“เสธ.นิด” คนสนิทของบิ๊กจิ๋ว...เปิดใจให้สัมภาษณ์ “ดุ-เด็ด-เผ็ด-ร้อน”...โปรดติดตาม!!

[dimistry]

Fri, 03/26/2010 - 17:40 | by takki | Report topic

http://thaiinsider.info/2009news/column/interviews/6454--4-----
“พล.ต.ศรชัย มนตรีวัต” หรือ “เสธ.นิด” คนสนิทของบิ๊กจิ๋ว...เปิดใจให้สัมภาษณ์ “ไทยอินไซเดอร์” อย่างหมดเปลือก และถึงพริกถึงขิง...ด้วยอารมณ์ที่ยังติดค้าง...กับกรณีที่ “ทหาร” มาติดรั้วลวดหนาม ขวางกั้นไม่ให้ส.ส.เข้าทำงานในสภาฯ

จึงไม่แปลกที่ “รสชาติ” ของบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ จะ “ดุ-เด็ด-เผ็ด-ร้อน”...โปรดติดตาม!!!

Q : ความชัดเจนกรณีที่บิ๊กจิ๋ว เข้ามาเป็นผู้เจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหาแนวทางยุติความขัดแย้งทางการเมือง
A : วันนั้นพรรค (เพื่อไทย) ออกแถลงการณ์ “พี่จิ๋ว” ไปแถลงด้วย ก็พูดถึงเรื่องจะเดินสายพบกับแกนนำรัฐบาล ก็หมายถึงทุกพรรค ทั้ง “ประชาธิปัตย์” ทั้งอะไรต่างๆ “ภูมิใจไทย” เขาก็แถลงข่าวออกมาว่า เขาไม่คุยด้วยหรอก เราก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ว่า “พรรคชาติไทยพัฒนา” เขาก็บอกเขายินดี เขาก็ให้เวลามาเหมือนกัน เวลาที่ให้มาท่านบรรหาร (ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย) ก็ไม่สบายเหมือนกัน แต่ว่าถ้าเผื่อเป็นความปรารถนาของ “พี่จิ๋ว” ท่านก็ยินดี คุยกันอย่างป่วยๆ ทีนี้ “พี่จิ๋ว” ไม่รู้เขานัดมาเวลาไหน บังเอิญพอทราบก็ไม่ไหวแล้ว เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา ตาก็บวม ก็คุยกันไม่ได้ ท่านก็เลยเลื่อนนัดกันไปก่อน ก็เท่านั้นเอง

“ผมดูแนวโน้มแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลเขาคงไม่อยากจะคุยด้วยหรอก อยู่กันอย่างมันก็...เขาก็ถือว่าเขาอยู่ได้ ธรรมดา แล้วก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้บ้านให้เมืองนัก คือถ้าเผื่อมนุษย์เรา คนเรา ไม่ใช่เฉพาะเคสนี้ ผมพูดทั่วๆไป แล้วคนเราถ้าเผื่อจะคิดแก้ปัญหา ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา มันก็จะเข้าใจกัน ทีนี้ทุกวันนี้ การเจรจามันไม่คิดอย่างนั้น”

Q : มีการประสานกันอยู่ตลอด
A : ครั้งที่แล้วเขาบอกเวลามา 4 โมงเย็นวันอังคาร (16 มี.ค.) ที่พี่บรรหารบอกมา เดี๋ยวผมจะลองประสานดูว่าพี่จิ๋วพร้อมเมื่อไหร่ ก็ดูซิว่าพี่บรรหารพร้อมมั๊ย

Q : ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ มีการประสานงานติดต่อกันอยู่ก่อนแล้ว
A : ไม่มี ไม่เคยคุยกัน ต้องบอกว่าพี่จิ๋วเข้ามาช่วยทำงานให้พรรคเพื่อไทย ท่านมีจุดมุ่งหมายอยู่ 3 ข้อเท่านั้นเอง คือจะเข้ามาแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านก็ย้ำของท่านตลอดเวลา แก้ข้อกล่าวหาที่เขากล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยไม่จงรักภักดี และข้อที่สามก็คือ มาแก้ปัญหาเรื่องความสมานฉันท์ สงบ-สันติ

