นปช.ประกาศชุมนุมยืดเยื้อ
หน้า 1 จาก 1
นปช.ประกาศชุมนุมยืดเยื้อ
ดีเดย์ 10 โมงวันเสาร์เปิดมหาสงครามแห่งชนชั้นกลางกรุง เดินสายทั่ว กทม. เรียกร้องรัฐบาลคืนอำนาจ ปชช.
วันนี้(17 มี.ค.) แกนนำ นปช. ได้ขึ้นเวทีพร้อมกันโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวปราศรัย ว่า หากพี่น้องเสื้อแดงจะเดินทางกลับบ้านหรือใครจะเดินทางมาสมทบก็ขอให้ประสาน แกนนำจะได้อำนวยความสะดวกให้ เสื้อแดงในต่างจังหวัดของให้ตรึงพื้นที่เอาไว้ หากติดต่อนัดหมายให้มารวมตัวกันก็จะทำได้ทันที ทั้งนี้การชุมนุมที่ผ่านมา 99.99 % ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา แต่การชุมนุมอย่างสันติและอหิงสาจะมีพลังได้ เมื่อมีผู้คนมาคับคั่ง ถ้ามีน้อยกว่าวันละ 1 แสนคน รัฐบาลก็จะดูหมิ่นดูแคลน และให้สื่อที่อยู่ในมือประโคมข่าวว่าคนเสื้อแดงหมดศรัทธาต่อแกนนำจึงได้ทยอย กันกลับไป
นายวีระ กล่าวต่อว่า ในวันนี้แกนนำได้ประชุมกันและมีประเด็นเล็กๆ ที่มองข้ามไม่ได้ ต้องพูดให้แจ่มแจ้งคือกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม ได้วิพากษ์วิจารณ์แกนนำ นปช.นั้น เรายินดีรับฟัง ซึ่งขอเรียนตำแหน่งที่ตนได้รับในครั้งนี้ หรือทุกๆ ครั้งที่ตนเป็นอยู่เป็นคนอื่นมอบหมายให้ตนมาทั้งชีวิต ดังนั้นแนวทางการต่อสู้ของทั้ง 2 คน จึงไม่ใช่แนวทางเดียวกับ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
“พวกผมยินดีรับฟังคำวิจารณ์ของทั้ง 2 คน จึงได้นัดประชุมถามพี่น้องซ้ายขวาที่เป็นแกนนำว่ามีความคิดเห็นอย่างไร พวกผม 3 คน จะต้องพิจารณาตัวเองหรือไม่ ซึ่งทุกคนได้ยืนยันว่าแนวทางที่แกนนำทำมาถูกต้องและจะเดินไปในแนวทางนี้ต่อ ไป ดังนั้นเพื่อรักษามวลมหาประชาชน จำเป็นจะต้องประกาศว่าบุคคลทั้ง 2 ไม่ใช่เพื่อนเราและไม่ใช่ นปช.แดงทั้งแผ่นดินอีกต่อไป นปช. จึงไม่อาจให้ท่านมาเคลื่อนไหว ในนามนปช. ได้ ดังนั้นขอให้ท่านจงเป็นตัวของท่านเองและอยู่ในกลุ่มของท่าน ทั้ง 2 คนอย่างได้เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันอีก หากแนวทางของนปช. และผม 3 คนผิดพลาดบกพร่องไม่สามารถไปสู่ชัยชนะ พวกผมพร้อมน้อมรับโดยไม่อิดออด ซึ่งถ้าพี่น้องยอมรับให้พวกผมเคลื่อนไหว ยืนยันว่าจะเอาชีวิตมอบให้กับพวกท่านทั้งหลาย ขอให้พี่น้องทั้งหลายรับมอบชีวิตของพวกผมไว้ในอุ้งมือของพวกท่านด้วย ยืนยันว่าพวกผมจะไม่ทรยศแน่นอน” นายวีระ กล่าว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัย ว่า ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของ นปช.ที่ผ่านมาเป็นการนำร่วมหมู่ การเคลื่อนไหวทุกครั้งจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่และรับผิดชอบด้วยกัน โดยมีแกนนำกว่า 20 ชีวิต ไม่ใช่เฉพาะพวกตน 3 คน การวิพากษ์วิจารณ์ของทั้ง 2 คนจึงเป็นการรวมหมู่ ที่ประชุมจึงมีมติว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางใครทางมัน เรามั่นใจว่ายึดหลักสันติวิธีจะชนะได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมแกนนำ นปช. ได้ประเมินแนวทางการต่อสู้ 3-4 วันที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามแนวทางที่กำหนดไว้ สามารถแสดงออกแนวทางการต่อสู้ สันติ อหิงสา จนมีการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก การเคลื่อนขบวนไปทั่ว กทม. 3 วัน 3 เส้นทางไม่ซ้ำกัน สิ่งที่พบเห็นคือได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาว กทม. ดังนั้นการที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธวิธีปล่อยให้เราชุมนุมไปแบบนี้ เดี๋ยวก็คงคิดว่าเราทนแดด ทนร้อนไม่ได้ เดี๋ยวก็คงแยกย้ายกันไปไม่มีคนเพียงพอที่จะคุมพื้นที่ได้ ทาง นปช.จึงมีมติว่าจะชุมนุมยืดเยื้อไปจนจะได้รับชัยชนะ เราจะไม่ประกาศว่านี่เป็นสงครามครั้งสุดท้าย
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ มวลชนคนเสื้อแดงจะจัดประชุมสมัชชาแต่ละภาคเพื่อสรุปสถานการณ์วิเคราะห์ปัญหา แนวทางการขับเคลื่อนเพื่อเติมพลังและเคลื่อนขบวนต่อสู้ และในวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.นี้ เราจะกำหนดกิจกรรมสำคัญคือการเคลื่อนขบวนรถตู้ รถยนต์ รถปิกอัพ รถจักรยานยนต์หรือตามแต่จะมี เคลื่อนไปยังถนนทั่วทุกสายใน กทม. เพื่อพบปะชาว กทม.และทำความเข้าใจและเชิญชวนให้โค่นล้มรัฐบาลขับไล่อำมาตย์ เป็นการประกาศยุทธศาสตร์สงครามระหว่างชนชั้นกลาง กทม. อย่างเป็นทางการและเป็นครั้งของประเทศไทย โดยจะเป็นการเคลื่อนขบวนชนชั้นไพร่ทั่วกทม. เพื่อเชิญชวนชนชั้นไพร่มาร่วมต่อสู้ไล่อำมาตย์ด้วยกัน ส่วนรายละเอียดจะแถลงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง.
