสมัยที่รู้จักกัน แกเป็นคอลัมนิสต์ใหญ่ขนาดนี้ก็ยังไม่มีรถส่วนตัวใช้(แต่ตอนนี้ไม่รู้ยังไงนะ ผมไม่ได้เจอแกนานพอสมควร)
แม่ลูกจันทร์
เป็นปลายปากกาจากอารมณ์ขันของชูพงศ์ มณีน้อยครับ แต่ก่อนแกเขียนนี่แม่งฮาก๊ากทุกเม็ด พักหลังๆนี่ไม่ค่อยฮาหวะ
กระสุนทอง
เป็นนามปากกาของสุนทร คันธพิศาล เขาไม่ค่อยเล่นบทตัวทางเปิด แต่เป็นอันรู้ว่าคนผู้นี้เขียนคอลัมน์สังคมหน้า4ไทยรัฐ ปกติกระสุนทองจะสมคบกับพวกกํวน18อรหันต์อย่างพวกพญาไม้,บารอน,ตรีศูล,มดคัน ไฟ อะไรอย่างนี้ไปกินข้าวเย็นกับพวกนักการเมือง ทหาร ผู้ใหญ่แวดวงต่างๆ เป็นที่มาของข่าววงในมั่ง หรือพวกคอลัมนิสต์อรหันต์เหล่านี้จะกำหนดทิศทางของบ้านเมืองว่าจะไปทางไหน จะตีเมืองขึ้นใคร หรือจะเชียร์ใครให้ล้ำเลิศเป็นเทวดา
กระสุนทองเลยนับเป็นคอลัมนิสต์ 18 อรหันต์อีกคนในวงการ
สายล่อฟ้า
สายล่อฟ้า เป็นนามปากของ ลิขิต จงสกุล ที่เขียนสับรางวันอาทิตย์ในไทยรัฐนะฮะ
สาย ล่อฟ้าก็เริ่มต้นที่รายวันหัวขาวดำคือมาตุภูมิ ของชัชรินทร์ ตอนหลังก็มาอยู่ไทยรัฐ เป็นเขยไทยรัฐแล้วก็เป็นบอร์ดไทยรัฐ เขาเรียนรัฐศาสตร์ เชียงใหม่รุ่นเดียวกับเมพเมือกครับ ก็คงมีใจให้กันไม่น้อย
ว่าไปแล้วมาตุภูมินี่มีอายุซัก3-4ปีเองนะครับ แต่นักข่าวที่เริ่มที่นั่น และยังมามีชื่อเสียงในวงกามตอนนี้ก็หลายคน นอกจากสายล่อฟ้าแล้วก็ยังมีฉลามเขียว-วีรจักร ก้อนทอง ที่เคยเขียนหน้า3ไทยรัฐนี่อีกคน เข้าใจว่า"งานเข้า"เลยโดนปลดพ้นหน้า3ไป
นอก นั้นที่คุ้นๆชื่อกันก็มีสำราญ รอดเพชร โฆษกเวทีเหี้ยเหลือง, สุนันท์ ศรีจันทรา พิธีกรรายการหุ้นที่ชอบด่าเหลี่ยมเป็นอาชีพหลัก, อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ บก.กรุงเทพธุรกิจ, พงษ์ศักดิ์ ศรีสด บก.เนชั่นสุดสัปดาห์, นาตยา เชษฐ์โชติรส หัวหน้าข่าวบางกอกโพสต์ อดีตนายกสมาคมนักข่าวเมื่อปีกลาย, คมทวน คันธนู-อัศศิริ ธรรมโชติ กวี/นักเขียนซีไรต์, เหยี่ยวถลาลม-มติชน,วงศ์ ตาวัน-ข่าวสด, ณรงค์ ชื่นชม เจ้าของรายการกรองสถานการณ์ ช่อง 11, อายุษ ประทีป ณ ถลาง อดีตบก.แนวหน้า และอดีตบก.ข่าวไทยโพสต์, สุรวิชช์ วีรวรรณ-ผู้จัดการ, ปาริชาติ ประคองจิตร์ เป็นอาทิ
เคยมีคนหนังสือพิมพ์ชื่อสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ไปอยู่ค่ายนี้ และหัดกินเบียร์เป็นที่นี่ จากคำบอกเล่าของเจ้าตัว ปัจจุบันสมศักดิ์ คือเสด็จพ่อสมศักดิ์ของชาว เวบฟดก.
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน14):บุญเลิศ ช้างใหญ่,นงนุช สิงหะเดชะ,ก่อเขต จันทเลิศลักษณ์
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
16 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
บุญเลิศ ช้างใหญ่
บุญเลิศ ช้างใหญ่ คนชายคามติชน ถือเป็นคนหนังสือพิมพ์ที่ใส่ใจในแวดวงแมลงวันมากคนหนึ่งครับ เคยเขียนพ็อคเก็ตบุ๊คเรื่องซองขาวหนังสือพิมพ์ออกมาตอมแมลงวันเป็นที่ฮือฮา อยู่พักหนึ่ง
นอกจากนั้นช้างใหญ่(แต่ตัวเล็กเสียงดัง)ก็เขียนหนังสือแวดวงนักข่าวออกมาอีกหลายเล่ม
นับ แต่ยุคสุทธิชัยหยุ่นสมัยหนุ่มๆเคยลุกขึ้นมาประกาศจะปฏิวัติแมลงวัน ก็มามีคิวของช้างใหญ่นี่แหละครับที่ออกอาการลีลาเหมือนจะเอาจริงไปอีกคน(พูด เรื่องช้างใหญ่แล้ว คนชายคามติชนชอบอำว่า เวลาพี่ช้างขรรค์ชัยอยู่ในวง ไม่ค่อยมีใครกล้าเรียกบุญเลิศว่าช้างใหญ่ เพราะกลัวไปสะเทือนซางถึง"ช้างน้อย"ของขรรค์ชัย...อิ)
แต่การ ปฏิวัติแมลงวันของช้างใหญ่นั้นจะเน้นไปที่นักข่าวสนามครับ เช่น พฤติการณ์รับซองขาว,รับหุ้นจอง,ให้นักการเมืองพาทัวร์เมืองนอก,รับของขวัญ ชิ้นใหญ่
ซึ่งผมก็อนุโมทนาที่ช้างใหญ่อยากกวาดล้างวงการสื่อให้ สะอาด วงการจะได้ไม่เหม็นโฉ่เกินไป แต่น่าเสียดายหากช้างใหญ่จะขยับขึ้นมาเล่นที่"ตอเบ้อเริ่ม"คือ พวกนายทุนเจ้าของสื่อที่ไปขายวิญญาณให้ปีศาจ แล้วก็ปั่นบ้านป่วนเมืองแบบที่พวกลิ้มผู้จัดการ โล้นเนชั่น เปลวไทยโพสต์ ช้างมติชนกำลังกระทำระยำอัปรีย์อยู่ช่วง3ปีมานี้ ผมว่าบ้านเมืองเราจะได้ประโยชน์เยอะมากกว่าที่ช้างใหญ่เคยทำไว้
อย่างกรณีช้างใหญ่เคยไปบี้ไอ้ช้าง นักข่าวสนามแนวหน้าที่มันไปทำตัวเป็นไอ้หนุ่มรถไถ ไถเงินสุวัจน์ลิปฯนั่นก็ดี แต่หากช้างใหญ่จะกล้าชนกับพวกนายทุนสื่อที่เอาประเทศชาติบ้านเมืองมากระทำ ย่ำยี เพื่อเอาใจพวกขาใหญ่ในประเทศแลกเศษแลกเลย แลกคลื่น ความถี่ สัมปทานทีวี วิทยุ โคดสะนา แล้วก็ดูถูกน้ำใจพี่น้องคนไทยที่เขาเลือกรัฐบาลของเขามาว่าพวกโง่ พวกรากหญ้า ผมว่าจะเป็นอานิสงส์กว่านี้
เรื่องอื่นๆผมไม่อยากวิจารณ์ เช่นว่า แต่ก่อนช้างใหญ่ก็เชียร์เหี้ยเหลืองเหยงๆๆ พอโดนลิ้มประกาศบอยคอตมติชน ก็ค่อยหันกลับมาด่าพวกเหี้ยเหลือง ค่อยมาคิดเรื่องหลักการของคนวงการข่าวที่ดี ค่อยเอาคัมภีร์ไปสอนพวกสื่อเหี้ย...
อ้าว แต่ก่อนช้างใหญ่ทำไมคิดไม่ได้ มาคิดได้ตอนไอ่ลิ้มจะทุบหม้อข้าวพวกเมิง..อันนี้ผมไม่ขอพูดถึง
เพราะอยากยุให้ช้างใหญ่กล้าๆหนื่อยเหอะวะ ไอ้ประเภทแฉซองขาวหนังสือพิมพ์ แฉไอ้ช้างหนุ่มรถไถนี่มันก็ดีหรอก แต่กับพวกตัวเอ้นายทุนสื่อทั้งหลาย คอลัมนิสต์ตัวหางแดงทั้งหลายนี่ เมื่อไหร่จะลุยมันให้ดูซะทีวะ...
คือแบ่บว่ายังแอบลุ้นให้ช้างใหญ่ชนอยู่ เลยไม่ขอด่าแล้วกัน
นงนุช สิงหะเดชะ
ส่วนนงนุชนี่ สิงหะเดชะ คนนี้ไม่รู้จักหวะ รู้แค่ว่าจบวารสาร ธรรมศาสตร์ เอกวิทยุทีวี เริ่มงานที่ชายคามติชนในฐานะนักข่าวเศรษฐกิจ แล้วก็อยู่สายนี้มาเรื่อย อาจเพราะเหตุนี้เลยทำให้นงนุชฟ่ามๆก็ได้ คือเรียนก็ทางทีวีวิทยุ มันจะเป็นเชิงเทคนิค ไม่เหมือนพวกจบด้านหนังสือพิมพ์มา ทำข่าวก็มาจากสายเศรษฐกิจ
พอมา เป็นคอลัมนิสต์ดันมาเขียนเรื่องการเมือง พอมันไม่มีพื้นฐานทางรัฐศาสตร์ประเภท จอห์น ล็อก โสเครตีส อริสโตเติ้ล อะไรมาก่อนมันก็จะมีปัญหาทางตรรกะ พอชีต้องมาเขียนเรื่องการเมืองก็เลยเอาอคติเพราะรัก เพราะชังเข้าว่าเป็นหลัก
ผมเคยอ่าน เขียนบทความได้ดัดจริตตอแหลไร้วุฒิภาวะลำเอียงด้วยอคติทุกประการ ไม่รู้มติชนเก็บไว้เป็นเสนียดทำไม ไม่ส่งเสริมสโลแกน"หนังสือพิมพ์เพื่อคุณภาพของประเทศ"มีแต่จะฉุดฮวบ
ก่อเขต คมชัดลึก-TPBS
เอาไปเอามาหลังจากทำเหนียมๆกันพักใหญ่ ตอนนี้ก็เก็บหางไว้ไม่มิด หยุ่นส่งทั้งน้องและลูกน้องเข้าไปยึดหัวหาดTPBSเต็มดุ้นมิดลำ ไอ้แม็คเด็กจารย์เจิมไม่รู้ยังอยู่สบายดีมั๊ย...
จำได้มั๊ยตอนตั้ง โทรทัศน์TPBSใหม่ๆ พวกหยุ่น-หย่องก็เขินบอกให้หย่องไปเป็นผอ.ชั่วคราว ตั้งเสร็จมั่นคงจะกลับเนชั่น แล้วมันก็อย่างเห็นๆคนเผลอ กูก็ต่อวีซ่ายาว เอาไปเอามาพวกเนชั่นโผล่เต็มพรืด ล่าสุดก็ไอ่ก่อเขตนี่ตามมาสมทบอีกตัว ไม่นานตัวพ่อคือหยุ่นแม่งก็คงโผล่หัวเหม่งมามั่ง...พูดแล้วกูอายหมาแทนพวก คุณ
ผมยอมรับว่าไม่ค่อยได้ดูTPBS เพราะสะอิดสะเอียนกับการทำหน้าที่เชียร์ม็อบเหี้ยเหลืองสุดตีน กับตื้บม็อบเสื้อแดงสุดๆไม่ไหว
ใน ฐานะขี้ยาคนหนึ่ง ผมรู้สึกโกรธ(ตอนนี้ขึ้นภาษี บุหรี่ก็จะขึ้นราคา พวกเหี้ยขายบุหรี่นี่ก็ตุน เจ้าประจำที่ผมดูดแถวบ้านแม่งไม่ขายมา3วันแล้ว หงุดหงิดหวะ)แล้วต้องเอาภาษีขี้ยาอย่างผมไปให้พวกเหี้ยหย่อง ไอ้ก่อเขต ไอ่แม็คปากเบี้ยวกระทำชำเธอประเทศชาติอีก....
สิ่งที่ผมตอบโต้ได้ในฐานะพลเมืองที่ทำเหี้ยอะไรกับพวกมันไม่ได้เลย กูไม่ดูมึง กับกูขอด่ามึงหน่อยสัดดด
ขอพูดถึงมันสั้นๆ พูดถึงแล้วเป็นเสนียด
ก่อ เขตนี่ก็เป็นเพื่อนไอ่สรยุทธ คือเป็นเด็กม.กรุงเทพ เรียนนิเทศน์กันมา เอกวารสาร ตอนปี4ก็มาฝึกงานกับหยุ่นที่เนชั่น ทางหยุ่นเห็นว่าพอไหวหน่วยก้านให้ก็เลยจบแล้วรับทำงาน แล้วก็ทำงานสนามอยู่ได้คนละ2-3ปีก็มาประจำกองบรรณาธิการ เริ่มให้เป็นรีไรเตอร์ แล้วก็ให่ดูข่าวการเมือง
พอหยุ่นเข้าไปทำ ITVยุคแรกๆก็เอาไอ่2ตัวนี่มาออกกล้อง ไอ่เผือกออกแนวขาวตี๋ก็ให้อยู่หน้ากล้อง ไอ้ก่อเขตตัวดำหน่อย เพราะมันเจอไอทะเลบ้านมันอยู่เมืองจันทน์ก็ดำๆหน่อย ก็ให้อยู่โยงอยู่เบื้องหลัง เขียนสกุ๊ปห่าเหวอะไรไป แต่ก็ขาดคน เพราะหยุ่นทำมัลติมีเดีย คือเอาแม่งหมดทั้งวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ไทยฝรั่ง รายวัน รายสัป รายเดือน ยั้วเยี้ยไปหมด ก็เอาก่อเขตมาออกกล้องมั่งอะไรมั่ง ให้มันทำหน้าเข้มๆเข้าไว้ แล้วก็ไฝกระดิกหน่อยๆ
หลังๆก็ให้มันเป็นบก.คมชัดลึกมันก็เชียร์เหี้ย เหลืองพันธหมาไปตามที่หยุ่นให้ธงไว้ แล้วก็ด่าพวกแดง(ตอนนั้นก่อตัวกันเป็นคาราวานคนจนที่นั่งรถไถนามาจากเหนือ อีสานมารวมพลกันที่จตุจักร)มาวันหนึ่งมันก็พลาดไปลงที่ลิ้มพูดถึงในหลวงอะไร ซักอย่างเรื่องประมา
ณว่า"ลาออก"อะไรงี้นะ...ไอ้พวกคาราวานคนจน ซึ่งในภายหลังจะวิวัฒนาการมาเป็นเสื้อแดงเลยได้ทียกพวกไปล้อมอาคารเนชั่นบาง นาไว้ ตอนนั้นก็2ประสานคือยงยุทธกับไอ่ห้อยคุมทีมไป
ก่อเขตเป็นบก .มันก็เลยลงขอพระราชทานอภัยโทษ แล้วก็ปิดไม่ออกหนังสือพิมพ์3วัน กับมาเจรจากับม็อบเอง ไอ้พวกตัวพ่ออย่างไอ่หยุ่นหายหัวโล้นๆไปหมด
พอ คล้อยหลังม็อบสลายแล้ว พวกนี้ย่องแย่งโผล่ออกจากรู ทำเอะอะว่าม็อบคุกคามสื่อ ไอ้พวกสมาคมสื่อปัญญานิ่มก็ออกแถลงการณ์เย้วๆกันยกใหญ่...กูถามหน่อยหากมึง ไม่ผิด ทำไมคมชัดลึกประกาศขอพระราชทานอภัยโทษ ทำไมต้องลงโทษตัวเองหยุดพิมพ์หยุดเผยแพร่3วัน แล้วพวกมึงจะมาออกแถลงการณ์หาหอกทำไม
พักหลังผมได้ข่าวว่าก่อเขตมา เป็นรองผอ.ข่าวTPBS ไม่แน่ใจนะ คืออย่างผมว่าไปตอนต้น ผมก็ไม่ได้ดูพวกมัน ตกลงว่ามันมาเป็นรองผอ.ข่าว ก็แสดงว่ามันมาแทนไอ้แม็คปากเบี้ยว เด็กของจารย์เจิมเค๊ารึป่าว รึว่าไอ้แม็กก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ผมก็ไม่ทราบ เพราะอย่างว่าช่องเหี้ยนี่ผมไม่ยอมดูเลย
สะอิดเอียนเล็กน้อยถึงปานกลาง เลยไม่อยากดูให้เป็นเสนียดลูกตา
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
16 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
บุญเลิศ ช้างใหญ่
บุญเลิศ ช้างใหญ่ คนชายคามติชน ถือเป็นคนหนังสือพิมพ์ที่ใส่ใจในแวดวงแมลงวันมากคนหนึ่งครับ เคยเขียนพ็อคเก็ตบุ๊คเรื่องซองขาวหนังสือพิมพ์ออกมาตอมแมลงวันเป็นที่ฮือฮา อยู่พักหนึ่ง
นอกจากนั้นช้างใหญ่(แต่ตัวเล็กเสียงดัง)ก็เขียนหนังสือแวดวงนักข่าวออกมาอีกหลายเล่ม
นับ แต่ยุคสุทธิชัยหยุ่นสมัยหนุ่มๆเคยลุกขึ้นมาประกาศจะปฏิวัติแมลงวัน ก็มามีคิวของช้างใหญ่นี่แหละครับที่ออกอาการลีลาเหมือนจะเอาจริงไปอีกคน(พูด เรื่องช้างใหญ่แล้ว คนชายคามติชนชอบอำว่า เวลาพี่ช้างขรรค์ชัยอยู่ในวง ไม่ค่อยมีใครกล้าเรียกบุญเลิศว่าช้างใหญ่ เพราะกลัวไปสะเทือนซางถึง"ช้างน้อย"ของขรรค์ชัย...อิ)
แต่การ ปฏิวัติแมลงวันของช้างใหญ่นั้นจะเน้นไปที่นักข่าวสนามครับ เช่น พฤติการณ์รับซองขาว,รับหุ้นจอง,ให้นักการเมืองพาทัวร์เมืองนอก,รับของขวัญ ชิ้นใหญ่
ซึ่งผมก็อนุโมทนาที่ช้างใหญ่อยากกวาดล้างวงการสื่อให้ สะอาด วงการจะได้ไม่เหม็นโฉ่เกินไป แต่น่าเสียดายหากช้างใหญ่จะขยับขึ้นมาเล่นที่"ตอเบ้อเริ่ม"คือ พวกนายทุนเจ้าของสื่อที่ไปขายวิญญาณให้ปีศาจ แล้วก็ปั่นบ้านป่วนเมืองแบบที่พวกลิ้มผู้จัดการ โล้นเนชั่น เปลวไทยโพสต์ ช้างมติชนกำลังกระทำระยำอัปรีย์อยู่ช่วง3ปีมานี้ ผมว่าบ้านเมืองเราจะได้ประโยชน์เยอะมากกว่าที่ช้างใหญ่เคยทำไว้
อย่างกรณีช้างใหญ่เคยไปบี้ไอ้ช้าง นักข่าวสนามแนวหน้าที่มันไปทำตัวเป็นไอ้หนุ่มรถไถ ไถเงินสุวัจน์ลิปฯนั่นก็ดี แต่หากช้างใหญ่จะกล้าชนกับพวกนายทุนสื่อที่เอาประเทศชาติบ้านเมืองมากระทำ ย่ำยี เพื่อเอาใจพวกขาใหญ่ในประเทศแลกเศษแลกเลย แลกคลื่น ความถี่ สัมปทานทีวี วิทยุ โคดสะนา แล้วก็ดูถูกน้ำใจพี่น้องคนไทยที่เขาเลือกรัฐบาลของเขามาว่าพวกโง่ พวกรากหญ้า ผมว่าจะเป็นอานิสงส์กว่านี้
เรื่องอื่นๆผมไม่อยากวิจารณ์ เช่นว่า แต่ก่อนช้างใหญ่ก็เชียร์เหี้ยเหลืองเหยงๆๆ พอโดนลิ้มประกาศบอยคอตมติชน ก็ค่อยหันกลับมาด่าพวกเหี้ยเหลือง ค่อยมาคิดเรื่องหลักการของคนวงการข่าวที่ดี ค่อยเอาคัมภีร์ไปสอนพวกสื่อเหี้ย...
อ้าว แต่ก่อนช้างใหญ่ทำไมคิดไม่ได้ มาคิดได้ตอนไอ่ลิ้มจะทุบหม้อข้าวพวกเมิง..อันนี้ผมไม่ขอพูดถึง
เพราะอยากยุให้ช้างใหญ่กล้าๆหนื่อยเหอะวะ ไอ้ประเภทแฉซองขาวหนังสือพิมพ์ แฉไอ้ช้างหนุ่มรถไถนี่มันก็ดีหรอก แต่กับพวกตัวเอ้นายทุนสื่อทั้งหลาย คอลัมนิสต์ตัวหางแดงทั้งหลายนี่ เมื่อไหร่จะลุยมันให้ดูซะทีวะ...
คือแบ่บว่ายังแอบลุ้นให้ช้างใหญ่ชนอยู่ เลยไม่ขอด่าแล้วกัน
นงนุช สิงหะเดชะ
ส่วนนงนุชนี่ สิงหะเดชะ คนนี้ไม่รู้จักหวะ รู้แค่ว่าจบวารสาร ธรรมศาสตร์ เอกวิทยุทีวี เริ่มงานที่ชายคามติชนในฐานะนักข่าวเศรษฐกิจ แล้วก็อยู่สายนี้มาเรื่อย อาจเพราะเหตุนี้เลยทำให้นงนุชฟ่ามๆก็ได้ คือเรียนก็ทางทีวีวิทยุ มันจะเป็นเชิงเทคนิค ไม่เหมือนพวกจบด้านหนังสือพิมพ์มา ทำข่าวก็มาจากสายเศรษฐกิจ
พอมา เป็นคอลัมนิสต์ดันมาเขียนเรื่องการเมือง พอมันไม่มีพื้นฐานทางรัฐศาสตร์ประเภท จอห์น ล็อก โสเครตีส อริสโตเติ้ล อะไรมาก่อนมันก็จะมีปัญหาทางตรรกะ พอชีต้องมาเขียนเรื่องการเมืองก็เลยเอาอคติเพราะรัก เพราะชังเข้าว่าเป็นหลัก
ผมเคยอ่าน เขียนบทความได้ดัดจริตตอแหลไร้วุฒิภาวะลำเอียงด้วยอคติทุกประการ ไม่รู้มติชนเก็บไว้เป็นเสนียดทำไม ไม่ส่งเสริมสโลแกน"หนังสือพิมพ์เพื่อคุณภาพของประเทศ"มีแต่จะฉุดฮวบ
ก่อเขต คมชัดลึก-TPBS
เอาไปเอามาหลังจากทำเหนียมๆกันพักใหญ่ ตอนนี้ก็เก็บหางไว้ไม่มิด หยุ่นส่งทั้งน้องและลูกน้องเข้าไปยึดหัวหาดTPBSเต็มดุ้นมิดลำ ไอ้แม็คเด็กจารย์เจิมไม่รู้ยังอยู่สบายดีมั๊ย...
จำได้มั๊ยตอนตั้ง โทรทัศน์TPBSใหม่ๆ พวกหยุ่น-หย่องก็เขินบอกให้หย่องไปเป็นผอ.ชั่วคราว ตั้งเสร็จมั่นคงจะกลับเนชั่น แล้วมันก็อย่างเห็นๆคนเผลอ กูก็ต่อวีซ่ายาว เอาไปเอามาพวกเนชั่นโผล่เต็มพรืด ล่าสุดก็ไอ่ก่อเขตนี่ตามมาสมทบอีกตัว ไม่นานตัวพ่อคือหยุ่นแม่งก็คงโผล่หัวเหม่งมามั่ง...พูดแล้วกูอายหมาแทนพวก คุณ
ผมยอมรับว่าไม่ค่อยได้ดูTPBS เพราะสะอิดสะเอียนกับการทำหน้าที่เชียร์ม็อบเหี้ยเหลืองสุดตีน กับตื้บม็อบเสื้อแดงสุดๆไม่ไหว
ใน ฐานะขี้ยาคนหนึ่ง ผมรู้สึกโกรธ(ตอนนี้ขึ้นภาษี บุหรี่ก็จะขึ้นราคา พวกเหี้ยขายบุหรี่นี่ก็ตุน เจ้าประจำที่ผมดูดแถวบ้านแม่งไม่ขายมา3วันแล้ว หงุดหงิดหวะ)แล้วต้องเอาภาษีขี้ยาอย่างผมไปให้พวกเหี้ยหย่อง ไอ้ก่อเขต ไอ่แม็คปากเบี้ยวกระทำชำเธอประเทศชาติอีก....
