Giles spot on: สนธิถูกยิงเพราะอะไร
หน้า 1 จาก 1
Giles spot on: สนธิถูกยิงเพราะอะไร
เราจะสรุปอะไรได้จากการที่สนธิถูกยิง??
เราคงไม่มีวันทราบง่ายๆว่าใครยิงสนธิ ลิ้มฯ แต่เราควรดูภาพรวมของปรากฏการณ์นี้
ในประการแรกใครๆ รวมถึงตัวสนธิเองมองว่าไม่ใช่เสื้อแดง และคนส่วนใหญ่ไม่ได้โทษทักษิณ ดังนั้นเราพอสรุปได้ว่าเป็นคนในแนวร่วมนรกอำมาตยาธิปไตย
การที่พวกอำมาตยาธิปไตยแตกแยกกันเองถึงขนาดจะฆ่ากัน อาจมีสาเหตุหลักสองประการคือ
1. กลัวอำนาจเสื้อแดง อยากเอาตัวรอดแบบตัวใครตัวมัน เพื่อทำการประนีประนอมกับผู้นำเสื้อแดงในอนาคต
2. คิดว่าเสื้อเหลืองชนะ หมดสาเหตุที่จะสามัคคีกัน ถึงเวลาแข่งกัน ฆ่ากันเอง
ผมจะขอเดาว่ามันมีสองสาเหตุนี้ผสมกัน เสื้อแดงอาจแพ้บนถนนในเมษาเลือด แต่ได้แสดงพลังว่าจะไม่จบง่ายๆ และเหลืองครองใจประชาชนส่วนใหญ่ยากขึ้น พวกรักกษัตริย์อาจกลัวการขยายตัวของขบวนการทางความคิดเรื่องสาธารณรัฐ จึงแตกแยกกัน แต่ในขณะเดียวกันอำมาตย์ยังครองอำนาจอยู่ ยังไม่แพ้ และบางส่วนอาจหลงคิดว่าตนชนะ
พันธมิตรฯมีลักษณะเป็นฟาสซิสต์ คลั่งชาติกษัตริย์ ผู้นำไม่เสถียรเพราะเหมือนหมาบ้า คุมยาก แต่พันธมิตรฯเป็นประโยชน์ต่ออำมาตย์ตอนสร้างความปั่นป่วนเมื่อยึดสนามบิน ทำเนียบ และท้องถนน แต่ตอนนี้ถึงเวลา “ใช้แล้วทิ้ง” โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มเนวินมีความสำคัญในการรักษาเสียงในสภาให้ประชาธิปัตย์ และเนวิน เป็นศัตรูกับ สนธิ ลิ้ม และที่สำคัญ ตอนนี้เนวิน สุเทพ และทหาร มีกองกำลังเสื้อน้ำเงินที่เป็นม็อบชนม็อบ ซึ่งคุมเองได้โดยตรง โดยเนวิน/ประชาธิปัตย์และทหาร เพื่อใช้แทนพันธมิตรฯ …..ในยุคหลัง ๖ตุลา มีการพยายามสลายลูกเสือชาวบ้านด้วย เพราะผู้มีอำนาจรัฐไว้ใจไม่ได้ กลัวจะตกเป็นเครื่องมือคู่แข่งทางการเมือง
ในช่วงค.ศ. 1930 นักมาร์คซิสต์ชื่อ ตรอทสกี เคยเขียนบทความสำคัญเกี่ยวกับขบวนการฟาสซิสต์ ซึ่งเป็นขบวนการของชนชั้นกลางนายทุนน้อยขวาจัด เขาเขียนว่า….
