ชาติพังเพราะเปรตเป็นปราชญ์
หน้า 1 จาก 1
ชาติพังเพราะเปรตเป็นปราชญ์
ชาติพังเพราะเปรตเป็นปราชญ์
อังคาร ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓
ประวัติศาสตร์การ เมืองของมนุษยชาตินะครับ หากไม่ได้รับความยุติธรรม ก็จะมีความขัดแย้ง และการต่อสู้ก็จะเกิดขึ้น
การต่อสู้ย่อม อุบัติฝ่ายแพ้และชนะ ถ้าชนะหรือแพ้กันอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างการปฏิวัติในฝรั่งเศส โซเวียต หรือจีน ก็ไม่มีปัญหาหนักตามมา ทว่าถ้าชนะแพ้กันอย่างไม่เด็ดขาด แม้ว่าจะยึดเมืองได้ ก็ปกครองเมืองไม่ได้ รัฏฐาภิปาลโนบาย หรือวิธีการปกครองบ้านเมืองจะไม่เป็นไปตามหลักสากล ผู้ปกครองรัฐไม่ได้ใจประชาชนอย่างแท้จริง การขับเคลื่อนบ้านเมืองก็จะดำเนินไปอย่างถูลู่ถูกัง
วันอาทิตย์ที่ ผ่านมา พอมีเวลาอยู่บ้าง ผมเปิดโทรทัศน์ดูหลายช่อง ได้ยินได้ฟังการวิจารณ์ของนักวิชาการจำนวนหนึ่งแล้วก็อดเป็นห่วงหัวใจของ ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้ การวิจารณ์โดยที่ผู้พูดมีแต่ปริญญา ทว่าไม่มีวิชาการเมืองอยู่ในสมอง แทนที่จะช่วยอธิบายให้บ้านเมืองเกิดความสงบ กลับทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งซึ่งมีความรู้สึกว่า การต่อสู้ ๒ ประเภทไม่ได้ผล ประเภทแรก คือ การต่อสู้ในระบอบรัฐสภา ด้วยเมื่อประชาชนเลือก ส.ส.จำนวนมากเข้าไปในสภา ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลปกครองประเทศ ประเภทที่สอง ก็คือ การสู้ด้วยการประท้วงบนดินแบบเห็นตัว
ในมากมายหลาย ประเทศ เมื่อการต่อสู้ ๒ ประเภทไม่ได้ผล ก็จะนำไปสู้การต่อสู้แบบที่ ๓ นั่นคือ การลงไปสู้ใต้ดิน เป็นการต่อสู้ที่ไม่เห็นตัว ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จากการนั่งดูโทรทัศน์ ผมว่าสิ่งที่ขับให้ประชาชนคนส่วนหนึ่งของประเทศต้องขุดรูไปต่อสู้ใต้ดินก็ คือ คำพูดของนักวิชาการที่ไม่เหลือเผื่อใจไปถึงราษฎรยากจนซึ่งเป็นผู้คนชนชั้น ที่ถูกกดขี่ขูดรีด คำพูดของนักวิชาการและนักสื่อสารมวลชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเพียงแต่ใช้หูซ้ายฟังเพียงข้างเดียวก็รู้ว่า ท่านพูดแทนชนชั้นนายทุนใหญ่และขุนนาง ท่านอาจจะพูดชนะได้ในจอโทรทัศน์ แต่ในหัวใจของประชาชนนั้น ท่านแพ้ยับเยิน
หากรัฐบาลและฝ่าย ต่อต้านเจรจากันอย่างไม่ได้ข้อสรุปที่ดี ต่อไป ทุกตารางนิ้วในราชอาณาจักรไทยจะถูกแบ่งเป็นเขตขาว เขตแดง เขตงาน เขตจรยุทธ และเขตปลดปล่อย เขตขาวก็คือเป็นเขตที่คณะรัฐบาล และนักการเมืองซีกรัฐบาลเข้าไปได้ แต่พวกนี้แหย่เท้าเข้าไปในเขตแดงไม่ได้ เสมือนหนึ่งเป็นเขตปลดปล่อย แนวความคิดของฝ่ายแดงในพื้นที่เหล่านี้ซึมลึก รัดกุม และยาวนานมาพอสมควรแล้ว