สิ่งที่ผมตอบโต้ได้ในฐานะพลเมืองที่ทำเหี้ยอะไรกับพวกมันไม่ได้เลย กูไม่ดูมึง กับกูขอด่ามึงหน่อยสัดดด
ขอพูดถึงมันสั้นๆ พูดถึงแล้วเป็นเสนียด
ก่อ เขตนี่ก็เป็นเพื่อนไอ่สรยุทธ คือเป็นเด็กม.กรุงเทพ เรียนนิเทศน์กันมา เอกวารสาร ตอนปี4ก็มาฝึกงานกับหยุ่นที่เนชั่น ทางหยุ่นเห็นว่าพอไหวหน่วยก้านให้ก็เลยจบแล้วรับทำงาน แล้วก็ทำงานสนามอยู่ได้คนละ2-3ปีก็มาประจำกองบรรณาธิการ เริ่มให้เป็นรีไรเตอร์ แล้วก็ให่ดูข่าวการเมือง
พอหยุ่นเข้าไปทำ ITVยุคแรกๆก็เอาไอ่2ตัวนี่มาออกกล้อง ไอ่เผือกออกแนวขาวตี๋ก็ให้อยู่หน้ากล้อง ไอ้ก่อเขตตัวดำหน่อย เพราะมันเจอไอทะเลบ้านมันอยู่เมืองจันทน์ก็ดำๆหน่อย ก็ให้อยู่โยงอยู่เบื้องหลัง เขียนสกุ๊ปห่าเหวอะไรไป แต่ก็ขาดคน เพราะหยุ่นทำมัลติมีเดีย คือเอาแม่งหมดทั้งวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ไทยฝรั่ง รายวัน รายสัป รายเดือน ยั้วเยี้ยไปหมด ก็เอาก่อเขตมาออกกล้องมั่งอะไรมั่ง ให้มันทำหน้าเข้มๆเข้าไว้ แล้วก็ไฝกระดิกหน่อยๆ
หลังๆก็ให้มันเป็นบก.คมชัดลึกมันก็เชียร์เหี้ย เหลืองพันธหมาไปตามที่หยุ่นให้ธงไว้ แล้วก็ด่าพวกแดง(ตอนนั้นก่อตัวกันเป็นคาราวานคนจนที่นั่งรถไถนามาจากเหนือ อีสานมารวมพลกันที่จตุจักร)มาวันหนึ่งมันก็พลาดไปลงที่ลิ้มพูดถึงในหลวงอะไร ซักอย่างเรื่องประมา
ณว่า"ลาออก"อะไรงี้นะ...ไอ้พวกคาราวานคนจน ซึ่งในภายหลังจะวิวัฒนาการมาเป็นเสื้อแดงเลยได้ทียกพวกไปล้อมอาคารเนชั่นบาง นาไว้ ตอนนั้นก็2ประสานคือยงยุทธกับไอ่ห้อยคุมทีมไป
ก่อเขตเป็นบก .มันก็เลยลงขอพระราชทานอภัยโทษ แล้วก็ปิดไม่ออกหนังสือพิมพ์3วัน กับมาเจรจากับม็อบเอง ไอ้พวกตัวพ่ออย่างไอ่หยุ่นหายหัวโล้นๆไปหมด
พอ คล้อยหลังม็อบสลายแล้ว พวกนี้ย่องแย่งโผล่ออกจากรู ทำเอะอะว่าม็อบคุกคามสื่อ ไอ้พวกสมาคมสื่อปัญญานิ่มก็ออกแถลงการณ์เย้วๆกันยกใหญ่...กูถามหน่อยหากมึง ไม่ผิด ทำไมคมชัดลึกประกาศขอพระราชทานอภัยโทษ ทำไมต้องลงโทษตัวเองหยุดพิมพ์หยุดเผยแพร่3วัน แล้วพวกมึงจะมาออกแถลงการณ์หาหอกทำไม
พักหลังผมได้ข่าวว่าก่อเขตมา เป็นรองผอ.ข่าวTPBS ไม่แน่ใจนะ คืออย่างผมว่าไปตอนต้น ผมก็ไม่ได้ดูพวกมัน ตกลงว่ามันมาเป็นรองผอ.ข่าว ก็แสดงว่ามันมาแทนไอ้แม็คปากเบี้ยว เด็กของจารย์เจิมเค๊ารึป่าว รึว่าไอ้แม็กก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ผมก็ไม่ทราบ เพราะอย่างว่าช่องเหี้ยนี่ผมไม่ยอมดูเลย
สะอิดเอียนเล็กน้อยถึงปานกลาง เลยไม่อยากดูให้เป็นเสนียดลูกตา
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน15):อาจารย์สุนันท์ ศรีจันทรา-โสภณ องค์การณ์ แสบคูณสอง
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
18 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
สุนันท์ที่พวกเล่นหุ้นเรียกอาจารย์ๆนี่นะ ที่ตอนนี้เห็นออกทางเนชั่นแชนัลของโล้นหยุ่นนี่ไม่ธรรมดา
สุนันท์ นี่ก็ถือว่าสร้างตัวจากติดลบเลยนะ ครอบครัวตอนเด็กลำบาก เลยได้เรียนน้อยหน่อยจบม.ศ.5แล้วไปเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้เป็นสิบตรีสุนันท์อยู่พักหนึ่ง ถือว่าหุ่นให้คือเป็นคนตัวใหญ่ แต่ใจไม่รัก พอดีโตมาตอน14ตุลา-6ตุลา สุนันท์ก็ไม่อยากเป็นนายสิบเอาปืนมายิงม็อบ หรือไปยิงกับคอมฯ ก็ลาออกมาทำหนังสือพิมพ์อยู่หลายที่ รวมทั้งมาตุภูมิของชัชรินทร์แล้วก็วนๆเวียนๆไปหลายฉบับ
รวมทั้งไป อยู่กับลิ้มค่ายผู้จัดการ ตอนนั้นลิ้มเจาะข่าวเจ้าพ่อมาเฟียดัง ทำรวมเล่มขายดี เลยบอกสุนันท์ทำเรื่องเศรษฐีเจ้าสัวดูดิ๊ สุนันท์ก็ไปสัมภาษณ์เศรษฐีเจ้าสัวทั้งหลายมารวมเป็น50เศรษฐีเจ้าสัวรวมเล่ม ก็ขายดีมาก ชนิดที่ว่าสุนันท์ตั้งตัวได้
เลยไปลาลิ้มออกจากผู้จัดการ มาตั้งหนังสือพิมพ์หุ้นขึ้นฉบับหนึ่งก่อนพฤษภาทมิฬหน่อยหนึ่ง ชื่อไทยไฟแนนเชียล กะว่าจะทำคล้ายๆไฟแนนเชียลของอังกฤษ
สุนันท์ก็ไป สนิทกับเฮียช้อย-วิโรจน์ นวลแข เจ้าของเงินทุนภัทรธนกิจ สมัยนั้นหุ้นเงินทุนขึ้นกันอ้วก เฮียช้อยก็รวยอ้วก ก็เจือจานให้สุนันท์ทำหนังสือพิมพ์ ใครในวงการซ่าๆเฮียช้อยก็สะกิดให้สุนันท์เล่น อย่างไอ้เสี่ยสองยังงี้โดนซะแทบเข้าคุกมาแล้ว แต่สุนันท์ก็ยังไปมาหาสู่กับลิ้มไม่ได้ขาด ก็เชื่อมให้เฮียช้อยไปเป็นพรรคพวกของลิ้มไปอีกคน
มาตอนก่อนฟองสบู่ แตก สุนันท์แตกหุ้นส่วน หุ้นส่วนหิ้วหัวไทยไฟแนนเชียลหนี สุนันท์ก็แค้นตาแม้นอั่กๆออกหัวใหม่มาชื่อคล้ายๆกันผมจำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นมีพวกสำราญ รอดเพชร เพื่อนเก่าสมัยมาตุภูมิรายวันมาช่วยกัน แต่พอฟองสบู่แตกก็ไปไม่รอด เจ๊ง เป็นเอ็นพีแอลอะไรกันอ้วกเหมือนกัน แล้วก็เอาไปเอามาเลยมาจัดทีวีเรื่องหุ้นกับทีวีเนชั่น
ส่วนความ สัมพันธ์กับลิ้มก็ยังต่อสายกันมายาวนาน ตอนสุนันท์เจ๊งทำหนังสือพิมพ์ เฮียช้อยก็เจ๊งเพราะเงินทุนภัทรธนกิจก็โดนปิดพร้อมกับไฟแนนซ์50กว่าแห่งกับ แบงก์อย่างแหลมทอง สหธนาคาร มหานคร ศรีนครของพวกเจ้าสัวอุเทนโดนเรียบ...ด้วยสายสัมพันธ์เก่าแก่ทางลิ้มก็เอา เฮียช้อยไปฝากกับเหลี่ยมให้เป็นผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงไทยของรัฐบาล ก็ได้เจือจานช่วยเหลือลิ้มให้รอดตายมา เงินทองก็คงเจือจานมาให้สุนันท์พอไม่เน่าไปกับเศรษฐกิจด้วย
ต่อมา เฮียช้อยหมดอายุลงในตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ ลิ้มก็ไปขอประทับวีซ่าเป็นยกสอง แต่หม่อมอุ๋ยพ่อของปลื้ม ตอนนั้นเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติดันไม่ยอม หาว่าเฮียช้อยมีประวัติชั่ว ก็ตั้งกรรมการสอบกันนัวเนีย แทนที่เหลี่ยมจะลงมาเคลียร์ก็ดันปล่อยเลยตามเลย เฮียช้อยเลยชวดต่อวีซ่า ลิ้มเองที่กำลังเคลียร์หนี้เอ็นพีแอล3พันกว่าล้านก็เลยแดกแห้ว กลายมาเป็นบริษัทล้มละลาย ประกาศตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง
ส่วนสุนันท์ นี่บุญคุณเฮียช้อยกับลิ้มต้องทดแทน หนี้แค้นที่เหลี่ยมทำกับเฮียช้อยและลูกพี่ลิ้มมันต้องชำระ เวลาออกวิทยุออกทีวี แทนที่จะพูดเรื่องหุ้นเรื่องเศรษฐกิจอย่างชื่อรายการ ก็ด่าเหลี่ยมชิปหายวายป่วง เชียร์ทหารเชียร์เผด็จการเชียร์ปชป.อะไรไปตามเรื่อง
สุนันท์มันก็มี แฟนเยอะพวกที่มีเงินเล่นหุ้นหนะ ส่วนใหญ่พวกนี้อยู่กรุงเทพฯ หาดใหญ่ เมืองชล เชียงใหม่ โคราช อุดร ขอนแก่น พวกนี้ฟังก็บอกไอ้เหลี่ยมแม่งเหี้ยหางแดงจริงๆ ถ้าไม่เหี้ยมีเหรออาจารย์สุนันท์เขาจะด่าแม่ง..แล้วพวกนี้ก็ภูมิใจว่าพวกกู นี่รู้จริง พวกกูมีตังค์ ที่บ้านมียูบีซีมีเนชั่นทีวีดู ไม่เหมือนไอ้พวกโง่บ้านนอก กระจอกสั่ว พวกนั้นมันโดนไอ้เหลี่ยมซื้อเสียง
หารู้ไม่สุนันท์แม่งด่าก็เพราะมันมีhidden agendaอย่างที่ว่ามานี่แหละ
อิ
ในวงกามหนังสือพิมพ์เขาจะเรียกผู้บริหารไม่เหมือนบริษัททั่วๆไปนะครับ
เขาจะมี บก. เทียบเท่าก็ผอ.หรือกรรมการผู้จัดการ
ในส่วนของบก.นี่จะมีแยกเป็น บก.อำนวยการ แปลว่าเป็นนายทุน
บก.บห. หรือบรรณาธิการบริหาร แปลว่า เป็นหัวหน้าของผู้จัดการ
บก.ข่าว หรือบก.เซ็คชั่นต่างๆ เทียบไปคือผู้จัดการฝ่าย
มันยังมีบก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาอีกอัน วงกามหนังสือพิมพ์เรียกเล่นๆว่า"บก.ติดคุก"
บก.ติด คุกนี่ทั่วๆไปเลยให้คนขับรถนายทุนหนังสือพิมพ์เป็นมั่ง แมสเซ็นเจอร์มั่ง ยามมั่ง เวลาโดนฟ้องก็ให้ไอ้พวกนี้ไปขึ้นศาล ซวยมาก็ถึงคุก...
แต่เน ชั่นนี่มาแปลก ให้ตัวจริงเสียงจริงเป็นบก.ติดคุก คนๆนี้คือโสภณ องค์การณ์ ก็เลยทำให้พวกยาม แมสเซ็นเจอร์ คนรถ คนสวนได้เชิดหน้าชูตาว่า ตำแหน่งบก.ติดคุกนี่ก็เป็นคนใหญ่คนโตในวงกามเหมือนกันนะโว้ย...อย่าได้ ปรามาสพวกกรู
ในตอนเหลี่ยมมาเป็นรัฐบาล พร้อมกับเทกไอทีวี เตะก้นเนชั่นหยุ่นหย่องอะไรนี่ออกไป บก.ติดคุกเนชั่นมันก็ซวยไปด้วย และด้วยความที่เป็นคนอารมณ์อิ อยู่เป็นสันดาน ทางหยุ่นก็เลยให้บก.ติดคุกของตัวเองแพ็กทีมกับกฤษณะมนุษย์ล้อ แล้วก็ไอ้ฝรั่งแอนดรูว์ บิ๊กส์ ไปแหย่หางที่UBCไว้ สมัยโดนเตะออกจากไอทีวี ให้พวกมึงทำรายการแนวขำๆนะ
ไอ้3ตัวนี่ก็บอกครับพี่หยุ่น งานนี้ขำขี้แตกแน่ๆ ปรากฎว่าไอ่มนุษย์ล้อก็ยิงมุกกระจาย ไอ่แอนดรูว์ก็รับมุกฮาสัดดๆๆ มาติดที่บก.ติดคุกแม้ว่ามันจะ"อิ" แต่หลังมันอิทีไรนี่แม่งใส่ไอ้เหลี่ยมไม่ยั้งตีนเลย...
บก.ติด คุกแกแค้นตาแม้นตรงที่ว่าเหลี่ยมเตะออกจากไอทีวีนี่ไม่เท่าไหร่ แต่เหลี่ยมเสือกตามบี้ตามเช็ด ให้ปปง.เพื่อนร่วมรุ่นเหลี่ยมตามตรวจสอบเรื่องเงินทอง รุ่นนั้นก็มีพี่เปลว หยุ่น หย่อง ตบท้ายด้วยบก.ติดคุก
ทีนี้มันก็ชักแรงขึ้นเรื่อยๆ รายการก๊วนกวนข่าวนี่แม้มนุษย์ล้อกับแอนดรูว์ บิ๊กจะฮาสัดดๆยังไง ไอ่บก.ติดคุกดันแสยะยิ้มอิแล้วตบหน้าเน็ตเหลี่ยมเลือดสาดทุกที เจ้าของยูบีซีคือเจ้าสัวธนินท์แกไม่อยากมีปัญหากับใคร เพราะลูกเขยแกก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีกับเหลี่ยมอยู่ แกก็เอาจืดมาบาลานซ์ ก็ยังไม่อยู่ ในที่สุดไอ่พวกก๊วนกวนข่าว3ตัวนี่เลยกระเด็นจากยูบีซีเป็นดอกสอง
หนี หัวซุกหัวซุนไปพึ่งบารมีลุงไกรวัฒน์ ลูกน้องเก่าเหลี่ยมที่เคยไปบุกเบิกไอบีซีเขมร แกมาได้สัมปทานโทรทัศน์TTVจากกรมประชาสัมพันธ์ ฉายได้แค่กรุงเทพฯ ปริมณฑล เหลี่ยมยังจะตามไปบี้เขาอีกเป็นดอกที่สาม....บก.ติดคุกแม่งก็แค้นอั่กๆๆๆ ชักจะอิไม่ออก
หลังๆนี่ก็ สัดดดดดดดดเหลี่ยม เมิงตาย!!
มันก็เลยอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ
ตอน เหลี่ยมพ้นอำนาจ อภิสิทธิ์มาเป็นรัฐบวม เพื่อนเหลี่ยมชื่อพีรพันธ์ เปรมภูติ ที่เคยเป็นปปง.ไล่บี้เช็ดไอ่พวกนี้มาก่อน เลยซวย เข้าใจว่าเป็นข่าวเมื่อไม่กี่วันนี้แหละว่าผิดห่าอะไรซักอย่าง โทษฐานรับงานเหลี่ยมไปคุกคามสื่อตัวพ่อ....
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
18 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
สุนันท์ก่อนแล้วกันมีคนถามถึงสุนันท์ ศรีจันทรา อาจารย์หุ้นที่ขึ้นเวทีพันธมาร กับโสภณ ซาเล้ง เอ๊ย โสภณ องค์การ ว่า2รายนี้แสบเรียกป๋า เพราะงั้นก็จะจัดให้
สุนันท์ที่พวกเล่นหุ้นเรียกอาจารย์ๆนี่นะ ที่ตอนนี้เห็นออกทางเนชั่นแชนัลของโล้นหยุ่นนี่ไม่ธรรมดา
สุนันท์ นี่ก็ถือว่าสร้างตัวจากติดลบเลยนะ ครอบครัวตอนเด็กลำบาก เลยได้เรียนน้อยหน่อยจบม.ศ.5แล้วไปเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้เป็นสิบตรีสุนันท์อยู่พักหนึ่ง ถือว่าหุ่นให้คือเป็นคนตัวใหญ่ แต่ใจไม่รัก พอดีโตมาตอน14ตุลา-6ตุลา สุนันท์ก็ไม่อยากเป็นนายสิบเอาปืนมายิงม็อบ หรือไปยิงกับคอมฯ ก็ลาออกมาทำหนังสือพิมพ์อยู่หลายที่ รวมทั้งมาตุภูมิของชัชรินทร์แล้วก็วนๆเวียนๆไปหลายฉบับ
รวมทั้งไป อยู่กับลิ้มค่ายผู้จัดการ ตอนนั้นลิ้มเจาะข่าวเจ้าพ่อมาเฟียดัง ทำรวมเล่มขายดี เลยบอกสุนันท์ทำเรื่องเศรษฐีเจ้าสัวดูดิ๊ สุนันท์ก็ไปสัมภาษณ์เศรษฐีเจ้าสัวทั้งหลายมารวมเป็น50เศรษฐีเจ้าสัวรวมเล่ม ก็ขายดีมาก ชนิดที่ว่าสุนันท์ตั้งตัวได้
เลยไปลาลิ้มออกจากผู้จัดการ มาตั้งหนังสือพิมพ์หุ้นขึ้นฉบับหนึ่งก่อนพฤษภาทมิฬหน่อยหนึ่ง ชื่อไทยไฟแนนเชียล กะว่าจะทำคล้ายๆไฟแนนเชียลของอังกฤษ
สุนันท์ก็ไป สนิทกับเฮียช้อย-วิโรจน์ นวลแข เจ้าของเงินทุนภัทรธนกิจ สมัยนั้นหุ้นเงินทุนขึ้นกันอ้วก เฮียช้อยก็รวยอ้วก ก็เจือจานให้สุนันท์ทำหนังสือพิมพ์ ใครในวงการซ่าๆเฮียช้อยก็สะกิดให้สุนันท์เล่น อย่างไอ้เสี่ยสองยังงี้โดนซะแทบเข้าคุกมาแล้ว แต่สุนันท์ก็ยังไปมาหาสู่กับลิ้มไม่ได้ขาด ก็เชื่อมให้เฮียช้อยไปเป็นพรรคพวกของลิ้มไปอีกคน
มาตอนก่อนฟองสบู่ แตก สุนันท์แตกหุ้นส่วน หุ้นส่วนหิ้วหัวไทยไฟแนนเชียลหนี สุนันท์ก็แค้นตาแม้นอั่กๆออกหัวใหม่มาชื่อคล้ายๆกันผมจำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นมีพวกสำราญ รอดเพชร เพื่อนเก่าสมัยมาตุภูมิรายวันมาช่วยกัน แต่พอฟองสบู่แตกก็ไปไม่รอด เจ๊ง เป็นเอ็นพีแอลอะไรกันอ้วกเหมือนกัน แล้วก็เอาไปเอามาเลยมาจัดทีวีเรื่องหุ้นกับทีวีเนชั่น
ส่วนความ สัมพันธ์กับลิ้มก็ยังต่อสายกันมายาวนาน ตอนสุนันท์เจ๊งทำหนังสือพิมพ์ เฮียช้อยก็เจ๊งเพราะเงินทุนภัทรธนกิจก็โดนปิดพร้อมกับไฟแนนซ์50กว่าแห่งกับ แบงก์อย่างแหลมทอง สหธนาคาร มหานคร ศรีนครของพวกเจ้าสัวอุเทนโดนเรียบ...ด้วยสายสัมพันธ์เก่าแก่ทางลิ้มก็เอา เฮียช้อยไปฝากกับเหลี่ยมให้เป็นผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงไทยของรัฐบาล ก็ได้เจือจานช่วยเหลือลิ้มให้รอดตายมา เงินทองก็คงเจือจานมาให้สุนันท์พอไม่เน่าไปกับเศรษฐกิจด้วย
ต่อมา เฮียช้อยหมดอายุลงในตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ ลิ้มก็ไปขอประทับวีซ่าเป็นยกสอง แต่หม่อมอุ๋ยพ่อของปลื้ม ตอนนั้นเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติดันไม่ยอม หาว่าเฮียช้อยมีประวัติชั่ว ก็ตั้งกรรมการสอบกันนัวเนีย แทนที่เหลี่ยมจะลงมาเคลียร์ก็ดันปล่อยเลยตามเลย เฮียช้อยเลยชวดต่อวีซ่า ลิ้มเองที่กำลังเคลียร์หนี้เอ็นพีแอล3พันกว่าล้านก็เลยแดกแห้ว กลายมาเป็นบริษัทล้มละลาย ประกาศตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง
ส่วนสุนันท์ นี่บุญคุณเฮียช้อยกับลิ้มต้องทดแทน หนี้แค้นที่เหลี่ยมทำกับเฮียช้อยและลูกพี่ลิ้มมันต้องชำระ เวลาออกวิทยุออกทีวี แทนที่จะพูดเรื่องหุ้นเรื่องเศรษฐกิจอย่างชื่อรายการ ก็ด่าเหลี่ยมชิปหายวายป่วง เชียร์ทหารเชียร์เผด็จการเชียร์ปชป.อะไรไปตามเรื่อง
สุนันท์มันก็มี แฟนเยอะพวกที่มีเงินเล่นหุ้นหนะ ส่วนใหญ่พวกนี้อยู่กรุงเทพฯ หาดใหญ่ เมืองชล เชียงใหม่ โคราช อุดร ขอนแก่น พวกนี้ฟังก็บอกไอ้เหลี่ยมแม่งเหี้ยหางแดงจริงๆ ถ้าไม่เหี้ยมีเหรออาจารย์สุนันท์เขาจะด่าแม่ง..แล้วพวกนี้ก็ภูมิใจว่าพวกกู นี่รู้จริง พวกกูมีตังค์ ที่บ้านมียูบีซีมีเนชั่นทีวีดู ไม่เหมือนไอ้พวกโง่บ้านนอก กระจอกสั่ว พวกนั้นมันโดนไอ้เหลี่ยมซื้อเสียง
หารู้ไม่สุนันท์แม่งด่าก็เพราะมันมีhidden agendaอย่างที่ว่ามานี่แหละ
อิ
ในวงกามหนังสือพิมพ์เขาจะเรียกผู้บริหารไม่เหมือนบริษัททั่วๆไปนะครับ
เขาจะมี บก. เทียบเท่าก็ผอ.หรือกรรมการผู้จัดการ
ในส่วนของบก.นี่จะมีแยกเป็น บก.อำนวยการ แปลว่าเป็นนายทุน
บก.บห. หรือบรรณาธิการบริหาร แปลว่า เป็นหัวหน้าของผู้จัดการ
บก.ข่าว หรือบก.เซ็คชั่นต่างๆ เทียบไปคือผู้จัดการฝ่าย
มันยังมีบก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาอีกอัน วงกามหนังสือพิมพ์เรียกเล่นๆว่า"บก.ติดคุก"
บก.ติด คุกนี่ทั่วๆไปเลยให้คนขับรถนายทุนหนังสือพิมพ์เป็นมั่ง แมสเซ็นเจอร์มั่ง ยามมั่ง เวลาโดนฟ้องก็ให้ไอ้พวกนี้ไปขึ้นศาล ซวยมาก็ถึงคุก...
แต่เน ชั่นนี่มาแปลก ให้ตัวจริงเสียงจริงเป็นบก.ติดคุก คนๆนี้คือโสภณ องค์การณ์ ก็เลยทำให้พวกยาม แมสเซ็นเจอร์ คนรถ คนสวนได้เชิดหน้าชูตาว่า ตำแหน่งบก.ติดคุกนี่ก็เป็นคนใหญ่คนโตในวงกามเหมือนกันนะโว้ย...อย่าได้ ปรามาสพวกกรู
ในตอนเหลี่ยมมาเป็นรัฐบาล พร้อมกับเทกไอทีวี เตะก้นเนชั่นหยุ่นหย่องอะไรนี่ออกไป บก.ติดคุกเนชั่นมันก็ซวยไปด้วย และด้วยความที่เป็นคนอารมณ์อิ อยู่เป็นสันดาน ทางหยุ่นก็เลยให้บก.ติดคุกของตัวเองแพ็กทีมกับกฤษณะมนุษย์ล้อ แล้วก็ไอ้ฝรั่งแอนดรูว์ บิ๊กส์ ไปแหย่หางที่UBCไว้ สมัยโดนเตะออกจากไอทีวี ให้พวกมึงทำรายการแนวขำๆนะ
ไอ้3ตัวนี่ก็บอกครับพี่หยุ่น งานนี้ขำขี้แตกแน่ๆ ปรากฎว่าไอ่มนุษย์ล้อก็ยิงมุกกระจาย ไอ่แอนดรูว์ก็รับมุกฮาสัดดๆๆ มาติดที่บก.ติดคุกแม้ว่ามันจะ"อิ" แต่หลังมันอิทีไรนี่แม่งใส่ไอ้เหลี่ยมไม่ยั้งตีนเลย...
บก.ติด คุกแกแค้นตาแม้นตรงที่ว่าเหลี่ยมเตะออกจากไอทีวีนี่ไม่เท่าไหร่ แต่เหลี่ยมเสือกตามบี้ตามเช็ด ให้ปปง.เพื่อนร่วมรุ่นเหลี่ยมตามตรวจสอบเรื่องเงินทอง รุ่นนั้นก็มีพี่เปลว หยุ่น หย่อง ตบท้ายด้วยบก.ติดคุก
ทีนี้มันก็ชักแรงขึ้นเรื่อยๆ รายการก๊วนกวนข่าวนี่แม้มนุษย์ล้อกับแอนดรูว์ บิ๊กจะฮาสัดดๆยังไง ไอ่บก.ติดคุกดันแสยะยิ้มอิแล้วตบหน้าเน็ตเหลี่ยมเลือดสาดทุกที เจ้าของยูบีซีคือเจ้าสัวธนินท์แกไม่อยากมีปัญหากับใคร เพราะลูกเขยแกก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีกับเหลี่ยมอยู่ แกก็เอาจืดมาบาลานซ์ ก็ยังไม่อยู่ ในที่สุดไอ่พวกก๊วนกวนข่าว3ตัวนี่เลยกระเด็นจากยูบีซีเป็นดอกสอง
หนี หัวซุกหัวซุนไปพึ่งบารมีลุงไกรวัฒน์ ลูกน้องเก่าเหลี่ยมที่เคยไปบุกเบิกไอบีซีเขมร แกมาได้สัมปทานโทรทัศน์TTVจากกรมประชาสัมพันธ์ ฉายได้แค่กรุงเทพฯ ปริมณฑล เหลี่ยมยังจะตามไปบี้เขาอีกเป็นดอกที่สาม....บก.ติดคุกแม่งก็แค้นอั่กๆๆๆ ชักจะอิไม่ออก
หลังๆนี่ก็ สัดดดดดดดดเหลี่ยม เมิงตาย!!
มันก็เลยอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ
ตอน เหลี่ยมพ้นอำนาจ อภิสิทธิ์มาเป็นรัฐบวม เพื่อนเหลี่ยมชื่อพีรพันธ์ เปรมภูติ ที่เคยเป็นปปง.ไล่บี้เช็ดไอ่พวกนี้มาก่อน เลยซวย เข้าใจว่าเป็นข่าวเมื่อไม่กี่วันนี้แหละว่าผิดห่าอะไรซักอย่าง โทษฐานรับงานเหลี่ยมไปคุกคามสื่อตัวพ่อ....
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเหี้ย(ตอน16):ยำใหญ่คนอ่านข่าวหน้าจอทีวี หลังฉากพวกเขากับเจ้าหล่อนคือใคร?
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
19 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
บุญยอดนี่เป็นคนเรียนเก่งคนหนึ่ง เป็นเด็กเตรียมมาก่อน แล้วจบนิเทศน์จุฬา ถือว่าคะแนนสูงสุดของสายศิลป์ จบมาเป็นผู้สื่อข่าวภูมิภาคช่อง7ระยะหนึ่ง ต่อมาก็มาอ่านช่อง5 แล้วก็มาทำวิทยุกับอัญชะนี...อันนี้แหละจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะความซี้ปึ้กกับอัญชะนี แนวคิดการบ้านการเมืองก็เลยจะไปทางเดียวกัน
ที่ มาดังๆตอนท้ายนี่คือมาโดนปลดทางวิทยุ101 แล้วมาโดนปลดฟ้าผ่ารายการข่าววันใหม่รอบดึกทางช่อง3ตอนนั้นจัดกับน้องหมวย อริสราของผม(น้องหมายนี่ดีกรีด๊อกเตอร์แล้วนะ ต่อไปต้องเรียกด๊อกเตอร์หมวย) ตอนปลายปี48ลิ้มเริ่มจัดม็อบเช็ดเหลี่ยม มาเดือนกุมภา49ชักแรง บุญยอดก็ใส่อารมณ์อินกับลิ้มไปด้วย
เวลาอ่าน ข่าวนี่ใครเคยอ่านข่าวจะรู้ ตรงโต๊ะที่นั่งอ่านข่าวมันจะมีโน้ตมาแปะเรื่อยๆ อย่างล่าสุดที่ผมเจอตอนสงกรานต์มันแปะโน้ตไว้ว่า"ห้ามผู้ประกาศข่าวใช้คำว่า "สลายม็อบ" แต่ให้ใช้คำว่า"กดดันให้ยุติการชุมนุม" และห้ามใส่ความเห็นใดๆลงไปในข่าวเด็ดขาด"!!...คือเป็นอันรู้กันว่าหากมึงไม่ ทำตามนี้ก็ต้องตกงาน หรือย้ายช่องไปประกาศข่าวช่องอื่น(หากมีคนเขาเอามึงนะ...)
