กรุงเทพฯ มิกสัญญีประเทศไทยไม่มีวันเหมือนเดิม
หน้า 1 จาก 1
กรุงเทพฯ มิกสัญญีประเทศไทยไม่มีวันเหมือนเดิม
ผมเคยทำนายไว้แล้วตั้งแต่ก่อนวัน ที่ 26 เมษา 53 ว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนไป กรุงเทพจะไม่เหมือนเดิมถ้ารัฐบาลสลายการชุนนุมจะมีคนตายมากมาย ประเทศไทยเข้าสู่กลียุคเป็นมิกสัญญี ตอนนี้สิ่งที่ผมทำนายมันเกิดขึ้นแล้ว แ่ต่อีกส่วนที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วคนไทยยังไม่รู้ก็คือรัฐเผด็จการทางการทหาร หลังจากวันที่ 28 พค. 53 นี้ทหารจะเริ่มออกมาเคลื่อนไหว และแน่นอนรัฐบาลชุดนี้ที่มีชนัก ติดหลัง มีคดีมากมาย จะถูกพวกทหารออกมาบีบ และโยนความผิดการสลายชุนนุมให้ทั้งหมด จากนั้นก็จะมีการปฎิวัติประเทศไทยจะกลายเป็นเผด็จการทางทหารไปถึงเดือนต้นปีหน้า ซึ่งอย่าคิดว่ารัฐบาลทหารจะแก้ไข ความแตกแยกในขณะนี้ได้ เพราะปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง นี้เกิดขึ้นเพราะพธม. และทหารที่มาปฎิวัติตอนปี 49 ตราบใดที่ต้นตอของปัญหายังไม่ได้แก้ไข คนที่อยู่เบื้องหลังยังไม่ยอมรับความผิดประเทศไทยก็จะเป็นกลียุคไปจนถึงปี 2555
ตอนนี้บางคนยังไม่เชื่อและคิดว่า เหตุการณ์ทั้งหมดจะกลับมา เป็นปกติ ผมขอบอกว่าคุณกำลังตกยุคแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปกรุงเทพ และต่างจังหวัดจะไม่มีความสงบ ถ้ารัฐบาลไม่ยอมยกเลิกพรก. ฉุกเฉิน ก็จะมีปัญหาเรื่องการใช้อำนาจรัฐ เกิดควรละเมิดสิทธิมนุษยชน และการใช้ศาลเตี้ยไ้ต่สวนจับกุม โดยไม่ได้ใช้ขั้นตอนตามกฎหมาย ทั้งหมดนี้จะยิ่งทำให้ประชาชน ที่ไม่ใช่เสื้อแดงหันมาเป็นศัตรู กับรัฐบาลมากขึ้น ในขณะีที่กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ตอนนี้ลงไปใต้ดินไม่แสดงตน และรอวันที่พวกเค้าจะแก้แค้นรัฐบาล ซึ่งถ้ามีครั้งต่อไปพวกเค้าจะเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาุวุธแล้ว ไม่ใช่ผู้ชุนนุมชาวบ้านอีกต่อไป ทั้งหมดนี้จะทำให้กรุงเทพ และัจังหวัดต่างๆ มีปัญหาไม่่ต่างจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน
เหตุการณ์ 19 พค. 53 นี้จะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ทั้งคนไทย และทั่วโลกจะต้องนำไปศึกษาเพราะ คงไม่มีประเทศไหนในโลกที่ใช้ กำลังทหาร รถหุ้มเกราะ พลซุ่มยิง อาวุธสงครามกระสุนจริงสลายการชุนนุม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึงเกือบ 100 ศพ หรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะยังมีศพผู้สูญหาย และผู้บาดเจ็บสาหัสที่อาการโคม่าอีกมาก การที่รัฐบาลประกาศว่ามีผู้ก่อการร้ายติดอาุวุธ และใช้กำลังสลายนั้นเป็นการกระทำ ที่ลุแก่อำนาจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงทำไมฝ่ายทหารถึงมีบาดเจ็บล้มตายน้อยมาก ส่วนตัวผมมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง มีนักข่าว และตำรวจทุคนบอกเป็นเสียเดียวกัน ว่าสิ่งที่ ศอฉ. พูดออกทีวีนั้นเป็นเรื่องโกหก