Q : มีการโจมตีว่า การเดินสายคุยกับพรรคร่วม เป็นการล็อบบี้ บีบให้ถอนตัวจากรัฐบาล
A : ก็ไม่เป็นไรนี่ ใครคิดก็ไม่ต้องมาสิ ภูมิใจไทยเขาคิดว่าไปล็อบบี้เขา เขาก็ไม่ต้องมา ไม่เห็นเป็นไร คุยก็คุย ไม่คุยก็อย่าคุย ชาติไทยพัฒนาก็เหมือนกัน ถ้านัดมาปุ๊บ เรายื่นไมตรีไป ท่านก็ยื่นไมตรีกลับมา บังเอิญเราก็ยื่นกลับไปไม่ได้ เพราะว่าป่วยนั่นเอง ก็ไม่มีอะไรอย่าไปคิดมาก ไปท่ามากอะไรกับเรื่องของประเทศชาติ

Q : จุดประสงค์ที่ต้องมีการพูดคุยเพื่อ...
A : หา “ทางออก” ให้ประเทศชาติ ออกทางไหนก็แล้วแต่จะคุยกันได้แค่ไหน-อย่างไร ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะคิดอะไรรุนแรง จนเมื่อวัน-สองวันนี้ เขาตั้งเครื่องกีดขวางการเข้าประชุมของสภาฯ ผมไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นจริงๆ ยิ่งประเทศไทย คนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผมสมาชิกสภาฯ โห..มันกลัว 7 ต.ค.ขนาดนั้นเชียวเหรอ ทั้งที่ 7 ต.ค.ก็พวกคุณทำทั้งนั้นแหละ ไอ้เราหลงเข้าไปในทิศทางที่เขาทำ วันนี้เคยปฏิเสธมั๊ยละ แก้ตัวมั๊ยละ ว่าคุณสร้างสถานการณ์เอาไว้เมื่อ 7 ต.ค.ยังไง

Q : “บิ๊กจิ๋ว” พยายามยื่นไมตรีไปแล้ว แต่เสียงตอบรับจากฝ่ายรัฐบาล ดูยังไม่ค่อยตอบรับเท่าไหร่
A : ก็ว่ากันไป แต่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาโดยพี่บรรหาร เขาก็ยื่นไมตรีกลับมาโดยการนัดไงล่ะ แต่บังเอิญพี่จิ๋วไม่สบายซะก่อน

Q : ในอนาคตก็ยังจะคุยต่อ
A : มันต้องคุยกันอยู่แล้ว ถ้านักการเมืองไม่คุยกัน จะจบยังไง ก็ต้องคุยกัน

Q : ต้องรอให้สถานการณ์การเมืองที่เสื้อแดงออกมาชุมนุม จบก่อน
A : ไม่จำเป็น นัดพร้อมเมื่อไหร่ ก็พร้อม นี่ผมจะคุยกับพี่จิ๋ว คุยว่าพี่จิ๋วพร้อมเมื่อไหร่ เสื้อแดงไม่จบหรอก ปัญหานี้เสร็จ ก็ปัญหาโน้น

Q : การขึ้นเวทีเสื้อแดงของ “บิ๊กจิ๋ว” เป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง

บิ๊กจิ๋ววันขึ้นเวทีเสื้อแดง
A : ไม่มี...อย่าคิดมาก ก็บอกแล้วไง ท่านเข้าไปก็พยายามที่จะให้มันสงบ ทุกอย่างให้มันเป็นไปตามนโยบายของพรรคเราคือ “สงบ-สันติ” เขาก็ทำตามนโยบายพรรคมาตลอด เห็นมั๊ยเสื้อแดง “สันติ-สงบ” “สงบ-สันติ” ท่องไว้ ใครจะมาแหย่ยังไง มีที่ไหนม็อบเยอะขนาดนี้ ก็สามารถควบคุมได้ มือที่สามมันเข้าไม่ได้ เราไม่ยอมเสียท่าเขาอีกแล้ว

Q : ท่าทีตอบรับของฝ่ายรัฐบาล ดู “บิ๊กจิ๋ว” เหมือนส่งสัญญาณให้เกิดความรุนแรง
A : โหย...ทำไมละ เรามีหน้าที่ของเราเท่านี้ เรามีหน้าที่อื่นได้ไงล่ะ ส่วน “มือที่สาม” เราต้องดูเขา จุดไฟไม่สำเร็จหรอก เพราะรู้ทางจับได้หมดแหล่ะ ใครเข้ามาอยู่ในกลุ่มเสื้อแดงก็มองกันเอง

