ขอเพียงเศษเสี้ยว หนึ่งของความรักในวันวาเลนไทน์ให้ผู้หญิงที่ชื่อ “ดา ตอปิโด”
หน้า 1 จาก 1
ขอเพียงเศษเสี้ยว หนึ่งของความรักในวันวาเลนไทน์ให้ผู้หญิงที่ชื่อ “ดา ตอปิโด”
คงไม่ ต้องอธิบายว่า “ดา ตอปิโด” คือใคร เพราะแทบจะทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้บนถนนประชาธิปไตยมักจะคุ้นเคยกับ ชื่อของนักต่อสู้หญิงท่านนี้เป็นอย่างดี
จาก การพูดคุยกับคุณกิตติชัย พี่ชายคนโตของครอบครัว “ชาญเชิงศิลปกุล” ซึ่งเป็นผู้ดูแลคุณดามาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนโต พี่กิตติชัยเล่าให้กลุ่มพลังรวมใจฟังว่า “พี่ดาเป็นคนหัวสมองดี ชอบอ่านหนังสือ มีความตั้งใจมากหากได้อ่านหนังสือเล่มไหนก็จะอ่านจนจบให้ได้ ตอนเรียนที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พี่ดาก็สอบได้ G หลายตัว พอมาเรียนในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ทำเกรดเฉลี่ยได้ดี นิสัยโดยส่วนตัวแล้วพี่ดาเป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น และมีความจริงใจกับทุกคน พอไปทำงานด้านสื่อมวลชนก็ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด จนเมื่อถูกจับมาต้องโทษอยู่ในแดนแรกรัก ฑัณทสถานหญิงกลางคลองเปรมนี้ก็ยังไม่วายที่จะพยายามหากิจกรรมที่ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักโทษในเรือนจำอยู่เสมอๆ” ซึ่งเรื่องนี้ทางกลุ่มพลังรวมใจเองนั้นเคยพูดคุยกับพี่ ดา เมื่อครั้งที่ไปเยี่ยม พี่ดาก็มักจะเล่าให้ฟังว่า พี่ดาได้เสนอให้ทางเรือนจำจัดกิจกรรมให้นักโทษหญิงมาช่วยกันเลี้ยง ดูเด็กที่เกิดในเรือนจำ เพื่อเป็นการบรรเทาสภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย เพราะเวลาที่เราอยู่กับเด็กๆ เราก็มักจะเพลิดเพลิน นอกจากกิจกรรมนี้พี่ดาเองก็ฝากทางกลุ่มพลังรวมใจ ให้ช่วยกันเชิญชวนประชาชนไปเที่ยวงานกรมราชทัณฑ์และช่วยกันซื้อของ จากผู้ต้องขังบ้าง เพื่อที่ผู้ต้องขังเหล่านั้นจะได้มีค่าปันผลไว้ใช้จ่ายในเรื่อง ส่วนตัวบ้าง รวมทั้งยังฝากกลุ่มพลังรวมใจให้ช่วยระดมหนังสือที่พี่น้องไม่อ่านแล้ว ไปบริจาคให้กับทางห้องสมุดของเรือนจำ แม้ว่าจะมีเวลาได้เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือแค่วันละ 1 ชั่วโมงก็ตาม แต่ผู้ต้องขังในนั้นก็อยากที่จะอ่านหนังสือใหม่ๆบ้าง เพราะเท่าที่มีอยู่ก็แทบจะอ่านวนไปวนมาหลายรอบแล้ว
แล้ว ไหนจะมีกิจกรรมต่างๆมากมายที่พี่ดาพูดอยู่ตลอดว่าจะทำโน่นทำนี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันทำให้เราเองมองว่า พี่ดาเป็นคนที่อยู่เฉยไม่ได้จริงๆ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นที่เธอพอจะทำได้เธอก็จะพยายามทำ และบางครั้งพี่ดาเองก็เป็นคนที่ห่วงคนอื่นมากกว่าห่วงตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ
อย่าง ที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้พี่ดาแทบจะเรียกว่า “ป่วยหนัก” เลยก็ได้ ด้วยโรคข้อต่อขากรรไกรอักเสบเรื้อรัง ซึ่งพี่ชายพี่ดาเล่าให้ฟังว่า พี่ดามีอาการตั้งแต่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ สาเหตุหลักมาจากความเครียดซึ่งก็คงเกิดจากสภาวะกดดันภายในเรือนจำ ที่เธอได้รับ ซึ่งพี่ดาเองก็ไม่ได้บอกกล่าวพี่ชายเธอเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่ไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วงเธอ เธอจึงไปขอเข้ารับการรักษา จากโรงพยาบาลกลางของเรือนจำ ซึ่งอาการปวดขากรรไกรและลามไปปวดศรีษะของเธอนั้นทางโรงพยาบาลได้บรรเทา ด้วยยาแอสไพริน ซึ่งเป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ปีกว่าๆ อาการข้อต่อขากรรไกรอักเสบเรื้อรังของพี่ดาก็ กำเริบขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการตรวจรักษาตามกระบวนการขั้นตอนของเรือนจำก็เป็นไปอย่างเชื่อง ช้า จนล่าสุดได้นำตัวพี่ดาและผล CT SCAN ส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากอุปกรณ์การแพทย์ของโรงพยาบาลกลางไม่เพียงพอ ปรากฏว่าในวันที่ไปทำการตรวจนั้นคุณหมอของโรงพยาบาลตำรวจ ไม่สามารถตรวจพี่ดาได้เนื่องจากเลือดต่ำ (ก็จะให้ไม่ต่ำได้อย่างไรในเมื่ออ้าปากไม่ได้กว้าง การบดเคี้ยวอาหารก็แสนจะลำบาก ) ทางคุณหมอก็ให้พี่ดากลับมาทานยาบำรุงเลือดและรอคิวเพื่อทำการ รักษาต่อไป
มิหนำ ซ้ำเมื่อครั้งที่พี่กิตติชัยไปทวงถามเพื่อขอใบรับรองแพทย์จากคุณหมอ ของโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมาทำเรื่องเพื่อเรียกร้องให้พี่ดาได้รับการรักษาอย่างเร่ง ด่วน ปรากฏว่าคุณหมอจากโรงพยาบาลตำรวจได้แจ้งว่า “พี่ดา คือผู้ป่วยในโรคลักษณะแบบนี้ เป็นคนที่ 2 ของประเทศซึ่งรายแรกพบเมื่อปี 2538” อาการป่วยที่หนักหนาเช่นนี้ ยังจะรอได้อีก หรือ? นี่เป็นคำถามที่ค้างคาใจใครหลายคน รวมทั้งกลุ่มพลังรวมใจเองที่ติดตาม และเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้ให้พี่ดาได้รับการรักษา
“สิ่ง ของบางอย่างมีคุณค่าต่อหัวใจ เมื่อมันเสียหรือเสื่อมสภาพเรายัง ต้องรีบเอาไปซ่อมแซม”
“สัตว์ เลี้ยงบางตัวเจ็บป่วย เจ้าของก็รีบนำไปรักษา”
“ดา ตอปิโด” เธอเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งมีหัวใจ มีลมหายใจ มีความรู้สึกในความเจ็บปวดและความทรมาน เหตุใดยามที่เธอเจ็บป่วยหนักหนาสาหัสขนาดนี้ เธอถึงไม่ มีสิทธิที่จะเข้าถึงการรักษาอย่างเร่งด่วนและเฉียบพลันบ้าง ? นี่คือคำถามที่พี่กิตติชัย กลุ่มพลังรวมใจ รวมทั้งประชาชนที่ร่วมกันยื่นหนังสือ ในวันที่ 22 มกราคม 2553 ยังรอคำตอบจากกรมราชทัณฑ์
เนื่อง ในวันวาเลนไทน์ที่มาถึงนี้ หากคุณจะแบ่งปันความรักเพียงเศษเสี้ยวส่งถึงคุณดาเพื่อให้กำลังใจ ในยามที่สภาพร่างกายเจ็บปวดทรมานอย่างนี้
สามารถส่งจดหมายให้กำลังใจ มาได้ที่
ตู้ ปณ 58 ปณศ (พ) พระโขนง กรุงเทพฯ 10110 (ไม่ต่องจ่าชื่อผู้รับ)
หรือส่ง E-Mail,E-Card มาที่ wemissyouda@gmail.com
ส่งมาได้เรื่อยๆนะคะ เพราะเราจะทำให้ทุกวัน คือวันแห่งความรักระหว่างเราและดา ตอปิโด
ท่าน ผู้ใดสนใจที่จะช่วยเหลือคุณดา ตอปิโด สามารถส่งความช่วยเหลือมาได้ที่