ตอนนั้น ช่อง3ก็แปะไว้ประมาณนี้แหละเพราะเห็นบุญยอดมันชักแรงขึ้นเรื่อยๆ บุญยอดอาจจะอ่านโน้ตไม่ออก หรือแบ่บว่าไม่กลัวน้ำร้อนก็ใส่ไม่ยั้ง เหตุเกิดคืนวันที่10กุมภา พอเช้ามาก็ปลดกลางอากาศ มันเลยต้องไปออกASTVแทน ไปขึ้นเวทีพันธมารแทน ในที่สุดก็มาลงส.ส.อย่างที่เห็น คนกรุงเทพฯก็ชอบอยู่แล้วสเป็คขาวตี๋ด่าเหลี่ยมหนะนะ...มันก็ได้เป็น
ไอ่ สื่อเสื้อสีน้ำเงินไปลงข่าวว่าบุญยอดเคยเล่นหนังอาร์ คนก็นึกว่ามันเล่นหนังเอากัน แต่จริงๆในเรื่องมันก็เล่นเป็นนักข่าวสัมภาษณ์ผู้หญิงคนนึงที่ไปเอากับยาม ก็แค่นั้น บุญยอดก็สมควรฟ้องแม่งจริงๆไอ่สื่อน้ำเงินประชาทรรศน์นะ หาเรื่องกัดไม่เข้าเรื่อง
เป็นส.ส.สมัยแรกน่าเสียดายตรงที่ว่าน่าจะ ใช้ความเป็นสื่อเก่า เด็กเรียนเก่ง ผ่านประบการณ์เรียนหนังสือเมืองนอก แต่ดั๊นมาทำหน้าที่จุกจิกลุกประท้วงจุกๆจิกๆ เสียของเปล่าๆ ใครรู้จักมันก็บอกมันหน่อย คนเค๊ารำราญมึงไอ้ห่า
อิ๋ว-ศุภรัตน์
อิ๋วก็เป็นคนที่สนิทกับติ๋ว-ศันศนีย์ นาคพงศ์มากคนหนึ่ง ตอนที่เคยเป็นผู้อ่านข่าวทางโทรทัศน์ช่อง7สีด้วยกัน
แล้วก็เพราะอยู่ช่อง7นี่เอง ชาวบ้านเห็นหน้าค่าตาบ่อย มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ หน้าตาก็ขึ้นกล้องก็เลยพลอยได้เกิด
ต่อ มาติ๋วศันศนีย์ออกมาเล่นการเมืองในไทยรักไทยก่อน ได้เป็นส.ส.กรุงเทพฯสมใจ แล้วก็เรียกว่าอยู่วงในของทักษิณคนหนึ่ง(แต่จริงๆในเรื่องกิจกรรมทางการ เมืองติ๋วจะสนิทมาทางจาตุรนต์มากกว่าขั้วอื่น รวมทั้งขั้วสายเจ๊หน่อย ในระยะหลังๆนี้การร่วมงานกับจาตุรนต์บ้านเลขที่111ดูจะใกล้ชิดกันขึ้น)
ติ๋ว เป็นผู้อ่านข่าวรุ่นพี่ในช่อง7อย่างที่ว่ามา แล้วออกมาเล่นการเมืองก่อน ต่อมาก็ลากอิ๋วมาลงเรียนโทที่นิด้าด้วยกัน หลักสูตรเดียวกัน อึดอัดกับพฤติการณ์ของอาจารย์ที่ชื่อดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ที่ด่าเหลี่ยมเป็นอาชีพหลัก สอนหนังสือเป็นงานอดิเรกด้วยกัน(แต่ก็ฝืนๆเขียนข้อสอบให้มันผ่านๆไปด้วยกัน )ทั้งคู่รับปริญญาโทพร้อมกันในปี2548
หลังรัฐประหาร19กันยา49และมี เลือกตั้ง23ธันวา50 ติ๋วซวยเพราะอยู่บ้านเลขที่111 ส่วนอิ๋วลงสมัครส.ส.แบบเปิดซิงที่เขตสวนหลวง ผลคือกินแห้วท่ามกลางความสงสัยพอประมาณ เพราะผลexit pollนั้นสอบได้ แต่คะแนนออกมาจริงเสือกสอบตก แต่รัฐบาลสมัครให้รางวัลปลอบใจเป็นรองโฆษกรัฐบาล
อิ๋วบอกว่าก็ไม่ได้ เสียดมเสียดายกับอาชีพผู้อ่านข่าวช่อง7เท่าไหร่หรอกว่าไปแล้ว เพราะก็อ่านงี้มาเป็น10ปีแว้ว และหากยังนั่งรากงอกอยู่ต่อไป ก็พอดีพวกรุ่นน้องมันก็ไม่ได้เกิด ก็ได้เวลามาทำงานสายการเมือง เพราะถึงจะจบตรีวารสารธรรมศาสตร์ แต่จบโทก็หลักสูตรการบริหารภาครัฐและเอกชนนิด้า ถือว่าก็อยากลองของจากที่เรียนมาพอดี
อิ๋วที่ผมรู้จักทั้งส่วนรวมและ ส่วนตัวเนี่ย มันยังหามุมด่าเขาไม่เจอหวะ ใครที่ลุ้นให้กูด่าเลยท่าจะกินแห้ว...แบ่บว่าคนมันมีใจให้กันอยู่เป็นทุนอ่ะ นะจ๊ะอิ๋วจ๊ะ คะขาครับผม
จิรายุ-ไอ้นี่มันก็เป็นคนใช้ได้คนหนึ่งหนะว่าไปแล้วนะ
ไอ้ยุนี่เดิมมันเป็นนักข่าวสายรถยนต์ครับ ตั้งแต่สมัยมันอยู่ฐานเศรษฐกิจ แล้วก็ผ่านรายวันมาหลายเล่ม มันทำด้านข่าวรถยนต์มาตลอด เรียกว่าในวงการข่าวสายยานยนต์นี่มันเป็นตัวพ่อคนหนึ่ง ค่ายรถยนต์ต่างๆนี่จะเกรงใจมันเป็นพิเศษ
จริงๆมันก็บ้าเล่นรถด้วย พอดีที่บ้านรวย พ่อมันเป็นตำรวจใหญ่คนหนึ่ง มันก็จัดว่าเป็นคนหนู เรียนจบมาเป็นนักข่าวนี่ขับบีเอ็มมาโรงพิมพ์ บก.ของมันยังโหนรถเมล์ นั่งวินมอไซค์อยู่เลย ไอ้ห่านี่ล่อบีเอ็มมาซะเรี่ยม เพราะงั้นสาวๆนี่แม่งก็เลยตรึม ประกอบกับมันเป็นคนหน้าตาก็ใช้ได้
สมัย มาทำITVใหม่ๆนี่ นรากรเลยเสร็จมันตามระเบียบ ตอนแรกมันก็บอกกลับดึกเป็นห่วงไปส่ง...ต่อมาก็เลยกลายเป็นแม่ย่านางประจำรถ ไอ้ยุไปเรียบร้อย ตอนแรกๆมันก็ทำข่าวสายรถยนต์ ทดลองขับห่าเหี้ยอะไรไปตามเรื่อง
แต่มันก็เหมือนพวกITVโดยทั่วไป คือโดนตื้บบ่อย ตื้บหน้าตื้บหลัง โดนยึดITVหนีมาช่อง11โดนไอ้โจรศรีวิชัยบุกตื้บอีก สุดท้ายโดนปลดอีก มันก็เลยต้องออกมาเป็นรองโฆษกพรรคเพื่อไทยนี่แหละ
ที่รู้จักไอ้ยุ ผ่านๆมันก็เป็นคนใช้ได้ ถึงมันจะเป็นคนหนูนะ บอกเฮ้ย!ยุ ชงกาแฟหน่อยวะ มันก็ชง(อันนี้หมายถึงซักราวๆ15ปีมาแล้วนะ ตอนนี้มันก็โตแล้ว มันคงใช้ไม่ได้แล้ว แล้วอีกอย่างจะไปใช้มันงี้ก็คงไม่ถูกเรื่อง)
สรุป ว่า2ตัวเนี่ยคืออิ๋วกับไอ้ยุก็ไม่ได้เป็นคนเลวระยำหมามาจากไหน อิ๋วเขาก็เป็นคนมืออาชีพในวงการมานาน ก่อนมาเล่นการเมืองตามคำชักชวนของติ๋ว เขาก็ไปอัพเกรดจบโทด้านการบริหารจัดการอะไรมาแล้ว ส่วนไอ้ยุมันก็จริงๆมีโอกาสให้มันเหี้ยตลอดนะ ทำข่าวยานยนต์นี่ คิดดูง่ายๆค่ายรถยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกันก็ต้องเอาใจมันทั้งนั้น ไหนจะข้อเสนอขายรถให้ราคาถูกเป็นขี้ ให้ไปดูงานเมืองนอก ให้อะไรสารพัด แต่ที่ผมเห็นมันผ่านตามาก็ไม่ได้เห็นว่ามันเอาอาชีพนักข่าวไปทำมาหาแดกเลย
เดี๋ยวจะหาว่าแหมพอนักข่าวสายเสื้อแดงมึงไม่ด่า ดันเชียร์ซะงั้น...ก็มันไม่เหี้ย จะให้ด่าว่ามันเหี้ย กูก็เหี้ยซะเองดิ๊
ปลื้ม-ณัฏฐกรณ์ เทวกุล
ปลื้มนี่เขาแข็งนอกอ่อนในนะ
คนอาจคิดว่าเขาเป็นเหมือนอเมริกันที่พกพาความมาดมั่นไว้มากๆ
แต่ จริงๆเขาก็มีอะไรที่เป็นไทยๆอยู่มาก มือไม้อ่อน เจอผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนมันยกมือไหว้ดะ บางทีผมเอ่อไปขี้อยู่ ขี้เสร็จเดินออกมา ปลื้มแม่งหันขวับมาเจอไหว้ป๊าบ...สัดดด กรูกำลังรูดซิปอยู๊ ขอโต้ดเลยไม่ได้รับไหว้มึง
ผมว่าหากหม่อมอุ๋ยส่ง ปลิ้มไปเรียนอังกฤษเหมือนพวกผู้ดีทั่วไป ก็คงกลับมาเมืองไทยเหมือนๆพวกไอ้มาร์ค หรือกรณ์ หรือไอ้โชคคือแม่งก็กลายเป็นชนชั้นปกครองอะไรกันไป แต่การไปเรียนอเมริกา มันก็ทำให้คนมีวิถีชีวิต วิธีคิดแบบอเมริกัน คือความมีหลักมีเกณฑ์ ความที่ว่าบ้านเมืองมันต้องให้โอกาสกับคนได้แสดงศักยภาพ หรือให้โอกาสที่ใครก็จะแจ้งเกิดหรือเติบโตได้
มันกลับมาเมืองไทยก็ ดันมาเจอบ้านเมืองเชี่ยๆอย่างนี้ มันก็คงจะเบื่อ และเกิดการต่อต้าน และอยากเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น มันมาเจอคนแบบไอ้เผือก-สรยุทธ์นี่มันก็แอนตี้พอสมควรว่า ไอ้นี่อาศัยระบบว่ากูเก๋ากว่า ขี่ได้เป็นขี่ เรื่องจริงเอามาล้อเล่น ความที่ไม่มีจุดยินนโยบายอะไร หลักลอยเอาตัวรอดไปวันๆ เก่งแต่ปาก แต่กลวงใน ปลื้มมันก็รับไม่ไหว ก็ทำงานกับไอ้เผือกไม่ได้
เสียดายว่า รีบลงการเมืองเร็วไปนิดนึง คือตอนนั้นมันเห็นชื่อหม่อมสุขุมพันธ์ลงเลือกตั้งผู้ว่า มันก็คิดว่ามันสู้ได้แหงๆ แต่ปรากฎว่าพรรคเพื่อไทยเสือกส่งแซมยุรนันท์ลงแข่งด้วย คนที่จะเลือกปลื้มก็เลยเปลี่ยนใจ คนกรุงเทพฯ6แสนกว่าคะแนนเสียงอยากเลือกปลื้ม แต่การไปเลิกแซมมันเป็นอะไรที่จะท้าทายชนชั้นนำและประชาธิปัตย์ว่ากูไม่เอา ด้วยกับพวกมึง ปลื้มเลยได้คะแนนมาเกือบๆ3แสนเท่านั้น
ก็พูดง่ายๆว่า โดนตัดคะแนนกันเอง แทนที่จะแข่งกับหม่อมสุขุมพันธ์ ดันต้องมาแย่งคะแนนกลุ่มเป้าหมายเดียวกันคือพวกที่ต่อต้านอำมาตย์กับปชป. ก็เลยกอดคอกันสอบตกทั้งคู่แหละ
แต่อายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกมากหนะ ก็สู้ใหม่แล้วกัน หาจังหวะดีๆแล้วกัน...
ส่วนทิชา สุทธิธรรม หรือน้องซอสนี่นะก็เข้าสเปคว่าขาวหมวยสวยเซ็กส์อ่ะ เขาก็น่ารักดี เป็นเด็กดีมืออาชีพคนนึง ก็ไปเรื่อยๆไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไร การเข้าคู่กับปลิ้มทำรายการก็ถือว่าไปกันได้
กิตติ สิงหาปัด
เป็นมือดีคนหนึ่ง เป็นเด็กสร้างของดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล
ลี่-กิตติ เป็นคนขอนแก่น มาจบเกษตรศาสตร์ เลยสมัครทำงานเป็นนักข่าวสายเกษตรกับอาจารย์ดร.สมเกียรติ แล้วขยับมาทำข่าวด้านสิ่งแวดล้อม แรกๆมีคู่หูอีกคนคือสุริยน จองลีพันธ์ (ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน..รุ่นๆนี้ที่จำได้มีเพชรี พรมช่วยอีกคน) ทำข่าวด้านสิ่งแวดล้อมได้น่าสนุกน่าติดตามมาก
จากนั้นก็มาเป็นคนอ่าน ข่าวทางITVตั้งแต่ยุคหยุ่นบุกเบิก แล้วก็เหนียวมาก ใครมาใครไปก็อยู่มายาว จนถึงขั้นเปลี่ยนชื่อเป็นTITVก็ยังอยู่ แต่ก็จวนตัว ลูกเมียปากท้องต้องหากิน เงินเดือนไม่มีเลยเผ่นมาตั้งหลักช่อง9พักนึง สุดท้ายก็มาตั้งบริษัทผลิตรายการให้ช่อง3
ดูประว้ติว่าอยู่ITVมาได้ ทุกยุคนี่ก็คงเห็นแล้วว่าลี่เขามีทีเด็ดคืออาจจะเข้ากับใครก็ได้ หรือไม่ยอมเป็นพวกใครที่เฮกันไปเฮกันมา แต่ขนาดนั้นยังไม่วายโดนพวกม้อบเหี้ยเหลืองกำปั้นชกหน้านะ ตอนที่เหี้ยเหลืองบุกยึดโทรทัศน์ช่อง11NBT วันนั้นไอ้ยุกับตวงพรอยู่ในห้องส่งเผ่นหนีทัน แต่ไอ้ลี่กิตติขับรถมาป้วนเปี้ยนจะมาทำรายการ พวกเหี้ยเหลืองก็ชกเข้าให้ เพราะมันนึกไว้ก่อนว่าพวกช่อง11นี่คือศัตรูมัน
จอม เพชรประดับ
จอมก็ทำงานกับITVมานาน แล้วก็ไปอยู่เมกาพักใหญ่ แต่ยังเป็นผู้สื่อข่าวพิเศษให้ไอทีวี
ผม ชื่นชมคนแบบจอมมากคือเขาเป็นมืออาชีพ ตรงไปตรงมา อย่างตอนเหลี่ยมโดนรัฐประหารหนีหัวซุกไปเมืองนอก จอมก็พยายามตามไปสัมภาษณ์ ก่อนลุงนวมทองจะฆ่าตัวตาย ไม่มีสื่อคนไหนสนใจ(จนแกต้องไปฆ่าตัวตายหน้าไทยรัฐ)จอมก็ไปสัมภาษณ์ก่อน มาจัดช่อง11ตัวจริงชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องเอาใจรัฐบาล
เสียดายว่าคนที่ดีๆมืออาชีพยังงี้ ดันไม่ค่อยมีที่ว่างให้เท่าไหร่ในบ้านนี้เมืองนี้ ฟังแล้วแม่งเศร้า
หากผมมีพันล้านจะเปิดทีวีซักช่อง ผมจะคิดถึงจอมเป็นคนแรกๆ
ชิบ จิตนิยม
คนนี้ซี้กับจอม เพชรประดับ
เล่าข่าวต่างประเทศทางไอทีวีมาก่อน ตอนจบนี่มีเหน็บเหี้ยเหลืองเป็นปาจำ
ผมชอบขานี้ แกแซวพันธมิตรได้แสบๆ
เคยเห็นแกไปงานศพท่านผู้หญิงพูนศุขกับจอมด้วยนะ
ไม่ได้ไปเพราะหน้าที่นักข่าว แต่ไปเพราะเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยากไปส่งท่านผู้หญิง
กฤษณะมนุษย์ล้อ
กฤษณะหากผมจำไม่ผิดเป็นคนขอนแก่นบ้านเดียวกับกิตติ-บัญชา
เคย เป็นนักข่าวสนามมาก่อน อยู่หนังสือพิมพ์มาก่อน มาเจออุบัติเหตุปี40ต้องมาเป็นมนุษย์ล้อ จัดรายการทัวร์บ้านนักการเมืองผู้หลักผู้ใหญ่ให้พวกนี้ช่วยเข็นไปทำรายการไป น่ารักดี ชื่อกฤษณะชวนชม
ผมว่ากฤษณะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้พิการได้ มาก และสร้างแรงบันดาลใจให้คนครบ32อย่างเราๆว่าหากจะคิดสั้นให้ดูมนุษย์ล้อคนนี้ เป็นตัวอย่างไว้ เขาขาเสียอย่างนี้ แต่ใจไม่เสีย ยังเฮฮาหัวเราะ ทำงานทางสร้างสรรค์ได้
ในบรรดาคนเนชั่นผมชอบดูมนุษย์ล้อคนนี้มากที่ สุด ไม่ใช่เพราะเขาพิการ แต่เพราะเขาพิการแล้วไม่ยอมแพ้ แถมทำเอาเราคนครบ32ที่เวลาประสาทแดกได้ฮาสัดดดๆๆไปด้วย
นรากร ตินายน
ต๊ะเป็นสาวเจียงใหม่หนะ มีชีวิตที่เหมือนนิยายเศร้าเคล้าน้ำตา ผมเห็นเธอตั้งแต่มาอ่านข่าวITVใหม่ๆไอ้ยุ-จิรายุควงไปไหนมาไหน
แต่ ภาพที่ผมประทับใจสุดคือวันที่เธอกล่าวถ้อยอำลาITVวันสุดท้ายก่อนจอมืด เปลี่ยนเป็นTPBS ผู้หญิงคนนี้ช่างงดงามซะนี่กระไร มาดมั่นเข้มแข็งมั้กมาก...ชายฉกรรจ์โฉดๆอย่างผมยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ต๊ะไม่มีไหลซักหยด แต่หลังจอITVมืดมิดลง ผมก็ไม่รู้ว่าต๊ะจะกลั้นไว้ไหวมั๊ยนะ
เทียบกับติ่ง-มัลลิกา ฉายานักข่าวสาว(น่อง)เหล็กนี่ ต๊ะตัวเล็กๆแถมน่องไม่เหล็ก แต่ใจเหล็กกว่ากันแยะ
บัญชา ชุมชัยเวทย์
เป็นคนขอนแก่นเหมือนกิตติ เด็กๆเรียนดีจบสาธิต ขอนแก่น แล้วมาจบตรีเอแบค โทศศินท์ แล้วไปได้โทเมกาด้วย กลับมาอ่านข่าวเศรษฐกิจทางช่อง9 เลยมาได้กับรุ่งนภา ลูกน้องเด็กสร้างของหยุ่นที่ตาออกเหล่ๆหน่อย แล้วก็ไปอ่านข่าวพวกเศรษฐกิจมันนี่ แชนัล ของตลาดหลักทรัพย์ กับมาอ่านข่าวเศรษฐกิจช่วงเย็นของช่อง3 และเป็นคนเล่าข่าวเศรษฐกิจทางรายการข่าวเด่นประเด็นร้อน96.5
ผมชอบ เวลาบัญชาเล่าข่าว มันดูactiveดี เหมือนๆพวกออกหน้าจอCNBC BLOOMBERGที่พวกนี้จะกระฉับกระเฉง ทำให้เรื่องเศราฐกิจหนักๆน่าดูน่าฟัง น่าสนุกไปด้วย
วิศาล ดิลกวาณิช
วิศาลนี่ยอมรับว่าไม่ทันกัน แต่มันเป็นคนอาภัพ ทำอะไรก็โดนคนดูด่า ทะเลาะกับชูวิทย์โดนศอก คนดูก็บอกยังน้อยไป น่าจะโดนหนักกว่านี้ ไปฟ้องชูวิทย์ขอค่าทำแผล3แสน ศาลตัดสินให้จ่าย ชูวิทย์หยามว่าทิปหมอนวดกับทิปนักร้องมากกว่านี้ นายวิศาลนี่ไปพูดว่า"ไม่มีใครใจกว้างอย่างผมแล้วนะ ผมเอาแค่นี้ยังน้อยไป"
คน ดูก็หมั่นไส้ไปเขียนด่ามันลงบอร์ดเฉลิมไทย เวบพันทิปยาวเฟื้อย หาคนเห็นใจมันไม่ได้ แถมบอกจะลงขันกันให้ครบ3แสนไปตีศอกวิศาลอีกซักดอก...
เท่าที่ผ่านๆคือมันจบอเมริกามา แล้วก็มาทำITV
ชีวิตก็น่าสงสารพอสมควร พ่อของวิศาลนี่โดนโจรขึ้นบ้านฆ่าแกงกันทารุณมาก
เข้า ใจว่าวิศาลคงcopy catพวกพิธีกรายการทีวีอเมริกามาหนะนะ ประเภทว่าขอทะเลาะแขกร่วมรายการออกหน้าจอ ให้เรทติ้งดี ก็คงไม่มีเจตนาอย่างอื่น กับอาจอินกับพรรคพวก30กว่าชีวิตกบฎITVมาก เลยอคติกับเหลี่ยม แอนด์ เดอะแก๊งค์นี่ไปด้วย เรื่องของเรื่อง
กรุณา บัวคำศรี
หนูนาเป็นรองเลขาธิการ สนนท.ตอนปี35ครับ ตอนนั้นปริญญา เทวานฤมิตกุล เป็นเลขาธิการ เข้าใจว่าเป็นนักศึกษาป.โทคนแรกนะที่เป็นเลขา ส่วนใหญ่ก่อนนั้น หรือหลังนั้นเป็นนศ.ป.ตรี
ยุคนั้นอาจารย์หนุ่มน้อยของธรรมศาสตร์คืออาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นที่ปรึกษาให้สนนท.
มี อยู่วันหนึ่งที่บิ๊กสุเข้ารับพระบรมราชโองการเป็นนายกฯ อาจารย์ที่ปรึกษาก็ผลุบเข้าผลุบออกที่ทำการสนนท.ตรงตึกอมธ.ท่าพระจันทร์ สรุปแล้วก็ไปจัดไฮปาร์คที่ลานโพ มีคนพูดหลักๆก็ปริญญา หนูนา อภิสิทธิ์ คนนั่งฟังผมนับได้ซัก20คน ในนั้นก็มีสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ที่มากับ2บำรุง จากอีสานคือบำรุง คะโยธา+บำรุง บุญปัญญา และเดช พุ่มคชา(พวกนี้เป็นNGOที่เดือดแค้นทหารมาเป็นนายกฯ)
ใน20คนที่ฟังอยู่นี้เป็นนักข่าว10คน
หลังจากนั้นก็เริ่มมีเดินไปสภามั่งอะไรมั่ง แต่เริ่มจุดติดตอนฉลาด วรฉัตรอดข้าว
................
ในราว 20 ปีต่อมา
อภิสิทธิ์คือนายกฯประเทศไทย
ปริญญา เป็นรองอธิการ มธ.ดูแลเรื่องชุดรัดติ้วนศ.สาวๆแล้วก็อย่างที่เห็นๆ
หนูนา เป็นกบฎไอทีวี ตอนนี้อยู่TPBSกับหย่อง..ก็อย่างที่เห็นๆ
สมเกียรติ ก็มาเห็นเหี้ยเหลือง ส.ส.ปชป.อย่างที่เห็นๆ
2บำรุงกับเดชยังเรียกร้องประชาธิปไตยที่ไม่มีสร้อยต่อท้าย(คืออันมีทักษิณทุนสามานย์
เป็นนายกฯ)อย่างที่เห็นๆ
นักข่าวราว10ชีวิตที่ว่าในวันนั้น 7ใน10คนกำลังเรียกร้องให้หยุดทำร้ายประเทศไทย อย่างที่เห็นๆ
โชคดีที่มีสิ่งหนึ่งยังไม่ตอแหลไปกับวันเวลาที่เปลี่ยนไป
ลานโพก็ยังเป็นลานโพ...
เสรี วงษ์มณฑา
เฒ่าตุ๊ดเสรีนี่ก็ไม่มีเหี้ยอะไร แกก็ทำมาหากินอยู่กับเตี้ยบรรหาร
ตอนบรรหารจูบปากเหลี่ยม แกก็ได้เวลาออกITVเรื่อยเจื้อยไม่เป็นโล้เป็นพาย อุตส่าห์สอนวารสารซะเปล่า
พอเตี้ยบรรหารแตกกับเหลี่ยม ชิ่งออกมา ตุ๊ดเฒ่านี่ก็หันมาด่าเหลี่ยม
กับ มีวันหนึ่งเชิญเฒ่าเปรมไปพูดให้นักศึกษาป.เอกที่แกจัดสอนหาเงินอยู่วค.สวน ดุสิต แล้วตุ๊ดมองตาตุ๊ดก็ย่อมเข้าใจในตุ๊ด ตุ๊ดแก่กว่าบอกท่านไม่เอาเหลี่ยมแล้ว(ชี้มือขึ้นฟ้า) อาจารย์เห็นเป็นงัย? ตุ๊ดเฒ่าน้อยกว่าก็เลยออกมาเคลื่อนไหวเอาใจตุ๊ดแก่กว่า
สรุปว่าแล้วแต่นายจ้างคือเตี้ยบรรหารจะไปทางไหนหละหนึ่ง กับสองคือแกคิดว่าแกได้ข้อมูลทางลึกจากเปรมมา ก็เลยอย่างที่เห็นๆ
นันทขว้าง สิรสุนทร-เกี๊ยง
ก็ไม่แปลกที่สายกีฬาจะด่าแม่เหลี่ยม เพราะสายบันเทิงอย่างไอ้เกี๊ยงยังไปบ้าบอลแมนยูเลย
พูด เรื่องไอ้เกี๊ยงนี่ก็ขำมัน มันเป็นเด็กอีโก้จัดตัวหนึ่ง ตอนแรกๆนี่เป็นเด็กสร้างของไอ้เสือเตี้ย-สนานจิตต์ ไอ้เสือเตี้ยเคยเอาไปฝากพรรคพวกผมไว้ ไอ้เกี๊ยงตอนแรกก็ยังไม่ได้วิจารณ์หนัง เขียนสารคดีบันเทิง เขียนเสร็จส่งบก.ดู
บก.เขาก็บอกไอ้เกี๊ยงมึงเขียนยาวชิปหาย มึงจะทำเป็นซีรีส์เหรอสัดดด เขาก็ตัดฉับเหลืออยู่หน้าเดียว มันโวยวายใหญ่เลยไปฟ้องไอ้เสือเตี้ยลูกพี่มัน ไอ้เสือเตี้ยก็มาบอกบก.ว่า มึงอย่าไปตัดของมันซีว๊า...บก.ก็เลยบอก อ้าวแล้วมึงจะมีกูเป็นบก.ไว้ทำหอกเหรอ ถ้าไม่ให้กูตัด กูแต่งงานของเด็ก งั้นมึงเอางานมันไปดูเองไปไอ้เสือเตี้ย
ไอ้เสือเตี้ยบอก ก็กูเหลือจะรับมันแล้วไง เลยส่งมาให้มึงดูแล.....
สรุปไอ้เกี๊ยงก็เลยได้เกิดตั้งแต่วันนั้น คือมันจะเขียนเหี้ยอะไรก็เขียนไป ไม่ต้องมีบอกงบอกอ ดูอะไรทั้งสิ้น...
พชระ สารพิมพา-หมู
พชระหรือไอ้หมูนี่นะเขาก็เป็นคนข่าวอสมท.หนะนะ
เป็นกรรมการสหภาพพนักงานอสมท.ด้วย
เป็นกรรมการสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ที่สมชายเอ๋เคยเป็นนายกฯด้วย ข้อมูลที่เล่าว่าวงนอกวงในของเขาก็จะมาทางนี้แหละเป็นหลัก
พชระมาจัดรายการตอนแรกๆแทนเอ๋-พรชัย วีระณรงค์ บก.เก่าสยามรัฐ ที่เสียงแหบๆมหาเสน่ห์หนะน้ะ
จัดคู่กับพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีตนายกฯอมธ.สมัย6ตุลา
ตอน แรกก็ตื่นไมค์ชิปหายเลย ผมฟังไปก็หงิกแดกไปอยู่เกือบเดือน จากนั้นก็เข้าขากัน ก็ชักสนุก ตอนหลังพิเชียรไปเป็นสนช.หรือสสร.ผมจำไม่ได้ ก็เอาวิสุทธ์ คมวัชระพงษ์มาเป็นตัวชง บางทีก็เป็นลูกไล่ให้ไปกลายๆ
บาง วันก็เอาไพศาล มังกรไชยา อดีตบก.บห.ผู้จัดการรายเดือนมาออกมั่ง แล้วก็มีช่วงเศรษฐกิจเอาดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตนายกอบจ.จุฬายุคปี29-30มาพูด อนุสรณ์ก็เป็นคนใช้ได้ ก็หวังดีกับบ้านกับเมืองคนหนึ่ง แม้บางทีจะโอเวอร์รีแอ๊คไปมั่ง แล้วก็บัญชา ชุมชัยเวช คนนี้จบMBAมาจากเมกา พื้นฐานเป็นคนทางขอนแก่นหรืออุดร ก็คึกคักดี เขาพูดจาactiveดี เป็นกากี่นั้ง สเป็คคนดู หลังๆเลยมาได้กับรุ่งนภาที่ตาเหล่ๆหน่อย ลูกน้องเก่าหยุ่นเนชั่น
พชระก็คงไม่มีอะไร เขาก็เม้าธ์เรื่องข่าวไปเรื่อยๆ ก็เป็นปกติของคนข่าวที่ตั้งป้อมกับเหลี่ยม ก็ไปตามกระแส แต่บางทีก็ได้ข่าวเจาะหรือข่าวซุบซิบจากเขาเหมือนกัน....
