ข่าววันนี้ 20 ธค 52
หน้า 1 จาก 1
ข่าววันนี้ 20 ธค 52
"เตช บุนนาค" ให้คะแนน "กษิต" เกรด "เอ" ชี้เผยเอกสารลับราชการ ทำสัมพันธ์ไทย-เขมร "เลวลง"
"เตช" ชี้ส.ส.เพื่อไทยนำเอกสารลับของราชการมาเปิดเผยยิ่งทำให้สถาการณ์ระหว่าง เพื่อนบ้านแย่หนักไปกว่าเดิม ให้คะแนน "กษิต" ในฐานะรัฐมนตรีได้เกรด "เอ" http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261310824&grpid=00&catid=
"มาร์ค"ยันไม่ยุ่งคดียุบพรรคปชป. โยนกกต.รับผิดชอบ ก.ม.ม.ปูดแผน"แม้ว"ให้100ส.ส.พท.ลาออกบีบยุบสภา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261323767&grpid=00&catid=
"แม้ว"ทวิตถาม"สุรยุทธ์"พูดเองหรือใครอนุญาตพูด ยื่น3เงื่อนไขย้อนก่อนปฏิวัติ "มาร์ค"ย้ำต้องรับโทษก่อน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261318730&grpid=00&catid=
นายกฯมั่นใจเอกสารกต.ไม่ใช้แผนฆ่า ซัดบิดเบือนสร้างปัญหาระหว่างปท. "สุเทพ"ชี้"แม้ว"ทำทุกอย่างให้พ้นคดี
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261308305&grpid=00&catid=
พท.ขย่มซ้ำออกคำสั่งผิดกม.-ขัด รธน. มุ่งทำลายล้าง"แม้ว" "นพดล"อัด"กษิต" ทำลายเกียรติยศบัวแก้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261319842&grpid=00&catid=
"มาร์ค"ตีปี๊บผลงาน1ปีไม่ล้มเหลว ยันปีหน้าดันตั้ง"กองทุนออม-ภาษีที่ดิน" ห่วง"เสื้อแดง-แม้ว"ทำสะดุด
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261306270&grpid=00&catid=
พม.ขึงขันดันกม.เพิ่มโทษเอาผิดมาเฟีย "แก๊งใช้เด็กขอทาน" จำคุกสูง 5 ปี-ประหารชีวิต!!
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261308909&grpid=00&catid=
นายกฯยอมรับห่วงปัญหามาบตาพุดถ่วงศก.
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=16717:2009-12-20-03-46-06&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
ก.อุตฯ-พลังงานเผยผลกระทบ 65โครงการมาบตาพุด มูลค่า6แสนลบ.
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=16683:-65-6&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
เทพไทจี้จตุพรเลิกทำลายปท.
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=81531
นายกฯยัน1ปีรบ.ทำงานเต็มที่
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=81522
ปูดหนังสือลับบัวแก้วสั่งโต้ฮุนเซนกำจัดแม้ว
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81352
รุมต้านยกคำร้องยุบปชป
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81349
สาทิตย์สุดทนแจ้งจับมือมืด ตัดสัญญาณคอนเฟอเรนซ์
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81184
สุเทพเมินโต้ฮุนเซน เชื่อฟื้นสัมพันธ์ยาก
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81186
เขมรปัด3เงื่อนไขฟื้นสัมพันธ์
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81006
แม้วถกครม.เขมรเย้ยไทย
http://www.posttoday.com/politics.php?id=80820
"เตช" ชี้ส.ส.เพื่อไทยนำเอกสารลับของราชการมาเปิดเผยยิ่งทำให้สถาการณ์ระหว่าง เพื่อนบ้านแย่หนักไปกว่าเดิม ให้คะแนน "กษิต" ในฐานะรัฐมนตรีได้เกรด "เอ" http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261310824&grpid=00&catid=
"มาร์ค"ยันไม่ยุ่งคดียุบพรรคปชป. โยนกกต.รับผิดชอบ ก.ม.ม.ปูดแผน"แม้ว"ให้100ส.ส.พท.ลาออกบีบยุบสภา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261323767&grpid=00&catid=
"แม้ว"ทวิตถาม"สุรยุทธ์"พูดเองหรือใครอนุญาตพูด ยื่น3เงื่อนไขย้อนก่อนปฏิวัติ "มาร์ค"ย้ำต้องรับโทษก่อน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261318730&grpid=00&catid=
นายกฯมั่นใจเอกสารกต.ไม่ใช้แผนฆ่า ซัดบิดเบือนสร้างปัญหาระหว่างปท. "สุเทพ"ชี้"แม้ว"ทำทุกอย่างให้พ้นคดี
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261308305&grpid=00&catid=
พท.ขย่มซ้ำออกคำสั่งผิดกม.-ขัด รธน. มุ่งทำลายล้าง"แม้ว" "นพดล"อัด"กษิต" ทำลายเกียรติยศบัวแก้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261319842&grpid=00&catid=
"มาร์ค"ตีปี๊บผลงาน1ปีไม่ล้มเหลว ยันปีหน้าดันตั้ง"กองทุนออม-ภาษีที่ดิน" ห่วง"เสื้อแดง-แม้ว"ทำสะดุด
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261306270&grpid=00&catid=
พม.ขึงขันดันกม.เพิ่มโทษเอาผิดมาเฟีย "แก๊งใช้เด็กขอทาน" จำคุกสูง 5 ปี-ประหารชีวิต!!
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261308909&grpid=00&catid=
นายกฯยอมรับห่วงปัญหามาบตาพุดถ่วงศก.
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=16717:2009-12-20-03-46-06&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
ก.อุตฯ-พลังงานเผยผลกระทบ 65โครงการมาบตาพุด มูลค่า6แสนลบ.
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=16683:-65-6&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
เทพไทจี้จตุพรเลิกทำลายปท.