วันนี้(17 มี.ค.) แกนนำ นปช. ได้ขึ้นเวทีพร้อมกันโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวปราศรัย ว่า หากพี่น้องเสื้อแดงจะเดินทางกลับบ้านหรือใครจะเดินทางมาสมทบก็ขอให้ประสาน แกนนำจะได้อำนวยความสะดวกให้ เสื้อแดงในต่างจังหวัดของให้ตรึงพื้นที่เอาไว้ หากติดต่อนัดหมายให้มารวมตัวกันก็จะทำได้ทันที ทั้งนี้การชุมนุมที่ผ่านมา 99.99 % ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา แต่การชุมนุมอย่างสันติและอหิงสาจะมีพลังได้ เมื่อมีผู้คนมาคับคั่ง ถ้ามีน้อยกว่าวันละ 1 แสนคน รัฐบาลก็จะดูหมิ่นดูแคลน และให้สื่อที่อยู่ในมือประโคมข่าวว่าคนเสื้อแดงหมดศรัทธาต่อแกนนำจึงได้ทยอย กันกลับไป
นายวีระ กล่าวต่อว่า ในวันนี้แกนนำได้ประชุมกันและมีประเด็นเล็กๆ ที่มองข้ามไม่ได้ ต้องพูดให้แจ่มแจ้งคือกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม ได้วิพากษ์วิจารณ์แกนนำ นปช.นั้น เรายินดีรับฟัง ซึ่งขอเรียนตำแหน่งที่ตนได้รับในครั้งนี้ หรือทุกๆ ครั้งที่ตนเป็นอยู่เป็นคนอื่นมอบหมายให้ตนมาทั้งชีวิต ดังนั้นแนวทางการต่อสู้ของทั้ง 2 คน จึงไม่ใช่แนวทางเดียวกับ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
“พวกผมยินดีรับฟังคำวิจารณ์ของทั้ง 2 คน จึงได้นัดประชุมถามพี่น้องซ้ายขวาที่เป็นแกนนำว่ามีความคิดเห็นอย่างไร พวกผม 3 คน จะต้องพิจารณาตัวเองหรือไม่ ซึ่งทุกคนได้ยืนยันว่าแนวทางที่แกนนำทำมาถูกต้องและจะเดินไปในแนวทางนี้ต่อ ไป ดังนั้นเพื่อรักษามวลมหาประชาชน จำเป็นจะต้องประกาศว่าบุคคลทั้ง 2 ไม่ใช่เพื่อนเราและไม่ใช่ นปช.แดงทั้งแผ่นดินอีกต่อไป นปช. จึงไม่อาจให้ท่านมาเคลื่อนไหว ในนามนปช. ได้ ดังนั้นขอให้ท่านจงเป็นตัวของท่านเองและอยู่ในกลุ่มของท่าน ทั้ง 2 คนอย่างได้เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันอีก หากแนวทางของนปช. และผม 3 คนผิดพลาดบกพร่องไม่สามารถไปสู่ชัยชนะ พวกผมพร้อมน้อมรับโดยไม่อิดออด ซึ่งถ้าพี่น้องยอมรับให้พวกผมเคลื่อนไหว ยืนยันว่าจะเอาชีวิตมอบให้กับพวกท่านทั้งหลาย ขอให้พี่น้องทั้งหลายรับมอบชีวิตของพวกผมไว้ในอุ้งมือของพวกท่านด้วย ยืนยันว่าพวกผมจะไม่ทรยศแน่นอน” นายวีระ กล่าว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัย ว่า ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของ นปช.ที่ผ่านมาเป็นการนำร่วมหมู่ การเคลื่อนไหวทุกครั้งจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่และรับผิดชอบด้วยกัน โดยมีแกนนำกว่า 20 ชีวิต ไม่ใช่เฉพาะพวกตน 3 คน การวิพากษ์วิจารณ์ของทั้ง 2 คนจึงเป็นการรวมหมู่ ที่ประชุมจึงมีมติว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางใครทางมัน เรามั่นใจว่ายึดหลักสันติวิธีจะชนะได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมแกนนำ นปช. ได้ประเมินแนวทางการต่อสู้ 3-4 วันที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามแนวทางที่กำหนดไว้ สามารถแสดงออกแนวทางการต่อสู้ สันติ อหิงสา จนมีการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก การเคลื่อนขบวนไปทั่ว กทม. 3 วัน 3 เส้นทางไม่ซ้ำกัน สิ่งที่พบเห็นคือได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาว กทม. ดังนั้นการที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธวิธีปล่อยให้เราชุมนุมไปแบบนี้ เดี๋ยวก็คงคิดว่าเราทนแดด ทนร้อนไม่ได้ เดี๋ยวก็คงแยกย้ายกันไปไม่มีคนเพียงพอที่จะคุมพื้นที่ได้ ทาง นปช.จึงมีมติว่าจะชุมนุมยืดเยื้อไปจนจะได้รับชัยชนะ เราจะไม่ประกาศว่านี่เป็นสงครามครั้งสุดท้าย