เสน่ห์ของไอ้หมูเวลาจัดวิทยุคือมันจะมีลูกเล้นประเภทว่ามันมีวงใน แต่หลายๆครั้งก็ทำอ้ำอึ้งๆกั๊กไปกั๊กมาจนน่ารำคาญหวะ...
ถ้า ให้ดีพชระก็ชวนพรรคพวกในสมาคมคติดกันหน่อยที่โดนลากไส้ด่ามายาวนี่จริงไม่ จริง ถ้าจริงก็อย่าแก้ตัว ให้แก้ไขกันหน่อย ชาวบ้านเขาเอือมพวกสื่ออย่างพวกเอ็งเต็มแก่แล้ว
กำภู ภูริภูวดล
ในบรรดาคนเล่าข่าว ข่าวข้นคนเข้มช่อง9 กำภูนี่เข้าท่ากว่าไอ้2ตัวคือกนกกับไอ้ฮุย-ธีรระ
กำภูนี่เขาคนทางอีสานครับ
แล้วเขาก็เป็นนักข่าวสนามมาก่อน จะแน่นกว่า มีconceptualกว่าไอ้2ตัวนั่น
ผมเล่ามาถึงตรงนี้คงหายงงแดกดันแล้วนะว่า ที่เด็กนรกเนชั่นแหย่หางไปทั่ว3 5 7 9 นี่ไม่ใช่แม่งเก่งกว่าใครเขา
แต่เป็นเรื่อง"ข้อตกลงกับปีศาจ"
ที่ผมอนาถคือแม่งนึกว่าชาวบ้านไม่รู้ทันมันนี่แหละ
อัญชลีพร กุสุมภ์
จบวารสาร ธรรมศาสตร์มา แล้วก็มาแจ้งเกิดด้วยการอ่านข่าวช่อง7 ต่อมาไปอยู่ITV ช่วงอยู่ITVนี่พรรคพวกผมคนหนึ่ง เป็นด๊อกเตอร์ไปหลีๆอยู่พักใหญ่ เอาไปเอามาก็แคล้วคลาดกัน อัญก็ได้กับคนอื่นแทน พอITVโดนเหลี่ยมเทก ก็กระเซ็นกระสายกันไป แล้วก็มาเป็นคนอ่านข่าวASTV ก็ต้องทำงานตามนโยบายนายลิ้มหนะแหละ
แอน-จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
อ่านข่าวอยู่ช่อง3นานเหมือนกันซัก10ปีได้ก็ไปเรื่อยๆ จนไอ่หมี-ยุทธิยง ลิ้มฯดึงตัวมาอยู่ASTV
โรซ่า-สโรชา พรอุดมศักดิ์
โรซ่าเป็นเด็กสร้างของหยุ่นรุ่นคัดเด็กเก่งภาษาอังกฤษ จากนั้นมาอยู่กับลิ้ม และมาดังกับคำพูดว่า"ค่ะ....ค่ะ....ค่ะ...ค่ะ"กับการจัดรายการเมืองไทยราย สัปดาห์กับลิ้ม และเป็นพิธีกรบนเวทีตอนลิ้มเริ่มจัดม็อบใหม่ๆ ใช่ไม่ใช่คุณแอ้ม..."ค่ะ"!
คนเราบทจะได้เกิดก็ไม่ต้องอะไรมาก ใช่ไม่ใช่แอ้ม...ค่ะ!
กมลพร วรกุล-น้องเก๋
ก็ได้เกิดตอนจัดรายการข่าวเช้าคู่กับเจ๊ปอง คือเป็นลูกคู่สลับลูกไล่ให้อัญชะนีหนะนะทางเวทีพันธมิตรASTV
ศศินา วิมุตตานนท์(สุทธิถวิล)-น้องอ้อ
เขาก็มีเส้นทางจากการประกวดนางงาม จากนั้นมาอ่านข่าวช่อง7 แล้วก็แจ้งเกิดจากการอ่านมุกสะเก็ดข่าวที่ตอนจบแต่ละข่าวมีเสียงอะวะว้า วอ๊าวๆๆๆ แล้วน้องอ้อเขาจะยิ้มขำๆอ้ะ
น้องอ้อมีลูกคนหนึ่งชื่อเด็กชาย"พอเพียง"
น้อง อ้อเขาถือเป็นศิษย์ธรรมกายคนดังด้วยคนหนึ่ง เวลามีงานใหญ่ๆนี่ทางวัดชอบจับน้องอ้อแต่งตัวเป็นอย่างนางวิสาขาอะไรแบบนี้ เชิญพุ่มพานดอกไม้ ก็ดีครับเข้าทางวัดทางวาดีกว่าทำชั่วนะว่าไปแล้ว
สายสวรรค์ ขยันยิ่ง-หนิง
หนิงจบนาฏศิลป์มานะ เวลาอ่านข่าวเลยจะออกแนวหวานๆเหมือนพวกเราได้ดูรำไทย ก็น่ารักดี
หมอยงยุทธ
แกจบหมอที่อังกฤษ เคยอยู่อังกฤษนาน10กว่าปี แล้วกลับมาเป็นอาจารย์หมอพระมงกุฎ แล้วก็อ่านข่าวช่อง5 แกเคยเล่นการเมืองลงสมัครส.ส.พรรคไทยรักไทยของเหลี่ยม แต่กินแห้ว แล้วก็ไปได้กับทุกขั้วอำนาจ สมัยเหลี่ยมแกก็ไปเข้ากับเหลี่ยม พอเหลี่ยมโดนปฏิว้ติ แกก็มาเป็นโฆษกคมช.
ใครจะขี้ช้างมาขี่ม้าไป แกก็มีรายการทำที่ช่อง5 แบ่บว่าแกเหนียว
จักรพันธุ์ ยมจินดา
จักรพันธ์ก็เคยเป็นส.ส.ไทยรักไทยระยองนี่นะ
แล้วเคยถูกวางตัวให้ลงส.ส.เขตบางกอกน้อยเพื่อดับรัศมีโย่งองอาจ คล้ามฯ
ตอน หลังช่วงทำเล่าข่าวช่อง5ดูแกก็วางตัวลำบากนะ จะยังไงก็โดนด่า คือเข้าข้างเหลี่ยมก็กลัวหลุดช่อง5 เข้าข้างทหารเดี๋ยวก็โดนด่าว่าเนรคุณเหลี่ยม ก็คงทำตัวลำบากหนะ
วีระ ธีรภัทร
เขาเริ่มต้นจากนักข่าวสายเศรษฐกิจครับ หลักๆก็ประจำแบงก์ชาติ วังบางขุนพรหม ประจำค่ายเดลินิวส์
มา ยุคสื่อเข้าตลาดหุ้น ทางประพันธ์เจ้าของหนังสือพิมพ์วัฏจักร ก็เห็นว่าวัฏจักรเป็นแค่หนังสือสมัครงานคงไม่ค่อยแน่นพอที่จะเข้าตลาดหุ้น ก็เลยได้ตัววีระมาทำวัฏจักรบุกข่าวเศรษฐกิจธุรกิจ แล้วก็มีคลื่นวิทยุให้ทำ วีระก็ไปจัดเรื่องหุ้น เอาไปเอามาคนเล่นหุ้นก็เรียกอาจารย์วีระเพราะแกเปิดสายให้คนโทรเข้ามาถาม เรื่องหุ้น แกก็ออกแนวด่าคนฟังประมาณว่าโง่ ไปซื้อได้ไงหุ้นพรรค์ยังงี้...
ปราก ฎที่ด่าไปเข้าทางพอดี เพราะไม่นานจากนั้นเกิดวิกฤตปี40เศรษฐกิจพัง ตลาดหุ้นก็แทบจะล้ม คนเล่นหุ้นเจ๊งระนาว วีระก็เลยได้ชื่อว่ากูแน่ กูอุตส่าห์ด่าไปเยอะแล้วยังไม่เชื่อกู
แต่ที่วีระพลาดมากๆก็คือไปตอบ คำถามคนที่โทรเข้ามาถามในรายการเรื่องหุ้นบริษัทเงินทุนธนสยาม วีระก็บอกว่าไม่เจ๊งชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะอะไรรู้มั๊ย ก็เพราะใครหละถือหุ้นใหญ่ ใครอยากรู้ไปเปิดดูว่าใครถือหุ้นใหญ่(คนเล่นหุ้นก็ไปเปิดดู ก็ ทรงพระเจริญ ขึ้นมาทันที พากันซื้อหุ้นตัวนี้ยกใหญ่) แล้วคนถามเรื่องแบงก์กรุงไทยมา วีระบอกว่าได้ยินจิ้งจกตุ๊กแกแถววังบางขุนพรหมบอกจิ้กจกร้องเสียง"เจ๊ง แน่ๆๆ"
ผลปรากฎว่าธนาคารกรุงไทยรอดมาทุกวันนี้ ธนสยามดันเจ๊งแน่ๆแทน คนที่ขายหุ้นกรุงไทยทิ้งมาซื้อหุ้นธนสยามก็ด่าแม่วีระเปิง ไปฟ้องกลต.ที่เป็นหน่วยงานคุมกฎกติกาตลาดหุ้นด้วย ทางกลต.เลยออกระเบียบมาว่าใครไม่มีใบอนุญาตห้ามพูดเรื่องหุ้น วีระก็เลยเลิกพูด แล้วกันไปพูดเรื่องเขมรอะไรไปแทน แล้วก็จัดทัวร์ไปเขมร แล้วก็หาเรื่องยาวๆแบบมหาภารตะยุทธอัดเทปขายอะไรของแกไป แล้วก็เปิดรายการคุยได้คุยดีกับทรินิตี้ เรดิโอ97.0ก็หลายปีนะ ดังเหมือนกัน
แก ก็ดังทางด่าหนะว่าไปแล้ว มีคนไม่ชอบวีระก็เยอะ แต่คนชอบสไตล์พี่แกก็ไม่น้อย แท็กซี่ชอบเปิด ผมเคยถามว่าทำไมชอบ แท็กซี่ว่าอยากฟังอาจารย์วีระด่าไอ้พวกโง่ทั้งหลาย ผมก็ถามต่อว่าทำไมพวกโง่มันโทรเข้าไปให้วีระด่า แท็กซี่ก็ว่า คงเพราะมันอยากโดนด่า โดนแล้วมันอาจจะซี้ดสส์ เพราะสังเกตว่าไอ้ที่โทรเข้าไปให้วีระด่านี่ แม่งก็สมควรโดนเจงๆ
ทริ นิตี้เรดิโอโดนยึดคลื่นคืนไปให้พรรคพวกของไอ้ห้อยได้สัมปทานแทน วีระก็เลยมาจัดที่96.5คือไปจัดที่ไหนก็มีคนแห่ตาม เพราะแฟนแน่นเหนียว
วีระเขาจะดีในแง่เอาข้อมูลพื้นฐานศก.มาเล่า ส่วนใหญ่ก็เอามาจากแบงก์ชาติ ก็ยังดี ดีกว่าฟังแกขายหนังสือ ขายเทป ขายทัวร์ลูกเดียว กับด่าพวกอาการมาโซคิสม์ คือไอ้พวกที่โดนกระทำแล้วซี้ดสสส์
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
19 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ตามคิวก็ต้องเริ่มที่บุญยอดตอนนี้ว่ากันด้วยผู้ประกาศข่าว คนอ่านข่าว คนเล่าข่าวทีวีที่ดังๆเด่นๆเห็นกันประจำทางหน้าจอ 3 5 7 9 NBT ITV TPBS ASTV D-STATION พวกเขาและเจ้าหล่อนที่เห็นทางหน้าจอเป็นอย่างนี้ หลังฉากหลังจอพวกเขาและเจ้าหล่อนเป็นใคร ทำไมทำตัวน่ารักก็มี น่าถีบก็มาก ล้อมวงเข้ามานินทาแสบๆเช่นเคย
บุญยอดนี่เป็นคนเรียนเก่งคนหนึ่ง เป็นเด็กเตรียมมาก่อน แล้วจบนิเทศน์จุฬา ถือว่าคะแนนสูงสุดของสายศิลป์ จบมาเป็นผู้สื่อข่าวภูมิภาคช่อง7ระยะหนึ่ง ต่อมาก็มาอ่านช่อง5 แล้วก็มาทำวิทยุกับอัญชะนี...อันนี้แหละจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะความซี้ปึ้กกับอัญชะนี แนวคิดการบ้านการเมืองก็เลยจะไปทางเดียวกัน
ที่ มาดังๆตอนท้ายนี่คือมาโดนปลดทางวิทยุ101 แล้วมาโดนปลดฟ้าผ่ารายการข่าววันใหม่รอบดึกทางช่อง3ตอนนั้นจัดกับน้องหมวย อริสราของผม(น้องหมายนี่ดีกรีด๊อกเตอร์แล้วนะ ต่อไปต้องเรียกด๊อกเตอร์หมวย) ตอนปลายปี48ลิ้มเริ่มจัดม็อบเช็ดเหลี่ยม มาเดือนกุมภา49ชักแรง บุญยอดก็ใส่อารมณ์อินกับลิ้มไปด้วย
เวลาอ่าน ข่าวนี่ใครเคยอ่านข่าวจะรู้ ตรงโต๊ะที่นั่งอ่านข่าวมันจะมีโน้ตมาแปะเรื่อยๆ อย่างล่าสุดที่ผมเจอตอนสงกรานต์มันแปะโน้ตไว้ว่า"ห้ามผู้ประกาศข่าวใช้คำว่า "สลายม็อบ" แต่ให้ใช้คำว่า"กดดันให้ยุติการชุมนุม" และห้ามใส่ความเห็นใดๆลงไปในข่าวเด็ดขาด"!!...คือเป็นอันรู้กันว่าหากมึงไม่ ทำตามนี้ก็ต้องตกงาน หรือย้ายช่องไปประกาศข่าวช่องอื่น(หากมีคนเขาเอามึงนะ...)
ตอนนั้น ช่อง3ก็แปะไว้ประมาณนี้แหละเพราะเห็นบุญยอดมันชักแรงขึ้นเรื่อยๆ บุญยอดอาจจะอ่านโน้ตไม่ออก หรือแบ่บว่าไม่กลัวน้ำร้อนก็ใส่ไม่ยั้ง เหตุเกิดคืนวันที่10กุมภา พอเช้ามาก็ปลดกลางอากาศ มันเลยต้องไปออกASTVแทน ไปขึ้นเวทีพันธมารแทน ในที่สุดก็มาลงส.ส.อย่างที่เห็น คนกรุงเทพฯก็ชอบอยู่แล้วสเป็คขาวตี๋ด่าเหลี่ยมหนะนะ...มันก็ได้เป็น
ไอ่ สื่อเสื้อสีน้ำเงินไปลงข่าวว่าบุญยอดเคยเล่นหนังอาร์ คนก็นึกว่ามันเล่นหนังเอากัน แต่จริงๆในเรื่องมันก็เล่นเป็นนักข่าวสัมภาษณ์ผู้หญิงคนนึงที่ไปเอากับยาม ก็แค่นั้น บุญยอดก็สมควรฟ้องแม่งจริงๆไอ่สื่อน้ำเงินประชาทรรศน์นะ หาเรื่องกัดไม่เข้าเรื่อง
เป็นส.ส.สมัยแรกน่าเสียดายตรงที่ว่าน่าจะ ใช้ความเป็นสื่อเก่า เด็กเรียนเก่ง ผ่านประบการณ์เรียนหนังสือเมืองนอก แต่ดั๊นมาทำหน้าที่จุกจิกลุกประท้วงจุกๆจิกๆ เสียของเปล่าๆ ใครรู้จักมันก็บอกมันหน่อย คนเค๊ารำราญมึงไอ้ห่า
อิ๋ว-ศุภรัตน์
อิ๋วก็เป็นคนที่สนิทกับติ๋ว-ศันศนีย์ นาคพงศ์มากคนหนึ่ง ตอนที่เคยเป็นผู้อ่านข่าวทางโทรทัศน์ช่อง7สีด้วยกัน
แล้วก็เพราะอยู่ช่อง7นี่เอง ชาวบ้านเห็นหน้าค่าตาบ่อย มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ หน้าตาก็ขึ้นกล้องก็เลยพลอยได้เกิด
ต่อ มาติ๋วศันศนีย์ออกมาเล่นการเมืองในไทยรักไทยก่อน ได้เป็นส.ส.กรุงเทพฯสมใจ แล้วก็เรียกว่าอยู่วงในของทักษิณคนหนึ่ง(แต่จริงๆในเรื่องกิจกรรมทางการ เมืองติ๋วจะสนิทมาทางจาตุรนต์มากกว่าขั้วอื่น รวมทั้งขั้วสายเจ๊หน่อย ในระยะหลังๆนี้การร่วมงานกับจาตุรนต์บ้านเลขที่111ดูจะใกล้ชิดกันขึ้น)
ติ๋ว เป็นผู้อ่านข่าวรุ่นพี่ในช่อง7อย่างที่ว่ามา แล้วออกมาเล่นการเมืองก่อน ต่อมาก็ลากอิ๋วมาลงเรียนโทที่นิด้าด้วยกัน หลักสูตรเดียวกัน อึดอัดกับพฤติการณ์ของอาจารย์ที่ชื่อดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ที่ด่าเหลี่ยมเป็นอาชีพหลัก สอนหนังสือเป็นงานอดิเรกด้วยกัน(แต่ก็ฝืนๆเขียนข้อสอบให้มันผ่านๆไปด้วยกัน )ทั้งคู่รับปริญญาโทพร้อมกันในปี2548
หลังรัฐประหาร19กันยา49และมี เลือกตั้ง23ธันวา50 ติ๋วซวยเพราะอยู่บ้านเลขที่111 ส่วนอิ๋วลงสมัครส.ส.แบบเปิดซิงที่เขตสวนหลวง ผลคือกินแห้วท่ามกลางความสงสัยพอประมาณ เพราะผลexit pollนั้นสอบได้ แต่คะแนนออกมาจริงเสือกสอบตก แต่รัฐบาลสมัครให้รางวัลปลอบใจเป็นรองโฆษกรัฐบาล
อิ๋วบอกว่าก็ไม่ได้ เสียดมเสียดายกับอาชีพผู้อ่านข่าวช่อง7เท่าไหร่หรอกว่าไปแล้ว เพราะก็อ่านงี้มาเป็น10ปีแว้ว และหากยังนั่งรากงอกอยู่ต่อไป ก็พอดีพวกรุ่นน้องมันก็ไม่ได้เกิด ก็ได้เวลามาทำงานสายการเมือง เพราะถึงจะจบตรีวารสารธรรมศาสตร์ แต่จบโทก็หลักสูตรการบริหารภาครัฐและเอกชนนิด้า ถือว่าก็อยากลองของจากที่เรียนมาพอดี
อิ๋วที่ผมรู้จักทั้งส่วนรวมและ ส่วนตัวเนี่ย มันยังหามุมด่าเขาไม่เจอหวะ ใครที่ลุ้นให้กูด่าเลยท่าจะกินแห้ว...แบ่บว่าคนมันมีใจให้กันอยู่เป็นทุนอ่ะ นะจ๊ะอิ๋วจ๊ะ คะขาครับผม
จิรายุ-ไอ้นี่มันก็เป็นคนใช้ได้คนหนึ่งหนะว่าไปแล้วนะ
ไอ้ยุนี่เดิมมันเป็นนักข่าวสายรถยนต์ครับ ตั้งแต่สมัยมันอยู่ฐานเศรษฐกิจ แล้วก็ผ่านรายวันมาหลายเล่ม มันทำด้านข่าวรถยนต์มาตลอด เรียกว่าในวงการข่าวสายยานยนต์นี่มันเป็นตัวพ่อคนหนึ่ง ค่ายรถยนต์ต่างๆนี่จะเกรงใจมันเป็นพิเศษ
จริงๆมันก็บ้าเล่นรถด้วย พอดีที่บ้านรวย พ่อมันเป็นตำรวจใหญ่คนหนึ่ง มันก็จัดว่าเป็นคนหนู เรียนจบมาเป็นนักข่าวนี่ขับบีเอ็มมาโรงพิมพ์ บก.ของมันยังโหนรถเมล์ นั่งวินมอไซค์อยู่เลย ไอ้ห่านี่ล่อบีเอ็มมาซะเรี่ยม เพราะงั้นสาวๆนี่แม่งก็เลยตรึม ประกอบกับมันเป็นคนหน้าตาก็ใช้ได้
สมัย มาทำITVใหม่ๆนี่ นรากรเลยเสร็จมันตามระเบียบ ตอนแรกมันก็บอกกลับดึกเป็นห่วงไปส่ง...ต่อมาก็เลยกลายเป็นแม่ย่านางประจำรถ ไอ้ยุไปเรียบร้อย ตอนแรกๆมันก็ทำข่าวสายรถยนต์ ทดลองขับห่าเหี้ยอะไรไปตามเรื่อง
แต่มันก็เหมือนพวกITVโดยทั่วไป คือโดนตื้บบ่อย ตื้บหน้าตื้บหลัง โดนยึดITVหนีมาช่อง11โดนไอ้โจรศรีวิชัยบุกตื้บอีก สุดท้ายโดนปลดอีก มันก็เลยต้องออกมาเป็นรองโฆษกพรรคเพื่อไทยนี่แหละ
ที่รู้จักไอ้ยุ ผ่านๆมันก็เป็นคนใช้ได้ ถึงมันจะเป็นคนหนูนะ บอกเฮ้ย!ยุ ชงกาแฟหน่อยวะ มันก็ชง(อันนี้หมายถึงซักราวๆ15ปีมาแล้วนะ ตอนนี้มันก็โตแล้ว มันคงใช้ไม่ได้แล้ว แล้วอีกอย่างจะไปใช้มันงี้ก็คงไม่ถูกเรื่อง)
สรุป ว่า2ตัวเนี่ยคืออิ๋วกับไอ้ยุก็ไม่ได้เป็นคนเลวระยำหมามาจากไหน อิ๋วเขาก็เป็นคนมืออาชีพในวงการมานาน ก่อนมาเล่นการเมืองตามคำชักชวนของติ๋ว เขาก็ไปอัพเกรดจบโทด้านการบริหารจัดการอะไรมาแล้ว ส่วนไอ้ยุมันก็จริงๆมีโอกาสให้มันเหี้ยตลอดนะ ทำข่าวยานยนต์นี่ คิดดูง่ายๆค่ายรถยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกันก็ต้องเอาใจมันทั้งนั้น ไหนจะข้อเสนอขายรถให้ราคาถูกเป็นขี้ ให้ไปดูงานเมืองนอก ให้อะไรสารพัด แต่ที่ผมเห็นมันผ่านตามาก็ไม่ได้เห็นว่ามันเอาอาชีพนักข่าวไปทำมาหาแดกเลย
เดี๋ยวจะหาว่าแหมพอนักข่าวสายเสื้อแดงมึงไม่ด่า ดันเชียร์ซะงั้น...ก็มันไม่เหี้ย จะให้ด่าว่ามันเหี้ย กูก็เหี้ยซะเองดิ๊
ปลื้ม-ณัฏฐกรณ์ เทวกุล
ปลื้มนี่เขาแข็งนอกอ่อนในนะ
คนอาจคิดว่าเขาเป็นเหมือนอเมริกันที่พกพาความมาดมั่นไว้มากๆ
แต่ จริงๆเขาก็มีอะไรที่เป็นไทยๆอยู่มาก มือไม้อ่อน เจอผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนมันยกมือไหว้ดะ บางทีผมเอ่อไปขี้อยู่ ขี้เสร็จเดินออกมา ปลื้มแม่งหันขวับมาเจอไหว้ป๊าบ...สัดดด กรูกำลังรูดซิปอยู๊ ขอโต้ดเลยไม่ได้รับไหว้มึง
ผมว่าหากหม่อมอุ๋ยส่ง ปลิ้มไปเรียนอังกฤษเหมือนพวกผู้ดีทั่วไป ก็คงกลับมาเมืองไทยเหมือนๆพวกไอ้มาร์ค หรือกรณ์ หรือไอ้โชคคือแม่งก็กลายเป็นชนชั้นปกครองอะไรกันไป แต่การไปเรียนอเมริกา มันก็ทำให้คนมีวิถีชีวิต วิธีคิดแบบอเมริกัน คือความมีหลักมีเกณฑ์ ความที่ว่าบ้านเมืองมันต้องให้โอกาสกับคนได้แสดงศักยภาพ หรือให้โอกาสที่ใครก็จะแจ้งเกิดหรือเติบโตได้
มันกลับมาเมืองไทยก็ ดันมาเจอบ้านเมืองเชี่ยๆอย่างนี้ มันก็คงจะเบื่อ และเกิดการต่อต้าน และอยากเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น มันมาเจอคนแบบไอ้เผือก-สรยุทธ์นี่มันก็แอนตี้พอสมควรว่า ไอ้นี่อาศัยระบบว่ากูเก๋ากว่า ขี่ได้เป็นขี่ เรื่องจริงเอามาล้อเล่น ความที่ไม่มีจุดยินนโยบายอะไร หลักลอยเอาตัวรอดไปวันๆ เก่งแต่ปาก แต่กลวงใน ปลื้มมันก็รับไม่ไหว ก็ทำงานกับไอ้เผือกไม่ได้
เสียดายว่า รีบลงการเมืองเร็วไปนิดนึง คือตอนนั้นมันเห็นชื่อหม่อมสุขุมพันธ์ลงเลือกตั้งผู้ว่า มันก็คิดว่ามันสู้ได้แหงๆ แต่ปรากฎว่าพรรคเพื่อไทยเสือกส่งแซมยุรนันท์ลงแข่งด้วย คนที่จะเลือกปลื้มก็เลยเปลี่ยนใจ คนกรุงเทพฯ6แสนกว่าคะแนนเสียงอยากเลือกปลื้ม แต่การไปเลิกแซมมันเป็นอะไรที่จะท้าทายชนชั้นนำและประชาธิปัตย์ว่ากูไม่เอา ด้วยกับพวกมึง ปลื้มเลยได้คะแนนมาเกือบๆ3แสนเท่านั้น
ก็พูดง่ายๆว่า โดนตัดคะแนนกันเอง แทนที่จะแข่งกับหม่อมสุขุมพันธ์ ดันต้องมาแย่งคะแนนกลุ่มเป้าหมายเดียวกันคือพวกที่ต่อต้านอำมาตย์กับปชป. ก็เลยกอดคอกันสอบตกทั้งคู่แหละ
แต่อายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกมากหนะ ก็สู้ใหม่แล้วกัน หาจังหวะดีๆแล้วกัน...
