คลิปฮาๆๆ ของอ๊อฟ พงพัด + เรื่องอื่นๆๆ ที่น่า..เมื่ออ่านจบ
หน้า 1 จาก 1
คลิปฮาๆๆ ของอ๊อฟ พงพัด + เรื่องอื่นๆๆ ที่น่า..เมื่ออ่านจบ
กูไปฆ่า...มึงหรอ
RED LETTER- จำนวนข้อความ : 266
Join date : 24/09/2009
Wasu โหรวสุ: ประเทศไทยนั้นอยู่ยาก เพราะครอบครัวมาเฟีย
ประเทศไทยนั้นอยู่ยาก เพราะครอบครัวมาเฟียแบ่งปัน
วันพุธ เวลา 15:58 น.
สมัยที่ผมเีรียนเรื่องดวงเมืองกับพระอาจารย์ และอาจารย์หลายๆ ท่านในเป็นคนเก่าแก่ในสมาคมโหรล้วนพูดว่าเมืองไทยนี้มีดวงเมืองที่พิเศษ ดูเหมือนจะดีแต่แท้จริงแล้ว เป็นประเทศที่อยู่ยากต่างกับประเทศอื่นโดยสิ้นเชิงเนื่องจาก ดวงเมือง อาถรรพ์ต่างๆ และคำสาปแช่งแ่ต่โบราณของอดีตผู้ปกครองภูมิภาคนี้ตั้งแต่สมัยยุคขอมเรื่องอำนาจ ซึ่งตอนเรียนนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำนี้ แต่ทุกวันนีพอผมได้เริ่มตรวจดวงชะตาให้ผู้คน ได้ดูดวงเมือง และเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองแล้วก็ต้องยอมรับว่าที่โหรเก่าๆ ท่านบอกมานั้นมันเป็นจริงๆ บ้านเมืองนี้มีอะไรหมกเม็ดมากมาย ทำดีได้ดียาก ทำชั่วแล้วโกหกว่าดีได้ความดีความชอบก็มีถมไป กรรมมันมีจริงแต่กว่าจะมาสนองคนที่ก่อกรรมนั้นต้องลืมสิ่งที่ตัวเองทำเสียก่อนเป็นต้น
ที่ผมเกริ่นมาแบบนี้เพราะวันนี้รัฐบาล ปชป. กำลังสร้างกระแสชาตินิยมแบบโง่ๆ อีกแล้วนั่นคือการซื้อไทยคม คือจากเทมาเส็ก ซึ่งตามอายุสัญญาสัมปทานนั้นเหลืออีกไม่กี่ปี และดาวเทียมก็เก่ามากแล้วอายุการใช้งานเหลือไม่ถึง 2 ปี ดังนั้นการลงทุนนี้เป็นการกระทำที่คุ้มค้ากับภาษีประชาชนหรือไม่ ในสภาพที่เศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลอยุ่ในสภาพถังแตกอยู่ได้ด้วยเงินกู้ และการเอาภาษีที่ขูดรีดประชาชนมาขัดดอก ถ้าจะสาวไปให้ลึกซึ้งว่างานนี้มีมือมืดอยู่เบื้องหลังรัฐบาลหลายคนอาจทราบดีว่าเป็นคนกลุ่มไหน ถ้าไล่ไปว่าเทมาเส็กบริษัทสัญชาติสิงค์โปร์นี้เป็นบริษัทนอมินีของใคร บริษัทกุหลาบแก้วเป็นนอมินีของใคร แค่นี้น่าจะยิ่งเข้าใจถึงกลเม็ดการโยกย้ายถ่ายเทหุ้นกันมากขึ้น และถ้าเจาะลึกลงไปอีกก็จะทราบว่าเทมาเส็กไม่ได้ใช้เงินของตัวเองมาซื้อหุ้นไทยคม แต่กู้เงินจากธนาคาร SCB มาทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนกับธนาคารนี้เป็นเจ้าของหุ้นไทยคมจริงๆ ดังนั้นถามว่าทำไมรัฐบาลต้องไปซื้อคือมาจากเทมาเส็กที่เป็นหนี้อยู่กับ SCB เรื่องนี้ตอบไม่ยากถ้ารู้ว่า SCB นั้นหุ้นใหญ่สุดที่เป็นเ้จ้าของนั้นคือใคร ซึ่งถ้าทราบก็จะไม่แปลกใจว่ามาเฟียตระกูลนี้ไม่เคยเสียมีแต่ได้ในเรื่องหุ้น เมื่อไรที่หุ้นตกรัฐบาลเป็นคนรับไป แต่เมื่อไรหุ้นขึ้นมีรัฐวิสาหกิจดีๆ กำลังรุ่ง พวกนี้จะเอาของเน่าๆ ของตัวเองมาแลกเอาหุ้นไปเสมอ
เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งนี้ แต่เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ยุคปฎิวัติรสช.แล้วช่วงนั้นคณะปฎิวัติพลาดยึดทรัพย์พล. อ. ชาติชายไม่ได้ทำให้พวกเค้าไม่กล้าจะมาลงทุนหรือขยับขยายอะไรมาก แต่ครั้งนั้นพวกเค้าก็ได้เอาที่ดินที่ไร้ราคา และที่ดินที่ให้มูลนิธิต่างๆ เช่านั้นมาแลกเป็นหุ้นปูนซิเมนต์ไทย และบริษัทอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะในช่วงปี 2528 - 2534 นั้นธุรกิจด้านการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมหนัก เช่นรีดเหล็ก ประกอบรถยนต์กำลังบูม ตอนนั้นไม่มีใครสนใจว่าทำไมพล.อ.ชาติชายถึงถูกปฎิวัิติ แต่สำหรับคนที่รู้ข่าววงในจะรู้ดีกว่านายกคนนี้ขัดใจตระกูลมาเฟีย เรื่องการแลกหุ้น และขายที่ดินของรัฐที่กำลังมีราคาดีให้กับพวกเค้า
ต่อมาปี 2540 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทางการเงิน ช่วงนั้นพล.อ. ชวลิตเป็นนายก คนไทยหลายคนต่างกร่นด่าเค้าว่าการลดค่าเงินบาทอย่างฉับพลันทำให้เศรษฐกิจประเทศพังทลายจนป็นหนี้หัวโต แท้จริงแล้วสัญญานี้มันเห็นได้ตั้งแต่รัฐบาลชุดบรรหาร แล้วว่ามีการโจมตีค่าเงินบาท แต่ธปท. เลือกที่จะเอาเงินคงคลังมาอุ้มแล้วปั้นตัวเลขเหล่านี้เอาไว้ เพื่อให้ตระกูลมาเฟียนี้ได้โอนถ่ายทรัพย์สิน และหุ้นไปยังต่างประเทศก่อนจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจตามคำแนะนำของอดีตพ่อค้าหุ้นชาวต่างชาติ ที่ติดคุกแล้วถูกเทวดาอุ้มหายไปในช่วงปี 2535-2538 เมื่อค่าเงินบาทตกลงอย่างมากหุ้นในตลาดก็ตกต่ำ ตอนนั้นนายกชวน พรรคปชป. ก็เข้ามากู้เงิน IMF ขายธนาคาร ปิดบ. ไฟแนนซ์ไปมากมาย แต่ที่ยังเหลือคือธนาคาร SCB, BBL ซึ่งรัฐบาลต้องอุ้มเอาไว้ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจจำนวนมากติดหนี้ธนาคารนี้ ยังไม่ทันที่ธนาคาร SCB จะฟื้นก็มีการเปลี่ยนรัฐบาลได้นายกเป็นดร. ทักษิณ ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงวางรากฐานระบบการเงิน และหุ้นใหม่หมดจนธนาคาร SCB กลับมาฟื้นตัวทำกำไรมากขึ้น และยังมีความเข็มแข็งมากๆ เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่ทำกำไร และทีวีที่กำลังบูมอย่างช่อง iTV
ครอบครัวมาเฟียจึงได้เห็นช่องทางเก็งกำไรอีกครั้ง ด้วยการนำที่ดินเปล่าที่ไม่มีราคา ที่ให้หน่วยงานข้าราชการเช่าอยู่ และหุ้นที่ไม่ทำกำไรมาขอแลกหุ้นเอาหุ้นธนาคาร BBL SCB และ หุ้นรัฐวิสาหกิจอย่างการไฟฟ้า และปตทไป ตอนนั้นท่านนายกทักษิณรู้เรื่องนี้ดีเลยแกล้งจัดให้มีการแปลรูปรัฐวิสาหกิจบังหน้าเพื่อกลบเกลื่อน แต่หุ้นที่ขายนั้นไม่มีตกถึงมือประชาชนเลยมีนายหน้าของมาเฟียมาเอาไปหมด ซึ่งนายกก็ยอมให้มีการกระทำนั้นอย่างจงใจ เพราะหวังจะเอาใจมาเฟียพวกนี้ จนเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชนที่ไม่รู้ด่าว่านายกเอาหุ้นไปขายให้นักการเมืองอย่างเดียว