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ มวลชนคนเสื้อแดงจะจัดประชุมสมัชชาแต่ละภาคเพื่อสรุปสถานการณ์วิเคราะห์ปัญหา แนวทางการขับเคลื่อนเพื่อเติมพลังและเคลื่อนขบวนต่อสู้ และในวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.นี้ เราจะกำหนดกิจกรรมสำคัญคือการเคลื่อนขบวนรถตู้ รถยนต์ รถปิกอัพ รถจักรยานยนต์หรือตามแต่จะมี เคลื่อนไปยังถนนทั่วทุกสายใน กทม. เพื่อพบปะชาว กทม.และทำความเข้าใจและเชิญชวนให้โค่นล้มรัฐบาลขับไล่อำมาตย์ เป็นการประกาศยุทธศาสตร์สงครามระหว่างชนชั้นกลาง กทม. อย่างเป็นทางการและเป็นครั้งของประเทศไทย โดยจะเป็นการเคลื่อนขบวนชนชั้นไพร่ทั่วกทม. เพื่อเชิญชวนชนชั้นไพร่มาร่วมต่อสู้ไล่อำมาตย์ด้วยกัน ส่วนรายละเอียดจะแถลงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง.
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ไม่เขียนถึง คงไม่ได้...ของการเกิดของ..นักปฏิวัติของประชาชนคนใหม่...ณัฐวุฒ ใสยเกื้อ..เจ้าของกระบี่มือ 1 ของ..ขบวนการประชาชนคนเสื้อแดงหาก..ไม่มีการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549...วันนี้ ณัฐวุฒิ..ก็คงจะยังเป็นนักพูดในจอทีวี..เป็นคนที่มีดีกรีในฐานะสุดยอดของนัก โต้วาที..เพราะ..เผด็จการที่กระหายอำนาจเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด..อำนาจ อาวุธที่เข้ามากดขี่บีฑา “นักเลือกตั้งชั่วช้า” ที่ทรยศต่อประชาชนคนประชาธิปไตย..เอาที่นั่งในฐานะปวงชนชาวไทย..เข้าไปรับ ใช้..เผด็จการเอ็ม 16..สร้างเผด็จการทรราช..ณัฐวุฒิ..จึงต้องทิ้งเก้าอี้ รองโฆษกและโฆษก...ขึ้นมาจับไมค์และก้าวแต่ละขั้น..สู่ความเป็นผู้ปราศรัยที่
โดดเด่นที่สุดในปัจจุบัน..ถึงวันนี้ไม่มีคนไทยคนไหน..ไม่รู้จัก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อถึงวันนี้..ไม่มีผู้สื่อข่าวทั้งไทยและเทศคนไหน ไม่รู้จัก..ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ..ผู้สามารถตรึงคนเรือนแสนเรือนล้านไว้กลางลานซีเมนต์ร้อนจนเลือด เดือดเท้าพองหน้ากองกำลังนับหมื่นหน้าปืนที่พร้อมทำสงครามเต็มรูปแบบ..ในวัน ม็อบคนเสื้อแดง..ตรึงอยู่หน้า ราบ 11 เพราะความอ่อนด้อยในยุทธการ..กองทัพที่กำลังได้เปรียบในรูปแบบของการเผชิญ หน้า..และฝ่ายประชาชนเสื้อแดงกำลังละล้า
ละลัง..เตรียมหันหลังกลับ..หากกองทัพรู้เขา..และรู้จักอดกลั้น..เปิดทาง ถอยให้กับ “ม็อบ”แต่เพราะ..ความอ่อนด้อย..กองทัพยังส่งเสียงดังและส่งข้อความกลบเสียง ของ..ฝ่ายเสื้อแดง..ที่มี ณัฐวุฒิ..เป็นแกนนำ..เขาจึงยื่นคำขาด..หากไม่หยุดใน 5 นาที..เขาจะสั่งให้รถบุกเขตลวดหนามและพังประตูเขตทหารราบ 11กลายเป็นนาทีวัดใจ..ของคนที่พร้อมตายด้วยมือเปล่า..กับเหล่าพลเอกจอมพลที่ ยืนอยู่หลังพลรบ..ที่มาอาวุธครบมือ..แน่นอนว่า..ฉากการเข่นฆ่าอย่าง
มโหฬาร จะเริ่มต้นบนศพของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ..แต่..แม่ทัพนายกองคนใด..จะยอมถูกแขวนคอ..เมื่อประชาชนมือเปล่า เป็นฝ่ายกุมชัยชนะต่อหน้าโลกต่อหน้าประชาชนต่อหน้ารี้พลแห่งกองทัพไทยและต่อ หน้าประชาชนคนภาคใต้..ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ประกาศตน..บนเก้าอี้ของ “ผู้นำ” ที่สมบูรร์แบบ..ไม่ใช่โดยคารมคมคาย แต่ด้วยหัวใจที่กล้าแกร่งกล้าหาญ..ฐานะผู้นำแห่งมวลชนคนภาคใต้ของ ชวน หลีกภัย..ถูกท้าทายและถูกทำลายลงแล้ว..โดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ..