ส่วนทิชา สุทธิธรรม หรือน้องซอสนี่นะก็เข้าสเปคว่าขาวหมวยสวยเซ็กส์อ่ะ เขาก็น่ารักดี เป็นเด็กดีมืออาชีพคนนึง ก็ไปเรื่อยๆไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไร การเข้าคู่กับปลิ้มทำรายการก็ถือว่าไปกันได้
กิตติ สิงหาปัด
เป็นมือดีคนหนึ่ง เป็นเด็กสร้างของดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล
ลี่-กิตติ เป็นคนขอนแก่น มาจบเกษตรศาสตร์ เลยสมัครทำงานเป็นนักข่าวสายเกษตรกับอาจารย์ดร.สมเกียรติ แล้วขยับมาทำข่าวด้านสิ่งแวดล้อม แรกๆมีคู่หูอีกคนคือสุริยน จองลีพันธ์ (ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน..รุ่นๆนี้ที่จำได้มีเพชรี พรมช่วยอีกคน) ทำข่าวด้านสิ่งแวดล้อมได้น่าสนุกน่าติดตามมาก
จากนั้นก็มาเป็นคนอ่าน ข่าวทางITVตั้งแต่ยุคหยุ่นบุกเบิก แล้วก็เหนียวมาก ใครมาใครไปก็อยู่มายาว จนถึงขั้นเปลี่ยนชื่อเป็นTITVก็ยังอยู่ แต่ก็จวนตัว ลูกเมียปากท้องต้องหากิน เงินเดือนไม่มีเลยเผ่นมาตั้งหลักช่อง9พักนึง สุดท้ายก็มาตั้งบริษัทผลิตรายการให้ช่อง3
ดูประว้ติว่าอยู่ITVมาได้ ทุกยุคนี่ก็คงเห็นแล้วว่าลี่เขามีทีเด็ดคืออาจจะเข้ากับใครก็ได้ หรือไม่ยอมเป็นพวกใครที่เฮกันไปเฮกันมา แต่ขนาดนั้นยังไม่วายโดนพวกม้อบเหี้ยเหลืองกำปั้นชกหน้านะ ตอนที่เหี้ยเหลืองบุกยึดโทรทัศน์ช่อง11NBT วันนั้นไอ้ยุกับตวงพรอยู่ในห้องส่งเผ่นหนีทัน แต่ไอ้ลี่กิตติขับรถมาป้วนเปี้ยนจะมาทำรายการ พวกเหี้ยเหลืองก็ชกเข้าให้ เพราะมันนึกไว้ก่อนว่าพวกช่อง11นี่คือศัตรูมัน
จอม เพชรประดับ
จอมก็ทำงานกับITVมานาน แล้วก็ไปอยู่เมกาพักใหญ่ แต่ยังเป็นผู้สื่อข่าวพิเศษให้ไอทีวี
ผม ชื่นชมคนแบบจอมมากคือเขาเป็นมืออาชีพ ตรงไปตรงมา อย่างตอนเหลี่ยมโดนรัฐประหารหนีหัวซุกไปเมืองนอก จอมก็พยายามตามไปสัมภาษณ์ ก่อนลุงนวมทองจะฆ่าตัวตาย ไม่มีสื่อคนไหนสนใจ(จนแกต้องไปฆ่าตัวตายหน้าไทยรัฐ)จอมก็ไปสัมภาษณ์ก่อน มาจัดช่อง11ตัวจริงชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องเอาใจรัฐบาล
เสียดายว่าคนที่ดีๆมืออาชีพยังงี้ ดันไม่ค่อยมีที่ว่างให้เท่าไหร่ในบ้านนี้เมืองนี้ ฟังแล้วแม่งเศร้า
หากผมมีพันล้านจะเปิดทีวีซักช่อง ผมจะคิดถึงจอมเป็นคนแรกๆ
ชิบ จิตนิยม
คนนี้ซี้กับจอม เพชรประดับ
เล่าข่าวต่างประเทศทางไอทีวีมาก่อน ตอนจบนี่มีเหน็บเหี้ยเหลืองเป็นปาจำ
ผมชอบขานี้ แกแซวพันธมิตรได้แสบๆ
เคยเห็นแกไปงานศพท่านผู้หญิงพูนศุขกับจอมด้วยนะ
ไม่ได้ไปเพราะหน้าที่นักข่าว แต่ไปเพราะเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยากไปส่งท่านผู้หญิง
กฤษณะมนุษย์ล้อ
กฤษณะหากผมจำไม่ผิดเป็นคนขอนแก่นบ้านเดียวกับกิตติ-บัญชา
เคย เป็นนักข่าวสนามมาก่อน อยู่หนังสือพิมพ์มาก่อน มาเจออุบัติเหตุปี40ต้องมาเป็นมนุษย์ล้อ จัดรายการทัวร์บ้านนักการเมืองผู้หลักผู้ใหญ่ให้พวกนี้ช่วยเข็นไปทำรายการไป น่ารักดี ชื่อกฤษณะชวนชม
ผมว่ากฤษณะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้พิการได้ มาก และสร้างแรงบันดาลใจให้คนครบ32อย่างเราๆว่าหากจะคิดสั้นให้ดูมนุษย์ล้อคนนี้ เป็นตัวอย่างไว้ เขาขาเสียอย่างนี้ แต่ใจไม่เสีย ยังเฮฮาหัวเราะ ทำงานทางสร้างสรรค์ได้
ในบรรดาคนเนชั่นผมชอบดูมนุษย์ล้อคนนี้มากที่ สุด ไม่ใช่เพราะเขาพิการ แต่เพราะเขาพิการแล้วไม่ยอมแพ้ แถมทำเอาเราคนครบ32ที่เวลาประสาทแดกได้ฮาสัดดดๆๆไปด้วย
นรากร ตินายน
ต๊ะเป็นสาวเจียงใหม่หนะ มีชีวิตที่เหมือนนิยายเศร้าเคล้าน้ำตา ผมเห็นเธอตั้งแต่มาอ่านข่าวITVใหม่ๆไอ้ยุ-จิรายุควงไปไหนมาไหน
แต่ ภาพที่ผมประทับใจสุดคือวันที่เธอกล่าวถ้อยอำลาITVวันสุดท้ายก่อนจอมืด เปลี่ยนเป็นTPBS ผู้หญิงคนนี้ช่างงดงามซะนี่กระไร มาดมั่นเข้มแข็งมั้กมาก...ชายฉกรรจ์โฉดๆอย่างผมยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ต๊ะไม่มีไหลซักหยด แต่หลังจอITVมืดมิดลง ผมก็ไม่รู้ว่าต๊ะจะกลั้นไว้ไหวมั๊ยนะ
เทียบกับติ่ง-มัลลิกา ฉายานักข่าวสาว(น่อง)เหล็กนี่ ต๊ะตัวเล็กๆแถมน่องไม่เหล็ก แต่ใจเหล็กกว่ากันแยะ
บัญชา ชุมชัยเวทย์
เป็นคนขอนแก่นเหมือนกิตติ เด็กๆเรียนดีจบสาธิต ขอนแก่น แล้วมาจบตรีเอแบค โทศศินท์ แล้วไปได้โทเมกาด้วย กลับมาอ่านข่าวเศรษฐกิจทางช่อง9 เลยมาได้กับรุ่งนภา ลูกน้องเด็กสร้างของหยุ่นที่ตาออกเหล่ๆหน่อย แล้วก็ไปอ่านข่าวพวกเศรษฐกิจมันนี่ แชนัล ของตลาดหลักทรัพย์ กับมาอ่านข่าวเศรษฐกิจช่วงเย็นของช่อง3 และเป็นคนเล่าข่าวเศรษฐกิจทางรายการข่าวเด่นประเด็นร้อน96.5
ผมชอบ เวลาบัญชาเล่าข่าว มันดูactiveดี เหมือนๆพวกออกหน้าจอCNBC BLOOMBERGที่พวกนี้จะกระฉับกระเฉง ทำให้เรื่องเศราฐกิจหนักๆน่าดูน่าฟัง น่าสนุกไปด้วย
วิศาล ดิลกวาณิช
วิศาลนี่ยอมรับว่าไม่ทันกัน แต่มันเป็นคนอาภัพ ทำอะไรก็โดนคนดูด่า ทะเลาะกับชูวิทย์โดนศอก คนดูก็บอกยังน้อยไป น่าจะโดนหนักกว่านี้ ไปฟ้องชูวิทย์ขอค่าทำแผล3แสน ศาลตัดสินให้จ่าย ชูวิทย์หยามว่าทิปหมอนวดกับทิปนักร้องมากกว่านี้ นายวิศาลนี่ไปพูดว่า"ไม่มีใครใจกว้างอย่างผมแล้วนะ ผมเอาแค่นี้ยังน้อยไป"
คน ดูก็หมั่นไส้ไปเขียนด่ามันลงบอร์ดเฉลิมไทย เวบพันทิปยาวเฟื้อย หาคนเห็นใจมันไม่ได้ แถมบอกจะลงขันกันให้ครบ3แสนไปตีศอกวิศาลอีกซักดอก...
เท่าที่ผ่านๆคือมันจบอเมริกามา แล้วก็มาทำITV
ชีวิตก็น่าสงสารพอสมควร พ่อของวิศาลนี่โดนโจรขึ้นบ้านฆ่าแกงกันทารุณมาก
เข้า ใจว่าวิศาลคงcopy catพวกพิธีกรายการทีวีอเมริกามาหนะนะ ประเภทว่าขอทะเลาะแขกร่วมรายการออกหน้าจอ ให้เรทติ้งดี ก็คงไม่มีเจตนาอย่างอื่น กับอาจอินกับพรรคพวก30กว่าชีวิตกบฎITVมาก เลยอคติกับเหลี่ยม แอนด์ เดอะแก๊งค์นี่ไปด้วย เรื่องของเรื่อง
กรุณา บัวคำศรี
หนูนาเป็นรองเลขาธิการ สนนท.ตอนปี35ครับ ตอนนั้นปริญญา เทวานฤมิตกุล เป็นเลขาธิการ เข้าใจว่าเป็นนักศึกษาป.โทคนแรกนะที่เป็นเลขา ส่วนใหญ่ก่อนนั้น หรือหลังนั้นเป็นนศ.ป.ตรี
ยุคนั้นอาจารย์หนุ่มน้อยของธรรมศาสตร์คืออาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นที่ปรึกษาให้สนนท.
มี อยู่วันหนึ่งที่บิ๊กสุเข้ารับพระบรมราชโองการเป็นนายกฯ อาจารย์ที่ปรึกษาก็ผลุบเข้าผลุบออกที่ทำการสนนท.ตรงตึกอมธ.ท่าพระจันทร์ สรุปแล้วก็ไปจัดไฮปาร์คที่ลานโพ มีคนพูดหลักๆก็ปริญญา หนูนา อภิสิทธิ์ คนนั่งฟังผมนับได้ซัก20คน ในนั้นก็มีสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ที่มากับ2บำรุง จากอีสานคือบำรุง คะโยธา+บำรุง บุญปัญญา และเดช พุ่มคชา(พวกนี้เป็นNGOที่เดือดแค้นทหารมาเป็นนายกฯ)
ใน20คนที่ฟังอยู่นี้เป็นนักข่าว10คน
หลังจากนั้นก็เริ่มมีเดินไปสภามั่งอะไรมั่ง แต่เริ่มจุดติดตอนฉลาด วรฉัตรอดข้าว
................
ในราว 20 ปีต่อมา
อภิสิทธิ์คือนายกฯประเทศไทย
ปริญญา เป็นรองอธิการ มธ.ดูแลเรื่องชุดรัดติ้วนศ.สาวๆแล้วก็อย่างที่เห็นๆ
หนูนา เป็นกบฎไอทีวี ตอนนี้อยู่TPBSกับหย่อง..ก็อย่างที่เห็นๆ
สมเกียรติ ก็มาเห็นเหี้ยเหลือง ส.ส.ปชป.อย่างที่เห็นๆ
2บำรุงกับเดชยังเรียกร้องประชาธิปไตยที่ไม่มีสร้อยต่อท้าย(คืออันมีทักษิณทุนสามานย์
เป็นนายกฯ)อย่างที่เห็นๆ
นักข่าวราว10ชีวิตที่ว่าในวันนั้น 7ใน10คนกำลังเรียกร้องให้หยุดทำร้ายประเทศไทย อย่างที่เห็นๆ
โชคดีที่มีสิ่งหนึ่งยังไม่ตอแหลไปกับวันเวลาที่เปลี่ยนไป
ลานโพก็ยังเป็นลานโพ...
เสรี วงษ์มณฑา
เฒ่าตุ๊ดเสรีนี่ก็ไม่มีเหี้ยอะไร แกก็ทำมาหากินอยู่กับเตี้ยบรรหาร
ตอนบรรหารจูบปากเหลี่ยม แกก็ได้เวลาออกITVเรื่อยเจื้อยไม่เป็นโล้เป็นพาย อุตส่าห์สอนวารสารซะเปล่า
พอเตี้ยบรรหารแตกกับเหลี่ยม ชิ่งออกมา ตุ๊ดเฒ่านี่ก็หันมาด่าเหลี่ยม
กับ มีวันหนึ่งเชิญเฒ่าเปรมไปพูดให้นักศึกษาป.เอกที่แกจัดสอนหาเงินอยู่วค.สวน ดุสิต แล้วตุ๊ดมองตาตุ๊ดก็ย่อมเข้าใจในตุ๊ด ตุ๊ดแก่กว่าบอกท่านไม่เอาเหลี่ยมแล้ว(ชี้มือขึ้นฟ้า) อาจารย์เห็นเป็นงัย? ตุ๊ดเฒ่าน้อยกว่าก็เลยออกมาเคลื่อนไหวเอาใจตุ๊ดแก่กว่า
สรุปว่าแล้วแต่นายจ้างคือเตี้ยบรรหารจะไปทางไหนหละหนึ่ง กับสองคือแกคิดว่าแกได้ข้อมูลทางลึกจากเปรมมา ก็เลยอย่างที่เห็นๆ
นันทขว้าง สิรสุนทร-เกี๊ยง
ก็ไม่แปลกที่สายกีฬาจะด่าแม่เหลี่ยม เพราะสายบันเทิงอย่างไอ้เกี๊ยงยังไปบ้าบอลแมนยูเลย
พูด เรื่องไอ้เกี๊ยงนี่ก็ขำมัน มันเป็นเด็กอีโก้จัดตัวหนึ่ง ตอนแรกๆนี่เป็นเด็กสร้างของไอ้เสือเตี้ย-สนานจิตต์ ไอ้เสือเตี้ยเคยเอาไปฝากพรรคพวกผมไว้ ไอ้เกี๊ยงตอนแรกก็ยังไม่ได้วิจารณ์หนัง เขียนสารคดีบันเทิง เขียนเสร็จส่งบก.ดู
บก.เขาก็บอกไอ้เกี๊ยงมึงเขียนยาวชิปหาย มึงจะทำเป็นซีรีส์เหรอสัดดด เขาก็ตัดฉับเหลืออยู่หน้าเดียว มันโวยวายใหญ่เลยไปฟ้องไอ้เสือเตี้ยลูกพี่มัน ไอ้เสือเตี้ยก็มาบอกบก.ว่า มึงอย่าไปตัดของมันซีว๊า...บก.ก็เลยบอก อ้าวแล้วมึงจะมีกูเป็นบก.ไว้ทำหอกเหรอ ถ้าไม่ให้กูตัด กูแต่งงานของเด็ก งั้นมึงเอางานมันไปดูเองไปไอ้เสือเตี้ย
ไอ้เสือเตี้ยบอก ก็กูเหลือจะรับมันแล้วไง เลยส่งมาให้มึงดูแล.....
สรุปไอ้เกี๊ยงก็เลยได้เกิดตั้งแต่วันนั้น คือมันจะเขียนเหี้ยอะไรก็เขียนไป ไม่ต้องมีบอกงบอกอ ดูอะไรทั้งสิ้น...
พชระ สารพิมพา-หมู
พชระหรือไอ้หมูนี่นะเขาก็เป็นคนข่าวอสมท.หนะนะ
เป็นกรรมการสหภาพพนักงานอสมท.ด้วย
เป็นกรรมการสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ที่สมชายเอ๋เคยเป็นนายกฯด้วย ข้อมูลที่เล่าว่าวงนอกวงในของเขาก็จะมาทางนี้แหละเป็นหลัก
พชระมาจัดรายการตอนแรกๆแทนเอ๋-พรชัย วีระณรงค์ บก.เก่าสยามรัฐ ที่เสียงแหบๆมหาเสน่ห์หนะน้ะ
จัดคู่กับพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีตนายกฯอมธ.สมัย6ตุลา
ตอน แรกก็ตื่นไมค์ชิปหายเลย ผมฟังไปก็หงิกแดกไปอยู่เกือบเดือน จากนั้นก็เข้าขากัน ก็ชักสนุก ตอนหลังพิเชียรไปเป็นสนช.หรือสสร.ผมจำไม่ได้ ก็เอาวิสุทธ์ คมวัชระพงษ์มาเป็นตัวชง บางทีก็เป็นลูกไล่ให้ไปกลายๆ
บาง วันก็เอาไพศาล มังกรไชยา อดีตบก.บห.ผู้จัดการรายเดือนมาออกมั่ง แล้วก็มีช่วงเศรษฐกิจเอาดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตนายกอบจ.จุฬายุคปี29-30มาพูด อนุสรณ์ก็เป็นคนใช้ได้ ก็หวังดีกับบ้านกับเมืองคนหนึ่ง แม้บางทีจะโอเวอร์รีแอ๊คไปมั่ง แล้วก็บัญชา ชุมชัยเวช คนนี้จบMBAมาจากเมกา พื้นฐานเป็นคนทางขอนแก่นหรืออุดร ก็คึกคักดี เขาพูดจาactiveดี เป็นกากี่นั้ง สเป็คคนดู หลังๆเลยมาได้กับรุ่งนภาที่ตาเหล่ๆหน่อย ลูกน้องเก่าหยุ่นเนชั่น
พชระก็คงไม่มีอะไร เขาก็เม้าธ์เรื่องข่าวไปเรื่อยๆ ก็เป็นปกติของคนข่าวที่ตั้งป้อมกับเหลี่ยม ก็ไปตามกระแส แต่บางทีก็ได้ข่าวเจาะหรือข่าวซุบซิบจากเขาเหมือนกัน....
เสน่ห์ของไอ้หมูเวลาจัดวิทยุคือมันจะมีลูกเล้นประเภทว่ามันมีวงใน แต่หลายๆครั้งก็ทำอ้ำอึ้งๆกั๊กไปกั๊กมาจนน่ารำคาญหวะ...
ถ้า ให้ดีพชระก็ชวนพรรคพวกในสมาคมคติดกันหน่อยที่โดนลากไส้ด่ามายาวนี่จริงไม่ จริง ถ้าจริงก็อย่าแก้ตัว ให้แก้ไขกันหน่อย ชาวบ้านเขาเอือมพวกสื่ออย่างพวกเอ็งเต็มแก่แล้ว
กำภู ภูริภูวดล
ในบรรดาคนเล่าข่าว ข่าวข้นคนเข้มช่อง9 กำภูนี่เข้าท่ากว่าไอ้2ตัวคือกนกกับไอ้ฮุย-ธีรระ
กำภูนี่เขาคนทางอีสานครับ
แล้วเขาก็เป็นนักข่าวสนามมาก่อน จะแน่นกว่า มีconceptualกว่าไอ้2ตัวนั่น
ผมเล่ามาถึงตรงนี้คงหายงงแดกดันแล้วนะว่า ที่เด็กนรกเนชั่นแหย่หางไปทั่ว3 5 7 9 นี่ไม่ใช่แม่งเก่งกว่าใครเขา
แต่เป็นเรื่อง"ข้อตกลงกับปีศาจ"
ที่ผมอนาถคือแม่งนึกว่าชาวบ้านไม่รู้ทันมันนี่แหละ
อัญชลีพร กุสุมภ์
จบวารสาร ธรรมศาสตร์มา แล้วก็มาแจ้งเกิดด้วยการอ่านข่าวช่อง7 ต่อมาไปอยู่ITV ช่วงอยู่ITVนี่พรรคพวกผมคนหนึ่ง เป็นด๊อกเตอร์ไปหลีๆอยู่พักใหญ่ เอาไปเอามาก็แคล้วคลาดกัน อัญก็ได้กับคนอื่นแทน พอITVโดนเหลี่ยมเทก ก็กระเซ็นกระสายกันไป แล้วก็มาเป็นคนอ่านข่าวASTV ก็ต้องทำงานตามนโยบายนายลิ้มหนะแหละ
แอน-จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
อ่านข่าวอยู่ช่อง3นานเหมือนกันซัก10ปีได้ก็ไปเรื่อยๆ จนไอ่หมี-ยุทธิยง ลิ้มฯดึงตัวมาอยู่ASTV
โรซ่า-สโรชา พรอุดมศักดิ์
โรซ่าเป็นเด็กสร้างของหยุ่นรุ่นคัดเด็กเก่งภาษาอังกฤษ จากนั้นมาอยู่กับลิ้ม และมาดังกับคำพูดว่า"ค่ะ....ค่ะ....ค่ะ...ค่ะ"กับการจัดรายการเมืองไทยราย สัปดาห์กับลิ้ม และเป็นพิธีกรบนเวทีตอนลิ้มเริ่มจัดม็อบใหม่ๆ ใช่ไม่ใช่คุณแอ้ม..."ค่ะ"!
คนเราบทจะได้เกิดก็ไม่ต้องอะไรมาก ใช่ไม่ใช่แอ้ม...ค่ะ!
กมลพร วรกุล-น้องเก๋
ก็ได้เกิดตอนจัดรายการข่าวเช้าคู่กับเจ๊ปอง คือเป็นลูกคู่สลับลูกไล่ให้อัญชะนีหนะนะทางเวทีพันธมิตรASTV
ศศินา วิมุตตานนท์(สุทธิถวิล)-น้องอ้อ
เขาก็มีเส้นทางจากการประกวดนางงาม จากนั้นมาอ่านข่าวช่อง7 แล้วก็แจ้งเกิดจากการอ่านมุกสะเก็ดข่าวที่ตอนจบแต่ละข่าวมีเสียงอะวะว้า วอ๊าวๆๆๆ แล้วน้องอ้อเขาจะยิ้มขำๆอ้ะ
น้องอ้อมีลูกคนหนึ่งชื่อเด็กชาย"พอเพียง"
น้อง อ้อเขาถือเป็นศิษย์ธรรมกายคนดังด้วยคนหนึ่ง เวลามีงานใหญ่ๆนี่ทางวัดชอบจับน้องอ้อแต่งตัวเป็นอย่างนางวิสาขาอะไรแบบนี้ เชิญพุ่มพานดอกไม้ ก็ดีครับเข้าทางวัดทางวาดีกว่าทำชั่วนะว่าไปแล้ว
สายสวรรค์ ขยันยิ่ง-หนิง
หนิงจบนาฏศิลป์มานะ เวลาอ่านข่าวเลยจะออกแนวหวานๆเหมือนพวกเราได้ดูรำไทย ก็น่ารักดี
หมอยงยุทธ
แกจบหมอที่อังกฤษ เคยอยู่อังกฤษนาน10กว่าปี แล้วกลับมาเป็นอาจารย์หมอพระมงกุฎ แล้วก็อ่านข่าวช่อง5 แกเคยเล่นการเมืองลงสมัครส.ส.พรรคไทยรักไทยของเหลี่ยม แต่กินแห้ว แล้วก็ไปได้กับทุกขั้วอำนาจ สมัยเหลี่ยมแกก็ไปเข้ากับเหลี่ยม พอเหลี่ยมโดนปฏิว้ติ แกก็มาเป็นโฆษกคมช.
ใครจะขี้ช้างมาขี่ม้าไป แกก็มีรายการทำที่ช่อง5 แบ่บว่าแกเหนียว
จักรพันธุ์ ยมจินดา
จักรพันธ์ก็เคยเป็นส.ส.ไทยรักไทยระยองนี่นะ
แล้วเคยถูกวางตัวให้ลงส.ส.เขตบางกอกน้อยเพื่อดับรัศมีโย่งองอาจ คล้ามฯ
ตอน หลังช่วงทำเล่าข่าวช่อง5ดูแกก็วางตัวลำบากนะ จะยังไงก็โดนด่า คือเข้าข้างเหลี่ยมก็กลัวหลุดช่อง5 เข้าข้างทหารเดี๋ยวก็โดนด่าว่าเนรคุณเหลี่ยม ก็คงทำตัวลำบากหนะ
วีระ ธีรภัทร
เขาเริ่มต้นจากนักข่าวสายเศรษฐกิจครับ หลักๆก็ประจำแบงก์ชาติ วังบางขุนพรหม ประจำค่ายเดลินิวส์
มา ยุคสื่อเข้าตลาดหุ้น ทางประพันธ์เจ้าของหนังสือพิมพ์วัฏจักร ก็เห็นว่าวัฏจักรเป็นแค่หนังสือสมัครงานคงไม่ค่อยแน่นพอที่จะเข้าตลาดหุ้น ก็เลยได้ตัววีระมาทำวัฏจักรบุกข่าวเศรษฐกิจธุรกิจ แล้วก็มีคลื่นวิทยุให้ทำ วีระก็ไปจัดเรื่องหุ้น เอาไปเอามาคนเล่นหุ้นก็เรียกอาจารย์วีระเพราะแกเปิดสายให้คนโทรเข้ามาถาม เรื่องหุ้น แกก็ออกแนวด่าคนฟังประมาณว่าโง่ ไปซื้อได้ไงหุ้นพรรค์ยังงี้...