“น้องเข้าไปดูสิม็อบ คนเราเวลาสามัญสำนึก น้องอาจะไม่เห็น ไม่ได้เป็นทหาร ดูสิยิงเอ็ม 79 แต่ละที อย่างเช่นที่กระทรวงสาธารณสุข ถ้าเผื่อพวกผมอยากจะสร้างปัญหา สร้างสถานการณ์ทำไมผมจะต้องไปรอยิง ตอนเขาเลิกประชุม ผมก็ใส่ไปในที่ประชุมเลยเป็นไง แล้วคุณสอบยังไง ก็ไม่รู้หรอก ผมบอกได้เลย ยังไงก็สอบไม่ถึง เพราะว่ามันรู้มันทำกันเอง ถามสิวันนี้สามัญสำนึกดูว่า ไอ้รถบัสเก่าๆที่เผา 52 คัน คนขับ 52 คันมึงจำไม่ได้เลยเหรอ ใครไล่มึงลงแล้วเอารถไป ผู้โดยสารเท่าไหร่ไปยึดรถกลางถนน จับไม่ได้เลยเหรอ กล้องวงจรปิดทั่วประเทศอยู่แล้ว ทั่วกรุงเทพฯอยู่แล้ว ไม่เห็นมั่งเลยเหรอ ใครไล่ใคร แล้วรถแก๊สทำไมไม่สอบ “เจ้าของ” ว่าไปอยู่นั่นได้ไง ใครเป็นคนจี้”

Q : มองว่าการยิงเอ็ม 79 เป็นการสร้างสถานการณ์
A : โอ้ย...โอโห(หัวเราะ) อย่าลืมเป็นทหารนะนี่นะ (เอานิ้วชี้ที่ตัวเอง) จะยิงนะ มันไม่เป็นอย่างนี้หรอกสภาพยิง

Q : ทั้งที่ทหาร-ตำรวจเต็มเมือง ยังยิงได้
A : นั่นสิ ไปถามเขาดู ไม่หลงกลอยู่แล้ว เพราะครั้งที่เม.ย.เนี่ย ผมเห็นสถานการณ์ไม่ดี ผมโทร.ไปบอกเขาเองว่า อย่าออกไปเลย รวมกันอยู่ตรงหน้าทำเนียบฯนั่นแหละ ไม่ต้องไปไหน ไป...ก็เข้าทาง

Q : ตอนนี้ก็มีความพยายามใช้แผนเดิมๆ
A : มันก็พยายามอยู่ แต่ทีนี้มันสำเร็จยากแล้ว

Q : ในฐานะนายทหารเก่า มองภาพทหารล้อมรัฐสภาอย่างไร
A : ผมไปดู มันน่าเกลียดเกินไป ผมคนเดียวที่มาตรงนี้ จะเข้าประตูนี้ แล้วเราเป็นทหารนะ เราต้องเตือนท่านผู้การ บอก “นี่มันอะไรกันนี่ ถามว่าใครเป็นคนคิด คิดได้ยังไง ป้องกันอย่างนี้มันยิ่งกว่าในสงครามโลกอีกนะเนี่ย” แต่ในที่สุดก็แพ้ภัยเห็นมั๊ย ในที่สุดก็ต้องถอนกำลัง เราไม่เข้าหรอก ยกตัวอย่างให้เด็กๆเขาฟัง “ถามจริงๆเถอะ วันนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยมันเกิดบ้าขึ้นมา มันไปยึดกองทัพขึ้นมา ยึดกองทัพบกขึ้นมา ผู้บัญชาการทหารบกต้องการเข้ากองทัพ สำนักงานตัวเอง แล้วพวกผมบอกให้มึงคลานเข้ามา คลานมั๊ย เข้ามั๊ย ไม่เข้าครับ” ฉันใดก็ฉันนั้น เหมือนกันสภาผู้แทนราษฎรของพวกผม ผมจะไปประชุมกันเนี่ย อยู่ดีๆคุณให้ผมลงเดิน ผมจะเดินไปทำไม ผมคนเดียวที่เดินเข้าไปดูเหตุการณ์ข้างใน คนอื่นเขาอาจจะไม่อยากเข้าไป ต้องอย่าลืมสิผู้แทนราษฎรมีมือ มีสมอง กับมีปากเท่านั้นนะ พวกคุณมีอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิด

“ผมเนี่ยเป็นคนไปบอกเอง หมวดปจว. (ปฏิบัติการจิตวิทยา) ขึ้นไปตะโกนเย้วๆ กราบเรียนท่านผู้แทนราษฎร เราเปิดทางให้ เรามีรถตู้ส่งให้ อะไรต่ออะไร ผมก็บอกพูดทำไม ไม่ได้กีดขวาง บ้าหรือเปล่า พูดทำไม บอกลงมาๆ เราในฐานะรุ่นพี่ก็บอกลงมา ไม่ต้องพูด พูดไปเดี๋ยวก็ได้ยินฉิบหายกันใหญ่โตมโหฬาร ใส่ไฟใส่ฟืนกันยุ่ง แต่ดีเขาก็น่ารักดี เขาก็ลงมาแล้วก็ไม่ตอบโต้อะไร ก็เลยจบ ขืนพูดกันต่อไป ก็ต้องตอบโต้กันตอบโต้กันมา เดี๋ยวก็ได้มีเรื่อง”

Q : กับรัฐบาลอาจจะไม่รับฟังเสธ. แต่ทหารในฐานะที่เสธ.เป็นรุ่นพี่ จะแนะนำอย่างไร
A : โอ้...ไม่บอกแล้ว เขาทำให้รัฐบาล 100% ผมถึงบอกว่าสื่อเหมือนกัน ต้องช่วยกัน ดูสิเมื่อสมัยท่านสมัคร (สุนทรเวช อดีตนายกฯ คนที่ 25) ท่านเป็นนายกฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินนะ ให้ทหารเขาดำเนินการ เขาว่ายังไง เป็นเรื่องของการเมือง “การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง” แล้ววันนี้มันเป็นยังไงแตกต่างกันตรงไหน ก็เหมือนกัน ลักษณะเดียวกัน แล้วเราก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยกันตลอด ถามแล้วตอบมั๊ย อนุพงษ์ (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก) ตอบได้มั๊ย วันนี้ทำไมเสื้อแดงถึงได้มากขึ้นๆ คนมันเห็น “สองมาตรฐาน” แล้วเห็นมั๊ยวางอาวุธ ลวดหนาม อะไรต่ออะไร (นิ้วชี้ที่บริเวณริมถนนที่มีการวางกำลังทหารอยู่) แล้วคิดดูสิ เงินทองนี่หมดไปวันๆกี่ร้อยล้าน ทั่วกรุงเทพฯไปหมด พวกผมไม่ต้องเสียตังค์หรอก ชาวบ้านเขาช่วยกัน แล้วไปกล่าวหาเขาอย่างโน้นอย่างนี้สารพัด..บ้า!!!

Q : เหตุผลเกี่ยวกับการได้รับงบประมาณของกองทัพ ทำให้ทำงานสนองรัฐบาลเต็มที่

พล.อ.อนุพงษ์-เหลือง-แดง
A : คนมันลุแก่อำนาจ เห็นแก่เงินมากมาย ทำอะไรก็ทำได้...คนเรา

Q : ทหารลุแก่อำนาจ
A : ไม่ใช่ “คนใหญ่” สิ “คนนโยบาย” สิ ทหารมันต้องทำตามคำสั่งอยู่แล้ว เด็กๆมันก็ต้องทำตามคำสั่ง โทรมาคุยกัน ก็สนุกสนานกันจะตาย อย่างที่ว่า “ทหารแตงโม” ทั้งนั้น มีแต่ “ผู้ใหญ่” เท่านั้นเองที่มัน...อนาคตตัวเอง

“ที่ผมเข้าไปเนี่ย พลทหาร-นายสิบ เขาไม่ให้บอกต้นสังกัดเขา นี่มันทหารเมืองกาญน์นี่ ก็นายทหารเห็น มันก็รู้จักกันทั้งนั้น มันก็มาสวัสดี อ๋อ...นี่ทหารเมืองกาญน์ ก็บอกเรา...เขาไม่ให้บอกครับ (หัวเราะ) ลองรุนแรงสิ ฝากไว้เลย ถ้าเผื่อรุนแรงเมื่อไหร่ ทหารไม่ทำหรอก ดีไม่ดี...เบนปากกระบอกปืน ไม่ทำหรอก ผมไม่เชื่อว่าทำ”