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=81531
นายกฯยัน1ปีรบ.ทำงานเต็มที่
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=81522
ปูดหนังสือลับบัวแก้วสั่งโต้ฮุนเซนกำจัดแม้ว
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81352
รุมต้านยกคำร้องยุบปชป
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81349
สาทิตย์สุดทนแจ้งจับมือมืด ตัดสัญญาณคอนเฟอเรนซ์
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81184
สุเทพเมินโต้ฮุนเซน เชื่อฟื้นสัมพันธ์ยาก
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81186
เขมรปัด3เงื่อนไขฟื้นสัมพันธ์
http://www.posttoday.com/politics.php?id=81006
แม้วถกครม.เขมรเย้ยไทย
http://www.posttoday.com/politics.php?id=80820
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ดับเครื่องชน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก อะไรและทำไม "ป๊อก-ป้อม" ต้อง ล้างบาง "ทหารสีแดง" ตามไปดูปมขัดแย้งที่ร้าวลึกที่มีเงาทะมึน ของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลัง
...18 ธันวาคม 2552 พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมายื่นหนังสือ พร้อมด้วยเอกสาร
ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้มีการสอบสวน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก
ในฐานความผิดกฎหมายอาญาทหาร จากกรณีข่มขู่และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เมื่อครั้งนายสมัคร สุนทรเวช
อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน และการออกรายการโทรทัศน์ข่มขู่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ยุบสภา
เสธ. แดง ลั่นวาจาว่า ถ้าจะสั่งพักราชการตน จะต้องสั่งพักราชการ พล.อ.อนุพงษ์ ด้วย เนื่องจากมีฐานความผิดเดียวกัน
รายงานพิเศษนี้ จะเจาะเบื้องลึกศึก "เสธ.แดง" วันที่ "ป๊อก-ป้อม"ไม่มีทางเลือก ล้างบาง "ทหารสีแดง"
ความสนิทสนมแนบแน่นของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กับพี่ใหญ่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รมว.กลาโหม บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. นั้นเป็นที่รับทราบรับรู้กันทั่ว
แม้ว่า ฝ่ายแรกจะเป็นสวมหมวกเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนักการเมืองคนสำคัญ และฝ่ายหลังเป็นผู้นำกองทัพ ที่เคยประกาศ
จะไม่ยุ่งการเมือง แต่ทว่า ก็ไม่สามารถรักษาระยะห่างกับนายสุเทพได้
การต้องทำงานประสานกันใกล้ชิด รวมทั้งการเดินเกมใต้ดิน เพื่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถือเป็น "ศัตรูร่วม"
ตั้งแต่ช่วยกันจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในค่ายทหาร เรื่อยมา ทำให้พวกเขายิ่งลึกซึ้ง
แต่ด้วยนายสุเทพรู้ดีว่า คนคุมอำนาจจริงๆ คือ พล.อ.อนุพงษ์ และคนที่เดินเกมต่างๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์ ทหารเสือราชินีตัวจริงคนนี้
เขาจึงทุ่มทุกอย่างให้
แถมซ้ำเจอกลยุทธ์เกาะติดหนึบของนายสุเทพ ที่เทียวไล้เทียวขื่อ เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาน้องป๊อกและน้องตู่ มากินข้าวกลางวัน คุยเรื่องลับ
ตกเย็นจิบไวน์ด้วยกัน
ยิ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมเสี่ยง ทำงานใต้ดินและบนดินกันมาตลอด จึงยิ่งทำให้พวกเขากลายเป็นดั่งเพื่อนและ
พี่น้องร่วมสาบาน ที่วัยไม่ต่างกันมาก ถึงขั้นที่นายสุเทพเคยพูดกลางวงว่า "พวกเราเป็นพี่น้องกัน"
แต่ทว่า หากต้องกรีดเลือดร่วมสาบาน ก็คงเห็นเลือดสีเหลืองที่เหมือนกัน โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังมีเลือดสีน้ำเงิน
แห่งความจงรักภักดีปนอยู่ด้วย
ในมิตรภาพนี้ ไม่ใช่แค่นายสุเทพ ที่กลายเป็นปากเสียงแทนทหาร คอยช่วยดูแลเรื่องงบประมาณให้ แต่บางอย่าง ฝ่ายบิ๊กทหารก็ยอม
ให้นายสุเทพ
ยิ่งเมื่อนายสุเทพเชิญร่วมโต๊ะมื้อเย็น โดยมีการประชุมหารือด้วย ทั้งที่ต้องควบคุมน้ำหนัก แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องยอม
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องรักษาสุขภาพ ก็ยังต้องมา
นอกจากจิ้มหยิบอะไรเข้าปากพอรองท้อง เพราะกลัวอ้วน พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องมีการดื่มและจิบ เพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งมิตรภาพ
และเพื่อให้การสนทนาออกรส
แต่ต้องหลังจากการคุยเรื่องงานหนักๆ ซีเรียสๆ ทั้งเรื่องคนที่อยู่ที่ดูไบ เรื่องเขมร และเสื้อแดงเสร็จแล้ว เพื่อจะได้พักผ่อนบ้าง
ด้วยการคุยเรื่องสนุกสนาน คลายเครียดกัน แต่ที่สุดเรื่องที่สนทนากันก็ไม่พ้นต้องวกกลับมาเรื่องการเมืองและทหารอยู่ดี
นอกจากเป็นคอไวน์เหมือนกันแล้ว ในบางอารมณ์ของการสนทนา เมื่อนายสุเทพชวนจิบวิสกี้ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์
ก็ยอมหันมาจิบวิสกี้ ตามประสาคอโซดาน้ำด้วยกัน แต่ไม่ได้จิบแบล็ค เลเบิ้ล เพราะระดับมหาอำนาจ ก็ต้องยกชั้นเป็น กรีน เลเบิ้ล
และ บลู เลเบิ้ล
ขนาดว่า สุขภาพร่างกายไม่สู้ดีนัก และต้องกินยาบำรุง วิตามิน หลังอาหาร แต่เมื่อเข้าสู่วงสนทนาวิสกี้สัมพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์
ก็จำต้องจิบ แต่ก็แค่พอเป็นพิธี เพื่อให้บรรยากาศแห่งการร่ำสุรา เป็นไปด้วยมิตรภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องกลายเป็นขุนพลแก้วเดียว
(ตลอดคืน)
ความแนบแน่นกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ยังทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ยอมไฟเขียวให้ ตั้ง เสธ.แก๊ก พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ หลานชาย
ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็น ผบ.ม.พัน 11 รอ. คุมกำลังรถถังปฏิวัติ ของ พล.ม.2 รอ. ที่สระบุรี
เพราะงานนี้ เป็นรายการ "คุณ (มาร์ค) ขอมา" ผ่านทาง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งถือว่ามีความใกล้ชิดมากที่สุดในบรรดาผู้นำทหาร 3 ป.
อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รอง ผบ.ทบ. ก็เป็นประธานการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับผู้บังคับกองพันด้วย แต่ท้ายที่สุด
ต้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ ลงนาม
แม้จะมีเสียงคัดค้าน ด้วยเหตุที่ พ.ท.พงศ์ณุภา ยังเด็ก เป็นเตรียมทหารรุ่น 33 ในขณะที่ผู้บังคับกองพันทหารม้าอื่นๆ ยังเป็นรุ่นพี่
รุ่น 27-29 ห่างกันหลายรุ่นอยู่ แต่จากคำขอที่จะเป็น ผบ.ม.พัน 1 รอ. คุมกำลังหลักในกรุงเทพฯ ก็จึงต้องให้ไปเป็น ม.พัน 11 รอ. แทน
จึงโยก พ.ท.ชัยยันต์ ปรีชา (ตท.26) จาก ผบ.ม.พัน 11 รอ. มาเป็น ผบ.ม.พัน 1 รอ. เพื่อหลีกทางให้หลานชายนายกฯ
เพราะด้วยสัมพันธ์เปรี้ยวกับนายอภิสิทธิ์ ที่ชอบฟังและเชื่อแกนนำสีเหลืองอย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น พล.อ.อนุพงษ์ แทบไม่อยาก
จะช่วย แต่เพราะมีนายสุเทพมาช่วยขออีกแรงหนึ่ง
ที่สำคัญ มีการหารือกันว่า จะเป็นการเริ่มต้นของการสร้างทายาท เวชชาชีวะ เพื่อคุมกำลังทหารม้าในกองทัพตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่จะเติบใหญ่
คุมกำลังในวันหน้า อันเป็นการส่งสัญญาณถึงการผนึกเป็นฝ่ายเดียวกัน พวกเดียวกันตลอดไปด้วยนั่นเอง
ไม่แค่นั้น โผโยกย้าย 153 ผู้พันล่าสุด ยังมีการเด้งล้างบางทหารสายสีแดงครั้งใหญ่ในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.)
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เคยสั่งเปลี่ยน ผู้พัน ปตอ. บางคน ไปแล้ว เพราะแค่ผู้หญิงที่สนิทสนมเป็นแกนนำเสื้อแดงแห่ง
เมืองนนท์
ทั้งๆ ที่ ผบ.หน่วย ไม่ได้เป็นสีแดง แต่แค่เพราะได้ชื่อว่าเป็น "เด็ก" ของ "บิ๊ก ย.ย." พล.ต.ยอดยุทธ บุญญาธิการ รอง ผบ.นปอ.
ซึ่งเป็น ผบ.พล.ปตอ. คนก่อน และมีความสนิทสนมกับ บิ๊กตู่ พล.อ.พรชัย กรานเลิศ อดีต ผช.ผบ.ทบ. เพื่อน ตท.10 ที่ สนิทสนมกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างมาก จนเคยถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ทบ. แต่ฝันสลายเพราะปฏิวัติ 19 กันยายน นั่นเอง
แถมความสัมพันธ์ ที่แม้จะเป็นทั้งเพื่อนตอนประถม-มัธยม ที่โรงเรียนพันธวัฒนา และเพื่อน ตท.10 ด้วยก็ตาม แต่การถูกปล้นเก้าอี้ ผบ.ทบ.
ที่เขาเกือบจะได้นั่ง ก็ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.พรชัย เดินกันคนละทาง และอยู่กันคนละสี
ดังนั้น โอกาสของ พล.ต.ยอดยุทธ ที่จะขึ้นเป็น ผบ.นปอ. จึงยิ่งริบหรี่ แม้ว่าจะเป็นทหารเก่ง สุขุม หรือเป็นเพื่อน ตท.12 ของ
พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตาม แต่ก็ทำให้ พล.ต.อำพล ชูประทุม ผบ.พล.ปตอ. คนปัจจุบัน เพื่อน ตท.12 มีโอกาสขึ้นมาแทน เขาจึงได้จัดทัพ
ผู้พันปตอ. ของเขาเองใหม่หมด ทั้งๆ ที่บางคนเป็นผู้พันมาแค่ 1-2 ปีเท่านั้น ที่ทำให้ พล.ปตอ. ระส่ำไม่น้อย
พ.ท.วุฒิศักดิ์ วิริยราชวัลลภ (ตท.31) ถูกย้ายจาก ผบ.ปตอ.พัน 2 เข้าเป็น ผช.ผอ.กองแผน นปอ. เป็นพันโทตามเดิม โดยให้
พ.ท.ธิษณ เกิดประเสริฐ (ตท.29) ขึ้นมาเป็น ผบ.ปตอ.พัน 2 แทน
พ.ท.ชาคริต คิดประเสริฐ (ตท.27) ผบ.ปตอ.พัน 3 ขยับเป็น พันเอก หัวหน้าส่วนปฏิบัติการศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ (ศภอ.ทบ.)
พ.ท.อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี (ตท.29) จาก ผบ.ปตอ.พัน 3 มาเป็น ผบ.ปตอ.พัน 6 เปิดทางให้ พ.ท.กานต์ รามศิริ (ตท.30) เป็น
ผบ.ปตอ.พัน 3
พ.ท.สรเดช สุริยกาญจน์ (ตท.28) ผบ.ปตอ.พัน 4 ขยับเป็น รอง เสธ.ปตอ.2 สลับตำแหน่งกับ พ.ท.โกศล โกศลยุทธศาสตร์ (ตท.27)
เป็น ผบ.ปตอ.พัน 4 พ.ท.นพพล พลภัทรพิจารณ์ (ตท.29) ผบ.ปตอ.พัน 5 เป็น รอง เสธ.ปตอ.1 แล้วให้ พ.ท.สุรสีห์ ศรีวณิชย์ (ตท.30)
เป็น ผบ.ปตอ.พัน 5 แทน
ที่ยิ่งต้องระส่ำกันกว่านั้น ก็คือ นายสุเทพ ได้กลายเป็น "แหล่งข่าว" ชั้นดีให้ฝ่ายทหาร ในการตรวจสอบทหารสีแดง เพราะนายสุเทพ
มักมีข่าววงในเรื่องนายทหารคนนั้นคนนี้มากระซิบเสมอๆ ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ หูตาสว่างขึ้น โดยเฉพาะทหารแอบแดง
จึงไม่แปลกที่จะมีการจับตาและเช็กชื่อทหารที่แอบไปเยี่ยม บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. ที่ประสบอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ข้อเท้าแตก ตั้งแต่นอนโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ จนกลับไปพักต่อที่บ้าน ใน ร.1 รอ. จนลูกน้องเก่าๆ ที่อยู่ในตำแหน่งหรือ
ลุ้นเก้าอี้อยู่ ไม่กล้าไปเยี่ยม บ้างก็ต้องใช้แค่การโทรศัพท์ไปให้กำลังใจเท่านั้น
แต่ภารกิจสำคัญเฉพาะหน้าก็คือ การจัดการทหารสีแดงเปิดเผย อย่าง เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ.