ปราก ฎที่ด่าไปเข้าทางพอดี เพราะไม่นานจากนั้นเกิดวิกฤตปี40เศรษฐกิจพัง ตลาดหุ้นก็แทบจะล้ม คนเล่นหุ้นเจ๊งระนาว วีระก็เลยได้ชื่อว่ากูแน่ กูอุตส่าห์ด่าไปเยอะแล้วยังไม่เชื่อกู
แต่ที่วีระพลาดมากๆก็คือไปตอบ คำถามคนที่โทรเข้ามาถามในรายการเรื่องหุ้นบริษัทเงินทุนธนสยาม วีระก็บอกว่าไม่เจ๊งชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะอะไรรู้มั๊ย ก็เพราะใครหละถือหุ้นใหญ่ ใครอยากรู้ไปเปิดดูว่าใครถือหุ้นใหญ่(คนเล่นหุ้นก็ไปเปิดดู ก็ ทรงพระเจริญ ขึ้นมาทันที พากันซื้อหุ้นตัวนี้ยกใหญ่) แล้วคนถามเรื่องแบงก์กรุงไทยมา วีระบอกว่าได้ยินจิ้งจกตุ๊กแกแถววังบางขุนพรหมบอกจิ้กจกร้องเสียง"เจ๊ง แน่ๆๆ"
ผลปรากฎว่าธนาคารกรุงไทยรอดมาทุกวันนี้ ธนสยามดันเจ๊งแน่ๆแทน คนที่ขายหุ้นกรุงไทยทิ้งมาซื้อหุ้นธนสยามก็ด่าแม่วีระเปิง ไปฟ้องกลต.ที่เป็นหน่วยงานคุมกฎกติกาตลาดหุ้นด้วย ทางกลต.เลยออกระเบียบมาว่าใครไม่มีใบอนุญาตห้ามพูดเรื่องหุ้น วีระก็เลยเลิกพูด แล้วกันไปพูดเรื่องเขมรอะไรไปแทน แล้วก็จัดทัวร์ไปเขมร แล้วก็หาเรื่องยาวๆแบบมหาภารตะยุทธอัดเทปขายอะไรของแกไป แล้วก็เปิดรายการคุยได้คุยดีกับทรินิตี้ เรดิโอ97.0ก็หลายปีนะ ดังเหมือนกัน
แก ก็ดังทางด่าหนะว่าไปแล้ว มีคนไม่ชอบวีระก็เยอะ แต่คนชอบสไตล์พี่แกก็ไม่น้อย แท็กซี่ชอบเปิด ผมเคยถามว่าทำไมชอบ แท็กซี่ว่าอยากฟังอาจารย์วีระด่าไอ้พวกโง่ทั้งหลาย ผมก็ถามต่อว่าทำไมพวกโง่มันโทรเข้าไปให้วีระด่า แท็กซี่ก็ว่า คงเพราะมันอยากโดนด่า โดนแล้วมันอาจจะซี้ดสส์ เพราะสังเกตว่าไอ้ที่โทรเข้าไปให้วีระด่านี่ แม่งก็สมควรโดนเจงๆ
ทริ นิตี้เรดิโอโดนยึดคลื่นคืนไปให้พรรคพวกของไอ้ห้อยได้สัมปทานแทน วีระก็เลยมาจัดที่96.5คือไปจัดที่ไหนก็มีคนแห่ตาม เพราะแฟนแน่นเหนียว
วีระเขาจะดีในแง่เอาข้อมูลพื้นฐานศก.มาเล่า ส่วนใหญ่ก็เอามาจากแบงก์ชาติ ก็ยังดี ดีกว่าฟังแกขายหนังสือ ขายเทป ขายทัวร์ลูกเดียว กับด่าพวกอาการมาโซคิสม์ คือไอ้พวกที่โดนกระทำแล้วซี้ดสสส์
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(ตอน17):ประชาทรรศน์ ประดาบ ไฮทักษิณ สื่อลูกกะโปกห้อย
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
20 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
พอผมเขียนลากไส้ถลกหนังพวกสื่อเหี้ยทั้งหลายมา ก็มีหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เอาไปเขียนแขวะว่า ถลกหนังสื่อก็ถึงพริกถึงขิงดีอยู่หรอก แต่ลากไส้เฉพาะสื่อเสื้อเหลือง ทีสื่อเสื้อแดงหละไม่ยอมแตะ แถมมีชม แต่กับสื่อเสื้อสีน้ำเงินไม่ยอมแตะเลย
อ้าว ไอ่ชิปหาย ผมก็เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าสื่อเนี่ยแม่งก็แบ่งเป็นสีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน ถึงว่าประเทศชาติมันเลยวุ่นวายขายปลาช่อน เพราะพวกมึงเสือกทำตัวมีปลอกคอกันขึ้นมา จากเป็นฐานันดร4มีอิสระอยู่ดีๆนะ เสือกไม่รักดีกันซะงั้น
ส่วนเรื่องแซวว่าผมกัดเสื้อเหลือง ยกหางเสื้อแดง ละเว้นสีน้ำเงินนี่ ออกจะไม่ตรงหวะ ก็เลยขอแก้ข่าวยังงี้
คือ ที่ผมเขียนๆมานี่อย่าลืมว่าเขียนตามคำขอของแฟนๆกระทู้ใยเวบฟ้าเดียวกัน ไม่ได้เขียนตามที่ตัวเองอยากเขียนซักเท่าไหร่ แฟนๆกระทู้ขอใครมาก็จัดไป มันยังไม่มีใครขอพวกเสื้อน้ำเงินหนะ ก็เลยยังไม่ได้ฤกษ์หามยามซวยของพวกเหี้ยนี่ซักที ก็แค่นั้น
ส่วนที่ ผมเชียร์นี่คือพวกที่มันไม่มักง่าย เป็นมืออาชีพ มีอุดมคติของคนหนังสือพิมพ์หลงเหลือมามั่ง อย่างที่เชียร์ไปก็สรยุทธ์งี้(อ่านดีๆผมเชียร์ไอ้เผือกไปซะเยอะ ละเว้นมันไว้คน กัดเฉพาะไอ้หนก ไอ้ฮุย) เชียร์ชัชรินทร์งี้(ทั้งที่มีคนบอกว่าหลังๆนี่เหลืองแล้ว) เชียร์ประสงค์ วิสุทธิ์ มติชนงี้(ค่ายนี้ก็กลางๆว่าไปแล้ว คือที่เหี้ยก็เหี้ยไปเลย ที่โอเคก็มีมาก อย่างประสงค์นี่ผมยกให้ว่าหากวงการมีคนอย่างนี้ซัก10-20%ก็เจริญไปแล้ว )เชียร์ใบตองแห้ง ไทยโพสต์งี้ เพราะเขามีจุดยืนมั่นคงเที่ยงตรง ไม่เป๋ไปเป๋มากับพี่เปลว หรือเชียร์อิ๋วศุภรัตน์ หรือจิรายุ ก็ในแง่ที่ว่าเขาไม่เอาความเป็นคนข่าวไปทำมาหาแดกในทางที่ผิด มันอยากเล่นการเมืองมันก็ลาออกมาเล่น ไม่ใช่เล่นการเมืองทุกวัน แต่บอกว่ากูเป็นคนข่าว
...ส่วนไอ้พวกที่ผมกัดเลือดสาด ก็ต้องดูว่ามในเหี้ยม ม.ม้าหายน่ากัดมั๊ย ไม่ใช่เพราะว่ามันสื่อเสื้อสีไหน...ขอให้เหี้ยก็กัดแม่งทั้งนั้นแหละ
ส่วน พวกสื่อเสื้อน้ำเงิน พูดกันตรงๆก็คือค่ายหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ที่มันเคยออกหนังสือพิมพ์มาปก ป้องระบอบเหลี่ยม ด่าฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะลิ้มกับพันธมิตร และพวกประชาธิปัตย์ แล้วอยู่วันดีคืนดีประชาทรรศน์ก็หันมากัดพวกเหลี่ยมด้วยกันเอง ข่มเหงม็อบเสื้อแดง กระทืบซ้ำเป็นรายวัน แต่ก็ยังรักษาจุดยืนด่าลิ้มกับเสื้อเหลืองเนี่ย มันมีเหตุของมันยังงี้
คือ อย่างที่ทุกคนในวงการก็รู้เหมือนทุกคนว่า ประชาทรรศน์เนี่ยมีพิธาน คลี่ขจาย น้องของสุภาพ ขี้กระจายเป็นบรรณาธิการอยู่ ถ้ารุ่นใหญ่อาจมีพวกสุคนธ์ ชัยอารีย์ เดลินิวส์เก่ากึ๊กอีกคน แล้วก็อาจมีไอ้ปุ๋ยนี่อีกตัว พวกกลางๆก็อย่างไอ้สุนทร ลูกน้องไอ้ทองเจือ
แต่ ตัวแสบนี่คือไอ่ทองเจือ ที่มันเคยทำสื่อเวบไซต์reporterหนะ(ผมยังตะหงิดๆว่าไอ่นี่น่าจะเป็นเจ้าของ เวบhithaksinที่มีชื่อ"ประดาบ"เป็นนามปากกาดัง เพราะมันเคลื่อนไหวสอดคล้องไปทางเดียวกับเนวินมาตลอด แต่ก่อนก็ลุยคมช.แหลกราญ เชียร์เหลี่ยมเต็มเหนี่ยว ด้วยซีรีส์ให้ทักษิณกลับบ้าน ต่อมาพอทักษิณกลับบ้าน ไอ้ห้อยเนวินบอกพวกเราหยุดเคลื่อนไหว ไอ้ประดาบก็ปิดเวบไฮทักษิณไปด้วย ต่อมาทักษิณหนีเผ่นไปนอก ไอ้นี่กลับมาใหม่ใช้ชื่อเวบthaigrassrootแล้วใช้นามปากกา"ฟ้าฟื้น" แต่พอเหลี่ยมหักหลังไอ้ห้อย ไม่ยอมให้สมัครคัมแบ็คเป็นนายกฯรอบ2 แต่ดันไปตั้งน้องเขยคือสมชายขึ้นแทน ไอ้ห้อยเนวินก็ฟาดงวงฟาดงาบอกว่าเหลี่ยมหักหลังกู ไอ้ฟ้าฟื้นก็ปิดเวบthaigrassrootอีกหละ บอกว่าผิดหวังอกหักที่เหลี่ยมไม่ยอมให้หมักเป็นนายกฯ...)
ทำไมไอ่ประ ดาบ ไอ้ฟ้าฟื้นนี่มันแกว่งตามไอ่ห้อยยังกะคอหอยกับลูกกระเดือก หรือมันเป็นลูกกะโปกไอ่ห้อย ไอ้ห้อยแกว่งไปทางไหน ไอ่เหี้ยนี่ต้องต่องแต่งแกว่งตามไปด้วย...เอาว่าผมไม่ปักใจไม่ฟันธง แต่ให้ข้อสังเกตไว้
เรื่องของเรื่องเว้ากันซื่อๆก็คือว่า ไอ่พวกประชาทรรศน์นี่ พวกนี้มันก็กินเงินเดือนเนวินหนะ มันก็รับใช้เนวินเต็มๆ สมัยเนวินรบให้เหลี่ยม มันก็รบตามเนวิน พอเนวินหันมาร่วมรัฐบาลหักกับเหลี่ยม มันก็เล่นตาม ก็ไม่ต่างจากลูกกะโปกเนวินหรอก คือเนวินแกว่งไปทางไหน ลูกกะโปกมันก็ต้องแกว่งตาม หากมึงไม่แกว่งตาม ก็ต้องไปหาเล่มใหม่ทำ...จบ
ทอง เจือ ชาติกิจเจริญ นี่เคยโดนไอ้พวกเหี้ยสื่อหลักที่บอกว่ากูคือสื่อแท้ เคยด่าเปิดโปงว่ามันเป็น"สื่อเทียม"ถึงขั้นไพวกสมาคมสื่อออกมาบ้าจี้ออก แถลงการณ์ด่าสื่อเทียมมาแล้ว
จากที่ผมเสาะข่าวมาจากพรรคพวกที่อยู่ ข้างในประชาทรรศน์มันบอกว่า ทองเจือเป็นตัวจริงแทนไอ่ห้อยในสื่อเครือนี้ โดยปูมประวัตินั้นทองเจือ เป็นเป็นนักข่าวสยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ และผู้จัดการรายวัน
เนวินห้อยก็ให้มันคุมประชาทรรศน์นอกนั้นก็ไป ตั้งบริษัทหนึ่งเข้าไปเหมาช่วงเวลาของNBTกับวิทยุเครือกรมประชาสัมพันธ์มา 5คลื่น โดยร่วมกับอดิศักดิ์ ชื่นชม ซึ่งเป็นญาติคนหนังสือพิมพ์ชื่อณรงค์ ชื่นชม เจ้าของรายการกรองสถานการณ์ช่อง11 (ตอนนี้ก็ชักแหม่งๆคือมีผู้ช่วยรฐมนตรีรัฐบาลมาร์คเข้ามาเสียบอีกราย...)
ทอง เจือ ไม่ใช่คนหน้าใหม่ของช่อง 11 เพราะเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วมันกับไอ้ป๊อบ-สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย แห่งบริษัท ทราฟฟิกคอนเนอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมคณะวารสารฯ ธรรมศาสตร์ ได้เข้าไปผลิตข่าวเต็มรูปแบบให้ช่อง 11 มาแล้ว โดยการประสานงานของ เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์
หากยังจำกันได้ “ทองเจือ” คือผู้บุกเบิก “สื่อเทียม” ภายใต้ชื่อ “เดอะรีพอตเตอร์” ในรูปแบบทั้งเว็บไซต์ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และข่าวเอสเอ็มเอส เพื่อเคลื่อนไหวโจมตีฝ่ายตรงข้าม “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ในช่วงที่กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังเคลื่อนไหว จนกระทั่ง “3 องค์กรสื่อ” ต้องออกแถลงการณ์ ให้ระมัดระวัง “สื่อเทียม” ดังกล่าว
ทองเจือ เป็นชาวปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับไอ้ป๊อบสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ผู้ก่อตั้งบริษัท ทราฟฟิก คอนเนอร์ เข้าทำงานครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หลังจากออกจากผู้จัดการ ทองเจือเข้าไปทำงานให้กับนายนิกร จำนง ในพรรคชาติไทย ทำให้รู้จักกับนายเนวิน ชิดชอบ จากนั้นจึงเข้าไปทำงานกับสุรพงษ์ ร่วมกันทำหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ตั้งแต่ร่วมก่อตั้ง
ยุคนี้ถือเป็นยุครุ่งเรืองของนายทองเจือ นอกจากก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้บริหารของหนังสือพิมพ์รายวันแล้ว ในฐานะผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดรีมมีเดีย ในเครือของทราฟฟิกคอนเนอร์สยายปีกเข้าไปทำข่าวในช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และวิทยุในเครือกรมประชาสัมพันธ์จำนวน 5 คลื่น โดยไม่มีการเปิดประมูลหรือให้มีการแข่งขัน ภายหลังจากที่ตระกูลวงศ์สวัสดิ์เข้าถือหุ้นในทราฟฟิกคอนเนอร์ และในเวลาต่อมาสุรพงษ์ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ให้กับ พ.ต.ท.รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กลุ่มบริษัท อาร์เอ็นที ในขณะที่ทองเจือได้เข้าจัดตั้งทีมงานโดยรวบรวมนักข่าวจำนวนหนึ่ง ที่ผมเคยรู้จักก็มีอย่างพวกไอ้สุนทร เด็กปักษ์ใต้มาทำงานด้านสื่อให้กับเนวินเต็มตัว
จากรี พอร์ตเตอร์ก็จนมาถึงยุคประชาทรรศน์ที่ผมบอกว่าแกว่งไปแกว่งมาเป็นลูกกระโปก ไอ่ห้อยนี่แหละ ส่วนในทางลับผมสงสัยว่ามันทำเวบไฮทักษิณกับไทยกราสสรูทด้วย เพราะมันแกว่งตามความเคลื่อนไหวของไอ่ห้อยทุกสเต็ปพอดีเพะ
ส่วนตัวเล่นทางเปิดคือบก.ติดคุกนี่ก็เป็นพิธาน คลี่ขจาย ก็เคยไปอยู่ค่ายเนชั่นกับพี่ชายหนะนะ แล้วมีเรื่องอะไรซักอย่างผมชักเลือนๆ คงประเภททางหยุ่นอยากเล่นสุภาพอยู่แล้ว เลยตีวัวกระทบคราดว่าพิธานทำเหี้ยซักอย่างก็ตั้งกรรมการสอบ พวกนี้ก็กระเซอะกระเซิงหนีออกจากเนชั่นมา ตอนนี้สุภาพก็มาทำช่อง11ที่เนวินคุมอยู่ พิธานก็มาทำประชาทรรศน์ ส่วนสุคนธ์ ชัยอารีย์ ไอ้ปุ๋ยคุมวิทยุประชาสัมพันธ์
ตอนนี้พอมี เรื่องTPBSปล่อยเสียงหลุดเรื่องวันตายของจิตร ภูมิศักดิ์แทรกงานวันฉัตรมงคลออกทีวี มันก็เลยหาว่าไอ่ก่อเขต เด็กเนชั่นเก่าวางยาไอ่หย่องมั่ง มีพิธานเอาคืนมั่ง
ในฐานะที่อยูใน แวดวงมาของพรรค์อย่างนี้มันพลาดกันได้ มันเป็นเรื่องเทคนิคหนะว่าไปแล้ว ผมเดาคงเป็นว่าระหว่างถ่ายทอดสดงานฉัตรมงคลนี่ ช่วงเบรกทางช่างเทคนิคอาจเตรียมเทปผิด ดั๊นไปหยิบข่าวสารคดีจิตรตายมาพอดี เปิดมาปุ๊บก็เลยอย่างที่เห็นๆ มันไม่น่าถึงขั้นว่าวางยาอะไรกันหรอก...เรื่องพรรค์นี้มีพลาดกันบ่อยๆ แต่ก่อนช่อง11ก็ปล่อยหนังโป๊ออกอากาศอะไรแบบนี้นะ เพราะช่างเทคนิคในห้องส่งมันดันหยิบผิดหนะ
พูดเรื่องนักข่าวไปเป็นเบ๊ให้นักการเมืองนี่มันมีกันมาทุกรุ่นครับ และน่าจะมีกันอยู่ทุกสี หากมองกันว่าสื่อก็เสือกมีสีกับเขาด้วย
อย่างที่แสบๆอีกตัวนี่คือไอ้ไบ๋-อรัญ วงศ์อนันต์ แต่ก่อนมันเป็นเบ๊ให้พวกกร ราชครู
หลังๆนี่มาเกาะประสาร มฤคพิทักษ์ พวก14ตุลาเก่าที่มาเย้วๆปกป้องสถาบันนี่อีกตัว
ตอน ก่อน19กันยาประสารแม่งก็ด่าเหลี่ยม เชียร์ให้รัฐประหาร พอเขาทำรปห.มันก็ได้รางวัลเป็นสนช. ตอนนี้ก็สว.ลากตั้ง เข้าแก๊งเดียวกับพวกไอ้เอ๋สมชาย คำนูณ รสนาอะไรเนี่ยนะ
ไอ้ไบ๋ก็มา เกาะประสารไปตั้งศูนย์วอร์รูมห่าเหวอะไรของมัน หน้าที่หลักๆคือดึงพวกนักข่าวเข้ามาเป็นพวกเผด็จการให้มากๆเข้าไว้ พากินข้าว ตีหม้อ ทัวร์เมืองนอกอะไรกันไป
ไอ้ไบ๋มันพวกสะตอปักษ์ใต้ด้วย คือใจมันก็ไปเยอะเป็นทุน มาเจอเหี้ยๆแบบประสารนี่ก็เลยยิ่งไปกันใหญ่
ข่าวเชียร์คมช.อะไรนี่ตอนหลังรัฐประหาร ส่วนมากเป็นฝีมือของไอ้ไบ๋กับประสาร
สรุปว่าสื่อกับการเมืองนี่แม่งเป็นผีเน่ากับโลงผุครับ เวลาพวกคุณๆเสพสื่อก็ดูด้วยว่า พวกมันมีปลอกคอหรือไม่มี และปลอกคอสีอะไร จะได้เสพสื่อแล้วไม่ท้องร่วงท้องเสีย หรือขี้แตกขี้แตนแบบที่ประชาชนำพลเมืองไทยเจอมาซะอ่วมในรอบ3-4ปีมานี้
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
20 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ประชาทรรศน์ซึ่งกลายเป็นสื่อสีน้ำเงินเนี่ย ตัวแสบนี่คือไอ่ทองเจือ ที่มันเคยทำสื่อเวบไซต์reporterหนะ(ผมยังตะหงิดๆว่าไอ่นี่น่าจะเป็นเจ้าของ เวบhithaksinที่มีชื่อ"ประดาบ"เป็นนามปากกาดัง เพราะมันเคลื่อนไหวสอดคล้องไปทางเดียวกับเนวินมาตลอด ต่อมาใช้ชื่อเวบthaigrassrootแล้วใช้นามปากกา"ฟ้าฟื้น" แต่พอเหลี่ยมหักหลังไอ้ห้อย ไม่ยอมให้สมัครคัมแบ็คเป็นนายกฯรอบ2 แต่ดันไปตั้งน้องเขยคือสมชายขึ้นแทน ไอ้ห้อยเนวินก็ฟาดงวงฟาดงาบอกว่าเหลี่ยมหักหลังกู ไอ้ฟ้าฟื้นก็ปิดเวบthaigrassrootอีกหละ บอกว่าผิดหวังอกหัก
ทำไมไอ่ ประดาบ ไอ้ฟ้าฟื้นนี่มันแกว่งตามไอ่ห้อยยังกะคอหอยกับลูกกระเดือก หรือมันเป็นลูกกะโปกไอ่ห้อย ไอ้ห้อยแกว่งไปทางไหน ไอ่เหี้ยนี่ต้องต่องแต่งแกว่งตามไปด้วย...ล่าสุดนี่มันมาเปิดเวบเหี้ย ทักษิณ(www.herethaksin.com)..เอากับมันส ไอ่พวกระยำ
พอผมเขียนลากไส้ถลกหนังพวกสื่อเหี้ยทั้งหลายมา ก็มีหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เอาไปเขียนแขวะว่า ถลกหนังสื่อก็ถึงพริกถึงขิงดีอยู่หรอก แต่ลากไส้เฉพาะสื่อเสื้อเหลือง ทีสื่อเสื้อแดงหละไม่ยอมแตะ แถมมีชม แต่กับสื่อเสื้อสีน้ำเงินไม่ยอมแตะเลย
อ้าว ไอ่ชิปหาย ผมก็เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าสื่อเนี่ยแม่งก็แบ่งเป็นสีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน ถึงว่าประเทศชาติมันเลยวุ่นวายขายปลาช่อน เพราะพวกมึงเสือกทำตัวมีปลอกคอกันขึ้นมา จากเป็นฐานันดร4มีอิสระอยู่ดีๆนะ เสือกไม่รักดีกันซะงั้น
ส่วนเรื่องแซวว่าผมกัดเสื้อเหลือง ยกหางเสื้อแดง ละเว้นสีน้ำเงินนี่ ออกจะไม่ตรงหวะ ก็เลยขอแก้ข่าวยังงี้
คือ ที่ผมเขียนๆมานี่อย่าลืมว่าเขียนตามคำขอของแฟนๆกระทู้ใยเวบฟ้าเดียวกัน ไม่ได้เขียนตามที่ตัวเองอยากเขียนซักเท่าไหร่ แฟนๆกระทู้ขอใครมาก็จัดไป มันยังไม่มีใครขอพวกเสื้อน้ำเงินหนะ ก็เลยยังไม่ได้ฤกษ์หามยามซวยของพวกเหี้ยนี่ซักที ก็แค่นั้น
ส่วนที่ ผมเชียร์นี่คือพวกที่มันไม่มักง่าย เป็นมืออาชีพ มีอุดมคติของคนหนังสือพิมพ์หลงเหลือมามั่ง อย่างที่เชียร์ไปก็สรยุทธ์งี้(อ่านดีๆผมเชียร์ไอ้เผือกไปซะเยอะ ละเว้นมันไว้คน กัดเฉพาะไอ้หนก ไอ้ฮุย) เชียร์ชัชรินทร์งี้(ทั้งที่มีคนบอกว่าหลังๆนี่เหลืองแล้ว) เชียร์ประสงค์ วิสุทธิ์ มติชนงี้(ค่ายนี้ก็กลางๆว่าไปแล้ว คือที่เหี้ยก็เหี้ยไปเลย ที่โอเคก็มีมาก อย่างประสงค์นี่ผมยกให้ว่าหากวงการมีคนอย่างนี้ซัก10-20%ก็เจริญไปแล้ว )เชียร์ใบตองแห้ง ไทยโพสต์งี้ เพราะเขามีจุดยืนมั่นคงเที่ยงตรง ไม่เป๋ไปเป๋มากับพี่เปลว หรือเชียร์อิ๋วศุภรัตน์ หรือจิรายุ ก็ในแง่ที่ว่าเขาไม่เอาความเป็นคนข่าวไปทำมาหาแดกในทางที่ผิด มันอยากเล่นการเมืองมันก็ลาออกมาเล่น ไม่ใช่เล่นการเมืองทุกวัน แต่บอกว่ากูเป็นคนข่าว
...ส่วนไอ้พวกที่ผมกัดเลือดสาด ก็ต้องดูว่ามในเหี้ยม ม.ม้าหายน่ากัดมั๊ย ไม่ใช่เพราะว่ามันสื่อเสื้อสีไหน...ขอให้เหี้ยก็กัดแม่งทั้งนั้นแหละ
ส่วน พวกสื่อเสื้อน้ำเงิน พูดกันตรงๆก็คือค่ายหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ที่มันเคยออกหนังสือพิมพ์มาปก ป้องระบอบเหลี่ยม ด่าฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะลิ้มกับพันธมิตร และพวกประชาธิปัตย์ แล้วอยู่วันดีคืนดีประชาทรรศน์ก็หันมากัดพวกเหลี่ยมด้วยกันเอง ข่มเหงม็อบเสื้อแดง กระทืบซ้ำเป็นรายวัน แต่ก็ยังรักษาจุดยืนด่าลิ้มกับเสื้อเหลืองเนี่ย มันมีเหตุของมันยังงี้
คือ อย่างที่ทุกคนในวงการก็รู้เหมือนทุกคนว่า ประชาทรรศน์เนี่ยมีพิธาน คลี่ขจาย น้องของสุภาพ ขี้กระจายเป็นบรรณาธิการอยู่ ถ้ารุ่นใหญ่อาจมีพวกสุคนธ์ ชัยอารีย์ เดลินิวส์เก่ากึ๊กอีกคน แล้วก็อาจมีไอ้ปุ๋ยนี่อีกตัว พวกกลางๆก็อย่างไอ้สุนทร ลูกน้องไอ้ทองเจือ
แต่ ตัวแสบนี่คือไอ่ทองเจือ ที่มันเคยทำสื่อเวบไซต์reporterหนะ(ผมยังตะหงิดๆว่าไอ่นี่น่าจะเป็นเจ้าของ เวบhithaksinที่มีชื่อ"ประดาบ"เป็นนามปากกาดัง เพราะมันเคลื่อนไหวสอดคล้องไปทางเดียวกับเนวินมาตลอด แต่ก่อนก็ลุยคมช.แหลกราญ เชียร์เหลี่ยมเต็มเหนี่ยว ด้วยซีรีส์ให้ทักษิณกลับบ้าน ต่อมาพอทักษิณกลับบ้าน ไอ้ห้อยเนวินบอกพวกเราหยุดเคลื่อนไหว ไอ้ประดาบก็ปิดเวบไฮทักษิณไปด้วย ต่อมาทักษิณหนีเผ่นไปนอก ไอ้นี่กลับมาใหม่ใช้ชื่อเวบthaigrassrootแล้วใช้นามปากกา"ฟ้าฟื้น" แต่พอเหลี่ยมหักหลังไอ้ห้อย ไม่ยอมให้สมัครคัมแบ็คเป็นนายกฯรอบ2 แต่ดันไปตั้งน้องเขยคือสมชายขึ้นแทน ไอ้ห้อยเนวินก็ฟาดงวงฟาดงาบอกว่าเหลี่ยมหักหลังกู ไอ้ฟ้าฟื้นก็ปิดเวบthaigrassrootอีกหละ บอกว่าผิดหวังอกหักที่เหลี่ยมไม่ยอมให้หมักเป็นนายกฯ...)
ทำไมไอ่ประ ดาบ ไอ้ฟ้าฟื้นนี่มันแกว่งตามไอ่ห้อยยังกะคอหอยกับลูกกระเดือก หรือมันเป็นลูกกะโปกไอ่ห้อย ไอ้ห้อยแกว่งไปทางไหน ไอ่เหี้ยนี่ต้องต่องแต่งแกว่งตามไปด้วย...เอาว่าผมไม่ปักใจไม่ฟันธง แต่ให้ข้อสังเกตไว้
เรื่องของเรื่องเว้ากันซื่อๆก็คือว่า ไอ่พวกประชาทรรศน์นี่ พวกนี้มันก็กินเงินเดือนเนวินหนะ มันก็รับใช้เนวินเต็มๆ สมัยเนวินรบให้เหลี่ยม มันก็รบตามเนวิน พอเนวินหันมาร่วมรัฐบาลหักกับเหลี่ยม มันก็เล่นตาม ก็ไม่ต่างจากลูกกะโปกเนวินหรอก คือเนวินแกว่งไปทางไหน ลูกกะโปกมันก็ต้องแกว่งตาม หากมึงไม่แกว่งตาม ก็ต้องไปหาเล่มใหม่ทำ...จบ
ทอง เจือ ชาติกิจเจริญ นี่เคยโดนไอ้พวกเหี้ยสื่อหลักที่บอกว่ากูคือสื่อแท้ เคยด่าเปิดโปงว่ามันเป็น"สื่อเทียม"ถึงขั้นไพวกสมาคมสื่อออกมาบ้าจี้ออก แถลงการณ์ด่าสื่อเทียมมาแล้ว
จากที่ผมเสาะข่าวมาจากพรรคพวกที่อยู่ ข้างในประชาทรรศน์มันบอกว่า ทองเจือเป็นตัวจริงแทนไอ่ห้อยในสื่อเครือนี้ โดยปูมประวัตินั้นทองเจือ เป็นเป็นนักข่าวสยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ และผู้จัดการรายวัน
เนวินห้อยก็ให้มันคุมประชาทรรศน์นอกนั้นก็ไป ตั้งบริษัทหนึ่งเข้าไปเหมาช่วงเวลาของNBTกับวิทยุเครือกรมประชาสัมพันธ์มา 5คลื่น โดยร่วมกับอดิศักดิ์ ชื่นชม ซึ่งเป็นญาติคนหนังสือพิมพ์ชื่อณรงค์ ชื่นชม เจ้าของรายการกรองสถานการณ์ช่อง11 (ตอนนี้ก็ชักแหม่งๆคือมีผู้ช่วยรฐมนตรีรัฐบาลมาร์คเข้ามาเสียบอีกราย...)