ยุทธศาสตร์ ‘ชนบทล้อม เมือง เมืองล้อมนคร’ จะถูกนำมาใช้กันใหม่อีกครั้ง นักปฏิวัติอาชีพอาจจะเกิดขึ้นมากมายในหลายพื้นที่ของไทย ท่านเหล่านั้นจะไม่ประกอบอาชีพส่วนตัว แต่เป็นผู้อุทิศชีวิตของตนให้แก่ภารกิจการปฏิวัติแต่เพียงด้านเดียว โดยได้รับค่าครองชีพที่จำเป็นจากการบริจาคของผู้คนในชนชั้นที่ถูกกดขี่
จากการต่อสู้ของ ประชาชนกับทหารเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๓ ทำให้เราได้ทราบว่า ขณะนี้ได้อุบัตินักรบลักษณะ ๕ ดีแก่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลแล้ว ลักษณะห้าดีที่ผมรับใช้ไปนี่ก็คือ นักรบเหล่านี้มีความคิดทางการเมืองดี มีท่วงทำนองสาม-แปดดี มีเทคนิคการสู้รบดี สามัคคีดี และมีระเบียบวินัยดี
สิ่งที่จะเกิด ขึ้นต่อไปก็คือ แนวร่วมฝ่ายต่อต้านรัฐบาล รัฐบาลเอาแต่บริหารความขัดแย้งแบบไม่ได้บริหาร จนความขัดแย้งยืดเยื้อและจะเกิดแนวร่วมขึ้นอย่างมากมาย แนวร่วมจำนวนหนึ่งอาจไม่ได้ชอบ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร แต่เข้าร่วมเพราะเห็นว่า การต่อสู้นี้จะนำดุลยภาพและความเสมอภาคมาสู่สังคมได้ โดยภาพการต่อสู้ในขณะนี้นั้น ได้เลยขั้นที่จะต้องต่อสู้เพื่อ ดร.ทักษิณไปแล้ว
น้ำมันซึ่งราดใส่ หัวใจที่กำลังมีไฟลุกโชนของประชาชนคนที่ถูกกดขี่เอารักเอาเปรียบก็คือ การที่สื่อจำนวนหนึ่งนำเปรตมาเป็นปราชญ์ จีบปากจีบคอพูดจาภาษาวิชาการเพื่อสืบทอดเจตนาของนายทุนและขุนนาง ท่านพูดโดยที่ไม่มีวิชาการเมืองอยู่ในสมองแม้แต่น้อย สำคัญที่สุดคือ ปราชญ์เหล่านี้มีแต่ปริญญา ทว่าไม่มีดุลยพินิจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการที่จะโผล่หน้ามาวิจารณ์ความเป็นไปในสังคม
ในห้วงช่วงที่ ผ่านมาสิบกว่าปี ผมเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ได้สนทนากับผู้คนทุกตรอกซอกมุมของประเทศ อยากจะเรียนว่า ผู้คนในชนบทซึ่งไม่มีปริญญาแต่มีประสบการณ์ ยังมีดุลยพินิจดีกว่าไอ้พวกบ้าที่ออกมาอ้าๆ เอ้อๆ ตามหน้าจอโทรทัศน์ในห้วงช่วงคืนวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขณะนี้ คนในหลายพื้นที่เริ่มพูดถึง ‘สังคมใหม่’ กันถี่ มากขึ้น ความเป็นไปในสังคมใหม่ จะไม่มีใครซัดใครจมธรณี ไม่มีความเป็นสองมาตรฐาน
ในสังคมใหม่ ปราชญ์ก็คือปราชญ์ เปรตก็คือเปรต
ไม่มีการสถาปนา เปรตเป็นปราชญ์ เพื่อใช้ให้พูดสิ่งผิดให้เป็นถูก หรือพูดสิ่งถูกให้เป็นผิด
ยังมีเวลาที่จะ เจรจากันเพื่อให้ชาติสงบจบลงด้วยดี
ไม่เช่นนั้น เราอาจจะได้เห็น กทม. มีสภาพเหมือน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่าผลักการ ต่อสู้ลงใต้ดิน!