ที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้คิดจะเอาจริงอะไร เพราะ พล.ต.ขัตติยะ ก่อมาหลายเรื่องหลายคดี ตั้งแต่การไปจัดตั้ง "นักรบพระเจ้าตาก"
ฝึกการ์ดให้กลุ่มเสื้อแดง และให้สัมภาษณ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา จนตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ก็แค่ตักเตือน แล้วมอบงานด้านการส่งเสริม
สุขภาพและการกีฬา ที่กลายเป็นเรื่องขำๆ จน เสธ.แดง โวยว่า เอาทหารนักรบมาเต้นแอโรบิค มาแล้ว
แต่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่องของ พล.ต.ขัตติยะ โดยเฉพาะเมื่อโผล่ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ถึงที่ จ.เสียมราฐ ของกัมพูชา แถมจับไม้จับมือกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในยามที่สัมพันธ์สองประเทศกำลังปริแตก
ตามมาด้วยเหตุ "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" ลอบยิง เอ็ม79 ใส่เวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามหลวง โดยเฉพาะเป็นตอนที่
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ ขึ้นปราศรัยบนเวทีพอดี จนมาถึงการเดินทางไปดูไบ
จนถึงการปูดข่าวอดีตทหารพรานมาร่วมเป็นการ์ดให้ม็อบเสื้อแดง จน พล.อ.อนุพงษ์ ต้องบินไปถึงค่ายปักธงชัย เตือนสติไม่ให้ทหารพราน
และอดีตทหารพราน เลือกสี และให้ปฏิญาณตนที่จะไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมมอบเงินสวัสดิการให้ 5 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ผ่านมา
ทหารพรานและอดีตทหารพราน ถูกละเลยมาตลอด
แต่ที่สุด พล.ต.ขัตติยะ ก็ยังพาอดีตทหารพราน สวมชุดนักรบชุดดำ เกือบ 200 คน มาร่วมม็อบเสื้อแดง 10 ธันวาคม เข้าจนได้
ที่เป็นการทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ เสียหน้าอย่างยิ่ง อีกทั้ง พล.ต.ขัตติยะ ยังให้สัมภาษณ์ในเชิงข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ ว่า
"ระวังจะออกจาก บก.ทบ. ไม่ได้"
รวมถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ เรียกร้องและกดดันให้จัดการ พล.ต.ขัตติยะ อย่างจริงจัง โดยดักคอเรื่องหลิ่วตาข้างหนึ่ง
เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ไม่ชอบกลุ่มพันธมิตรฯ และนายสนธิ อยู่แล้ว เพราะด่าและโจมตีเขามาตลอด
แถมทั้งนายสุเทพเอ่ยปากถามเรื่อง เสธ.แดง จึงทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องเร่งสรุปผลการสอบสวนคดีต่างๆ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
จนทำให้ พล.ต.ขัตติยะ โวยว่า ยังไม่มีการสอบสวนเรื่องใหม่ มีแต่คดีเก่าที่เขาวิจารณ์ พล.อ.อนุพงษ์ ว่า "หน่อมแน้ม"
ที่ยังสอบไม่เสร็จ แต่กลับเหมารวมเขมรและทหารพราน มั่วรวมแล้วส่งสรุปผลไปให้ รมว.กลาโหม โดยเฉพาะเสนอให้พักราชการ
ก่อนที่จะฟ้องคดีอาญาทหารต่อ
ที่ยิ่งทำให้ พล.ต.ขัตติยะ โกรธ ยิ่งเมื่อเขาเองเป็น ตท.11 ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ตท.10 แต่เคยเรียนโรงเรียนกวดวิชา "อโณมา"
สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารมาด้วยกัน จึงทำให้ เสธ.แดง มักจะหลุดปากเรียก พล.อ.อนุพงษ์ ว่า "ไอ้ป๊อก" เสมอ แถมขู่ซ้ำหลายครั้ง
แต่ฝ่าย พล.อ.อนุพงษ์ ไม่พอใจกับสายใยเพื่อนนี้
"ผมแทบจะไม่ได้คุยกับมันเลย ไม่เคยไปกินข้าวกันเลยด้วยซ้ำ มันจะเป็นเพื่อนผมได้ยังไง รุ่น 11 ที่เป็นเพื่อนผม ก็มีแค่
น้อย (พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ.) และ ติ๋ว (พล.ต.ไตรรัตน์ ไตรรังครัตน ผบ.ศม.) เท่านั้น"
คำพูดของ พล.ต.ขัตติยะ ใครอาจจะคิดเป็นแค่คำขู่ แต่นายทหารอย่าง เสธ.แดง ไมมีใครวางใจได้ ไม่มีใครอยากไปเล่นด้วย
เพราะเขาทำอะไรก็ได้จริงๆ ยิ่งเขามีลูกน้องและอาวุธในมือ
ทว่า มันก็เป็นเรื่องหน้าตา และศักดิ์ศรีของคนเป็น ผบ.ทบ. และเพื่อระเบียบวินัยทหาร พล.อ.อนุพงษ์ ไม่มีทางเลือกอื่น
ฝ่าย พล.อ.ประวิตร เอง เดิมก็ไม่คิดจะเล่นงานอะไร เสธ.แดง แต่กระแสสังคมกดดัน รวมทั้ง ทบ. ได้เสนอลงโทษมา พล.อ.ประวิตร
ก็ดูจะไม่มีทางเลือกอื่นใดเช่นกัน
สัมพันธ์ลึกของนายสุเทพ กับ พล.อ.อนุพงษ์ ยังทำให้ ทบ. สะเทือน เพราะแม้แต่เรื่องเล็กๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ก็ไม่พ้น
แถมทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ โกรธจัด เพราะทำให้รู้ว่าถูกลูกน้องหลอก เรื่องการรายงานเท็จจำนวนปืนที่ถูกขบวนการก่อความไม่สงบ
ยึดไปจากการโจมตีฐานทหารที่ จ.ปัตตานี จนต้องสั่งให้ ฉก.ปัตตานี ตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ เนื่องจากชาวบ้านที่เป็นฐานเสียง
ในพื้นที่กระซิบให้นายสุเทพ รับทราบ ก่อนแจ้งให้ พล.อ.อนุพงษ์ ตรวจสอบ
แต่ทว่า การให้ ผบ.ฉก.ปัตตานี ซึ่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 มาสอบสวน กำลังพลที่เป็นของกองทัพภาคที่ 4 ก็ทำให้เกิดปัญหา
วิพากษ์วิจารณ์กันทั่ว และส่งผลให้วิจารณ์ถึงต้นตอที่มาของคำสั่งของ ผบ.ทบ. อีกด้วย
สายสัมพันธ์ของนายสุเทพกับบิ๊กๆ ทหาร พบปะเจอกันเกือบทุกวันแบบนี้ จึงมีข่าวว่าหลังบ้านเริ่มเหล่ เพราะทำให้ไม่มีเวลาให้ครอบครัว
เท่าที่ควร แม้พวกเธอจะเข้าใจเรื่องภารกิจที่หนักหนาสาหัสท่ามกลางการเมืองร้อนแรงแสนวุ่นวายก็ตาม แต่อย่างน้อย ก็ขอวันอาทิตย์