ในความเป็นจริงมันคือการสังหารหมู่ประชาชนที่มีความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับรัฐบาล คนกลุ่มนี้เค้าไม่ได้มาก่อการร้ายแต่ให้รัฐบาลยุบสภา ทำไมรัฐบาลถึงกล่าวหาว่าเค้าเป็น ผู้ก่อการร้าย ที่แน่ๆ ศพผู้ตายหลายคนไม่มีอาวุธในมือ แต่ศอฉ. กลับยึดอาวุธสงครามได้มากมายหลังเข้าสลาย ถ้าว่าตามตรรกะความจริงถ้าคนจะ ถูกฆ่า มีรึเค้าจะไม่จับอาวุธมาสู้ยิง ทหาร แต่นี่ถ้ามีอาุวุธแล้วทำไมคนเสื้อ แดงถูกทหารฆ่าฝ่ายเดียว แล้วทหารมาค้นเจออาุวุธที่หลัง นี่มันคือการใส่ความกันชัดๆ เรื่องกองกำลังติดอาวุธชุดดำนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่ามี แต่ไม่ได้อยู่ในม๊อบ แล้วทำไมรัฐบาลถึงส่งทหารมาฆ่าประชาชน เรื่องแบบนี้คงไม่ต้องพูดต่อรออีกไม่กี่สัปดาห์ คงจะมีสำนักข่าว และสื่อต่างประเทศออกมาตีแ่่ผ่ ประจานความเลวของรัฐบาลชุดนี้ แน่นอน
จุดจบของเหตุการณ์นี้อยุ่ที่ไหน หลายคนคงคิดเช่นนั้น แต่ผมจะบอกว่าจุดจบมันไม่มีแล้ว มีแต่จุดเริ่มต้นเพราะการที่ทหารเข้าใช้กำลังสลายการชุนนุมแบบนี้ทำให้บ้านเมืองเข้าสู่สงครามกลางเมือง การจะมีมือที่สาม หรือกลุ่มบุคคลที่ต้องการหาผล ประโยชน์มาสร้างสถานการณ์เผา บ้านเผาเมืองนี้ย่อมทำได้อย่าง ง่ายดาย เพราะกรุงเทพตอนนี้ไม่ได้มีตำรวจ รักษาำำกฎหมาย ไม่ได้มีหลักนิติรัฐในการปกครอง ตอนนี้คนที่มีอาวุธเป็นพวกอยู่ตามรอบนอก นักเลง จนไปถึงพวกเจ้า่พ่อพร้อมที่จะ ออกสร้างสถานการณ์หาผลประโยชน์ เข้าัให้พวกตัวเองอยุ่แล้ว เรื่องการปล้นสะดมส์ เผาบ้านเรือน จึงมีไม่หยุด ตราบใดทีรัฐบาลยังหลงตัวเองว่า ควบคุมสถานการณ์ได้การเผาก็ จะไม่หยุด อย่าไปโทษว่าคนเสื้อแดงเผาหมด ในความจริงตอนนี้มันไม่รู้ว่าใคร เป็นใครแล้วต่างหาก ชุนชนหลายๆ แห่งตอนนี้จึงต้องดูแลความปลอดภัยกันเอง นอกจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงบางกลุ่มหันไปเป็นผู้ก่อการร้ายจริงๆ ก็จะเริ่มออกมาแก้แค้นทหาร และคนสั่งการ ธุรกิจ ธนาคาร ของกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลจะตกเป็นเป้าของการก่อการร้าย ดังนั้นรัฐบาลจะไม่กล้ายกเลิกพรก. ฉุกเฉินนี้แน่นอนๆ ไปจนถึงปีหน้า เพื่อใช้อำนาจของตัวเองไล่กวาด ล้างคนที่ไม่เห็นด้วย รวมถึงคนเสื้อแดงทีหลงเหลืออยู่ ดังนั้นถ้ายกเลิกพรก. ฉุนเฉินเมื่อไรเมือไร่ฝ่ายกฎหมาย และตำรวจจะเข้ามามีบทบาทแทนทหาร เมื่อมีการสอบสวนหาความจริงจน ต้องมาเช็คบิลรัฐบาลกันยาวเป็น หางว่าง ว่าความเสียหายนั้นแท้จริงเกิด จากใคร และใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งแน่อนว่างรัฐบาลนั้นจะโดนแฉ ความเลวเละเทะ และโดนระบบกฎหมายเล่นงานจนเป็นคดีความแน่นอนโดยเฉพาะนายกฯ จึงมีความเป็นไปได้สูงมากกว่าปัญหาความไม่สงบนี้จะไม่จบลงง่ายๆ เพราะรัฐบาลก็จะไม่ยอมให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติจนกว่าจะกำจัดศัตรูทางการเมืองได้หมด นับเป็นเวรกรรมของคนไทย และความซวยของผู้สนับสนุนรัฐบาล ที่ออกใบอนุญาตให้ฆ่าประชา ชนที่สุดท้ายสิ่งที่พวกคุณร่วม กันทำนั้น มันก็จะทำลายพวกคุณเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ เศรษฐกิจ รวมไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปีนี้จะไม่มีใครมารับรองได้ว่ามันจะไม่เกิดความเสียหาย