Q : ตอนนี้เป็นการงัดข้อระหว่างทหาร 2 ฝ่ายอยู่
A : ผมว่า “เกินครึ่ง” ที่มันไม่เห็นด้วย ไอ้พวกผู้หลัก-ผู้ใหญ่ที่ถือดุลอำนาจไว้ มันเอาตัวรอดแล้วละวันนี้ ไม่ทำก็ไม่ได้ กับรัฐบาลท่านสมัคร ทำไมทำได้ล่ะ ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้ ไม่ทำ เรื่องการเมืองแก้ด้วยการเมือง ทำไมวันนั้นอนุพงษ์หนเดียวกันเนี่ย ทำไม...ทำได้

Q : เพราะอะไร???
A : ก็ไปถามเขาดู

Q : มีคนหนุนหลัง
A : ก็ไปถามเขาดูสิ เป็นเพราะอะไร ไปถามเขา เอ๊ะ...มันไม่ “สองมาตรฐาน” เหรออย่างนี้ อย่างนี้เรียก “สองมาตรฐาน” มั๊ย ผมถึงบอกประชาชนเขาถึงได้เข้ามาร่วมงานเพื่อไทยมากขึ้นทุกวันๆ กับเสื้อแดงมากขึ้นทุกวันๆ

Q : ในระดับนโยบายตอนนี้ ไม่รู้หรือว่ามี “ทหารแตงโม” รวมผู้ใต้บังคับบัญชาเปลี่ยนไปหมดแล้ว
A : ก็เป็นทหารเขาสั่งการ แต่ทำไมเวลาเราสั่งอนุพงษ์ ทำไมอนุพงษ์ไม่ทำ ทำไมวันนี้ นายกฯคนนี้สั่ง...ทำล่ะ “นายกฯหนีทหาร” สั่ง...เขาทำ เออ...แปลกดีโว้ย (ยิ้ม) คือเรื่องวันนี้ “สองมาตรฐาน” แล้ว ที่มันสู้กันทุกวันนี้ แล้วสู้ได้ด้วย ไม่ต้องกลัว

Q : คิดว่าถึงขั้นต่อสู้รุนแรง
A : ถ้าเผื่อต่างงัดกันไป-งัดกันมา มันก็พัง วันนี้สมมติว่าเสื้อแดงสู้ไม่ได้ บอกได้เลยว่าเสื้อแดงก็ลงใต้ดิน ลงใต้ดินมันก็จะกลับไปสู่ 8 ส.ค.2507

Q : “บิ๊กจิ๋ว” จึงเข้ามาช่วยเรื่องการเจรจา
A : นี่ไง...เพราะ “พี่จิ๋ว” รู้ไงว่า “อะไรจะเกิดขึ้น” กับ “ประเทศชาติ” ถึงได้ลงมาช่วยดูแลอยู่ ท่านควรจะพักผ่อน ท่านอยากจะพักผ่อนจะตาย ทำไงได้เมื่อบ้านเมืองมันมาทิศทางที่แย่ เราเห็นอยู่แล้วมันไปไม่ดี ถ้าเผื่อเราหยุดวิถีทางนี้ได้ ก็โอเค

Q : แต่ฝั่ง “พรรคร่วม” ก็ยังปฏิเสธที่จะร่วมเจรจาอยู่
A : ความจริงพวกนี้มันพวกปลายเหตุ ตัว “ประชาธิปัตย์” เองตัวต้นหลัก ยังไม่เข้าใจเหรอเรื่องอย่างนี้ ผมไม่ได้สนใจหรอก จะเป็น “เพื่อแผ่นดิน” “ประชาราช” พรรคอะไรต่างๆเล็กๆน้อยๆ ไม่สนใจ

Q : สัญญาณประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร
A : วันนี้เขาบอกเริ่มเจรจาคุย คุยกันไม่ได้หรอก...ผมฟังแล้ว เพราะว่า “ติดคุกก่อนสิ” มาคุยกันอย่างนี้ แล้วจะคุยกันทำไม คนเป็นผู้ใหญ่ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ใหญ่ทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้ยังไง แล้วเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่อง