เป็นวันครอบครัวสักวัน
ที่สำคัญ ทั้งสามเกลอ ล้วนเป็นคน "เมียสวย" ทั้งสิ้น เพราะนายสุเทพ ก็มีภริยารวยสวยสง่าอย่าง นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ อันเป็นเหตุผลว่า
ทำไมนายสุเทพจึงเลือกข้าง นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พี่ภริยา มาตลอด กรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ และ
เป็นคู่แฝดการเมืองที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ ก็มี คุณอุ๊ กุลยา เผ่าจินดา ภริยาหน้าหวานหุ่นทรมานใจชาย อดีตเจ้าของร้านเสริมสวย และมีสายวงศ์วานกับตระกูล
ดิษยนันท์ และกัลย์จากฤก ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีภริยาสูงชะลูดเด่นเป็นสง่า อย่าง อาจารย์น้อง รศ.นวพร จันทร์โอชา
อาจารย์ภาษาอังกฤษแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แต่ดูท่าว่า ทั้งสามเกลอนี้ จะมีความเหมือนกันอีกอย่างคือ เป็นโรคเกรงใจภริยา เพราะเป็นสาว "สวยดุ" ทั้งสิ้น
คงมีแต่ พล.อ.ประวิตร เท่านั้นที่ยังเป็นหนุ่มโสด ไม่เคยแต่งงาน ด้วยเพราะกว่าจะมีเวลาหาผู้หญิงที่คู่ควร ก็เป็นแม่ทัพแล้ว
ด้วยเพราะใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนบูรพามาตลอด จนต้องมีประโยคแก้เกี้ยวติดปากเสมอว่า "ซื้อกิน" ทั้งๆ ที่ความจริง พล.อ.ประวิตร
มีสาวๆ ที่แอบหมายปองเขาอยู่หลายคน ถึงขั้นที่ในอดีต คุณหญิงอ้อ พจมาน ชินวัตร เคยจะเป็นแม่สื่อจับคู่ให้มาแล้ว แต่ พล.อ.ประวิตร
ไม่ชอบ "แม่ม่าย" แต่ต้องเป็นสาวเท่านั้น ไม่ว่าจะอายุห่างกันเท่าใดก็ไม่เกี่ยง
ในช่วงเกษียณราชการ 2-3 ปีที่ผ่านมา นี่กระมัง ที่ พล.อ.ประวิตร เริ่มมีหัวใจสีชมพู เพราะตกหลุมรักสาวในวงการสื่อ แต่ก็ยังอยู่ใน
แวดวงทหาร จนถึงขั้นที่มีการเปิดตัวเป็นวงในกันมานานแล้ว แบบที่ใครๆ ต้องอิจฉา เพราะวัย 64 เช่นนี้ พล.อ.ประวิตร ก็คิดหนัก
หากจะต้องมาเข้าพิธีวิวาห์ แถมสาวเจ้าก็สวยเก่ง เป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ที่ไม่รู้ลึก
ดังนั้น ถ้ามีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร เดินควงสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดของทหารใหญ่โสดสนิท
"ก็ผมยังไม่ได้แต่งงานนี่" บิ๊กป้อม ออกตัว แต่ทว่า เวลานี้ ควงได้แค่คนเดียวเท่านั้น เพราะ สวยดุ เช่นกัน
เรื่อง สีเลือดนั้น ไม่ต้องห่วงว่าพี่น้องร่วมสาบานกลุ่มนี้จะสีอะไร เพราะมีจุดยืนเดียวกัน ส่วนหัวใจใครจะสีอะไร มีกี่ห้อง และมีห้องว่างหรือไม่
เป็นเรื่องตัวใครตัวมัน...
ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้มีการสอบสวน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก
ในฐานความผิดกฎหมายอาญาทหาร จากกรณีข่มขู่และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เมื่อครั้งนายสมัคร สุนทรเวช
อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน และการออกรายการโทรทัศน์ข่มขู่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ยุบสภา
เสธ. แดง ลั่นวาจาว่า ถ้าจะสั่งพักราชการตน จะต้องสั่งพักราชการ พล.อ.อนุพงษ์ ด้วย เนื่องจากมีฐานความผิดเดียวกัน
รายงานพิเศษนี้ จะเจาะเบื้องลึกศึก "เสธ.แดง" วันที่ "ป๊อก-ป้อม"ไม่มีทางเลือก ล้างบาง "ทหารสีแดง"
ความสนิทสนมแนบแน่นของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กับพี่ใหญ่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รมว.กลาโหม บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. นั้นเป็นที่รับทราบรับรู้กันทั่ว
แม้ว่า ฝ่ายแรกจะเป็นสวมหมวกเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนักการเมืองคนสำคัญ และฝ่ายหลังเป็นผู้นำกองทัพ ที่เคยประกาศ
จะไม่ยุ่งการเมือง แต่ทว่า ก็ไม่สามารถรักษาระยะห่างกับนายสุเทพได้
การต้องทำงานประสานกันใกล้ชิด รวมทั้งการเดินเกมใต้ดิน เพื่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถือเป็น "ศัตรูร่วม"
ตั้งแต่ช่วยกันจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในค่ายทหาร เรื่อยมา ทำให้พวกเขายิ่งลึกซึ้ง
แต่ด้วยนายสุเทพรู้ดีว่า คนคุมอำนาจจริงๆ คือ พล.อ.อนุพงษ์ และคนที่เดินเกมต่างๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์ ทหารเสือราชินีตัวจริงคนนี้
เขาจึงทุ่มทุกอย่างให้
แถมซ้ำเจอกลยุทธ์เกาะติดหนึบของนายสุเทพ ที่เทียวไล้เทียวขื่อ เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาน้องป๊อกและน้องตู่ มากินข้าวกลางวัน คุยเรื่องลับ
ตกเย็นจิบไวน์ด้วยกัน
ยิ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมเสี่ยง ทำงานใต้ดินและบนดินกันมาตลอด จึงยิ่งทำให้พวกเขากลายเป็นดั่งเพื่อนและ
พี่น้องร่วมสาบาน ที่วัยไม่ต่างกันมาก ถึงขั้นที่นายสุเทพเคยพูดกลางวงว่า "พวกเราเป็นพี่น้องกัน"
แต่ทว่า หากต้องกรีดเลือดร่วมสาบาน ก็คงเห็นเลือดสีเหลืองที่เหมือนกัน โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังมีเลือดสีน้ำเงิน
แห่งความจงรักภักดีปนอยู่ด้วย
ในมิตรภาพนี้ ไม่ใช่แค่นายสุเทพ ที่กลายเป็นปากเสียงแทนทหาร คอยช่วยดูแลเรื่องงบประมาณให้ แต่บางอย่าง ฝ่ายบิ๊กทหารก็ยอม
ให้นายสุเทพ
ยิ่งเมื่อนายสุเทพเชิญร่วมโต๊ะมื้อเย็น โดยมีการประชุมหารือด้วย ทั้งที่ต้องควบคุมน้ำหนัก แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องยอม