เพราะท่านจะต้อง รบกับผีที่มองไม่เห็นตัวไปอีกนาน
อังคาร ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓
ประวัติศาสตร์การ เมืองของมนุษยชาตินะครับ หากไม่ได้รับความยุติธรรม ก็จะมีความขัดแย้ง และการต่อสู้ก็จะเกิดขึ้น
การต่อสู้ย่อม อุบัติฝ่ายแพ้และชนะ ถ้าชนะหรือแพ้กันอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างการปฏิวัติในฝรั่งเศส โซเวียต หรือจีน ก็ไม่มีปัญหาหนักตามมา ทว่าถ้าชนะแพ้กันอย่างไม่เด็ดขาด แม้ว่าจะยึดเมืองได้ ก็ปกครองเมืองไม่ได้ รัฏฐาภิปาลโนบาย หรือวิธีการปกครองบ้านเมืองจะไม่เป็นไปตามหลักสากล ผู้ปกครองรัฐไม่ได้ใจประชาชนอย่างแท้จริง การขับเคลื่อนบ้านเมืองก็จะดำเนินไปอย่างถูลู่ถูกัง
วันอาทิตย์ที่ ผ่านมา พอมีเวลาอยู่บ้าง ผมเปิดโทรทัศน์ดูหลายช่อง ได้ยินได้ฟังการวิจารณ์ของนักวิชาการจำนวนหนึ่งแล้วก็อดเป็นห่วงหัวใจของ ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้ การวิจารณ์โดยที่ผู้พูดมีแต่ปริญญา ทว่าไม่มีวิชาการเมืองอยู่ในสมอง แทนที่จะช่วยอธิบายให้บ้านเมืองเกิดความสงบ กลับทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งซึ่งมีความรู้สึกว่า การต่อสู้ ๒ ประเภทไม่ได้ผล ประเภทแรก คือ การต่อสู้ในระบอบรัฐสภา ด้วยเมื่อประชาชนเลือก ส.ส.จำนวนมากเข้าไปในสภา ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลปกครองประเทศ ประเภทที่สอง ก็คือ การสู้ด้วยการประท้วงบนดินแบบเห็นตัว
ในมากมายหลาย ประเทศ เมื่อการต่อสู้ ๒ ประเภทไม่ได้ผล ก็จะนำไปสู้การต่อสู้แบบที่ ๓ นั่นคือ การลงไปสู้ใต้ดิน เป็นการต่อสู้ที่ไม่เห็นตัว ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จากการนั่งดูโทรทัศน์ ผมว่าสิ่งที่ขับให้ประชาชนคนส่วนหนึ่งของประเทศต้องขุดรูไปต่อสู้ใต้ดินก็ คือ คำพูดของนักวิชาการที่ไม่เหลือเผื่อใจไปถึงราษฎรยากจนซึ่งเป็นผู้คนชนชั้น ที่ถูกกดขี่ขูดรีด คำพูดของนักวิชาการและนักสื่อสารมวลชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเพียงแต่ใช้หูซ้ายฟังเพียงข้างเดียวก็รู้ว่า ท่านพูดแทนชนชั้นนายทุนใหญ่และขุนนาง ท่านอาจจะพูดชนะได้ในจอโทรทัศน์ แต่ในหัวใจของประชาชนนั้น ท่านแพ้ยับเยิน
หากรัฐบาลและฝ่าย ต่อต้านเจรจากันอย่างไม่ได้ข้อสรุปที่ดี ต่อไป ทุกตารางนิ้วในราชอาณาจักรไทยจะถูกแบ่งเป็นเขตขาว เขตแดง เขตงาน เขตจรยุทธ และเขตปลดปล่อย เขตขาวก็คือเป็นเขตที่คณะรัฐบาล และนักการเมืองซีกรัฐบาลเข้าไปได้ แต่พวกนี้แหย่เท้าเข้าไปในเขตแดงไม่ได้ เสมือนหนึ่งเป็นเขตปลดปล่อย แนวความคิดของฝ่ายแดงในพื้นที่เหล่านี้ซึมลึก รัดกุม และยาวนานมาพอสมควรแล้ว