โดดเด่นที่สุดในปัจจุบัน..ถึงวันนี้ไม่มีคนไทยคนไหน..ไม่รู้จัก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อถึงวันนี้..ไม่มีผู้สื่อข่าวทั้งไทยและเทศคนไหน ไม่รู้จัก..ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ..ผู้สามารถตรึงคนเรือนแสนเรือนล้านไว้กลางลานซีเมนต์ร้อนจนเลือด เดือดเท้าพองหน้ากองกำลังนับหมื่นหน้าปืนที่พร้อมทำสงครามเต็มรูปแบบ..ในวัน ม็อบคนเสื้อแดง..ตรึงอยู่หน้า ราบ 11 เพราะความอ่อนด้อยในยุทธการ..กองทัพที่กำลังได้เปรียบในรูปแบบของการเผชิญ หน้า..และฝ่ายประชาชนเสื้อแดงกำลังละล้า
ละลัง..เตรียมหันหลังกลับ..หากกองทัพรู้เขา..และรู้จักอดกลั้น..เปิดทาง ถอยให้กับ “ม็อบ”แต่เพราะ..ความอ่อนด้อย..กองทัพยังส่งเสียงดังและส่งข้อความกลบเสียง ของ..ฝ่ายเสื้อแดง..ที่มี ณัฐวุฒิ..เป็นแกนนำ..เขาจึงยื่นคำขาด..หากไม่หยุดใน 5 นาที..เขาจะสั่งให้รถบุกเขตลวดหนามและพังประตูเขตทหารราบ 11กลายเป็นนาทีวัดใจ..ของคนที่พร้อมตายด้วยมือเปล่า..กับเหล่าพลเอกจอมพลที่ ยืนอยู่หลังพลรบ..ที่มาอาวุธครบมือ..แน่นอนว่า..ฉากการเข่นฆ่าอย่าง
มโหฬาร จะเริ่มต้นบนศพของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ..แต่..แม่ทัพนายกองคนใด..จะยอมถูกแขวนคอ..เมื่อประชาชนมือเปล่า เป็นฝ่ายกุมชัยชนะต่อหน้าโลกต่อหน้าประชาชนต่อหน้ารี้พลแห่งกองทัพไทยและต่อ หน้าประชาชนคนภาคใต้..ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ประกาศตน..บนเก้าอี้ของ “ผู้นำ” ที่สมบูรร์แบบ..ไม่ใช่โดยคารมคมคาย แต่ด้วยหัวใจที่กล้าแกร่งกล้าหาญ..ฐานะผู้นำแห่งมวลชนคนภาคใต้ของ ชวน หลีกภัย..ถูกท้าทายและถูกทำลายลงแล้ว..โดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ..
แพ้ในเกมส์การต่อสู้ แต่ชนะในทางยุทธศาสตร์
โดยคุณ ชาว กทม. (not verified) เมื่อ Wed, 2010-03-17 20:38.
จากการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ถือเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนเสื้อแดง แต่การชุมนุมแต่ละครั้ง ผู้ร่วมชุมนุม หรือผู้ที่เชียร์ฝ่ายเสื้อแดง กลับห่อเหี่ยวหัวใจ โดยทุกคนทุกฝ่ายต่างถามว่า คนเสื้อแดงออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยต่างๆนานา ยุทธศาสตร์หลากหลายแล้ว ทำไมจึงยังไม่เห็นผลชนะสักที แกนนำทั้งหลายก็ออกมาพูดอย่างภูมิใจว่า ยิ่งชุมนุม คนยิ่งมาก เราเรียกร้องมานาน แต่รัฐบาลฝ่ายอำมาตย์มันชั่ว มันหน้าด้านมันไม่ยอมลาออกหรือยุบสภา แกนนำทั้งหลายจึงเร่งหายุทธศาสตร์การต่อสู้ใหม่ จนกระทั่ง ยุทธศาสตร์ แดงทั้งแผ่นดิน ในความคิดเห็นของผมแล้ว ถือว่า เป็นแนวยุทธศาสตร์ที่ดี เพราะจะทำให้มีแนวร่วมมากและไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงและอันตรายต่อผู้เข้า ร่วมชุมนุม แต่ยุทธศาสตร์ แดงทั้งแผ่นดินนั้น ยังต้องอาศัยเวลาหน่อย และหลายคนถามว่า การชุมนุมในครั้งนี้ คาดว่า จะรู้ผลแพ้ชนะเลยไหม ผมดูแล้วนะครับว่า ไม่..เพราะพวกเรารู้ทั้งรู้ว่า รัฐบาลโดยอำมาตย์ มันถือว่า ประเทศไทยนี้เป็นของพวกมัน มันไม่ยอมอย่างง่ายๆหรอก ดูเหตุผลนะครับ ทีแรกคิดว่า จะให้มาร์ค ออกไปออสเตเลีย เพื่อรอฟังคำสั่ง โดยอ้างว่า เยี่ยมเยียนผู้นำตามระเบียบวาระ แต่ที่จริงแล้ว ศูนย์อำนาจอยู่ที่ตัวมัน มาร์ค อำมาตย์กลัวว่า เมื่อมาร์คโดนจับ อำนาจก็จะดับลง แต่ต่อมา ทางฝ่ายอำมาตย์คาดการณ์ว่า สามารถควบคุมคนเสื้อแดงได้ อำมาตย์จึงว่า ไม่ต้องไปแล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง ครับ เราต่างก็ทราบแล้วนะครับ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ตลาดหลักทรัพย์ เราจะเห็นได้เลยว่า ดัชนี ขึ้นเอาๆ ทุกวัน วันนี้ก็ขึ้นมาก นั่นเขาพยายามว่า เขาควบคุมเศรษฐกิจการลงทุนได้ และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ การชุมนุม เวลานี้ เป็นการชุมนุมเรียกร้องของคนจำนวนมาก และยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง เขาก็คิดว่า นี่คือความสามารถ ที่ควบคุมสถานการณ์ได้ แต่การตรงกันข้าม วันนี้ คนเสื้อแดงมีการใช้ยุทธวิธี หลั่งเลือดทาแผ่นดิน ที่จริงแล้วดูมันเป็นการเรียกร้องทางสังคม สื่อสาร ไม่มีนัยสำคัญ แต่เมื่อได้ดูเห็นถึงการใช้เลือดเทาแผ่นดินนั้น กลับทำให้สถานการณ์เข้มข้น ดุเดือดยิ่งขึ้น แน่นอน สื่อสารต่างๆทั่วโลก ได้ประโคมข่าว ประจาน ไปทั่วโลก โดยเฉพาะ ที่พรรคประชาธิปัตย์นั้น ดูแล้วเป็นการท้าทายอำนาจ..ของอำมาตย์ และเหนือไปกว่านั้น.. พลังมวลชนที่แท้จริงนั้น ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดจริงๆ เรียกว่า ท่านฯบอด เห็นแล้ว หนาวเลยครับ ครับแฟนๆที่บอกว่า เสื้อแดง สู้ไม่ชนะเสียที แต่ผมอยากจะบอกนะครับ เพราะเสื้อแดงยิ่งสู้ คนยิ่งมาก นั่นแสดงว่า เป็นการชนะทางยุทธศาสตร์แล้วนะครับ แต่คงต้องใช้เวลา...เพราะเป้าหมายของเสื้อแดงคือ แดงทั้งแผ่นดิน ไม่มีการใช้ความรุนแรง ดังนั้นคนที่ชอบความรุนแรง จึงไม่สมหวัง เรียกว่า แพ้ในเกมส์ แต่ชนะทางยุทธวิธี ยิ่งใหญ่มากครับ การกระทำในครั้งนี้ นี่ถ้าคนเสื้อแดง ประกาศว่า ใครเป็นคนหนุนหลังพันธมิตรที่แท้จริง...ท่านคิดหรือไม่ว่า คนเสื้อแดง จะมาได้จนถึงวันนี้ ยุทธวิธีต่างๆ ของคนเสื้อแดง มากหลาย ดูแล้ว ไร้ระเบียบแบบแผน แต่โตได้ผล ชะงัด เรียกว่า อำมาตย์ ยัง งง กับแผนการคนเสื้อแดง ในอดีต ขงเบ้ง ก็ใช้เล่าปี่ แต่งทหารที่ไร้ระเบียบ ออกไปสู้รบกับ แม่ทัพใหญ่ โจโฉ ชื่อ “แฮหัว ตุ้น” ที่เนิน “พกป๋อง” ก็สามารถจัดการ ทัพโจโฉได้อย่างราบเรียบไปเลย.. ครับ แกนนำของคนเสื้อแดงมีมากมาย ต่างคนต่างทำงาน ตามถนัด ตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ไฉน ท่านทั้งหลาย จึงเอาแต่ความสะใจละครับ. ///////////////////////////////////////////////////////////
เสื้อแดงอุบลฯ เปิดเวทีไล่รัฐบาล
เสื้อแดงอุบลเปิดเวทีโจมตีรัฐบาล ประกาศเข้ากรุงเทพฯ ศุกร์นี้ ร่วมชุมนุมกับนปช.ที่ผ่านฟ้า...