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องรักษาสุขภาพ ก็ยังต้องมา
นอกจากจิ้มหยิบอะไรเข้าปากพอรองท้อง เพราะกลัวอ้วน พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องมีการดื่มและจิบ เพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งมิตรภาพ
และเพื่อให้การสนทนาออกรส
แต่ต้องหลังจากการคุยเรื่องงานหนักๆ ซีเรียสๆ ทั้งเรื่องคนที่อยู่ที่ดูไบ เรื่องเขมร และเสื้อแดงเสร็จแล้ว เพื่อจะได้พักผ่อนบ้าง
ด้วยการคุยเรื่องสนุกสนาน คลายเครียดกัน แต่ที่สุดเรื่องที่สนทนากันก็ไม่พ้นต้องวกกลับมาเรื่องการเมืองและทหารอยู่ดี
นอกจากเป็นคอไวน์เหมือนกันแล้ว ในบางอารมณ์ของการสนทนา เมื่อนายสุเทพชวนจิบวิสกี้ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์
ก็ยอมหันมาจิบวิสกี้ ตามประสาคอโซดาน้ำด้วยกัน แต่ไม่ได้จิบแบล็ค เลเบิ้ล เพราะระดับมหาอำนาจ ก็ต้องยกชั้นเป็น กรีน เลเบิ้ล
และ บลู เลเบิ้ล
ขนาดว่า สุขภาพร่างกายไม่สู้ดีนัก และต้องกินยาบำรุง วิตามิน หลังอาหาร แต่เมื่อเข้าสู่วงสนทนาวิสกี้สัมพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์
ก็จำต้องจิบ แต่ก็แค่พอเป็นพิธี เพื่อให้บรรยากาศแห่งการร่ำสุรา เป็นไปด้วยมิตรภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องกลายเป็นขุนพลแก้วเดียว
(ตลอดคืน)
ความแนบแน่นกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ยังทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ยอมไฟเขียวให้ ตั้ง เสธ.แก๊ก พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ หลานชาย
ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็น ผบ.ม.พัน 11 รอ. คุมกำลังรถถังปฏิวัติ ของ พล.ม.2 รอ. ที่สระบุรี
เพราะงานนี้ เป็นรายการ "คุณ (มาร์ค) ขอมา" ผ่านทาง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งถือว่ามีความใกล้ชิดมากที่สุดในบรรดาผู้นำทหาร 3 ป.
อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รอง ผบ.ทบ. ก็เป็นประธานการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับผู้บังคับกองพันด้วย แต่ท้ายที่สุด
ต้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ ลงนาม
แม้จะมีเสียงคัดค้าน ด้วยเหตุที่ พ.ท.พงศ์ณุภา ยังเด็ก เป็นเตรียมทหารรุ่น 33 ในขณะที่ผู้บังคับกองพันทหารม้าอื่นๆ ยังเป็นรุ่นพี่
รุ่น 27-29 ห่างกันหลายรุ่นอยู่ แต่จากคำขอที่จะเป็น ผบ.ม.พัน 1 รอ. คุมกำลังหลักในกรุงเทพฯ ก็จึงต้องให้ไปเป็น ม.พัน 11 รอ. แทน
จึงโยก พ.ท.ชัยยันต์ ปรีชา (ตท.26) จาก ผบ.ม.พัน 11 รอ. มาเป็น ผบ.ม.พัน 1 รอ. เพื่อหลีกทางให้หลานชายนายกฯ
เพราะด้วยสัมพันธ์เปรี้ยวกับนายอภิสิทธิ์ ที่ชอบฟังและเชื่อแกนนำสีเหลืองอย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น พล.อ.อนุพงษ์ แทบไม่อยาก
จะช่วย แต่เพราะมีนายสุเทพมาช่วยขออีกแรงหนึ่ง
ที่สำคัญ มีการหารือกันว่า จะเป็นการเริ่มต้นของการสร้างทายาท เวชชาชีวะ เพื่อคุมกำลังทหารม้าในกองทัพตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่จะเติบใหญ่
คุมกำลังในวันหน้า อันเป็นการส่งสัญญาณถึงการผนึกเป็นฝ่ายเดียวกัน พวกเดียวกันตลอดไปด้วยนั่นเอง
ไม่แค่นั้น โผโยกย้าย 153 ผู้พันล่าสุด ยังมีการเด้งล้างบางทหารสายสีแดงครั้งใหญ่ในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.)
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เคยสั่งเปลี่ยน ผู้พัน ปตอ. บางคน ไปแล้ว เพราะแค่ผู้หญิงที่สนิทสนมเป็นแกนนำเสื้อแดงแห่ง
เมืองนนท์
ทั้งๆ ที่ ผบ.หน่วย ไม่ได้เป็นสีแดง แต่แค่เพราะได้ชื่อว่าเป็น "เด็ก" ของ "บิ๊ก ย.ย." พล.ต.ยอดยุทธ บุญญาธิการ รอง ผบ.นปอ.
ซึ่งเป็น ผบ.พล.ปตอ. คนก่อน และมีความสนิทสนมกับ บิ๊กตู่ พล.อ.พรชัย กรานเลิศ อดีต ผช.ผบ.ทบ. เพื่อน ตท.10 ที่ สนิทสนมกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างมาก จนเคยถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ทบ. แต่ฝันสลายเพราะปฏิวัติ 19 กันยายน นั่นเอง
แถมความสัมพันธ์ ที่แม้จะเป็นทั้งเพื่อนตอนประถม-มัธยม ที่โรงเรียนพันธวัฒนา และเพื่อน ตท.10 ด้วยก็ตาม แต่การถูกปล้นเก้าอี้ ผบ.ทบ.
ที่เขาเกือบจะได้นั่ง ก็ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.พรชัย เดินกันคนละทาง และอยู่กันคนละสี
ดังนั้น โอกาสของ พล.ต.ยอดยุทธ ที่จะขึ้นเป็น ผบ.นปอ. จึงยิ่งริบหรี่ แม้ว่าจะเป็นทหารเก่ง สุขุม หรือเป็นเพื่อน ตท.12 ของ
พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตาม แต่ก็ทำให้ พล.ต.อำพล ชูประทุม ผบ.พล.ปตอ. คนปัจจุบัน เพื่อน ตท.12 มีโอกาสขึ้นมาแทน เขาจึงได้จัดทัพ
ผู้พันปตอ. ของเขาเองใหม่หมด ทั้งๆ ที่บางคนเป็นผู้พันมาแค่ 1-2 ปีเท่านั้น ที่ทำให้ พล.ปตอ. ระส่ำไม่น้อย
พ.ท.วุฒิศักดิ์ วิริยราชวัลลภ (ตท.31) ถูกย้ายจาก ผบ.ปตอ.พัน 2 เข้าเป็น ผช.ผอ.กองแผน นปอ. เป็นพันโทตามเดิม โดยให้
พ.ท.ธิษณ เกิดประเสริฐ (ตท.29) ขึ้นมาเป็น ผบ.ปตอ.พัน 2 แทน
พ.ท.ชาคริต คิดประเสริฐ (ตท.27) ผบ.ปตอ.พัน 3 ขยับเป็น พันเอก หัวหน้าส่วนปฏิบัติการศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ (ศภอ.ทบ.)