Q : ประชาธิปัตย์อาจคิดว่า รัฐบาลอยู่ได้เพราะมีทหารหนุนหลังอยู่
A : ประชาธิปัตย์คือเกลียดที่สุด คือเกลียดทหาร คือเกลียดมาตลอด บอกแล้ววันนี้มันผิดฝาผิดตัวไปหมดแล้ว

Q : แนะนำประชาธิปัตย์ในการหาทางลงอย่างไร???
A : ใช้ “สามัญสำนึก” ในการแก้ปัญหา คนเราเนี่ยจะ “รักษาสถาบัน” คนไทยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการรักษาสถาบัน ต้องรักษาสถาบันไว้เหนือชีวิต แต่วิธีการรักษาสถาบัน ต้องรักษาให้เป็น ต้องอย่าลืมนะว่าปีนี้มันปี 2553 ไม่ใช่ 2475 นะ จะแก้ปัญหาวิธีเดียวกันไม่ได้ ดูสิวันนี้โลกแห่งความเป็นจริงเป็นยังไง ถามพวกที่บอกรักษาสถาบัน อย่างที่ท่านผู้หญิงวิระยา (ชวกุล กรรมการมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์) ท่านขึ้นเวที ไอ้คนสิบกว่าคน มาตั้งข้อกล่าวหาว่าพวกเราไม่จงรักภักดี จะบอกให้ไอ้สิบกว่าคนที่พูดๆว่าจงรักภักดี จงรักภักดีได้ขนาดไหนของเขา เขาเนี่ยจงรักภักดีล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ร้อย แล้วคุณจะมากล่าวหาคนนับล้านเขาไม่จงรักภักดีได้ไง ตรงไหนที่ไม่จงรักภักดี คนมองอะไรมองไม่ลึก

Q : ความพยายามตอนนี้ มีหลายฝ่ายที่โยนเรื่องของการเจรจาเข้ามาแก้ปัญหา
A : ก็พยายามไป วันหนึ่งก็สำเร็จเอง เอาอย่างนี้...ผมเล่าให้ฟังจริงๆก็ได้ ก่อนที่จะมีการออกมาเป็นข่าว อาจารย์โคทม (อารียา) ใช้ความพยายามหลายรอบแล้ว แล้วผมเนี่ยเป็นคนประสานงานให้ ผมเนี่ยเป็นคนพาเขามาเยี่ยมนาย “พี่จิ๋ว” ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ “พี่จิ๋ว” ก็บอก “พี่จิ๋วจะพยายามให้ จะให้พี่จิ๋วเป็นผู้สมานฉันท์ เป็นตัวแทนของพรรคคงไม่ได้ เพราะว่าพี่จิ๋วเข้ามาทำงานให้พรรคด้วยเหตุผลที่ผมบอก 3 อย่าง แต่จะพยายาม”

ยิ่งลักษณ์
แต่ผมก็ตัดบทไปว่า “อาจารย์โคทมคุยกันคงลำบาก ให้พี่จิ๋ว...เขาไม่ไปหรอก ไปได้ยังไง ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค เขามาเป็นผู้ใหญ่ให้พรรคเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นวิธีการง่ายๆไปดูซิฝั่งโน้นใครมา เอาอย่างนี้ ฝั่งนี้ผมการันตีให้ก็แล้วกันว่า โอเค พี่จิ๋วไปคนหนึ่ง แล้วอีกคนหนึ่งจะเป็นใคร อาจารย์โคทมขอ “ชินวัตร” ขอที่คุณยิ่งลักษณ์ (น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ผมไม่ขัดข้อง ผมรับปากจะพูดให้ แต่ทางโน้นเป็นใคร ผมว่าดีที่สุดให้ท่านอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) เอง แล้วก็คุณอรรถสิทธิ์ (นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดานายอภิสิทธิ์) เพราะว่าพ่อคุณอภิสิทธิ์ก็เพื่อนพี่จิ๋ว”