จุดจบของประเทศนี้ก็ไม่ทางเหมือ นเดิมอีกเช่นกัน ความขัดแย้งระหว่างสีในปัจจุบันมันฝังรากลึกจนทำให้ไม่สามารถอยุ่่ร่วมกันได้แล้ว เพราะคนฝั่งหนึ่งเป็นพวกหัวอนุรักษ์ นิยมที่ไม่ยอมรับความเปลี่ยน แปลงมักจะเอาสถาบันมา อ้างเพื่อกดขี่คนอีกฝ่าย ที่เป็นคนหัวก้าวหน้า และเป็นพวกรากหญ้าที่ต้องการสิทธิ์ และเีสียงของตนเองที่เท่าเทียมกันในระบอบประชาธิปไตย การที่พวกหัวอนุรักษ์สนับสนุนรัฐบาล ให้ใช้ทหารสลายม๊อบ จนไปถึงการเอาสถาบันมาอ้างเพื่อ ทำลายอีกฝ่าย มันทำให้คนที่ถูกกดขี่ ตกเป็นผู้ต้องหา หรือถูกบีบให้ต้องกลายเป็นเสื้อ แดงนั้นเกิดความสงสัยในสถาบัน และเมื่อสถาบันไม่ได้เป็นกลางอย่าง แท้จริง และเลือกที่จะสนันสนุนฝ่ายอนุ รักษ์นิยมเพราะกลัวจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงในฐานอำนาจของตน นั้น ยิ่งทำให้พวกหัวก้าวหน้า และคนรากหญ้าหมดศรัทธาในสถาบันเพิ่มขึ้น ผมมั่นใจว่าภายใน 1 ปีนี้ความเสื่อมของสถาบันเบื้อง สูงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้ตามดวงเมือง ไม่ว่าจะใช้การประชาสัมพันธ์จัดงานมากสักเท่าไร ก็ไม่มีวันประสานรอยร้าวนี้ได้ อีกต่อไป ทั้งหมดเป็นความผิดของฝ่ายอนุ รักษ์นิยมที่มีหัวคิดเผด็จการ ไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว และมักง่ายในการอ้างสถาบันเพื่อกดขี้คนที่เห็นไม่ตรงกันและทำสิ่งที่ผิดๆ เช่นการละเมิดสิทธิของฝ่ายตรง ข้าม ซึ่งช่วงกลางปี 2554 รอยร้าวของคนในประเทศไทยจะเริ่มเห็นชัด ความลับต่างๆ จะถูกเปิดเผย ความชั่วและสิ่งต่างๆ ที่พวกอนุรักษ์นิยมสนับสนุนนั้นจะถูกนำออกมาประจานทั่วโลกองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลกจะเริ่มออกมาประณามการปกครองของประเทศไทย ประกอบกับการสูญเสียในบุคคลสำคัญ ในสถาบันภายในปี 2554 และผู้ที่ขึ้นมารับช่วงต่อนั้นไม่เป็นทียอมรับด้วยจะยิ่งทำให้สถาบันไม่มีวันฟี้นกลับมาเรียกศรัทธาของผู้คนได้อีก พอเข้าปี 2555 ประชาชนส่วนหนึ่งเป็นพวกหัวก้าว หน้าต้องการประชาธิปไตยจะ เริ่มออกมาเรียกร้องเอกราชขอ ปกครองตัวเองแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย ถึงวันนั้นพวกอนุรักษ์นิยมจะไม่ม ีวันต่อต้านได้เนื่องจากมี ประชาคมโลกเข้ามาแทรกแซง ประเทศไทยจะถูกแบ่งแยกดินแดน และ เมืองหลวงจะไม่ใช่กรุงเทพฯ อีกต่อไป
ทั้งหมดนี้เกิดจากความกลัวของพวก ผู้มีอำนาจ พวกรัฐบาล และพวกอนุรักษ์นิยมที่ไม่ยอมจะสูญเสียอำนาจ หรือแบ่งปันทรัพยากรของประเทศ ให้แก่ผู้คนที่มีหัวก้าวหน้า และรากหญ้า บ้านเมืองมันเลยเป็นกลียุคเพราะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย พวกคนกลุ่มนี้มักลืมไปว่าอำนาจนั้นไม่ได้มาจากการใช้กำลังที่เหนือกว่ากดขี่คนที่ต่ำกว่า แต่อำนาจมาจากความศรัทธาเมื่อไรที่เริ่มใช้กำลังมาบังคับให้ศรัทธาผู้คนจะเิริ่มออกห่าง และเสื่อมศรัทธาไม่ยอมรับอำนาจนั้นอีกต่อไป