ไม่แ่ค่นนั้นนายกทักษิณก็ไม่ระแคะระคายยังไว้ใจพวกตระกูลมาเฟียต่อไป ทำให้คิดผิดเรื่องที่พวกเค้าไม่ได้คิดจะเอาแค่ SCB BBL กับรัฐวิสาหกิจทำกำไรเท่านั้น แ่ต่ต้องการไทยคม และ AIS ด้วย งานนี้ทักษิณเลยแกล้งทำเป็นขายหุ้นแบบเสียไม่ได้จนเกิดเรื่องราวใหญ่โต คนบางคนในกลุ่มธุรกิจมองว่าทักษิณทำพลาดเรื่องหุ้นอย่างแรง แต่จริงๆ เค้าไม่ได้พลาดหรอกแค่อยากให้มันมีเรื่องราวขึ้นมาให้คนได้รู้แค่นั้นว่าใครขายใครซื้อ จริงๆ ถ้าทำเงียบๆ ก็ทำได้ เมื่อตระกูลมาเฟียกลัวจะโดนสาวถึงบริษัทนอมินีจึงได้สร้างเรื่องนายกคนนี้โกงภาษีหุ้น หรือเืื้อื้อประโยชน์โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ขึ้นมาเมื่อหวังจะกลบกระแสที่จะมีการสอบมาถึงตัวเอง นี่แหละที่คนไทยหลายคนไม่รู้ และพลาดอย่างแรงที่ไปโทษทักษิณว่าโกงชาติ จนลามถึงการปฎิวัิติมีการตัดสินคดียุบพรรค และยึดทรัพย์ทักษิณทั้งหมดเป็นการสร้างเรื่องเท็จล้วนๆ เพื่อปกปิดความเลวของตระกูลมาเฟียว่าเป็นพวกขี้โกงเอาแต่ได้ ทำให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระขาดทุน เป็นพวกไม่มีทุนแต่ชอบเอาของฟรี หากินบนความทุกข์ของประชาชน ค่าน้ำค่าำไฟ ค่าน้ำมันแพงขึ้นพวกเค้ามีแต่ได้ ความเป็นจริงภาระเหล่านี้ประชาชนไม่จำเป็นต้องรับเลย ถ้ารัฐบาลไม่อุ้มครอบครัวมาเฟีย หรือให้ผลประโยชน์พวกเค้า
บทสรุปบ้านเมืองไทยนี้เป็นเมืองที่อยู่ยากจริงๆ เพราะมีตระกูลมาเฟียที่ไม่มีใครกล้าตรวจสอบอยู่เบื้องหลัง พวกนี้ได้กินภาษีประชาชน แถมได้ยังผลกำไรจากหุ้นต่างๆ ที่ตัวเองถือครอง และเป็นที่รู้กันว่าในหมู่นักธุรกิจดังๆ ของประเทศใครต้องการใบเบิกทาง หรือการทำธุรกิจที่ผูกขาดก็ต้องบริจาคเงินให้มูลนิธิของครอบครัวมาเฟียนี้ ซึ่งมันทำให้เกิดการแข่งขันทีไม่เท่าเีทียมกันระหว่างธุรกิจอำมาตย์ห่วยๆ ที่โตวันโตคืน กับธุรกิจไพร่ที่ทำกำไรจริงๆ แต่กลับถูกกดขี่ไม่ให้โต ลองคิดในมุมกลับหาประเทศไทยไม่มีครอบครัวมาเฟีย แล้วทุกอย่างดำเนินไปตามหลักการเป็นขั้นเป็นตอน ทุกวันนี้ประเทศไทยจะมีรายได้เข้าประเทศจริงๆ ระดับไหน ประชาชนจะอยู่อย่างสบาย รัฐสวัสดิการจะไม่ใช่เื่รื่องฝันลอย ถ้ารู้ว่าตัวเงินที่รัฐสูญเสียให้ครอบครัวมาเฟียนี้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 8 ล้านล้านบาท ดังนั้นผมเชื่อว่าหลังปี 2555 ประเทศไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และมีการเอาเรื่องนี้มาแฉ อาจจะต้องมีการตรวจสอบ และยึดทรัพย์ครอบครัวมาเฟียนี้ทั้งหมดกลับคือสู่รัฐ และเอามาใช้หนี้ พัฒนาซ่อมแซมประเทศที่เสียหายต่อไป
ที่มา : https://www.facebook.com/profile.php?id=100001131512160&v=wall#!/note.php?note_id=459264125829&id=706655097&ref=mf
วันพุธ เวลา 15:58 น.