ทอง เจือ ไม่ใช่คนหน้าใหม่ของช่อง 11 เพราะเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วมันกับไอ้ป๊อบ-สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย แห่งบริษัท ทราฟฟิกคอนเนอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมคณะวารสารฯ ธรรมศาสตร์ ได้เข้าไปผลิตข่าวเต็มรูปแบบให้ช่อง 11 มาแล้ว โดยการประสานงานของ เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์
หากยังจำกันได้ “ทองเจือ” คือผู้บุกเบิก “สื่อเทียม” ภายใต้ชื่อ “เดอะรีพอตเตอร์” ในรูปแบบทั้งเว็บไซต์ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และข่าวเอสเอ็มเอส เพื่อเคลื่อนไหวโจมตีฝ่ายตรงข้าม “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ในช่วงที่กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังเคลื่อนไหว จนกระทั่ง “3 องค์กรสื่อ” ต้องออกแถลงการณ์ ให้ระมัดระวัง “สื่อเทียม” ดังกล่าว
ทองเจือ เป็นชาวปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับไอ้ป๊อบสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ผู้ก่อตั้งบริษัท ทราฟฟิก คอนเนอร์ เข้าทำงานครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หลังจากออกจากผู้จัดการ ทองเจือเข้าไปทำงานให้กับนายนิกร จำนง ในพรรคชาติไทย ทำให้รู้จักกับนายเนวิน ชิดชอบ จากนั้นจึงเข้าไปทำงานกับสุรพงษ์ ร่วมกันทำหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ตั้งแต่ร่วมก่อตั้ง
ยุคนี้ถือเป็นยุครุ่งเรืองของนายทองเจือ นอกจากก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้บริหารของหนังสือพิมพ์รายวันแล้ว ในฐานะผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดรีมมีเดีย ในเครือของทราฟฟิกคอนเนอร์สยายปีกเข้าไปทำข่าวในช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และวิทยุในเครือกรมประชาสัมพันธ์จำนวน 5 คลื่น โดยไม่มีการเปิดประมูลหรือให้มีการแข่งขัน ภายหลังจากที่ตระกูลวงศ์สวัสดิ์เข้าถือหุ้นในทราฟฟิกคอนเนอร์ และในเวลาต่อมาสุรพงษ์ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ให้กับ พ.ต.ท.รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กลุ่มบริษัท อาร์เอ็นที ในขณะที่ทองเจือได้เข้าจัดตั้งทีมงานโดยรวบรวมนักข่าวจำนวนหนึ่ง ที่ผมเคยรู้จักก็มีอย่างพวกไอ้สุนทร เด็กปักษ์ใต้มาทำงานด้านสื่อให้กับเนวินเต็มตัว
จากรี พอร์ตเตอร์ก็จนมาถึงยุคประชาทรรศน์ที่ผมบอกว่าแกว่งไปแกว่งมาเป็นลูกกระโปก ไอ่ห้อยนี่แหละ ส่วนในทางลับผมสงสัยว่ามันทำเวบไฮทักษิณกับไทยกราสสรูทด้วย เพราะมันแกว่งตามความเคลื่อนไหวของไอ่ห้อยทุกสเต็ปพอดีเพะ
ส่วนตัวเล่นทางเปิดคือบก.ติดคุกนี่ก็เป็นพิธาน คลี่ขจาย ก็เคยไปอยู่ค่ายเนชั่นกับพี่ชายหนะนะ แล้วมีเรื่องอะไรซักอย่างผมชักเลือนๆ คงประเภททางหยุ่นอยากเล่นสุภาพอยู่แล้ว เลยตีวัวกระทบคราดว่าพิธานทำเหี้ยซักอย่างก็ตั้งกรรมการสอบ พวกนี้ก็กระเซอะกระเซิงหนีออกจากเนชั่นมา ตอนนี้สุภาพก็มาทำช่อง11ที่เนวินคุมอยู่ พิธานก็มาทำประชาทรรศน์ ส่วนสุคนธ์ ชัยอารีย์ ไอ้ปุ๋ยคุมวิทยุประชาสัมพันธ์
ตอนนี้พอมี เรื่องTPBSปล่อยเสียงหลุดเรื่องวันตายของจิตร ภูมิศักดิ์แทรกงานวันฉัตรมงคลออกทีวี มันก็เลยหาว่าไอ่ก่อเขต เด็กเนชั่นเก่าวางยาไอ่หย่องมั่ง มีพิธานเอาคืนมั่ง
ในฐานะที่อยูใน แวดวงมาของพรรค์อย่างนี้มันพลาดกันได้ มันเป็นเรื่องเทคนิคหนะว่าไปแล้ว ผมเดาคงเป็นว่าระหว่างถ่ายทอดสดงานฉัตรมงคลนี่ ช่วงเบรกทางช่างเทคนิคอาจเตรียมเทปผิด ดั๊นไปหยิบข่าวสารคดีจิตรตายมาพอดี เปิดมาปุ๊บก็เลยอย่างที่เห็นๆ มันไม่น่าถึงขั้นว่าวางยาอะไรกันหรอก...เรื่องพรรค์นี้มีพลาดกันบ่อยๆ แต่ก่อนช่อง11ก็ปล่อยหนังโป๊ออกอากาศอะไรแบบนี้นะ เพราะช่างเทคนิคในห้องส่งมันดันหยิบผิดหนะ
พูดเรื่องนักข่าวไปเป็นเบ๊ให้นักการเมืองนี่มันมีกันมาทุกรุ่นครับ และน่าจะมีกันอยู่ทุกสี หากมองกันว่าสื่อก็เสือกมีสีกับเขาด้วย
อย่างที่แสบๆอีกตัวนี่คือไอ้ไบ๋-อรัญ วงศ์อนันต์ แต่ก่อนมันเป็นเบ๊ให้พวกกร ราชครู
หลังๆนี่มาเกาะประสาร มฤคพิทักษ์ พวก14ตุลาเก่าที่มาเย้วๆปกป้องสถาบันนี่อีกตัว
ตอน ก่อน19กันยาประสารแม่งก็ด่าเหลี่ยม เชียร์ให้รัฐประหาร พอเขาทำรปห.มันก็ได้รางวัลเป็นสนช. ตอนนี้ก็สว.ลากตั้ง เข้าแก๊งเดียวกับพวกไอ้เอ๋สมชาย คำนูณ รสนาอะไรเนี่ยนะ
ไอ้ไบ๋ก็มา เกาะประสารไปตั้งศูนย์วอร์รูมห่าเหวอะไรของมัน หน้าที่หลักๆคือดึงพวกนักข่าวเข้ามาเป็นพวกเผด็จการให้มากๆเข้าไว้ พากินข้าว ตีหม้อ ทัวร์เมืองนอกอะไรกันไป
ไอ้ไบ๋มันพวกสะตอปักษ์ใต้ด้วย คือใจมันก็ไปเยอะเป็นทุน มาเจอเหี้ยๆแบบประสารนี่ก็เลยยิ่งไปกันใหญ่
ข่าวเชียร์คมช.อะไรนี่ตอนหลังรัฐประหาร ส่วนมากเป็นฝีมือของไอ้ไบ๋กับประสาร
สรุปว่าสื่อกับการเมืองนี่แม่งเป็นผีเน่ากับโลงผุครับ เวลาพวกคุณๆเสพสื่อก็ดูด้วยว่า พวกมันมีปลอกคอหรือไม่มี และปลอกคอสีอะไร จะได้เสพสื่อแล้วไม่ท้องร่วงท้องเสีย หรือขี้แตกขี้แตนแบบที่ประชาชนำพลเมืองไทยเจอมาซะอ่วมในรอบ3-4ปีมานี้
ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเหี้ย(ตอนจบ):กำเนิดและอวสานมหากาพย์ถลกหนังสื่อเหี้ย
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
20 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
มหากาพย์ลากไส้สื่อเหี้ย จากสงกรานต์เลือดไขปมไปสู่ไส้ทุกขดในวงการ
ไอ้ที่ผมได้เขียนเรื่องมหากาพย์ลากไส้ถลกหนังสื่อเหี้ยมาให้กากินนี่ ต้นเรื่องก็มาจากว่า ตอนพวกเสื้อแดงม็อบกันแล้วบานปลายเป็นเหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี2552นะแหละ
พวก เสื้อแดงก็คับอกข้องใจเหลือคณาว่า ทำไมพวกสื่อทำตัวได้เหี้ยม ม.ม้าหายกันขนาดนี้ คือรุมกระทืบเสื้อแดงซะตายคาตีน ทีกับตอนพวกม็อบพันธมิตรเสื้อเหลืองทำไมมันถึงอวยกันจัง...สื่อทำไมมี 2มาตรฐานวะ สัดดด!!?
คนนอกวงการก็คงได้แต่เดาส่งเดชกันไปว่าเพราะยัง งุ้นเพราะยังงี้ อย่ากระนั้นเลยผมคนในแท้ๆ ไม่เอามาแฉให้ฟังนี่มันจะเป็นบาปกรรมตกแก่ตัว ก็เลยได้ลากไส้กันให้ฟังให้อ่าน ให้เสพ
ผมก็สรุปไว้อยู่ว่า เรื่องนี้มันมีทั้งปัจจัยผลัก(คือโดนเหลี่ยมเล่น จริงๆคือก็เล่นกันไปเล่นกันมา ผลัดกันเล่น)
กับ ปัจจัยดูด คือสื่อต้องไปพึ่งพาคนที่คุมอำนาจ ทรงพลัง ดลบันดาลสัมปทานคลื่น ความถี่ โคดสะนาให้ได้ เพื่อที่สื่อจะได้เลิกไส้แห้ง มันก็ต้องแลกด้วยการไปเชียร์พวกนี้ บังเอิญพวกนี้ก็เป็นศัตรูเหลี่ยมด้วย
พูด ถึงตอนนี้มิตรรักแฟนเหลี่ยม หรือพวกเสื้อแดงแจ๋อาจจะไม่ชอบใจ แต่ฟังเอาไว้เถอะเพราะดันเป็นเรื่องจริง...คือเหลี่ยมมันก็ดันไปทำแสบกับไอ้ พวกสื่อไว้เยอะมั้กมาก มันก็เลยโดนเขาเอาคืน
จริงๆแล้วคุณๆหากอ่าน ที่ผมเขียนด่ามาให้ดีจะพบข้อสำคัญอยู่เรื่องหนึ่งก็คือว่า สื่อพวกนี้มันก็ใช่ว่าเกิดมาแล้วเป็นเหี้ยหางแดงเลยนะ...
มันก็มีมูลเหตุจูงใจ มีความเป็นไปเป็นมาทุกตัว ภาษาวิชาการเขาเรียกว่า"ปัจจัยผลัก-ปัจจัยดึง" ภาษาผมคือ"ปัจจัยถีบ-ปัจจัยดูดจ๊วบ"
ถ้าภาษาคอมมูนิสต์เขาเรียกว่า"คับแค้นทางจิตใจ ยากไร้ทางวัตถุ"เป็นปัจจัยให้คนมันลุกขึ้นมาสู้
ปัจจัย ดูดจ๊วบนี่ไม่ต่างกันหรอก คือสื่อก็อยากหนีจากสภาพสื่อไส้แห้งมามีเงินมีทองเหมือนอาชีพอื่นๆเขามั่ง จะเบ่งให้พองหรือเข้าตลาดหุ้นก็ว่ากันไป แต่ความซวยของบ้านเมืองเราคือความที่เป็นประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ กับโครงสร้างทางสังคมแบบระบบอุปถัมภ์(แหม่...ชักจะวิชาการมากไปแล้วมั๊ยสัด ดด) มันก็ต้องไปเลียตีนทหาร,ป๋า,เจ้าของคอกม้าเพื่อเอาสัมปทานคลื่น,ความถี่,โค ดสะนา,เวลาออกอากาศ แล้วก็ต้องไปรับใช้เขา แล้วก็ทำร้ายประเทศชาติบ้านเมือง
พวกนี้มันวิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยหมดแล้วแบบที่ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์เคยว่าไว้..เหี้ยเอากับเหี้ยนึกออกใช่มั๊ย?
มัน สมประโยชน์กัน อุปถัมภ์กันไปมา ไอ้พวกกลุ่มพลังอำนาจและอำนาจลึกลับก็อยากหาคนช่วยเชียร์ หาหมาไว้เห่าไว้กัดศัตรู ไอ้พวกสื่อก็อยากได้คลื่น ได้สัมปทานทีวี วิทมยุ อยากได้โฆษณา มันก็สมประโยชน์กัน กับไอ้พวกสื่อมันก็มีคดีเก่ากับไอ้เหลี่ยมอยู่เยอะ มันอยากเช็กบิลอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
อย่างตอนสงกรานต์ทมิฬที่สื่อยำตี นพวกม้อบเสื้อแดง คนก็ไปสงสัยว่าเพราะสื่อกลัวพรก.ฉุกเฉินมั่ง เพราะสื่อถูกรัฐกดดันให้ต้องเสนอข่าวเข้าข้างรัฐบาลมั่ง...พูดตรงๆรัฐจะไปทำ อะไรไปบีบอะไรสื่อหละ คือเทียบกับว่าสื่อเป็นผู้หญิง รัฐเป็นผู้ชาย แค่รัฐแตะขาเบาๆ สื่อแม่งก็ถ่างซะจนน้ำบานแล้ว...ไม่รู้จะเทียบกับอะไร เลยเทียบให้แม่งจัญไรอย่างนี้แหละ
ส่วนปัจจัยถีบนี่ไปดูแต่ละเคสย้อนหลังที่ผมเล่ามาเลย เหมือนกันทุกตัว
-อย่างโล้นเนชั่นนี่เหลี่ยมก็เข้าไปเทกโอเวอร์ITV เข้าใจว่าคงเทกแบบไม่เป็นมิตร แบบที่ฝรั่งเรียกว่าhostile takeoverคือพวกหยุ่นก็วงแตกหนีหัวซุกออกจากITV(สมมุติขี่ไทม์แมชชีนไปแก้ไข ได้ ทำไมไม่ทำข้อตกลงว่า กูจ่ายตังค์ ให้หยุ่นเป็นคนใส่content มันก็จบแบบwin-win) พอหยุ่นหัวซุกออกไปซบTTVพอมีช่องหายใจนิดๆหน่อยๆ เหลี่ยมตามไปตื้บซ้ำกะเอาให้เขาจมดินอีก
หยุ่นมันก็ต้องแค้นตาแม้น มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลาน พอดีไอ้แก๊งเด็กนรกเนชั่น จอมขวัญ ธีระ กนก หรือสรยุทธ์มันก็หัวอ่อนอย่างผมเขียนเล่ามา ประกอบกับมันเป็นพวกกากี่นั้ง อาจจะดูหนังกำลังภายในมาก มันก็ประกาศสิว่า"ข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อ..."แล้วพวกมันอาจเผลอคิดไปว่ามัน กำลังเป็นบู๊ลิ้มยุทธจักรออกตามล่าล้างแค้นจอมมารอสูรอยู่ ลืมไปว่ามึงกำลังทำหน้าที่ของสื่ออยู่นะสัดดด แม่งก็จะตามล้างแค้นให้ท่านพ่อเป็นหลัก...ไอ่เหี้ยเอ๊ย ก็ไอ้หยุ่นพอ่พวกมึงยังไม่ตาย มึงจะแค้นอะไรกันนักหนาวะ ไอ้หนก ไอ้ธีระ ไอ่สัดดด
-ลิ้มเลียอยู่ดีๆว่า"ทักษิณเป็นนายกฯดีที่สุดที่ไทยเคยมีมา"ตอนที่มันยังเอากัน อยู่ ต่อมาเหลี่ยมก็หักเขา(จะหักเพราะเรื่องรัยก็ว่าอีกเรื่อง..)เช่น ไม่ต่อวีซ่าให้เฮียช้อยเป็นเอ็มดีแบงก์กรุงไทยเพื่อเคลียร์หนี้เน่าให้,ไม่ ยก11news1
ให้,ปลดออกช่อง9เมืองไทยรายสัปดาห์,ฟ้องหมิ่นประมาทเรียก 1,500ล้าน,ฟ้องคดีหมิ่นฯลฯ....ปัจจัยถีบให้ลิ้มมันประกาศตายเป็นตายเจ๊งเป็น เจ๊ง
-หรือพวกลูกน้องลิ้มอย่างกรณีสำราญ ที่ผมเล่าให้ฟังว่าสำราญไปช่วยปราบกบฎITVให้ ต่อมาก็อยากใช้เขาเป็นกระบอกเสียง เป็นหมาช่วยเห่าก็ไปบีบเขาเกิน คือเขาก็มีศักดิ์มีศรีของเขา พอเขาไม่ทำก็ปลดเขากลางอากาศ ตกงานตอนยังไม่แก่...สำราญก็ต้องวิ่งไปหาลิ้ม แล้วเอาคืน
-พี่เปลวไทยโพสต์ เหลี่ยมก็ให้สตง.ไปตรวจเงินเขา ไปบีบไม่ให้โรงพิมพ์พี่วิรับพิมพ์หนังสือพิมพ์เขา ไล่เขาไปจนตรอก...เขาก็ต้องหันกลับมาสู้
-จารย์เจิม ก็ไปปลดเขาออกช่อง9มีรายการวิทยุก็ตามไปบี้เขา...แกก็ต้องไปออกASTV ไปออกเก้าสิบสองสลึงกับประชัย
-มติชนของพี่ช้าง เขาก็ด่าเปิงว่าจะไปเทกโอเวอร์เขา ทั้งที่มันเป็นสมบัติพระศุลีที่เขาสร้างมา หรือpostก็ไปซื้อเขาจะไปเทกเขา เพราะไม่พอใจที่โพสต์เขียนหนังสือพิมพ์ด่าให้ฝรั่งอ่าน(ไอ้ดิษฐ์เลขาสมาคม นักข่าว หยุดทำร้ายประเทศไทยมันก็กินเงินเดือนที่นี่ ไอ้ภัทระนายกสมาคมนักข่าวที่เอาสมาคมไปขายให้บัง มันก็กินเงินเดือนอยู่นี่ พวกนี้ก็แค้นว่าจะไปทุบหม้อข้าวพวกมัน)
-ฯลฯ
ว่าไปแล้วเรื่อง พรรค์อย่างนี้ เพราะสังคมไทยเรามันไม่มีวุฒิภาวะกันเท่าที่ควร หากเราจะแปรความขัดแย้งในเรื่องเหลี่ยมกับสื่อให้มันไปสู่ทิศทางที่ก้าวหน้า ขึ้น ผมว่าก็น่าจะพอไปได้ เช่น ก็มีการปฏิรูปไปซะว่า ระหว่างนักการเมืองกับสื่อต้องมีเส้นกั้นกลางอยู่แค่ไหน อย่าให้ล้ำเส้นกัน หรือวงการสื่อเองต้องปฏิรูปยังไง เช่นเรื่องใบอนุญาต หรือการมีหน่วยงานregulatorขึ้นมากำกับควบคุม เช่น หมอมีแพทยสภา วิดวะมีสภาวิศวกร พวกแบงก์เกอร์หรือวงการหุ้นมีกลต.กำกับ...หนังสือพิมพ์ก็ต้องมีถึงจะควร
สื่อกับนักการเมืองเรื่องของเหี้ยกัดเหี้ย
มีคนสงสัยถามมาเรื่องการคุกคามสื่อ กับการแทรกแซงสื่อมันเหมือนหรือต่างกันยังไง จะขอโม้ให้ฟังหน่อยนึง
คุก คามสื่อนี่ก็คือทางกายภาพหนะนะ ยิงตายนี่ก็สมัยรุ่นพ่อคุณอารีย์ ลีวีระ สมัยอัศวินเผ่านู้น หรือจับขังคุกรุ่นๆจิตร ภูมิศักดิ์ อุทธร พลกุล ช่วง2500+/- เอาโซ่ไปล็อกแท่นพิมพ์สมัยสฤษดิ์-ถนอม ช่วงกลางๆก็มีส่งคนไปตีกบาลแบบชัชรินทร์เจอ หรือยิงแบบลิ้มเจอ(หากคุณนับว่าลิ้มเป็นสื่อ)หรือพี่เปลวเจอบุกโรงพิมพ์มี เผารถกันอะไรกัน
หรือสมัยน้าชาติ เหลิมเป็นรมต.คุมสื่อไม่พอใจไทยรัฐด่ารัฐบาล กูเล่นมึงตรงๆไม่ได้กูให้ตำรวจไปปิดนาซ่าของป๊ะซะเลย ทุบหม้อข้าวแม่งซะ อะไรยังงี้
เบาๆลงมาก็เปิดโต๊ะขอเคลียร์ ในชีวิตผมเจอมา2หน มีตัวกลางขาใหญ่มาคนนึง มีขาใหญ่วงการหนังสือพิมพ์มาคนนึง มีไอ้คนที่โดนเราเล่นมาคนนึง มีทหารที่ชอบเอามือตะปบเอวเหมือนแม่งโดนมดกัดแถวเอวเรื่อยอีกตัว2ตัว แล้วก็บอกว่างานนี้เฮียขอเถอะวะ พรรคพวกกันทั้งนั้น อย่ามีเรื่องกันเลย
เบาๆ นิ่มๆก็แบบเหลี่ยมเคยสั่งปปง.ตรวจสอบเงินทองของพี่เปลว หยุ่น หย่อง โสภณ องค์การณ์อะไรงี้...ที่เรียกว่าคุกคามเพราะมึงไปจ้องทุบหม้อข้าวเล่นล้วง กระเป๋าตังค์เขาเลย
ส่วนที่ฟ้องกันไปฟ้องกันมานี่จะไปหาว่ามันคุกคาม ก็คงไม่ได้ แต่ที่ผมเห็นนะ เอะอะแค่จะฟ้องหมิ่นประมาท หรือปชป.ไปโวยวายว่าเซีย ไทยรัฐเขียนการ์ตูนเล่นไอ่มาร์คทุกวัน จะไปร้องสภาการนสพ. อันนี้มาโวยว่าคุกคามไม่ได้หรอก ถือว่าเล่นกันตามกติกา
ส่วน แทรกแซงนี่คงเป็นใช้อำนาจ บารมี อิทธิพล เงินนะไปแทรกแซง เช่น ข่าวเหลี่ยมไปเทกมติชน บางกอกโพสต์อะไรงี้ คือหากเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆเห็นเป็นบริษัทในตลาดหุ้นเข้าเทกซะคงว่ากันไม่ ได้ แต่เหลี่ยมแสดงชัดว่ากูไม่พอใจมติชนเล่นข่าวด่ากู โพสต์ก็ด่ากูเสียๆหายๆให้ฝรั่งอ่าน สำนักข่าวเมืองนอกก็โคว้ดจากโพสต์ไปด่ากูกทอด งั้นกูมีตังค์จะเทกโอเวอร์แม่งเลย...อันนี้ผมว่าแทรกแซง ความเป็นอิสระของสื่อ
แต่กรณีเหลี่ยมเทกไอทีวี ผมว่าสมควรแก่เหตุ เพราะตอนขอสัมปทานนั้น หยุ่นกลัวไม่ได้ก็เสนอค่าต๋งไปเป็นแสนล้าน แม่งบ้า พอไปไม่รอด เอาทรัพย์สินมาถือหุ้น เขาจะไปแตะอะไรก็ไม่ได้ บอกอิสระของกองบรรณาธิการ ทรัพย์สินก็เห็นทางข้างหน้าว่ากูเจ๊งแน่ต้องรีบปล่อยออก ตอนนั้นเหลี่ยมก็เข้ามาเทกฯ เขาก็ย่อมเทกได้เพราะเขายังไม่ใช่นักการเมือง เป็นเศรษฐีเฉยๆ เขาเข้ามาก็ต้องเป็นไปตามนโยบายของเขา หยุ่นก็ตั้งแง่จะด่าแม่เขาอย่างเดียว นักข่าวทะเลาะกับนายทุนสื่อทีไร นักข่าวมึงก็ต้องตกงานตลอดอยู่แล้ว เป็นกันงี้มาแต่โบราณ เป็นกันมาทั่วโลก จะหาว่าเขาแทรกแซงแม่งก็เลยฟังไม่ขึ้น
อย่างอื่นที่ว่าแทรกแซงเช่น เหลี่ยมบอกใครไม่ด่ากู หรือเชียร์กู กูให้โคดสะนาเครือชินคอร์ป แถมโคดสะนารัฐวิสาหกิจทั้งหลายที่รัฐบาลคุม ใครเล่นกู ก็ถอนโคดสะนาเอาแม่งตาย หรือไปบีบโรงพิมพ์ไม่ให้พิมพ์หนังสือเขาแบบกรณีพี่เปลว อันนี้ถือว่าแทรกแซงแกมคุกคาม
สรุปว่าเรื่องสื่อกับเหลี่ยมนี่มัน เป็นปัญหาประเทศด้อยพัฒนา คือตอนที่มันฮั้วกันได้แม่งก็แบ่งๆกันแดก พอน้ำแตกก็แยกทาง แต่วันดีคืนดีเสือกหักกัน ด้วยผลประโยชน์ก็ฟัดกัน ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะพวกมัน ดันมาก่อปัญหาให้ชาวบ้านร้านช่องพลอยซวยไปด้วย เหมือนบทกวีนิรนามที่ว่า
นักข่าวรุ่นหลังผมก็ชื่นชมพวกเขาครับอย่างน้อยพวกเขามีจุดยืนมีหลักการ รู้ว่าอะไรเหี้ยอะไรไม่เหี้ย อย่างตอน19กันยา พวกนายกสมาคมสื่อต่างๆ พวกคนหนังสือพิมพ์หัวหงอกหัวขาวสั่นระริกอยากเป็นสมาชิกสภาลากตั้งสนช. พวกน้องๆนักข่าวทำงานใต้ถุนสภาก็ยังมีใจเข้าชื่อกัน50กว่าคนไปคัดค้านให้พวก นายกสมาค
มสื่อถอนตัว
แต่ไอ้พวกหัวหงอกหัวขาวมันด้าน แถมไปลากหัวโล้นหัวหลิมขาใหญ่วงการ นายจ้างของพวกน้องๆนักข่าวสนามมาเป็นกรรมการห้ามมวย ไอ่กรรมการแม่งก็ต้องซูเอี๋ยไอ่พวกหัวหงอกหัวขาวให้ได้เป็นสมาชิกสภาลากตั้ง กันจนสำเ
ร็จความใคร่ มีบางตัวก็อย่างไอ่เอ๋ ไอ่นูณแม่งสำเร็จความใคร่หนเดียวไม่พอ มันกระทำชำเธอประเทศชาติเป็นวุฒิลากตั้งต่ออีก...สันดาน!!
เนี่ยนักข่าวรุ่นใหม่เขาก็มีอุดมการณ์ ส่วนไอ่พวกหัวขาวหัวหงอกแม่งก็อุดมกามกันเป็นหลัก
เสียดาย แต่ว่าทำงานข่าวเจาะข่าวสืบข่าวสีพกันไม่เก่งอย่างรุ่นก่อน อาจเป็นเพราะสื่อตอนนี้มันต้องการเอาไวเข้าว่า มาเร็วเอาไมค์จ่อปากเร็ว ส่งเข้าโรงพิมพ์หรือทีวีให้เร็ว...ไม่รู้มันจะแย่งกันเร็วไปทำห่าอะไรกัน หนักหนา
ข่าวแนวเจาะแนวสีพแนวสืบที่เป็นอมตะอย่างคดีวอเตอร์เกทของเม กา หรือข่าวของไทยแบบที่ได้รางวัลอิศราอะไรนี่หากทำกันมั่ง เอาซัก10-20%ของปริมาณที่เสนอๆกันก็จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว
ตัวอย่างการทำงานแบบนักวิชาชีพข่าวจริงๆจังๆที่ผมชื่นชมก็อย่างประชาชาติธุรกิจ
ประชาชาติทำงานดีมาตลอด โดยเฉพาะข่าวเจาะข่าวสืบข่าวสีพ('sive) ไม่ว่าตอนชลิตดูอยู่หรือตอนที่ประสงค์ วิสุทธิ์ดูแลเต็มๆ
ประสงค์นี่ของจริง แม้ชื่อเล่นของมันจะชื่อว่าเก๊ ในกระทู้นี้ผมชมไป2ครั้งแล้ว นี่เป็นหนที่สาม
เขาไม่เข้าออกใครด้วย คดีซุกหุ้นของเหลี่ยมนี่ก็ข่าวฝีมือของนายเก๊
ข่าวเสหนั่นซุกหนี้จนต้องนั่งพักไป5ปีก็ฝีมือของเขา
ดังนั้นพวกทีมประชาชาติธุรกิจเลยจะได้อิทธิพลไปจากนายเก๊เยอะพอสมควร
ผมก็ว่ามีความหวังกับนักข่าวพันธุ์นี้
ส่วน นายเก๊มันจะเจาะข่าวตีเหลี่ยมซุกหุ้น หรือเสธ.หนั่นซุกหนี้ ไม่ใช่ธุระของผมหรือของใครจะไปโกรธนายเก๊มัน หากเรื่องนั้นมันเป็นความจริง เพราะแม้แต่นายเหลี่ยมก็ยังหนีไม่ออกต้องเอาตัวรอดไปด้วยความและคำว่า "บกพร่องโดยสุจริต"
ขณะเดียวกันเสธ.หนั่นที่โดนใบแดง5ปีเพราะฝีมือนายเก๊ ก็ไม่เห็นต้องมาด่านักข่าวเหมือนกัน
หาก ต่างคนต่างทำหน้าที่ มีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตัวเอง มีความเป็นนักวิชาชีพเต็มตัว ใครเค๊าจะไปด่า กรูก็ไม่ด่า เห็นมั๊ยทำดีอย่างไอ่เก๊กรูก็ชมเหมือนกานน
เสนอล้อมคอกสื่อเหี้ยต้องมีใบอนุญาตต้องมีบทลงโทษชัดๆแบบอาชีพอื่น
เมื่อไหร่บ้านเมืองเราแม่งจะทำอะไรให้เข้าเค้าซะที
คนเขาเป็นหมอ วิดวะ ถาปนิก พยาบาล แม้กระทั่งเป็นยามนี่เขาต้องอบรมร่ำเรียนมา มีหน่วยงานกลางออกใบอนุญาต ทำผิดพลาดมานี่โดนยึดใบอนุญาตตกงาน จับเข้าคุก
ท่าน นักข่าวนี่ไม่มีเหี้ยอะไรซักอย่าง ใบนุญาตเหี้ยอะไรไม่ต้องมี ผิดมาก็ไปลงหน้าในๆตัวเท่าหอยมด ไม่ต้องมีใครยึดใบนุญาต ไม่ต้องเจอคุก
แล้วอ้างเสรีภาพสื่อ
เสรีภาพส้นตีนสิ จะได้ทำเหี้ยๆตามอำเภอใจ
ภาระหน้าที่อันใหญ่ยิ่งย่อมต้องมาควบคู่กับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ พวกมึงไม่เคยได้ยินรึไง
มี อาชีพเหี้ยนี่แหละชี้เป็นชี้ตายให้บ้านเมือง ชี้ให้ดาราคนไหนเป็นเทวดา ใครต้องดับ เกี่ยวข้องกับประชาชนพลเมือง65ล้านคน ไม่ต้องรับยผิดชอบเหี้ยอะไรซักเรื่อง...