…… “ชนชั้นนายทุนใหญ่ ‘ชอบ’ ฟาสซิสต์เหมือนคนปวดฟัน ‘ชอบ’ ให้หมอฟันถอนฟัน ….และในที่สุดความฝันเรื่องยุคอดีตของนายทุนน้อยก็ถูกแปรไปเป็นตำรวจของ ทุน”… พูดง่ายๆ พวกใหญ่โตไม่ไว้ใจฟาสซิสต์ แต่ในวิกฤตจำเป็นต้องใช้พวกนี้ และฟาสซิสต์ต้องอาศัยการหนุนหลังของพวกใหญ่โตเสมอ และเป็นเครื่องมือของเขาตลอด ยากที่จะบรรลุเป้าหมายของชนชั้นกลางได้ตามลำพัง ต้องรับใช้นายทุนใหญ่อำมาตย์ (เราไม่ควรลืมว่าอำมาตย์ไทยทั้งหมดคือนายทุนใหญ่ ไม่ใช่ศักดินาที่หมดไปตั้งแต่รัชกาลที่๕)
….. “ เมื่อฟาสซิสต์ยึดอำนาจได้(ด้วยการหนุนหลังจากนายทุนใหญ่) มันไม่มีสภาพของการยึดอำนาจโดยชนชั้นนายทุนน้อยหลงเหลืออยู่เลย ตรงกันข้าม มันเป็นเผด็จการป่าเถื่อนที่สุดของทุนผูกขาด”…. “ ท่ามกลางความอ่อนแอของนายทุนน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับทุนใหญ่ นายทุนน้อยย่อมก้มหัวให้เสมอ… และจะฝากความหวังกับอนาคตว่าจะกู้ศักดิศรีคืนมาได้ด้วยการทำลายขบวนการแรง งาน” พันธมิตรฯ ไม่ได้มีความสามารถตอนนี้ที่จะยึดอำนาจ และกำลังถูกโจมตีโดยอำมาตย์เอง แต่เรายังต้องระวัง และควรให้ความสำคัญในการขยายแนวคิดแดงสู่ขบวนการแรงงาน ซึ่งเป็นพลังในเมือง เพราะเราต้องไปแข่งแนวกับอิทธิพลเสื้อเหลืองในกลุ่มนี้
สรุปแล้วพวกอำมาตย์ไทยกำลังแตกแยกกันซึ่งเป็นเรื่องดี เราจะมีโอกาสกดดันต่อไป การกดดันที่อาจมีพลังสูงคือการเสนอเรื่องสาธารณรัฐ และประเด็นก้าวหน้าอื่นๆ ซึ่งแหลมคมและอันตรายสำหรับเราและฝ่ายตรงข้ามด้วย มันสร้างความกลัวให้ฝ่ายตรงข้ามของเรา สิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยให้เราไม่หดหู่ แต่ใครๆก็รู้ว่ามันยังไม่ชัดเจนว่าแดงหรือเหลืองชนะ เราต้องไม่ประมาด โดยเฉพาะในเรื่องภัยจากเสื้อน้ำเงิน และอย่าพึ่งรีบสรุปว่าพันธมิตรฯหมดสภาพโดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่อ่อนแอลงมาก และอาจมีรอยร้าวอีกด้วย
เราต้องสู้ต่อและยุให้มันแตกแยกกันอีกต่อไป
เราคงไม่มีวันทราบง่ายๆว่าใครยิงสนธิ ลิ้มฯ แต่เราควรดูภาพรวมของปรากฏการณ์นี้
ในประการแรกใครๆ รวมถึงตัวสนธิเองมองว่าไม่ใช่เสื้อแดง และคนส่วนใหญ่ไม่ได้โทษทักษิณ ดังนั้นเราพอสรุปได้ว่าเป็นคนในแนวร่วมนรกอำมาตยาธิปไตย
การที่พวกอำมาตยาธิปไตยแตกแยกกันเองถึงขนาดจะฆ่ากัน อาจมีสาเหตุหลักสองประการคือ
1. กลัวอำนาจเสื้อแดง อยากเอาตัวรอดแบบตัวใครตัวมัน เพื่อทำการประนีประนอมกับผู้นำเสื้อแดงในอนาคต
2. คิดว่าเสื้อเหลืองชนะ หมดสาเหตุที่จะสามัคคีกัน ถึงเวลาแข่งกัน ฆ่ากันเอง
ผมจะขอเดาว่ามันมีสองสาเหตุนี้ผสมกัน เสื้อแดงอาจแพ้บนถนนในเมษาเลือด แต่ได้แสดงพลังว่าจะไม่จบง่ายๆ และเหลืองครองใจประชาชนส่วนใหญ่ยากขึ้น พวกรักกษัตริย์อาจกลัวการขยายตัวของขบวนการทางความคิดเรื่องสาธารณรัฐ จึงแตกแยกกัน แต่ในขณะเดียวกันอำมาตย์ยังครองอำนาจอยู่ ยังไม่แพ้ และบางส่วนอาจหลงคิดว่าตนชนะ
พันธมิตรฯมีลักษณะเป็นฟาสซิสต์ คลั่งชาติกษัตริย์ ผู้นำไม่เสถียรเพราะเหมือนหมาบ้า คุมยาก แต่พันธมิตรฯเป็นประโยชน์ต่ออำมาตย์ตอนสร้างความปั่นป่วนเมื่อยึดสนามบิน ทำเนียบ และท้องถนน แต่ตอนนี้ถึงเวลา “ใช้แล้วทิ้ง” โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มเนวินมีความสำคัญในการรักษาเสียงในสภาให้ประชาธิปัตย์ และเนวิน เป็นศัตรูกับ สนธิ ลิ้ม และที่สำคัญ ตอนนี้เนวิน สุเทพ และทหาร มีกองกำลังเสื้อน้ำเงินที่เป็นม็อบชนม็อบ ซึ่งคุมเองได้โดยตรง โดยเนวิน/ประชาธิปัตย์และทหาร เพื่อใช้แทนพันธมิตรฯ …..ในยุคหลัง ๖ตุลา มีการพยายามสลายลูกเสือชาวบ้านด้วย เพราะผู้มีอำนาจรัฐไว้ใจไม่ได้ กลัวจะตกเป็นเครื่องมือคู่แข่งทางการเมือง
ในช่วงค.ศ. 1930 นักมาร์คซิสต์ชื่อ ตรอทสกี เคยเขียนบทความสำคัญเกี่ยวกับขบวนการฟาสซิสต์ ซึ่งเป็นขบวนการของชนชั้นกลางนายทุนน้อยขวาจัด เขาเขียนว่า….