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 17 มีค.53 ด้านข้างร.ร.อนุบาลอุบลราชธานี ถนนราชบุตร ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี กลุ่มเสื้อแดงชักธงรบอุบลราชธานี ทยอยเดินทางมารวมกำลังเปิดเวทีปราศรัยโจมตีขับไล่รัฐบาล พร้อมร่วมดูการถ่ายทอดสดการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ ผ่านทางช่องดีทีวีร่วมกัน พร้อมๆ กับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยรอบบริเวณงานมีการตั้งเต็นท์ พร้อมเก้าอี้สีแดงมาคอยให้บริการผู้ร่วมชุมนุมได้นั่งกันอย่างสบาย และมีโต๊ะรับบริจาคเงินสมทบทุน เพื่อการทำกิจกรรมของกลุ่มชักธงรบอุบลราชธานีด้วย ซึ่งบนเวทีขนาดใหญ่กว่า 5 เมตร มีการติดป้ายผ้าสีแดงด้วย
ด้านพ่อใหญ่หง่าย อายุ 58 ปี หนึ่งในแกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า การออกมาชุมนุมในครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามวลชนกลุ่มเสื้อแดงชักธงรบอุบลราชธานี มีตัวตนอยู่จริง และกลุ่มของเรามีสมาชิกในกลุ่มแล้วกว่า 3,000 คน ไม่ใช่กลุ่มเลื่อนลอย ถึงแม้จะไปชุมนุมกันที่กทม.บางส่วน แต่สมาชิกของเราที่ยังอยู่ที่นี่ ก็ยังเหลืออีกมาก สามารถแสดงพลังได้ทุกเมื่อ อีกทั้งการชุมนุมในครั้งนี้ ยังเป็นการรวบรวมสมาชิกที่มีความพร้อมจะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่กทม.รอบ 2 ในวันศุกร์นี้ ได้มาลงชื่อ และวางแผนการเดินทาง เนื่องจากวันนี้ กลุ่มชักธงรบของเราบางส่วน ได้เดินทางกลับจากการชุมนุม เนื่องจากมีภารกิจส่วนตัว จำนวน 4 คันรถกระบะ หรือประมาณ 40 คน แต่บางส่วนก็เดินทางจากอุบลฯลงไปสมทบบ้างแล้วเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา
สำหรับ การปิดถนนเพื่อเปิดเวทีปราศรัยชุมนุมในครั้งนี้ ตนยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด อาจจะนัดชุมนุมกันเช่นนี้ในช่วงเย็นทุกวันไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับพลังมวลชน แต่สำหรับวันนี้เราจะเปิดเวทีถึง 23.00 น. ก็จะสลายตัวไปโดยสงบ เพราะกลุ่มของเราต้องการเรียกร้องอย่างสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 17 มีค.53 ด้านข้างร.ร.อนุบาลอุบลราชธานี ถนนราชบุตร ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี กลุ่มเสื้อแดงชักธงรบอุบลราชธานี ทยอยเดินทางมารวมกำลังเปิดเวทีปราศรัยโจมตีขับไล่รัฐบาล พร้อมร่วมดูการถ่ายทอดสดการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ ผ่านทางช่องดีทีวีร่วมกัน พร้อมๆ กับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยรอบบริเวณงานมีการตั้งเต็นท์ พร้อมเก้าอี้สีแดงมาคอยให้บริการผู้ร่วมชุมนุมได้นั่งกันอย่างสบาย และมีโต๊ะรับบริจาคเงินสมทบทุน เพื่อการทำกิจกรรมของกลุ่มชักธงรบอุบลราชธานีด้วย ซึ่งบนเวทีขนาดใหญ่กว่า 5 เมตร มีการติดป้ายผ้าสีแดงด้วย
ด้านพ่อใหญ่หง่าย อายุ 58 ปี หนึ่งในแกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า การออกมาชุมนุมในครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามวลชนกลุ่มเสื้อแดงชักธงรบอุบลราชธานี มีตัวตนอยู่จริง และกลุ่มของเรามีสมาชิกในกลุ่มแล้วกว่า 3,000 คน ไม่ใช่กลุ่มเลื่อนลอย ถึงแม้จะไปชุมนุมกันที่กทม.บางส่วน แต่สมาชิกของเราที่ยังอยู่ที่นี่ ก็ยังเหลืออีกมาก สามารถแสดงพลังได้ทุกเมื่อ อีกทั้งการชุมนุมในครั้งนี้ ยังเป็นการรวบรวมสมาชิกที่มีความพร้อมจะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่กทม.รอบ 2 ในวันศุกร์นี้ ได้มาลงชื่อ และวางแผนการเดินทาง เนื่องจากวันนี้ กลุ่มชักธงรบของเราบางส่วน ได้เดินทางกลับจากการชุมนุม เนื่องจากมีภารกิจส่วนตัว จำนวน 4 คันรถกระบะ หรือประมาณ 40 คน แต่บางส่วนก็เดินทางจากอุบลฯลงไปสมทบบ้างแล้วเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา
สำหรับ การปิดถนนเพื่อเปิดเวทีปราศรัยชุมนุมในครั้งนี้ ตนยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด อาจจะนัดชุมนุมกันเช่นนี้ในช่วงเย็นทุกวันไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับพลังมวลชน แต่สำหรับวันนี้เราจะเปิดเวทีถึง 23.00 น. ก็จะสลายตัวไปโดยสงบ เพราะกลุ่มของเราต้องการเรียกร้องอย่างสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง
ครอบครัว ปีย์-ท่านผู้หญิงอารียา มาลากุลฯ ที่สูญเสียบุตรชายคนเดียว หลังจากโดนสาบแช่งด้วยเลือดอะเปล่า
โสมชบาจ๊ะจ๋า 17/03/53
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์ เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทอดพระเนตรการแสดงของนักเรียนอนุบาลและประถมศึกษา ร.ร.จิตรลดา ณ ศาลาผกาภิรมย์ 18 มี.ค. เวลา 15.00 น.