ดังคำกล่าวของอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช เคยกล่าวไว้ว่า " ความกลัวทำให้เสื่อม" คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย แต่มันเห็นแล้วว่าเป็นจริง
แหล่งที่มา https://www.facebook.com/note.php?note_id=448570615829&id=706655097
ตอนนี้บางคนยังไม่เชื่อและคิดว่า เหตุการณ์ทั้งหมดจะกลับมา เป็นปกติ ผมขอบอกว่าคุณกำลังตกยุคแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปกรุงเทพ และต่างจังหวัดจะไม่มีความสงบ ถ้ารัฐบาลไม่ยอมยกเลิกพรก. ฉุกเฉิน ก็จะมีปัญหาเรื่องการใช้อำนาจรัฐ เกิดควรละเมิดสิทธิมนุษยชน และการใช้ศาลเตี้ยไ้ต่สวนจับกุม โดยไม่ได้ใช้ขั้นตอนตามกฎหมาย ทั้งหมดนี้จะยิ่งทำให้ประชาชน ที่ไม่ใช่เสื้อแดงหันมาเป็นศัตรู กับรัฐบาลมากขึ้น ในขณะีที่กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ตอนนี้ลงไปใต้ดินไม่แสดงตน และรอวันที่พวกเค้าจะแก้แค้นรัฐบาล ซึ่งถ้ามีครั้งต่อไปพวกเค้าจะเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาุวุธแล้ว ไม่ใช่ผู้ชุนนุมชาวบ้านอีกต่อไป ทั้งหมดนี้จะทำให้กรุงเทพ และัจังหวัดต่างๆ มีปัญหาไม่่ต่างจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน
เหตุการณ์ 19 พค. 53 นี้จะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ทั้งคนไทย และทั่วโลกจะต้องนำไปศึกษาเพราะ คงไม่มีประเทศไหนในโลกที่ใช้ กำลังทหาร รถหุ้มเกราะ พลซุ่มยิง อาวุธสงครามกระสุนจริงสลายการชุนนุม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึงเกือบ 100 ศพ หรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะยังมีศพผู้สูญหาย และผู้บาดเจ็บสาหัสที่อาการโคม่าอีกมาก การที่รัฐบาลประกาศว่ามีผู้ก่อการร้ายติดอาุวุธ และใช้กำลังสลายนั้นเป็นการกระทำ ที่ลุแก่อำนาจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงทำไมฝ่ายทหารถึงมีบาดเจ็บล้มตายน้อยมาก ส่วนตัวผมมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง มีนักข่าว และตำรวจทุคนบอกเป็นเสียเดียวกัน ว่าสิ่งที่ ศอฉ. พูดออกทีวีนั้นเป็นเรื่องโกหก ในความเป็นจริงมันคือการสังหารหมู่ประชาชนที่มีความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับรัฐบาล คนกลุ่มนี้เค้าไม่ได้มาก่อการร้ายแต่ให้รัฐบาลยุบสภา ทำไมรัฐบาลถึงกล่าวหาว่าเค้าเป็น ผู้ก่อการร้าย ที่แน่ๆ ศพผู้ตายหลายคนไม่มีอาวุธในมือ แต่ศอฉ. กลับยึดอาวุธสงครามได้มากมายหลังเข้าสลาย ถ้าว่าตามตรรกะความจริงถ้าคนจะ ถูกฆ่า มีรึเค้าจะไม่จับอาวุธมาสู้ยิง ทหาร แต่นี่ถ้ามีอาุวุธแล้วทำไมคนเสื้อ แดงถูกทหารฆ่าฝ่ายเดียว แล้วทหารมาค้นเจออาุวุธที่หลัง นี่มันคือการใส่ความกันชัดๆ เรื่องกองกำลังติดอาวุธชุดดำนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่ามี แต่ไม่ได้อยู่ในม๊อบ แล้วทำไมรัฐบาลถึงส่งทหารมาฆ่าประชาชน เรื่องแบบนี้คงไม่ต้องพูดต่อรออีกไม่กี่สัปดาห์ คงจะมีสำนักข่าว และสื่อต่างประเทศออกมาตีแ่่ผ่ ประจานความเลวของรัฐบาลชุดนี้ แน่นอน