แล้ว “นอกรอบ” ก็นำไปสู่การเจรจา เพราะอะไรก็แล้วแต่ จำไว้เลย...การเจรจาเนี่ยมันจะสำเร็จก่อนเสมอที่จะเป็นข่าว ก็คือการเจรจากันใต้โต๊ะ แล้วระดับสูงอย่างนี้ เจรจากันใต้โต๊ะ ตัวแทนชินวัตรก็ดี อรรถสิทธิ์ก็ดี แต่สุดท้ายทางนี้ไปพูด...ก็ไม่ได้ ทางฝั่งอาจารย์โคทมไปพูดกับประชาธิปัตย์...ไม่ได้ เขาเองก็มาบอกว่า “ยังไม่ถึงเวลา” ผมก็รู้อยู่แล้ว ผมก็บอกทางโน้นเป็นใคร เสร็จแล้วเขาก็บอกเอาอย่างนี้ได้มั๊ย เป็นกอร์ปศักดิ์ (สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี) ผมก็บอก...คนที่พูดมันไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่พูด...มาพูดมันไม่มี Authority (อำนาจ) ตัดสินใจอะไรไม่ได้ งั้นก็ขอนอกรอบอีกที ขออาจารย์ปณิธาน (วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) แล้วก็ประชาธิปัตย์ 3-4 คน ฝั่งนี้ให้ผม พล.ต.ศรชัย ผมบอกผมยินดี แต่ไม่ใช่ในนามของพรรคเพื่อไทย แต่ในฐานะอาจารย์ เหมือนอาจารย์ปณิธานด้วยกัน มานอกรอบกัน ประชาธิปัตย์จะมา 3-4 คนไม่ว่า แต่ผมไม่ใช่ตัวแทนเพื่อไทย เพราะเป็นตัวแทนไม่ได้ แต่ฐานะคนที่เคยเป็นครูบาอาจารย์ ฝั่งโน้นบอกมาคุยทำไม เขาก็ไม่ได้อยากคุยอยู่แล้ว อย่างว่าเขาก็โทรมาอีกนะ เขาติดต่อตลอด เราก็เห็นใจเขา...ที่พยายาม

Q : 2 ครั้งที่พยายามติดต่อคนมาพูดคุย...ไม่สำเร็จเลย
A : มันไม่ใช่ มันยังไม่มีอะไรได้ผล ไม่ได้ผล เพียงแค่จะเจรจากัน เอาใครมาเจรจา ผมเนี่ยเป็นคนบอกเองว่า จะไม่ให้เสียเวลา อาจารย์โคทมเขาคิดว่าเป็นพี่จิ๋วกับอีกพรรค ผมก็บอกโอเคไม่ขัดข้อง แต่จะคนไหน ถามว่าฝั่งโน้นใคร จะให้อยู่ดีๆ โอเคเอาเลย แล้วคุณส่งไอ้สาทิตย์ วงศ์หนองเตย(รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) กับเทพไท (เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) มา ถามว่าพี่จิ๋วจะคุยเหรอ พี่จิ๋วก็ไม่คุยหรอก อย่าว่าแต่พี่จิ๋วเลย ผมเองผมยังไม่ไปเลย ผมไปในฐานะเพื่อไทยไม่ได้ ก็ในฐานะนักวิชาการผมยังไปได้บ้าง ในฐานะครูบาอาจารย์ไปได้บ้าง แล้วครูบาอาจารย์กับครูบาอาจารย์คุยกัน ผมว่ามันมีเหตุผล แต่วันนี้อาจารย์ปณิธานผมว่าไม่ใช่อาจารย์เดิมแล้ววันนี้ เอียงไปหมดแล้ววันนี้

Q : ขั้นตอนการเจรจาตอนนี้ ก็ยังเงียบอยู่
A : ยังไม่มีอะไร มันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว

Q : บิ๊กจิ๋วตอนนี้พยายาม..
A : พี่จิ๋วเรื่อง “สงบ-สันติ” ท่านทำได้ตลอดอยู่แล้ว

Q : จะรอนานไหม
A : ไม่มีกำหนดหรอก การเจรจาทั้งหลายแหล่ รู้มั๊ยเขมร 5 ฝ่าย กว่าจะจบใช้เวลานานเท่าไหร่

Q : ไม่กลัวความรุนแรงจะเกิดขึ้นมาก่อน
A : โอ้ย...มันไม่มีหรอก คนมันมาด้วยมือเปล่า สันติ-สงบ สงบ-สันติ
.....................................