เสียใจกับครอบครัว ปีย์-ท่านผู้หญิงอารียา มาลากุลฯ ที่สูญเสียบุตรชายคนเดียว ธรรมา ด้วยอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ จากภรรยา ทญ.อตินุช และลูกชาย ปราณ ไปด้วยวัยเพียง 40 ปี
อยากให้คนไข้ญี่ปุ่นประทับใจ พญ.สมสิริ สกลสัตยาทร ส่งทีมพยาบาล ซากูระ 10 คนของสมิติเวช ไปฝึกงานที่ รพ.เซาเปาโล ญี่ปุ่นนานหนึ่งเดือน เพื่อให้เข้าใจนิสัยใจคอและวัฒนธรรมคนญี่ปุ่นได้ลึกซึ้ง
เกรียง ศักดิ์ ตันติพิภพ เลื่อนงาน "สยามพารากอน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2010" ไปจัด 22-25 เม.ย. ที่พาร์ค พารากอน
ออกจากงานเลี้ยงยาม ดึก สนิทพิมพ์ เอกชัย-ชนะ สงวนสัตย์ เบ๋ออยู่นาน เพราะคนรถใหม่ เผลอทำรถล็อก ขณะที่ตัวอยู่นอกรถ ต้องขอรถเจ้าของงาน นั่งจากบางนาไปบ้านสุขุมวิท เอากุญแจสำรองกลับมาไข ถึงบ้าน เกือบตี 4
วิเศษ สิงห์สัจจเทศ บอส ยัสปาล เปิดแคตวอล์กโชว์แฟชั่น สปริง/ ซัมเมอร์สุดเก๋ โดยมีสาวๆอาทิ พิมพาภรณ์ ลีนุตพงษ์ พีชนา สงวนสัตย์ ณัฐเศรษฐ-อรอาภา พูนทรัพย์มณี ร่วมเดินแบบที่ลานอีเดน เซ็นทรัลเวิลด์ 17 มี.ค. เวลา 18.00 น.
หาพรีเซนเตอร์ ต้องให้คนร้องอ๋อ ปีก่อนได้ ตัน ภาสกรนที ปีนี้ สุชาติ เห็นสว่าง แห่งศูนย์เลสิคนานาชาติ TRSC ได้ตัวซีอีโอ "สาหร่ายเถ้าแก่น้อย" อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ มาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์คนใหม่
หิรัณ หมู่โสภณ จัดปาร์ตี้วันเกิด 51 ปีไปที่ D Club หาดป่าตอง ภูเก็ต แต่ปีนี้ พี่แดงหิรัณ เซ็งๆไม่สนุกเล้ย เพราะ อเล็กซ์ น้องชาย คนเก่า ก็หนีหน้าไป ส่วนคนใหม่ น้องโอ๋ อยู่แค่ 7 วัน ก็ขอลาสิกขาบทไปรับรสพระธรรม --ว้าย ไปทำอะไรเค้าหล่ะ!
กำลังอกระทม เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล น้ำตาซึมเปิดใจใน Who? ว่าหวังจะฝากผีฝากไข้ กับ แก้ว (เบญจา บารมี หรือ เบญจวรรณภูษณะพงษ์) แต่ในเมื่อฝ่ายหญิงหมดรักแล้ว ก็ต้องยอมเจ็บ แต่ขอร้องว่า ของที่ให้ ให้ "แก้ว" เท่านั้น ผู้ชายอื่นจะมายุ่งไม่ได้ ซึ่งฝ่ายหญิงก็ใจเด็ด คืนบ้าน รถพอร์ซ แหวน และของใหญ่ๆก่อนย้ายออก--เจ้าสัวจึงขาดรัก แต่ไม่ขาดทุน!
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์ เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทอดพระเนตรการแสดงของนักเรียนอนุบาลและประถมศึกษา ร.ร.จิตรลดา ณ ศาลาผกาภิรมย์ 18 มี.ค. เวลา 15.00 น.