พ.ท.อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี (ตท.29) จาก ผบ.ปตอ.พัน 3 มาเป็น ผบ.ปตอ.พัน 6 เปิดทางให้ พ.ท.กานต์ รามศิริ (ตท.30) เป็น
ผบ.ปตอ.พัน 3
พ.ท.สรเดช สุริยกาญจน์ (ตท.28) ผบ.ปตอ.พัน 4 ขยับเป็น รอง เสธ.ปตอ.2 สลับตำแหน่งกับ พ.ท.โกศล โกศลยุทธศาสตร์ (ตท.27)
เป็น ผบ.ปตอ.พัน 4 พ.ท.นพพล พลภัทรพิจารณ์ (ตท.29) ผบ.ปตอ.พัน 5 เป็น รอง เสธ.ปตอ.1 แล้วให้ พ.ท.สุรสีห์ ศรีวณิชย์ (ตท.30)
เป็น ผบ.ปตอ.พัน 5 แทน
ที่ยิ่งต้องระส่ำกันกว่านั้น ก็คือ นายสุเทพ ได้กลายเป็น "แหล่งข่าว" ชั้นดีให้ฝ่ายทหาร ในการตรวจสอบทหารสีแดง เพราะนายสุเทพ
มักมีข่าววงในเรื่องนายทหารคนนั้นคนนี้มากระซิบเสมอๆ ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ หูตาสว่างขึ้น โดยเฉพาะทหารแอบแดง
จึงไม่แปลกที่จะมีการจับตาและเช็กชื่อทหารที่แอบไปเยี่ยม บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. ที่ประสบอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ข้อเท้าแตก ตั้งแต่นอนโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ จนกลับไปพักต่อที่บ้าน ใน ร.1 รอ. จนลูกน้องเก่าๆ ที่อยู่ในตำแหน่งหรือ
ลุ้นเก้าอี้อยู่ ไม่กล้าไปเยี่ยม บ้างก็ต้องใช้แค่การโทรศัพท์ไปให้กำลังใจเท่านั้น
แต่ภารกิจสำคัญเฉพาะหน้าก็คือ การจัดการทหารสีแดงเปิดเผย อย่าง เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ.
ที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้คิดจะเอาจริงอะไร เพราะ พล.ต.ขัตติยะ ก่อมาหลายเรื่องหลายคดี ตั้งแต่การไปจัดตั้ง "นักรบพระเจ้าตาก"
ฝึกการ์ดให้กลุ่มเสื้อแดง และให้สัมภาษณ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา จนตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ก็แค่ตักเตือน แล้วมอบงานด้านการส่งเสริม
สุขภาพและการกีฬา ที่กลายเป็นเรื่องขำๆ จน เสธ.แดง โวยว่า เอาทหารนักรบมาเต้นแอโรบิค มาแล้ว
แต่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่องของ พล.ต.ขัตติยะ โดยเฉพาะเมื่อโผล่ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ถึงที่ จ.เสียมราฐ ของกัมพูชา แถมจับไม้จับมือกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในยามที่สัมพันธ์สองประเทศกำลังปริแตก
ตามมาด้วยเหตุ "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" ลอบยิง เอ็ม79 ใส่เวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามหลวง โดยเฉพาะเป็นตอนที่
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ ขึ้นปราศรัยบนเวทีพอดี จนมาถึงการเดินทางไปดูไบ
จนถึงการปูดข่าวอดีตทหารพรานมาร่วมเป็นการ์ดให้ม็อบเสื้อแดง จน พล.อ.อนุพงษ์ ต้องบินไปถึงค่ายปักธงชัย เตือนสติไม่ให้ทหารพราน
และอดีตทหารพราน เลือกสี และให้ปฏิญาณตนที่จะไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมมอบเงินสวัสดิการให้ 5 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ผ่านมา
ทหารพรานและอดีตทหารพราน ถูกละเลยมาตลอด
แต่ที่สุด พล.ต.ขัตติยะ ก็ยังพาอดีตทหารพราน สวมชุดนักรบชุดดำ เกือบ 200 คน มาร่วมม็อบเสื้อแดง 10 ธันวาคม เข้าจนได้
ที่เป็นการทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ เสียหน้าอย่างยิ่ง อีกทั้ง พล.ต.ขัตติยะ ยังให้สัมภาษณ์ในเชิงข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ ว่า
"ระวังจะออกจาก บก.ทบ. ไม่ได้"
รวมถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ เรียกร้องและกดดันให้จัดการ พล.ต.ขัตติยะ อย่างจริงจัง โดยดักคอเรื่องหลิ่วตาข้างหนึ่ง
เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ไม่ชอบกลุ่มพันธมิตรฯ และนายสนธิ อยู่แล้ว เพราะด่าและโจมตีเขามาตลอด
แถมทั้งนายสุเทพเอ่ยปากถามเรื่อง เสธ.แดง จึงทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องเร่งสรุปผลการสอบสวนคดีต่างๆ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
จนทำให้ พล.ต.ขัตติยะ โวยว่า ยังไม่มีการสอบสวนเรื่องใหม่ มีแต่คดีเก่าที่เขาวิจารณ์ พล.อ.อนุพงษ์ ว่า "หน่อมแน้ม"
ที่ยังสอบไม่เสร็จ แต่กลับเหมารวมเขมรและทหารพราน มั่วรวมแล้วส่งสรุปผลไปให้ รมว.กลาโหม โดยเฉพาะเสนอให้พักราชการ
ก่อนที่จะฟ้องคดีอาญาทหารต่อ
ที่ยิ่งทำให้ พล.ต.ขัตติยะ โกรธ ยิ่งเมื่อเขาเองเป็น ตท.11 ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ตท.10 แต่เคยเรียนโรงเรียนกวดวิชา "อโณมา"
สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารมาด้วยกัน จึงทำให้ เสธ.แดง มักจะหลุดปากเรียก พล.อ.อนุพงษ์ ว่า "ไอ้ป๊อก" เสมอ แถมขู่ซ้ำหลายครั้ง