จุดจบของเหตุการณ์นี้อยุ่ที่ไหน หลายคนคงคิดเช่นนั้น แต่ผมจะบอกว่าจุดจบมันไม่มีแล้ว มีแต่จุดเริ่มต้นเพราะการที่ทหารเข้าใช้กำลังสลายการชุนนุมแบบนี้ทำให้บ้านเมืองเข้าสู่สงครามกลางเมือง การจะมีมือที่สาม หรือกลุ่มบุคคลที่ต้องการหาผล ประโยชน์มาสร้างสถานการณ์เผา บ้านเผาเมืองนี้ย่อมทำได้อย่าง ง่ายดาย เพราะกรุงเทพตอนนี้ไม่ได้มีตำรวจ รักษาำำกฎหมาย ไม่ได้มีหลักนิติรัฐในการปกครอง ตอนนี้คนที่มีอาวุธเป็นพวกอยู่ตามรอบนอก นักเลง จนไปถึงพวกเจ้า่พ่อพร้อมที่จะ ออกสร้างสถานการณ์หาผลประโยชน์ เข้าัให้พวกตัวเองอยุ่แล้ว เรื่องการปล้นสะดมส์ เผาบ้านเรือน จึงมีไม่หยุด ตราบใดทีรัฐบาลยังหลงตัวเองว่า ควบคุมสถานการณ์ได้การเผาก็ จะไม่หยุด อย่าไปโทษว่าคนเสื้อแดงเผาหมด ในความจริงตอนนี้มันไม่รู้ว่าใคร เป็นใครแล้วต่างหาก ชุนชนหลายๆ แห่งตอนนี้จึงต้องดูแลความปลอดภัยกันเอง นอกจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงบางกลุ่มหันไปเป็นผู้ก่อการร้ายจริงๆ ก็จะเริ่มออกมาแก้แค้นทหาร และคนสั่งการ ธุรกิจ ธนาคาร ของกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลจะตกเป็นเป้าของการก่อการร้าย ดังนั้นรัฐบาลจะไม่กล้ายกเลิกพรก. ฉุกเฉินนี้แน่นอนๆ ไปจนถึงปีหน้า เพื่อใช้อำนาจของตัวเองไล่กวาด ล้างคนที่ไม่เห็นด้วย รวมถึงคนเสื้อแดงทีหลงเหลืออยู่ ดังนั้นถ้ายกเลิกพรก. ฉุนเฉินเมื่อไรเมือไร่ฝ่ายกฎหมาย และตำรวจจะเข้ามามีบทบาทแทนทหาร เมื่อมีการสอบสวนหาความจริงจน ต้องมาเช็คบิลรัฐบาลกันยาวเป็น หางว่าง ว่าความเสียหายนั้นแท้จริงเกิด จากใคร และใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งแน่อนว่างรัฐบาลนั้นจะโดนแฉ ความเลวเละเทะ และโดนระบบกฎหมายเล่นงานจนเป็นคดีความแน่นอนโดยเฉพาะนายกฯ จึงมีความเป็นไปได้สูงมากกว่าปัญหาความไม่สงบนี้จะไม่จบลงง่ายๆ เพราะรัฐบาลก็จะไม่ยอมให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติจนกว่าจะกำจัดศัตรูทางการเมืองได้หมด นับเป็นเวรกรรมของคนไทย และความซวยของผู้สนับสนุนรัฐบาล ที่ออกใบอนุญาตให้ฆ่าประชา ชนที่สุดท้ายสิ่งที่พวกคุณร่วม กันทำนั้น มันก็จะทำลายพวกคุณเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ เศรษฐกิจ รวมไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปีนี้จะไม่มีใครมารับรองได้ว่ามันจะไม่เกิดความเสียหาย