เสียใจกับครอบครัว ปีย์-ท่านผู้หญิงอารียา มาลากุลฯ ที่สูญเสียบุตรชายคนเดียว ธรรมา ด้วยอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ จากภรรยา ทญ.อตินุช และลูกชาย ปราณ ไปด้วยวัยเพียง 40 ปี
อยากให้คนไข้ญี่ปุ่นประทับใจ พญ.สมสิริ สกลสัตยาทร ส่งทีมพยาบาล ซากูระ 10 คนของสมิติเวช ไปฝึกงานที่ รพ.เซาเปาโล ญี่ปุ่นนานหนึ่งเดือน เพื่อให้เข้าใจนิสัยใจคอและวัฒนธรรมคนญี่ปุ่นได้ลึกซึ้ง
เกรียง ศักดิ์ ตันติพิภพ เลื่อนงาน "สยามพารากอน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2010" ไปจัด 22-25 เม.ย. ที่พาร์ค พารากอน
ออกจากงานเลี้ยงยาม ดึก สนิทพิมพ์ เอกชัย-ชนะ สงวนสัตย์ เบ๋ออยู่นาน เพราะคนรถใหม่ เผลอทำรถล็อก ขณะที่ตัวอยู่นอกรถ ต้องขอรถเจ้าของงาน นั่งจากบางนาไปบ้านสุขุมวิท เอากุญแจสำรองกลับมาไข ถึงบ้าน เกือบตี 4
วิเศษ สิงห์สัจจเทศ บอส ยัสปาล เปิดแคตวอล์กโชว์แฟชั่น สปริง/ ซัมเมอร์สุดเก๋ โดยมีสาวๆอาทิ พิมพาภรณ์ ลีนุตพงษ์ พีชนา สงวนสัตย์ ณัฐเศรษฐ-อรอาภา พูนทรัพย์มณี ร่วมเดินแบบที่ลานอีเดน เซ็นทรัลเวิลด์ 17 มี.ค. เวลา 18.00 น.
หาพรีเซนเตอร์ ต้องให้คนร้องอ๋อ ปีก่อนได้ ตัน ภาสกรนที ปีนี้ สุชาติ เห็นสว่าง แห่งศูนย์เลสิคนานาชาติ TRSC ได้ตัวซีอีโอ "สาหร่ายเถ้าแก่น้อย" อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ มาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์คนใหม่
หิรัณ หมู่โสภณ จัดปาร์ตี้วันเกิด 51 ปีไปที่ D Club หาดป่าตอง ภูเก็ต แต่ปีนี้ พี่แดงหิรัณ เซ็งๆไม่สนุกเล้ย เพราะ อเล็กซ์ น้องชาย คนเก่า ก็หนีหน้าไป ส่วนคนใหม่ น้องโอ๋ อยู่แค่ 7 วัน ก็ขอลาสิกขาบทไปรับรสพระธรรม --ว้าย ไปทำอะไรเค้าหล่ะ!
กำลังอกระทม เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล น้ำตาซึมเปิดใจใน Who? ว่าหวังจะฝากผีฝากไข้ กับ แก้ว (เบญจา บารมี หรือ เบญจวรรณภูษณะพงษ์) แต่ในเมื่อฝ่ายหญิงหมดรักแล้ว ก็ต้องยอมเจ็บ แต่ขอร้องว่า ของที่ให้ ให้ "แก้ว" เท่านั้น ผู้ชายอื่นจะมายุ่งไม่ได้ ซึ่งฝ่ายหญิงก็ใจเด็ด คืนบ้าน รถพอร์ซ แหวน และของใหญ่ๆก่อนย้ายออก--เจ้าสัวจึงขาดรัก แต่ไม่ขาดทุน!
หน่วยข่าวเตือน"อภิสิทธิ์"ระวังถูกลอบสังหาร "สาทิตย์"ปัดโกหกหวังเรียกคะแนนสงสาร
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววันที่ 17 มีนาคมถึงกรณีที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงประกาศจะเอาเลือดนายกรัฐมนตรีมาล้างเท้า ว่าข่าวที่เกี่ยวกับการลอบสังหารหรือการลอบทำร้ายนายกฯนั้นมีมาตลอดก็เป็นเหตุผลที่ต้องมาพักที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยเราก็ต้องระมัดระวังตลอดเวลา เพราะฝ่ายข่าวได้เตือนนายกรัฐมนตรีมาตลอด
เมื่อถามว่าแหล่งข่าวที่เตือนมานั้นเชื่อถือได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า จากหน่วยงานทั้งหลายที่ทำหน้าที่ด้านการข่าวก็เตือนมา นายกรัฐมนตรีเองก็พยายามระมัดระวังและเหตุการณ์ขณะนี้แกนนำผู้ชุมนุมเริ่มแตกคอกันและกลุ่มที่นิยมความรุนแรงเริ่มมีบทบาทในการนำมากขึ้น เราก็กังวลว่าเหตุการณ์รุนแรงมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้
"เรื่องนี้เราไม่จำเป็นจะต้องไปครีเอตความน่ากลัวเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดคะแนนสงสาร และข่าวแบบนี้สามารถดับเบิ้ลเช็คกับฝ่ายความมั่นคงได้อยู่แล้ว"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1268817024&grpid=00&catid=
เมื่อถามว่าแหล่งข่าวที่เตือนมานั้นเชื่อถือได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า จากหน่วยงานทั้งหลายที่ทำหน้าที่ด้านการข่าวก็เตือนมา นายกรัฐมนตรีเองก็พยายามระมัดระวังและเหตุการณ์ขณะนี้แกนนำผู้ชุมนุมเริ่มแตกคอกันและกลุ่มที่นิยมความรุนแรงเริ่มมีบทบาทในการนำมากขึ้น เราก็กังวลว่าเหตุการณ์รุนแรงมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้
"เรื่องนี้เราไม่จำเป็นจะต้องไปครีเอตความน่ากลัวเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดคะแนนสงสาร และข่าวแบบนี้สามารถดับเบิ้ลเช็คกับฝ่ายความมั่นคงได้อยู่แล้ว"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1268817024&grpid=00&catid=
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