แต่ฝ่าย พล.อ.อนุพงษ์ ไม่พอใจกับสายใยเพื่อนนี้
"ผมแทบจะไม่ได้คุยกับมันเลย ไม่เคยไปกินข้าวกันเลยด้วยซ้ำ มันจะเป็นเพื่อนผมได้ยังไง รุ่น 11 ที่เป็นเพื่อนผม ก็มีแค่
น้อย (พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ.) และ ติ๋ว (พล.ต.ไตรรัตน์ ไตรรังครัตน ผบ.ศม.) เท่านั้น"
คำพูดของ พล.ต.ขัตติยะ ใครอาจจะคิดเป็นแค่คำขู่ แต่นายทหารอย่าง เสธ.แดง ไมมีใครวางใจได้ ไม่มีใครอยากไปเล่นด้วย
เพราะเขาทำอะไรก็ได้จริงๆ ยิ่งเขามีลูกน้องและอาวุธในมือ
ทว่า มันก็เป็นเรื่องหน้าตา และศักดิ์ศรีของคนเป็น ผบ.ทบ. และเพื่อระเบียบวินัยทหาร พล.อ.อนุพงษ์ ไม่มีทางเลือกอื่น
ฝ่าย พล.อ.ประวิตร เอง เดิมก็ไม่คิดจะเล่นงานอะไร เสธ.แดง แต่กระแสสังคมกดดัน รวมทั้ง ทบ. ได้เสนอลงโทษมา พล.อ.ประวิตร
ก็ดูจะไม่มีทางเลือกอื่นใดเช่นกัน
สัมพันธ์ลึกของนายสุเทพ กับ พล.อ.อนุพงษ์ ยังทำให้ ทบ. สะเทือน เพราะแม้แต่เรื่องเล็กๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ก็ไม่พ้น
แถมทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ โกรธจัด เพราะทำให้รู้ว่าถูกลูกน้องหลอก เรื่องการรายงานเท็จจำนวนปืนที่ถูกขบวนการก่อความไม่สงบ
ยึดไปจากการโจมตีฐานทหารที่ จ.ปัตตานี จนต้องสั่งให้ ฉก.ปัตตานี ตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ เนื่องจากชาวบ้านที่เป็นฐานเสียง
ในพื้นที่กระซิบให้นายสุเทพ รับทราบ ก่อนแจ้งให้ พล.อ.อนุพงษ์ ตรวจสอบ
แต่ทว่า การให้ ผบ.ฉก.ปัตตานี ซึ่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 มาสอบสวน กำลังพลที่เป็นของกองทัพภาคที่ 4 ก็ทำให้เกิดปัญหา
วิพากษ์วิจารณ์กันทั่ว และส่งผลให้วิจารณ์ถึงต้นตอที่มาของคำสั่งของ ผบ.ทบ. อีกด้วย
สายสัมพันธ์ของนายสุเทพกับบิ๊กๆ ทหาร พบปะเจอกันเกือบทุกวันแบบนี้ จึงมีข่าวว่าหลังบ้านเริ่มเหล่ เพราะทำให้ไม่มีเวลาให้ครอบครัว
เท่าที่ควร แม้พวกเธอจะเข้าใจเรื่องภารกิจที่หนักหนาสาหัสท่ามกลางการเมืองร้อนแรงแสนวุ่นวายก็ตาม แต่อย่างน้อย ก็ขอวันอาทิตย์
เป็นวันครอบครัวสักวัน
ที่สำคัญ ทั้งสามเกลอ ล้วนเป็นคน "เมียสวย" ทั้งสิ้น เพราะนายสุเทพ ก็มีภริยารวยสวยสง่าอย่าง นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ อันเป็นเหตุผลว่า
ทำไมนายสุเทพจึงเลือกข้าง นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พี่ภริยา มาตลอด กรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ และ
เป็นคู่แฝดการเมืองที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ ก็มี คุณอุ๊ กุลยา เผ่าจินดา ภริยาหน้าหวานหุ่นทรมานใจชาย อดีตเจ้าของร้านเสริมสวย และมีสายวงศ์วานกับตระกูล
ดิษยนันท์ และกัลย์จากฤก ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีภริยาสูงชะลูดเด่นเป็นสง่า อย่าง อาจารย์น้อง รศ.นวพร จันทร์โอชา
อาจารย์ภาษาอังกฤษแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แต่ดูท่าว่า ทั้งสามเกลอนี้ จะมีความเหมือนกันอีกอย่างคือ เป็นโรคเกรงใจภริยา เพราะเป็นสาว "สวยดุ" ทั้งสิ้น
คงมีแต่ พล.อ.ประวิตร เท่านั้นที่ยังเป็นหนุ่มโสด ไม่เคยแต่งงาน ด้วยเพราะกว่าจะมีเวลาหาผู้หญิงที่คู่ควร ก็เป็นแม่ทัพแล้ว
ด้วยเพราะใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนบูรพามาตลอด จนต้องมีประโยคแก้เกี้ยวติดปากเสมอว่า "ซื้อกิน" ทั้งๆ ที่ความจริง พล.อ.ประวิตร
มีสาวๆ ที่แอบหมายปองเขาอยู่หลายคน ถึงขั้นที่ในอดีต คุณหญิงอ้อ พจมาน ชินวัตร เคยจะเป็นแม่สื่อจับคู่ให้มาแล้ว แต่ พล.อ.ประวิตร
ไม่ชอบ "แม่ม่าย" แต่ต้องเป็นสาวเท่านั้น ไม่ว่าจะอายุห่างกันเท่าใดก็ไม่เกี่ยง
ในช่วงเกษียณราชการ 2-3 ปีที่ผ่านมา นี่กระมัง ที่ พล.อ.ประวิตร เริ่มมีหัวใจสีชมพู เพราะตกหลุมรักสาวในวงการสื่อ แต่ก็ยังอยู่ใน
แวดวงทหาร จนถึงขั้นที่มีการเปิดตัวเป็นวงในกันมานานแล้ว แบบที่ใครๆ ต้องอิจฉา เพราะวัย 64 เช่นนี้ พล.อ.ประวิตร ก็คิดหนัก
หากจะต้องมาเข้าพิธีวิวาห์ แถมสาวเจ้าก็สวยเก่ง เป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ที่ไม่รู้ลึก
ดังนั้น ถ้ามีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร เดินควงสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดของทหารใหญ่โสดสนิท
"ก็ผมยังไม่ได้แต่งงานนี่" บิ๊กป้อม ออกตัว แต่ทว่า เวลานี้ ควงได้แค่คนเดียวเท่านั้น เพราะ สวยดุ เช่นกัน
เรื่อง สีเลือดนั้น ไม่ต้องห่วงว่าพี่น้องร่วมสาบานกลุ่มนี้จะสีอะไร เพราะมีจุดยืนเดียวกัน ส่วนหัวใจใครจะสีอะไร มีกี่ห้อง และมีห้องว่างหรือไม่
เป็นเรื่องตัวใครตัวมัน...
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