จุดจบของประเทศนี้ก็ไม่ทางเหมือ นเดิมอีกเช่นกัน ความขัดแย้งระหว่างสีในปัจจุบันมันฝังรากลึกจนทำให้ไม่สามารถอยุ่่ร่วมกันได้แล้ว เพราะคนฝั่งหนึ่งเป็นพวกหัวอนุรักษ์ นิยมที่ไม่ยอมรับความเปลี่ยน แปลงมักจะเอาสถาบันมา อ้างเพื่อกดขี่คนอีกฝ่าย ที่เป็นคนหัวก้าวหน้า และเป็นพวกรากหญ้าที่ต้องการสิทธิ์ และเีสียงของตนเองที่เท่าเทียมกันในระบอบประชาธิปไตย การที่พวกหัวอนุรักษ์สนับสนุนรัฐบาล ให้ใช้ทหารสลายม๊อบ จนไปถึงการเอาสถาบันมาอ้างเพื่อ ทำลายอีกฝ่าย มันทำให้คนที่ถูกกดขี่ ตกเป็นผู้ต้องหา หรือถูกบีบให้ต้องกลายเป็นเสื้อ แดงนั้นเกิดความสงสัยในสถาบัน และเมื่อสถาบันไม่ได้เป็นกลางอย่าง แท้จริง และเลือกที่จะสนันสนุนฝ่ายอนุ รักษ์นิยมเพราะกลัวจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงในฐานอำนาจของตน นั้น ยิ่งทำให้พวกหัวก้าวหน้า และคนรากหญ้าหมดศรัทธาในสถาบันเพิ่มขึ้น ผมมั่นใจว่าภายใน 1 ปีนี้ความเสื่อมของสถาบันเบื้อง สูงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้ตามดวงเมือง ไม่ว่าจะใช้การประชาสัมพันธ์จัดงานมากสักเท่าไร ก็ไม่มีวันประสานรอยร้าวนี้ได้ อีกต่อไป ทั้งหมดเป็นความผิดของฝ่ายอนุ รักษ์นิยมที่มีหัวคิดเผด็จการ ไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว และมักง่ายในการอ้างสถาบันเพื่อกดขี้คนที่เห็นไม่ตรงกันและทำสิ่งที่ผิดๆ เช่นการละเมิดสิทธิของฝ่ายตรง ข้าม ซึ่งช่วงกลางปี 2554 รอยร้าวของคนในประเทศไทยจะเริ่มเห็นชัด ความลับต่างๆ จะถูกเปิดเผย ความชั่วและสิ่งต่างๆ ที่พวกอนุรักษ์นิยมสนับสนุนนั้นจะถูกนำออกมาประจานทั่วโลกองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลกจะเริ่มออกมาประณามการปกครองของประเทศไทย ประกอบกับการสูญเสียในบุคคลสำคัญ ในสถาบันภายในปี 2554 และผู้ที่ขึ้นมารับช่วงต่อนั้นไม่เป็นทียอมรับด้วยจะยิ่งทำให้สถาบันไม่มีวันฟี้นกลับมาเรียกศรัทธาของผู้คนได้อีก พอเข้าปี 2555 ประชาชนส่วนหนึ่งเป็นพวกหัวก้าว หน้าต้องการประชาธิปไตยจะ เริ่มออกมาเรียกร้องเอกราชขอ ปกครองตัวเองแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย ถึงวันนั้นพวกอนุรักษ์นิยมจะไม่ม ีวันต่อต้านได้เนื่องจากมี ประชาคมโลกเข้ามาแทรกแซง ประเทศไทยจะถูกแบ่งแยกดินแดน และ เมืองหลวงจะไม่ใช่กรุงเทพฯ อีกต่อไป
ทั้งหมดนี้เกิดจากความกลัวของพวก ผู้มีอำนาจ พวกรัฐบาล และพวกอนุรักษ์นิยมที่ไม่ยอมจะสูญเสียอำนาจ หรือแบ่งปันทรัพยากรของประเทศ ให้แก่ผู้คนที่มีหัวก้าวหน้า และรากหญ้า บ้านเมืองมันเลยเป็นกลียุคเพราะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย พวกคนกลุ่มนี้มักลืมไปว่าอำนาจนั้นไม่ได้มาจากการใช้กำลังที่เหนือกว่ากดขี่คนที่ต่ำกว่า แต่อำนาจมาจากความศรัทธาเมื่อไรที่เริ่มใช้กำลังมาบังคับให้ศรัทธาผู้คนจะเิริ่มออกห่าง และเสื่อมศรัทธาไม่ยอมรับอำนาจนั้นอีกต่อไป
ดังคำกล่าวของอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช เคยกล่าวไว้ว่า " ความกลัวทำให้เสื่อม" คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย แต่มันเห็นแล้วว่าเป็นจริง
แหล่งที่มา https://www.facebook.com/note.php?note_id=448570615829&id=706655097
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