วันดีคืนดีบอกให้หยุดทำร้ายประเทศไทย ไอ้พวกส้นตีนแม่yeด
ถลกหนังสื่อยังจะมีต่อหากสื่อยังไม่กลับตัวกลับใจเลิกเหี้ยซะที
พอผมเขียนเรื่องนี้ออกมา โอ้โหเป็นเรื่องเป็นประเด็นใหญ่โตในแวดวง
ตอนนี้ก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปหมด
แต่แทนที่พวกมันจะพูดว่า แม่งระยำจินๆพวกเราเนี่ย กรูว่าพวกเรามากลับตัวกลับใจเหอะ
เสือกถามหาแซ่ดว่า "ใครวะ? ใครวะ!ด่าพวกกู"...อ่าว!ไอ้เชี่ย มึงจะสนไปทำไมว่าใครด่ามึง
สนแค่ว่ากรูด่ามานี่ใส่สีใส่ไข่ไหมลูกอีดอก หรือกรูเนื้อๆเน้นๆ
แล้วพวกมึงจะไปแก้ไขกันยังไง...เพราะหากพวกมึงแก้ตัวจังไรๆ กรูจะด่าแม่งต่อไป เพื่อความบันเทิงของคุณผู้ชมทางบ้านต่อไป
ใครทำเหี้ยอะไรที่ไหนไว้กับบ้านเมือง อย่าให้กูรู้ เพราะหากกูรู้ กูจะถลกหนังกำพร้าพวกมึง ลากไส้พวกมึงประจานอย่างที่เขียนมาทั้งหมดนี่แหละ...มีต่อภาคสองแน่นอน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
20 พฤษภาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้ เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าด้วยเหตุใด สื่อจึงมีบทบาทอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งมีปรากฏการณ์ลำเอียง เคียงข้างเผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย โดยได้นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
พอผมเขียนเรื่องนี้ออกมา โอ้โหเป็นเรื่องเป็นประเด็นใหญ่โตในแวดวง ตอนนี้ก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปหมด แต่แทนที่พวกมันจะพูดว่า แม่งระยำจินๆพวกเราเนี่ย กรูว่าพวกเรามากลับตัวกลับใจเหอะนะ มันจะได้เลิกด่าพวกเรา เสือกถามหาแซ่ดว่า "ใครวะ? ใครวะ!ด่าพวกกู"...อ่าว!ไอ้เชี่ย มึงจะสนไปทำไมว่าใครด่ามึง สนแค่ว่าที่กรูด่ามาทั้งหมดเนี่ย มันใส่สีใส่ไข่ไหมลูกอีดอก หรือกรูเนื้อๆเน้นๆ...เอาว่าหากยังไม่กลับตัวกลับใจ พวกมึงเตรียมเจอเรียงเม็ดอีกยก มีต่อภาคสองแน่ๆ
มหากาพย์ลากไส้สื่อเหี้ย จากสงกรานต์เลือดไขปมไปสู่ไส้ทุกขดในวงการ
ไอ้ที่ผมได้เขียนเรื่องมหากาพย์ลากไส้ถลกหนังสื่อเหี้ยมาให้กากินนี่ ต้นเรื่องก็มาจากว่า ตอนพวกเสื้อแดงม็อบกันแล้วบานปลายเป็นเหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี2552นะแหละ
พวก เสื้อแดงก็คับอกข้องใจเหลือคณาว่า ทำไมพวกสื่อทำตัวได้เหี้ยม ม.ม้าหายกันขนาดนี้ คือรุมกระทืบเสื้อแดงซะตายคาตีน ทีกับตอนพวกม็อบพันธมิตรเสื้อเหลืองทำไมมันถึงอวยกันจัง...สื่อทำไมมี 2มาตรฐานวะ สัดดด!!?
คนนอกวงการก็คงได้แต่เดาส่งเดชกันไปว่าเพราะยัง งุ้นเพราะยังงี้ อย่ากระนั้นเลยผมคนในแท้ๆ ไม่เอามาแฉให้ฟังนี่มันจะเป็นบาปกรรมตกแก่ตัว ก็เลยได้ลากไส้กันให้ฟังให้อ่าน ให้เสพ
ผมก็สรุปไว้อยู่ว่า เรื่องนี้มันมีทั้งปัจจัยผลัก(คือโดนเหลี่ยมเล่น จริงๆคือก็เล่นกันไปเล่นกันมา ผลัดกันเล่น)
กับ ปัจจัยดูด คือสื่อต้องไปพึ่งพาคนที่คุมอำนาจ ทรงพลัง ดลบันดาลสัมปทานคลื่น ความถี่ โคดสะนาให้ได้ เพื่อที่สื่อจะได้เลิกไส้แห้ง มันก็ต้องแลกด้วยการไปเชียร์พวกนี้ บังเอิญพวกนี้ก็เป็นศัตรูเหลี่ยมด้วย
พูด ถึงตอนนี้มิตรรักแฟนเหลี่ยม หรือพวกเสื้อแดงแจ๋อาจจะไม่ชอบใจ แต่ฟังเอาไว้เถอะเพราะดันเป็นเรื่องจริง...คือเหลี่ยมมันก็ดันไปทำแสบกับไอ้ พวกสื่อไว้เยอะมั้กมาก มันก็เลยโดนเขาเอาคืน
จริงๆแล้วคุณๆหากอ่าน ที่ผมเขียนด่ามาให้ดีจะพบข้อสำคัญอยู่เรื่องหนึ่งก็คือว่า สื่อพวกนี้มันก็ใช่ว่าเกิดมาแล้วเป็นเหี้ยหางแดงเลยนะ...
มันก็มีมูลเหตุจูงใจ มีความเป็นไปเป็นมาทุกตัว ภาษาวิชาการเขาเรียกว่า"ปัจจัยผลัก-ปัจจัยดึง" ภาษาผมคือ"ปัจจัยถีบ-ปัจจัยดูดจ๊วบ"
ถ้าภาษาคอมมูนิสต์เขาเรียกว่า"คับแค้นทางจิตใจ ยากไร้ทางวัตถุ"เป็นปัจจัยให้คนมันลุกขึ้นมาสู้
ปัจจัย ดูดจ๊วบนี่ไม่ต่างกันหรอก คือสื่อก็อยากหนีจากสภาพสื่อไส้แห้งมามีเงินมีทองเหมือนอาชีพอื่นๆเขามั่ง จะเบ่งให้พองหรือเข้าตลาดหุ้นก็ว่ากันไป แต่ความซวยของบ้านเมืองเราคือความที่เป็นประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ กับโครงสร้างทางสังคมแบบระบบอุปถัมภ์(แหม่...ชักจะวิชาการมากไปแล้วมั๊ยสัด ดด) มันก็ต้องไปเลียตีนทหาร,ป๋า,เจ้าของคอกม้าเพื่อเอาสัมปทานคลื่น,ความถี่,โค ดสะนา,เวลาออกอากาศ แล้วก็ต้องไปรับใช้เขา แล้วก็ทำร้ายประเทศชาติบ้านเมือง
พวกนี้มันวิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยหมดแล้วแบบที่ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์เคยว่าไว้..เหี้ยเอากับเหี้ยนึกออกใช่มั๊ย?
มัน สมประโยชน์กัน อุปถัมภ์กันไปมา ไอ้พวกกลุ่มพลังอำนาจและอำนาจลึกลับก็อยากหาคนช่วยเชียร์ หาหมาไว้เห่าไว้กัดศัตรู ไอ้พวกสื่อก็อยากได้คลื่น ได้สัมปทานทีวี วิทมยุ อยากได้โฆษณา มันก็สมประโยชน์กัน กับไอ้พวกสื่อมันก็มีคดีเก่ากับไอ้เหลี่ยมอยู่เยอะ มันอยากเช็กบิลอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
อย่างตอนสงกรานต์ทมิฬที่สื่อยำตี นพวกม้อบเสื้อแดง คนก็ไปสงสัยว่าเพราะสื่อกลัวพรก.ฉุกเฉินมั่ง เพราะสื่อถูกรัฐกดดันให้ต้องเสนอข่าวเข้าข้างรัฐบาลมั่ง...พูดตรงๆรัฐจะไปทำ อะไรไปบีบอะไรสื่อหละ คือเทียบกับว่าสื่อเป็นผู้หญิง รัฐเป็นผู้ชาย แค่รัฐแตะขาเบาๆ สื่อแม่งก็ถ่างซะจนน้ำบานแล้ว...ไม่รู้จะเทียบกับอะไร เลยเทียบให้แม่งจัญไรอย่างนี้แหละ
ส่วนปัจจัยถีบนี่ไปดูแต่ละเคสย้อนหลังที่ผมเล่ามาเลย เหมือนกันทุกตัว
-อย่างโล้นเนชั่นนี่เหลี่ยมก็เข้าไปเทกโอเวอร์ITV เข้าใจว่าคงเทกแบบไม่เป็นมิตร แบบที่ฝรั่งเรียกว่าhostile takeoverคือพวกหยุ่นก็วงแตกหนีหัวซุกออกจากITV(สมมุติขี่ไทม์แมชชีนไปแก้ไข ได้ ทำไมไม่ทำข้อตกลงว่า กูจ่ายตังค์ ให้หยุ่นเป็นคนใส่content มันก็จบแบบwin-win) พอหยุ่นหัวซุกออกไปซบTTVพอมีช่องหายใจนิดๆหน่อยๆ เหลี่ยมตามไปตื้บซ้ำกะเอาให้เขาจมดินอีก
หยุ่นมันก็ต้องแค้นตาแม้น มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลาน พอดีไอ้แก๊งเด็กนรกเนชั่น จอมขวัญ ธีระ กนก หรือสรยุทธ์มันก็หัวอ่อนอย่างผมเขียนเล่ามา ประกอบกับมันเป็นพวกกากี่นั้ง อาจจะดูหนังกำลังภายในมาก มันก็ประกาศสิว่า"ข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อ..."แล้วพวกมันอาจเผลอคิดไปว่ามัน กำลังเป็นบู๊ลิ้มยุทธจักรออกตามล่าล้างแค้นจอมมารอสูรอยู่ ลืมไปว่ามึงกำลังทำหน้าที่ของสื่ออยู่นะสัดดด แม่งก็จะตามล้างแค้นให้ท่านพ่อเป็นหลัก...ไอ่เหี้ยเอ๊ย ก็ไอ้หยุ่นพอ่พวกมึงยังไม่ตาย มึงจะแค้นอะไรกันนักหนาวะ ไอ้หนก ไอ้ธีระ ไอ่สัดดด
-ลิ้มเลียอยู่ดีๆว่า"ทักษิณเป็นนายกฯดีที่สุดที่ไทยเคยมีมา"ตอนที่มันยังเอากัน อยู่ ต่อมาเหลี่ยมก็หักเขา(จะหักเพราะเรื่องรัยก็ว่าอีกเรื่อง..)เช่น ไม่ต่อวีซ่าให้เฮียช้อยเป็นเอ็มดีแบงก์กรุงไทยเพื่อเคลียร์หนี้เน่าให้,ไม่ ยก11news1
ให้,ปลดออกช่อง9เมืองไทยรายสัปดาห์,ฟ้องหมิ่นประมาทเรียก 1,500ล้าน,ฟ้องคดีหมิ่นฯลฯ....ปัจจัยถีบให้ลิ้มมันประกาศตายเป็นตายเจ๊งเป็น เจ๊ง
-หรือพวกลูกน้องลิ้มอย่างกรณีสำราญ ที่ผมเล่าให้ฟังว่าสำราญไปช่วยปราบกบฎITVให้ ต่อมาก็อยากใช้เขาเป็นกระบอกเสียง เป็นหมาช่วยเห่าก็ไปบีบเขาเกิน คือเขาก็มีศักดิ์มีศรีของเขา พอเขาไม่ทำก็ปลดเขากลางอากาศ ตกงานตอนยังไม่แก่...สำราญก็ต้องวิ่งไปหาลิ้ม แล้วเอาคืน
-พี่เปลวไทยโพสต์ เหลี่ยมก็ให้สตง.ไปตรวจเงินเขา ไปบีบไม่ให้โรงพิมพ์พี่วิรับพิมพ์หนังสือพิมพ์เขา ไล่เขาไปจนตรอก...เขาก็ต้องหันกลับมาสู้
-จารย์เจิม ก็ไปปลดเขาออกช่อง9มีรายการวิทยุก็ตามไปบี้เขา...แกก็ต้องไปออกASTV ไปออกเก้าสิบสองสลึงกับประชัย
-มติชนของพี่ช้าง เขาก็ด่าเปิงว่าจะไปเทกโอเวอร์เขา ทั้งที่มันเป็นสมบัติพระศุลีที่เขาสร้างมา หรือpostก็ไปซื้อเขาจะไปเทกเขา เพราะไม่พอใจที่โพสต์เขียนหนังสือพิมพ์ด่าให้ฝรั่งอ่าน(ไอ้ดิษฐ์เลขาสมาคม นักข่าว หยุดทำร้ายประเทศไทยมันก็กินเงินเดือนที่นี่ ไอ้ภัทระนายกสมาคมนักข่าวที่เอาสมาคมไปขายให้บัง มันก็กินเงินเดือนอยู่นี่ พวกนี้ก็แค้นว่าจะไปทุบหม้อข้าวพวกมัน)
-ฯลฯ
ว่าไปแล้วเรื่อง พรรค์อย่างนี้ เพราะสังคมไทยเรามันไม่มีวุฒิภาวะกันเท่าที่ควร หากเราจะแปรความขัดแย้งในเรื่องเหลี่ยมกับสื่อให้มันไปสู่ทิศทางที่ก้าวหน้า ขึ้น ผมว่าก็น่าจะพอไปได้ เช่น ก็มีการปฏิรูปไปซะว่า ระหว่างนักการเมืองกับสื่อต้องมีเส้นกั้นกลางอยู่แค่ไหน อย่าให้ล้ำเส้นกัน หรือวงการสื่อเองต้องปฏิรูปยังไง เช่นเรื่องใบอนุญาต หรือการมีหน่วยงานregulatorขึ้นมากำกับควบคุม เช่น หมอมีแพทยสภา วิดวะมีสภาวิศวกร พวกแบงก์เกอร์หรือวงการหุ้นมีกลต.กำกับ...หนังสือพิมพ์ก็ต้องมีถึงจะควร
สื่อกับนักการเมืองเรื่องของเหี้ยกัดเหี้ย
มีคนสงสัยถามมาเรื่องการคุกคามสื่อ กับการแทรกแซงสื่อมันเหมือนหรือต่างกันยังไง จะขอโม้ให้ฟังหน่อยนึง
คุก คามสื่อนี่ก็คือทางกายภาพหนะนะ ยิงตายนี่ก็สมัยรุ่นพ่อคุณอารีย์ ลีวีระ สมัยอัศวินเผ่านู้น หรือจับขังคุกรุ่นๆจิตร ภูมิศักดิ์ อุทธร พลกุล ช่วง2500+/- เอาโซ่ไปล็อกแท่นพิมพ์สมัยสฤษดิ์-ถนอม ช่วงกลางๆก็มีส่งคนไปตีกบาลแบบชัชรินทร์เจอ หรือยิงแบบลิ้มเจอ(หากคุณนับว่าลิ้มเป็นสื่อ)หรือพี่เปลวเจอบุกโรงพิมพ์มี เผารถกันอะไรกัน
หรือสมัยน้าชาติ เหลิมเป็นรมต.คุมสื่อไม่พอใจไทยรัฐด่ารัฐบาล กูเล่นมึงตรงๆไม่ได้กูให้ตำรวจไปปิดนาซ่าของป๊ะซะเลย ทุบหม้อข้าวแม่งซะ อะไรยังงี้
เบาๆลงมาก็เปิดโต๊ะขอเคลียร์ ในชีวิตผมเจอมา2หน มีตัวกลางขาใหญ่มาคนนึง มีขาใหญ่วงการหนังสือพิมพ์มาคนนึง มีไอ้คนที่โดนเราเล่นมาคนนึง มีทหารที่ชอบเอามือตะปบเอวเหมือนแม่งโดนมดกัดแถวเอวเรื่อยอีกตัว2ตัว แล้วก็บอกว่างานนี้เฮียขอเถอะวะ พรรคพวกกันทั้งนั้น อย่ามีเรื่องกันเลย
เบาๆ นิ่มๆก็แบบเหลี่ยมเคยสั่งปปง.ตรวจสอบเงินทองของพี่เปลว หยุ่น หย่อง โสภณ องค์การณ์อะไรงี้...ที่เรียกว่าคุกคามเพราะมึงไปจ้องทุบหม้อข้าวเล่นล้วง กระเป๋าตังค์เขาเลย
ส่วนที่ฟ้องกันไปฟ้องกันมานี่จะไปหาว่ามันคุกคาม ก็คงไม่ได้ แต่ที่ผมเห็นนะ เอะอะแค่จะฟ้องหมิ่นประมาท หรือปชป.ไปโวยวายว่าเซีย ไทยรัฐเขียนการ์ตูนเล่นไอ่มาร์คทุกวัน จะไปร้องสภาการนสพ. อันนี้มาโวยว่าคุกคามไม่ได้หรอก ถือว่าเล่นกันตามกติกา
ส่วน แทรกแซงนี่คงเป็นใช้อำนาจ บารมี อิทธิพล เงินนะไปแทรกแซง เช่น ข่าวเหลี่ยมไปเทกมติชน บางกอกโพสต์อะไรงี้ คือหากเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆเห็นเป็นบริษัทในตลาดหุ้นเข้าเทกซะคงว่ากันไม่ ได้ แต่เหลี่ยมแสดงชัดว่ากูไม่พอใจมติชนเล่นข่าวด่ากู โพสต์ก็ด่ากูเสียๆหายๆให้ฝรั่งอ่าน สำนักข่าวเมืองนอกก็โคว้ดจากโพสต์ไปด่ากูกทอด งั้นกูมีตังค์จะเทกโอเวอร์แม่งเลย...อันนี้ผมว่าแทรกแซง ความเป็นอิสระของสื่อ
แต่กรณีเหลี่ยมเทกไอทีวี ผมว่าสมควรแก่เหตุ เพราะตอนขอสัมปทานนั้น หยุ่นกลัวไม่ได้ก็เสนอค่าต๋งไปเป็นแสนล้าน แม่งบ้า พอไปไม่รอด เอาทรัพย์สินมาถือหุ้น เขาจะไปแตะอะไรก็ไม่ได้ บอกอิสระของกองบรรณาธิการ ทรัพย์สินก็เห็นทางข้างหน้าว่ากูเจ๊งแน่ต้องรีบปล่อยออก ตอนนั้นเหลี่ยมก็เข้ามาเทกฯ เขาก็ย่อมเทกได้เพราะเขายังไม่ใช่นักการเมือง เป็นเศรษฐีเฉยๆ เขาเข้ามาก็ต้องเป็นไปตามนโยบายของเขา หยุ่นก็ตั้งแง่จะด่าแม่เขาอย่างเดียว นักข่าวทะเลาะกับนายทุนสื่อทีไร นักข่าวมึงก็ต้องตกงานตลอดอยู่แล้ว เป็นกันงี้มาแต่โบราณ เป็นกันมาทั่วโลก จะหาว่าเขาแทรกแซงแม่งก็เลยฟังไม่ขึ้น
อย่างอื่นที่ว่าแทรกแซงเช่น เหลี่ยมบอกใครไม่ด่ากู หรือเชียร์กู กูให้โคดสะนาเครือชินคอร์ป แถมโคดสะนารัฐวิสาหกิจทั้งหลายที่รัฐบาลคุม ใครเล่นกู ก็ถอนโคดสะนาเอาแม่งตาย หรือไปบีบโรงพิมพ์ไม่ให้พิมพ์หนังสือเขาแบบกรณีพี่เปลว อันนี้ถือว่าแทรกแซงแกมคุกคาม
สรุปว่าเรื่องสื่อกับเหลี่ยมนี่มัน เป็นปัญหาประเทศด้อยพัฒนา คือตอนที่มันฮั้วกันได้แม่งก็แบ่งๆกันแดก พอน้ำแตกก็แยกทาง แต่วันดีคืนดีเสือกหักกัน ด้วยผลประโยชน์ก็ฟัดกัน ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะพวกมัน ดันมาก่อปัญหาให้ชาวบ้านร้านช่องพลอยซวยไปด้วย เหมือนบทกวีนิรนามที่ว่า
ยังพอมีหวังกับนักข่าวรุ่นหลัง เพราะพวกมันยังเขี้ยวไม่งอกเหี้ยมาเกิดบรรเจิดมาภาษาเหี้ย
เหี้ยต่อเหี้ยพึ่งพาอัฌชาศัย
เหี้ยต่อเหี้ยกัดกันย่อมบรรลัย
เหี้ยหนึ่งไปเหี้ยหนึ่งอยู่คู่ฟ้าดิน
นักข่าวรุ่นหลังผมก็ชื่นชมพวกเขาครับอย่างน้อยพวกเขามีจุดยืนมีหลักการ รู้ว่าอะไรเหี้ยอะไรไม่เหี้ย อย่างตอน19กันยา พวกนายกสมาคมสื่อต่างๆ พวกคนหนังสือพิมพ์หัวหงอกหัวขาวสั่นระริกอยากเป็นสมาชิกสภาลากตั้งสนช. พวกน้องๆนักข่าวทำงานใต้ถุนสภาก็ยังมีใจเข้าชื่อกัน50กว่าคนไปคัดค้านให้พวก นายกสมาค
มสื่อถอนตัว
แต่ไอ้พวกหัวหงอกหัวขาวมันด้าน แถมไปลากหัวโล้นหัวหลิมขาใหญ่วงการ นายจ้างของพวกน้องๆนักข่าวสนามมาเป็นกรรมการห้ามมวย ไอ่กรรมการแม่งก็ต้องซูเอี๋ยไอ่พวกหัวหงอกหัวขาวให้ได้เป็นสมาชิกสภาลากตั้ง กันจนสำเ
ร็จความใคร่ มีบางตัวก็อย่างไอ่เอ๋ ไอ่นูณแม่งสำเร็จความใคร่หนเดียวไม่พอ มันกระทำชำเธอประเทศชาติเป็นวุฒิลากตั้งต่ออีก...สันดาน!!
เนี่ยนักข่าวรุ่นใหม่เขาก็มีอุดมการณ์ ส่วนไอ่พวกหัวขาวหัวหงอกแม่งก็อุดมกามกันเป็นหลัก
เสียดาย แต่ว่าทำงานข่าวเจาะข่าวสืบข่าวสีพกันไม่เก่งอย่างรุ่นก่อน อาจเป็นเพราะสื่อตอนนี้มันต้องการเอาไวเข้าว่า มาเร็วเอาไมค์จ่อปากเร็ว ส่งเข้าโรงพิมพ์หรือทีวีให้เร็ว...ไม่รู้มันจะแย่งกันเร็วไปทำห่าอะไรกัน หนักหนา
ข่าวแนวเจาะแนวสีพแนวสืบที่เป็นอมตะอย่างคดีวอเตอร์เกทของเม กา หรือข่าวของไทยแบบที่ได้รางวัลอิศราอะไรนี่หากทำกันมั่ง เอาซัก10-20%ของปริมาณที่เสนอๆกันก็จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว
ตัวอย่างการทำงานแบบนักวิชาชีพข่าวจริงๆจังๆที่ผมชื่นชมก็อย่างประชาชาติธุรกิจ
ประชาชาติทำงานดีมาตลอด โดยเฉพาะข่าวเจาะข่าวสืบข่าวสีพ('sive) ไม่ว่าตอนชลิตดูอยู่หรือตอนที่ประสงค์ วิสุทธิ์ดูแลเต็มๆ
ประสงค์นี่ของจริง แม้ชื่อเล่นของมันจะชื่อว่าเก๊ ในกระทู้นี้ผมชมไป2ครั้งแล้ว นี่เป็นหนที่สาม
เขาไม่เข้าออกใครด้วย คดีซุกหุ้นของเหลี่ยมนี่ก็ข่าวฝีมือของนายเก๊
ข่าวเสหนั่นซุกหนี้จนต้องนั่งพักไป5ปีก็ฝีมือของเขา
ดังนั้นพวกทีมประชาชาติธุรกิจเลยจะได้อิทธิพลไปจากนายเก๊เยอะพอสมควร
ผมก็ว่ามีความหวังกับนักข่าวพันธุ์นี้
ส่วน นายเก๊มันจะเจาะข่าวตีเหลี่ยมซุกหุ้น หรือเสธ.หนั่นซุกหนี้ ไม่ใช่ธุระของผมหรือของใครจะไปโกรธนายเก๊มัน หากเรื่องนั้นมันเป็นความจริง เพราะแม้แต่นายเหลี่ยมก็ยังหนีไม่ออกต้องเอาตัวรอดไปด้วยความและคำว่า "บกพร่องโดยสุจริต"
ขณะเดียวกันเสธ.หนั่นที่โดนใบแดง5ปีเพราะฝีมือนายเก๊ ก็ไม่เห็นต้องมาด่านักข่าวเหมือนกัน
หาก ต่างคนต่างทำหน้าที่ มีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตัวเอง มีความเป็นนักวิชาชีพเต็มตัว ใครเค๊าจะไปด่า กรูก็ไม่ด่า เห็นมั๊ยทำดีอย่างไอ่เก๊กรูก็ชมเหมือนกานน
เสนอล้อมคอกสื่อเหี้ยต้องมีใบอนุญาตต้องมีบทลงโทษชัดๆแบบอาชีพอื่น
เมื่อไหร่บ้านเมืองเราแม่งจะทำอะไรให้เข้าเค้าซะที
คนเขาเป็นหมอ วิดวะ ถาปนิก พยาบาล แม้กระทั่งเป็นยามนี่เขาต้องอบรมร่ำเรียนมา มีหน่วยงานกลางออกใบอนุญาต ทำผิดพลาดมานี่โดนยึดใบอนุญาตตกงาน จับเข้าคุก
ท่าน นักข่าวนี่ไม่มีเหี้ยอะไรซักอย่าง ใบนุญาตเหี้ยอะไรไม่ต้องมี ผิดมาก็ไปลงหน้าในๆตัวเท่าหอยมด ไม่ต้องมีใครยึดใบนุญาต ไม่ต้องเจอคุก
แล้วอ้างเสรีภาพสื่อ
เสรีภาพส้นตีนสิ จะได้ทำเหี้ยๆตามอำเภอใจ
ภาระหน้าที่อันใหญ่ยิ่งย่อมต้องมาควบคู่กับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ พวกมึงไม่เคยได้ยินรึไง
มี อาชีพเหี้ยนี่แหละชี้เป็นชี้ตายให้บ้านเมือง ชี้ให้ดาราคนไหนเป็นเทวดา ใครต้องดับ เกี่ยวข้องกับประชาชนพลเมือง65ล้านคน ไม่ต้องรับยผิดชอบเหี้ยอะไรซักเรื่อง...
วันดีคืนดีบอกให้หยุดทำร้ายประเทศไทย ไอ้พวกส้นตีนแม่yeด
ถลกหนังสื่อยังจะมีต่อหากสื่อยังไม่กลับตัวกลับใจเลิกเหี้ยซะที
พอผมเขียนเรื่องนี้ออกมา โอ้โหเป็นเรื่องเป็นประเด็นใหญ่โตในแวดวง
ตอนนี้ก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปหมด
แต่แทนที่พวกมันจะพูดว่า แม่งระยำจินๆพวกเราเนี่ย กรูว่าพวกเรามากลับตัวกลับใจเหอะ
เสือกถามหาแซ่ดว่า "ใครวะ? ใครวะ!ด่าพวกกู"...อ่าว!ไอ้เชี่ย มึงจะสนไปทำไมว่าใครด่ามึง
สนแค่ว่ากรูด่ามานี่ใส่สีใส่ไข่ไหมลูกอีดอก หรือกรูเนื้อๆเน้นๆ
แล้วพวกมึงจะไปแก้ไขกันยังไง...เพราะหากพวกมึงแก้ตัวจังไรๆ กรูจะด่าแม่งต่อไป เพื่อความบันเทิงของคุณผู้ชมทางบ้านต่อไป
ใครทำเหี้ยอะไรที่ไหนไว้กับบ้านเมือง อย่าให้กูรู้ เพราะหากกูรู้ กูจะถลกหนังกำพร้าพวกมึง ลากไส้พวกมึงประจานอย่างที่เขียนมาทั้งหมดนี่แหละ...มีต่อภาคสองแน่นอน
Re: ซี่รี่ส์สุดมัน ลากใส้สื่อเห้
ตกลงมี 18 ตอนจบแล้วแน่นะ..ยาวมากๆๆๆๆๆ ...
ต้องค่อยๆ อ่านนะ หนุกดี..
ขยันโพส จริงๆ น้องเรา ขนาดงานยุ่งนะเนี่ย
ต้องค่อยๆ อ่านนะ หนุกดี..
ขยันโพส จริงๆ น้องเรา ขนาดงานยุ่งนะเนี่ย
RED LETTER- จำนวนข้อความ : 266
Join date : 24/09/2009
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