บัญชี ชื่อกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล ธนาคารกรุง ศรีอยุธยา สาขาถนนพูนผล จ.ภูเก็ต
บัญชี ออมทรัพย์เลขที่ 297-1-25805-5
จาก การพูดคุยกับคุณกิตติชัย พี่ชายคนโตของครอบครัว “ชาญเชิงศิลปกุล” ซึ่งเป็นผู้ดูแลคุณดามาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนโต พี่กิตติชัยเล่าให้กลุ่มพลังรวมใจฟังว่า “พี่ดาเป็นคนหัวสมองดี ชอบอ่านหนังสือ มีความตั้งใจมากหากได้อ่านหนังสือเล่มไหนก็จะอ่านจนจบให้ได้ ตอนเรียนที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พี่ดาก็สอบได้ G หลายตัว พอมาเรียนในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ทำเกรดเฉลี่ยได้ดี นิสัยโดยส่วนตัวแล้วพี่ดาเป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น และมีความจริงใจกับทุกคน พอไปทำงานด้านสื่อมวลชนก็ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด จนเมื่อถูกจับมาต้องโทษอยู่ในแดนแรกรัก ฑัณทสถานหญิงกลางคลองเปรมนี้ก็ยังไม่วายที่จะพยายามหากิจกรรมที่ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักโทษในเรือนจำอยู่เสมอๆ” ซึ่งเรื่องนี้ทางกลุ่มพลังรวมใจเองนั้นเคยพูดคุยกับพี่ ดา เมื่อครั้งที่ไปเยี่ยม พี่ดาก็มักจะเล่าให้ฟังว่า พี่ดาได้เสนอให้ทางเรือนจำจัดกิจกรรมให้นักโทษหญิงมาช่วยกันเลี้ยง ดูเด็กที่เกิดในเรือนจำ เพื่อเป็นการบรรเทาสภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย เพราะเวลาที่เราอยู่กับเด็กๆ เราก็มักจะเพลิดเพลิน นอกจากกิจกรรมนี้พี่ดาเองก็ฝากทางกลุ่มพลังรวมใจ ให้ช่วยกันเชิญชวนประชาชนไปเที่ยวงานกรมราชทัณฑ์และช่วยกันซื้อของ จากผู้ต้องขังบ้าง เพื่อที่ผู้ต้องขังเหล่านั้นจะได้มีค่าปันผลไว้ใช้จ่ายในเรื่อง ส่วนตัวบ้าง รวมทั้งยังฝากกลุ่มพลังรวมใจให้ช่วยระดมหนังสือที่พี่น้องไม่อ่านแล้ว ไปบริจาคให้กับทางห้องสมุดของเรือนจำ แม้ว่าจะมีเวลาได้เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือแค่วันละ 1 ชั่วโมงก็ตาม แต่ผู้ต้องขังในนั้นก็อยากที่จะอ่านหนังสือใหม่ๆบ้าง เพราะเท่าที่มีอยู่ก็แทบจะอ่านวนไปวนมาหลายรอบแล้ว
แล้ว ไหนจะมีกิจกรรมต่างๆมากมายที่พี่ดาพูดอยู่ตลอดว่าจะทำโน่นทำนี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันทำให้เราเองมองว่า พี่ดาเป็นคนที่อยู่เฉยไม่ได้จริงๆ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นที่เธอพอจะทำได้เธอก็จะพยายามทำ และบางครั้งพี่ดาเองก็เป็นคนที่ห่วงคนอื่นมากกว่าห่วงตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ
อย่าง ที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้พี่ดาแทบจะเรียกว่า “ป่วยหนัก” เลยก็ได้ ด้วยโรคข้อต่อขากรรไกรอักเสบเรื้อรัง ซึ่งพี่ชายพี่ดาเล่าให้ฟังว่า พี่ดามีอาการตั้งแต่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ สาเหตุหลักมาจากความเครียดซึ่งก็คงเกิดจากสภาวะกดดันภายในเรือนจำ ที่เธอได้รับ ซึ่งพี่ดาเองก็ไม่ได้บอกกล่าวพี่ชายเธอเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่ไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วงเธอ เธอจึงไปขอเข้ารับการรักษา จากโรงพยาบาลกลางของเรือนจำ ซึ่งอาการปวดขากรรไกรและลามไปปวดศรีษะของเธอนั้นทางโรงพยาบาลได้บรรเทา ด้วยยาแอสไพริน ซึ่งเป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ปีกว่าๆ อาการข้อต่อขากรรไกรอักเสบเรื้อรังของพี่ดาก็ กำเริบขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการตรวจรักษาตามกระบวนการขั้นตอนของเรือนจำก็เป็นไปอย่างเชื่อง ช้า จนล่าสุดได้นำตัวพี่ดาและผล CT SCAN ส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากอุปกรณ์การแพทย์ของโรงพยาบาลกลางไม่เพียงพอ ปรากฏว่าในวันที่ไปทำการตรวจนั้นคุณหมอของโรงพยาบาลตำรวจ ไม่สามารถตรวจพี่ดาได้เนื่องจากเลือดต่ำ (ก็จะให้ไม่ต่ำได้อย่างไรในเมื่ออ้าปากไม่ได้กว้าง การบดเคี้ยวอาหารก็แสนจะลำบาก ) ทางคุณหมอก็ให้พี่ดากลับมาทานยาบำรุงเลือดและรอคิวเพื่อทำการ รักษาต่อไป
มิหนำ ซ้ำเมื่อครั้งที่พี่กิตติชัยไปทวงถามเพื่อขอใบรับรองแพทย์จากคุณหมอ ของโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมาทำเรื่องเพื่อเรียกร้องให้พี่ดาได้รับการรักษาอย่างเร่ง ด่วน ปรากฏว่าคุณหมอจากโรงพยาบาลตำรวจได้แจ้งว่า “พี่ดา คือผู้ป่วยในโรคลักษณะแบบนี้ เป็นคนที่ 2 ของประเทศซึ่งรายแรกพบเมื่อปี 2538” อาการป่วยที่หนักหนาเช่นนี้ ยังจะรอได้อีก หรือ? นี่เป็นคำถามที่ค้างคาใจใครหลายคน รวมทั้งกลุ่มพลังรวมใจเองที่ติดตาม และเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้ให้พี่ดาได้รับการรักษา
“สิ่ง ของบางอย่างมีคุณค่าต่อหัวใจ เมื่อมันเสียหรือเสื่อมสภาพเรายัง ต้องรีบเอาไปซ่อมแซม”
“สัตว์ เลี้ยงบางตัวเจ็บป่วย เจ้าของก็รีบนำไปรักษา”
“ดา ตอปิโด” เธอเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งมีหัวใจ มีลมหายใจ มีความรู้สึกในความเจ็บปวดและความทรมาน เหตุใดยามที่เธอเจ็บป่วยหนักหนาสาหัสขนาดนี้ เธอถึงไม่ มีสิทธิที่จะเข้าถึงการรักษาอย่างเร่งด่วนและเฉียบพลันบ้าง ? นี่คือคำถามที่พี่กิตติชัย กลุ่มพลังรวมใจ รวมทั้งประชาชนที่ร่วมกันยื่นหนังสือ ในวันที่ 22 มกราคม 2553 ยังรอคำตอบจากกรมราชทัณฑ์
เนื่อง ในวันวาเลนไทน์ที่มาถึงนี้ หากคุณจะแบ่งปันความรักเพียงเศษเสี้ยวส่งถึงคุณดาเพื่อให้กำลังใจ ในยามที่สภาพร่างกายเจ็บปวดทรมานอย่างนี้
สามารถส่งจดหมายให้กำลังใจ มาได้ที่
ตู้ ปณ 58 ปณศ (พ) พระโขนง กรุงเทพฯ 10110 (ไม่ต่องจ่าชื่อผู้รับ)
หรือส่ง E-Mail,E-Card มาที่ wemissyouda@gmail.com
ส่งมาได้เรื่อยๆนะคะ เพราะเราจะทำให้ทุกวัน คือวันแห่งความรักระหว่างเราและดา ตอปิโด
ท่าน ผู้ใดสนใจที่จะช่วยเหลือคุณดา ตอปิโด สามารถส่งความช่วยเหลือมาได้ที่
บัญชี ชื่อกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล ธนาคารกรุง ศรีอยุธยา สาขาถนนพูนผล จ.ภูเก็ต
บัญชี ออมทรัพย์เลขที่ 297-1-25805-5
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