ยุทธศาสตร์ ‘ชนบทล้อม เมือง เมืองล้อมนคร’ จะถูกนำมาใช้กันใหม่อีกครั้ง นักปฏิวัติอาชีพอาจจะเกิดขึ้นมากมายในหลายพื้นที่ของไทย ท่านเหล่านั้นจะไม่ประกอบอาชีพส่วนตัว แต่เป็นผู้อุทิศชีวิตของตนให้แก่ภารกิจการปฏิวัติแต่เพียงด้านเดียว โดยได้รับค่าครองชีพที่จำเป็นจากการบริจาคของผู้คนในชนชั้นที่ถูกกดขี่
จากการต่อสู้ของ ประชาชนกับทหารเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๓ ทำให้เราได้ทราบว่า ขณะนี้ได้อุบัตินักรบลักษณะ ๕ ดีแก่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลแล้ว ลักษณะห้าดีที่ผมรับใช้ไปนี่ก็คือ นักรบเหล่านี้มีความคิดทางการเมืองดี มีท่วงทำนองสาม-แปดดี มีเทคนิคการสู้รบดี สามัคคีดี และมีระเบียบวินัยดี
สิ่งที่จะเกิด ขึ้นต่อไปก็คือ แนวร่วมฝ่ายต่อต้านรัฐบาล รัฐบาลเอาแต่บริหารความขัดแย้งแบบไม่ได้บริหาร จนความขัดแย้งยืดเยื้อและจะเกิดแนวร่วมขึ้นอย่างมากมาย แนวร่วมจำนวนหนึ่งอาจไม่ได้ชอบ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร แต่เข้าร่วมเพราะเห็นว่า การต่อสู้นี้จะนำดุลยภาพและความเสมอภาคมาสู่สังคมได้ โดยภาพการต่อสู้ในขณะนี้นั้น ได้เลยขั้นที่จะต้องต่อสู้เพื่อ ดร.ทักษิณไปแล้ว
น้ำมันซึ่งราดใส่ หัวใจที่กำลังมีไฟลุกโชนของประชาชนคนที่ถูกกดขี่เอารักเอาเปรียบก็คือ การที่สื่อจำนวนหนึ่งนำเปรตมาเป็นปราชญ์ จีบปากจีบคอพูดจาภาษาวิชาการเพื่อสืบทอดเจตนาของนายทุนและขุนนาง ท่านพูดโดยที่ไม่มีวิชาการเมืองอยู่ในสมองแม้แต่น้อย สำคัญที่สุดคือ ปราชญ์เหล่านี้มีแต่ปริญญา ทว่าไม่มีดุลยพินิจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการที่จะโผล่หน้ามาวิจารณ์ความเป็นไปในสังคม
ในห้วงช่วงที่ ผ่านมาสิบกว่าปี ผมเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ได้สนทนากับผู้คนทุกตรอกซอกมุมของประเทศ อยากจะเรียนว่า ผู้คนในชนบทซึ่งไม่มีปริญญาแต่มีประสบการณ์ ยังมีดุลยพินิจดีกว่าไอ้พวกบ้าที่ออกมาอ้าๆ เอ้อๆ ตามหน้าจอโทรทัศน์ในห้วงช่วงคืนวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขณะนี้ คนในหลายพื้นที่เริ่มพูดถึง ‘สังคมใหม่’ กันถี่ มากขึ้น ความเป็นไปในสังคมใหม่ จะไม่มีใครซัดใครจมธรณี ไม่มีความเป็นสองมาตรฐาน
ในสังคมใหม่ ปราชญ์ก็คือปราชญ์ เปรตก็คือเปรต
ไม่มีการสถาปนา เปรตเป็นปราชญ์ เพื่อใช้ให้พูดสิ่งผิดให้เป็นถูก หรือพูดสิ่งถูกให้เป็นผิด
ยังมีเวลาที่จะ เจรจากันเพื่อให้ชาติสงบจบลงด้วยดี
ไม่เช่นนั้น เราอาจจะได้เห็น กทม. มีสภาพเหมือน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่าผลักการ ต่อสู้ลงใต้ดิน!
เพราะท่านจะต้อง รบกับผีที่มองไม่เห็นตัวไปอีกนาน
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