…… “ชนชั้นนายทุนใหญ่ ‘ชอบ’ ฟาสซิสต์เหมือนคนปวดฟัน ‘ชอบ’ ให้หมอฟันถอนฟัน ….และในที่สุดความฝันเรื่องยุคอดีตของนายทุนน้อยก็ถูกแปรไปเป็นตำรวจของ ทุน”… พูดง่ายๆ พวกใหญ่โตไม่ไว้ใจฟาสซิสต์ แต่ในวิกฤตจำเป็นต้องใช้พวกนี้ และฟาสซิสต์ต้องอาศัยการหนุนหลังของพวกใหญ่โตเสมอ และเป็นเครื่องมือของเขาตลอด ยากที่จะบรรลุเป้าหมายของชนชั้นกลางได้ตามลำพัง ต้องรับใช้นายทุนใหญ่อำมาตย์ (เราไม่ควรลืมว่าอำมาตย์ไทยทั้งหมดคือนายทุนใหญ่ ไม่ใช่ศักดินาที่หมดไปตั้งแต่รัชกาลที่๕)
….. “ เมื่อฟาสซิสต์ยึดอำนาจได้(ด้วยการหนุนหลังจากนายทุนใหญ่) มันไม่มีสภาพของการยึดอำนาจโดยชนชั้นนายทุนน้อยหลงเหลืออยู่เลย ตรงกันข้าม มันเป็นเผด็จการป่าเถื่อนที่สุดของทุนผูกขาด”…. “ ท่ามกลางความอ่อนแอของนายทุนน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับทุนใหญ่ นายทุนน้อยย่อมก้มหัวให้เสมอ… และจะฝากความหวังกับอนาคตว่าจะกู้ศักดิศรีคืนมาได้ด้วยการทำลายขบวนการแรง งาน” พันธมิตรฯ ไม่ได้มีความสามารถตอนนี้ที่จะยึดอำนาจ และกำลังถูกโจมตีโดยอำมาตย์เอง แต่เรายังต้องระวัง และควรให้ความสำคัญในการขยายแนวคิดแดงสู่ขบวนการแรงงาน ซึ่งเป็นพลังในเมือง เพราะเราต้องไปแข่งแนวกับอิทธิพลเสื้อเหลืองในกลุ่มนี้
สรุปแล้วพวกอำมาตย์ไทยกำลังแตกแยกกันซึ่งเป็นเรื่องดี เราจะมีโอกาสกดดันต่อไป การกดดันที่อาจมีพลังสูงคือการเสนอเรื่องสาธารณรัฐ และประเด็นก้าวหน้าอื่นๆ ซึ่งแหลมคมและอันตรายสำหรับเราและฝ่ายตรงข้ามด้วย มันสร้างความกลัวให้ฝ่ายตรงข้ามของเรา สิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยให้เราไม่หดหู่ แต่ใครๆก็รู้ว่ามันยังไม่ชัดเจนว่าแดงหรือเหลืองชนะ เราต้องไม่ประมาด โดยเฉพาะในเรื่องภัยจากเสื้อน้ำเงิน และอย่าพึ่งรีบสรุปว่าพันธมิตรฯหมดสภาพโดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่อ่อนแอลงมาก และอาจมีรอยร้าวอีกด้วย
เราต้องสู้ต่อและยุให้มันแตกแยกกันอีกต่อไป
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