สมัยที่ผมเีรียนเรื่องดวงเมืองกับพระอาจารย์ และอาจารย์หลายๆ ท่านในเป็นคนเก่าแก่ในสมาคมโหรล้วนพูดว่าเมืองไทยนี้มีดวงเมืองที่พิเศษ ดูเหมือนจะดีแต่แท้จริงแล้ว เป็นประเทศที่อยู่ยากต่างกับประเทศอื่นโดยสิ้นเชิงเนื่องจาก ดวงเมือง อาถรรพ์ต่างๆ และคำสาปแช่งแ่ต่โบราณของอดีตผู้ปกครองภูมิภาคนี้ตั้งแต่สมัยยุคขอมเรื่องอำนาจ ซึ่งตอนเรียนนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำนี้ แต่ทุกวันนีพอผมได้เริ่มตรวจดวงชะตาให้ผู้คน ได้ดูดวงเมือง และเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองแล้วก็ต้องยอมรับว่าที่โหรเก่าๆ ท่านบอกมานั้นมันเป็นจริงๆ บ้านเมืองนี้มีอะไรหมกเม็ดมากมาย ทำดีได้ดียาก ทำชั่วแล้วโกหกว่าดีได้ความดีความชอบก็มีถมไป กรรมมันมีจริงแต่กว่าจะมาสนองคนที่ก่อกรรมนั้นต้องลืมสิ่งที่ตัวเองทำเสียก่อนเป็นต้น
ที่ผมเกริ่นมาแบบนี้เพราะวันนี้รัฐบาล ปชป. กำลังสร้างกระแสชาตินิยมแบบโง่ๆ อีกแล้วนั่นคือการซื้อไทยคม คือจากเทมาเส็ก ซึ่งตามอายุสัญญาสัมปทานนั้นเหลืออีกไม่กี่ปี และดาวเทียมก็เก่ามากแล้วอายุการใช้งานเหลือไม่ถึง 2 ปี ดังนั้นการลงทุนนี้เป็นการกระทำที่คุ้มค้ากับภาษีประชาชนหรือไม่ ในสภาพที่เศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลอยุ่ในสภาพถังแตกอยู่ได้ด้วยเงินกู้ และการเอาภาษีที่ขูดรีดประชาชนมาขัดดอก ถ้าจะสาวไปให้ลึกซึ้งว่างานนี้มีมือมืดอยู่เบื้องหลังรัฐบาลหลายคนอาจทราบดีว่าเป็นคนกลุ่มไหน ถ้าไล่ไปว่าเทมาเส็กบริษัทสัญชาติสิงค์โปร์นี้เป็นบริษัทนอมินีของใคร บริษัทกุหลาบแก้วเป็นนอมินีของใคร แค่นี้น่าจะยิ่งเข้าใจถึงกลเม็ดการโยกย้ายถ่ายเทหุ้นกันมากขึ้น และถ้าเจาะลึกลงไปอีกก็จะทราบว่าเทมาเส็กไม่ได้ใช้เงินของตัวเองมาซื้อหุ้นไทยคม แต่กู้เงินจากธนาคาร SCB มาทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนกับธนาคารนี้เป็นเจ้าของหุ้นไทยคมจริงๆ ดังนั้นถามว่าทำไมรัฐบาลต้องไปซื้อคือมาจากเทมาเส็กที่เป็นหนี้อยู่กับ SCB เรื่องนี้ตอบไม่ยากถ้ารู้ว่า SCB นั้นหุ้นใหญ่สุดที่เป็นเ้จ้าของนั้นคือใคร ซึ่งถ้าทราบก็จะไม่แปลกใจว่ามาเฟียตระกูลนี้ไม่เคยเสียมีแต่ได้ในเรื่องหุ้น เมื่อไรที่หุ้นตกรัฐบาลเป็นคนรับไป แต่เมื่อไรหุ้นขึ้นมีรัฐวิสาหกิจดีๆ กำลังรุ่ง พวกนี้จะเอาของเน่าๆ ของตัวเองมาแลกเอาหุ้นไปเสมอ
เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งนี้ แต่เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ยุคปฎิวัติรสช.แล้วช่วงนั้นคณะปฎิวัติพลาดยึดทรัพย์พล. อ. ชาติชายไม่ได้ทำให้พวกเค้าไม่กล้าจะมาลงทุนหรือขยับขยายอะไรมาก แต่ครั้งนั้นพวกเค้าก็ได้เอาที่ดินที่ไร้ราคา และที่ดินที่ให้มูลนิธิต่างๆ เช่านั้นมาแลกเป็นหุ้นปูนซิเมนต์ไทย และบริษัทอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะในช่วงปี 2528 - 2534 นั้นธุรกิจด้านการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมหนัก เช่นรีดเหล็ก ประกอบรถยนต์กำลังบูม ตอนนั้นไม่มีใครสนใจว่าทำไมพล.อ.ชาติชายถึงถูกปฎิวัิติ แต่สำหรับคนที่รู้ข่าววงในจะรู้ดีกว่านายกคนนี้ขัดใจตระกูลมาเฟีย เรื่องการแลกหุ้น และขายที่ดินของรัฐที่กำลังมีราคาดีให้กับพวกเค้า
ต่อมาปี 2540 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทางการเงิน ช่วงนั้นพล.อ. ชวลิตเป็นนายก คนไทยหลายคนต่างกร่นด่าเค้าว่าการลดค่าเงินบาทอย่างฉับพลันทำให้เศรษฐกิจประเทศพังทลายจนป็นหนี้หัวโต แท้จริงแล้วสัญญานี้มันเห็นได้ตั้งแต่รัฐบาลชุดบรรหาร แล้วว่ามีการโจมตีค่าเงินบาท แต่ธปท. เลือกที่จะเอาเงินคงคลังมาอุ้มแล้วปั้นตัวเลขเหล่านี้เอาไว้ เพื่อให้ตระกูลมาเฟียนี้ได้โอนถ่ายทรัพย์สิน และหุ้นไปยังต่างประเทศก่อนจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจตามคำแนะนำของอดีตพ่อค้าหุ้นชาวต่างชาติ ที่ติดคุกแล้วถูกเทวดาอุ้มหายไปในช่วงปี 2535-2538 เมื่อค่าเงินบาทตกลงอย่างมากหุ้นในตลาดก็ตกต่ำ ตอนนั้นนายกชวน พรรคปชป. ก็เข้ามากู้เงิน IMF ขายธนาคาร ปิดบ. ไฟแนนซ์ไปมากมาย แต่ที่ยังเหลือคือธนาคาร SCB, BBL ซึ่งรัฐบาลต้องอุ้มเอาไว้ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจจำนวนมากติดหนี้ธนาคารนี้ ยังไม่ทันที่ธนาคาร SCB จะฟื้นก็มีการเปลี่ยนรัฐบาลได้นายกเป็นดร. ทักษิณ ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงวางรากฐานระบบการเงิน และหุ้นใหม่หมดจนธนาคาร SCB กลับมาฟื้นตัวทำกำไรมากขึ้น และยังมีความเข็มแข็งมากๆ เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่ทำกำไร และทีวีที่กำลังบูมอย่างช่อง iTV
ครอบครัวมาเฟียจึงได้เห็นช่องทางเก็งกำไรอีกครั้ง ด้วยการนำที่ดินเปล่าที่ไม่มีราคา ที่ให้หน่วยงานข้าราชการเช่าอยู่ และหุ้นที่ไม่ทำกำไรมาขอแลกหุ้นเอาหุ้นธนาคาร BBL SCB และ หุ้นรัฐวิสาหกิจอย่างการไฟฟ้า และปตทไป ตอนนั้นท่านนายกทักษิณรู้เรื่องนี้ดีเลยแกล้งจัดให้มีการแปลรูปรัฐวิสาหกิจบังหน้าเพื่อกลบเกลื่อน แต่หุ้นที่ขายนั้นไม่มีตกถึงมือประชาชนเลยมีนายหน้าของมาเฟียมาเอาไปหมด ซึ่งนายกก็ยอมให้มีการกระทำนั้นอย่างจงใจ เพราะหวังจะเอาใจมาเฟียพวกนี้ จนเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชนที่ไม่รู้ด่าว่านายกเอาหุ้นไปขายให้นักการเมืองอย่างเดียว ไม่แ่ค่นนั้นนายกทักษิณก็ไม่ระแคะระคายยังไว้ใจพวกตระกูลมาเฟียต่อไป ทำให้คิดผิดเรื่องที่พวกเค้าไม่ได้คิดจะเอาแค่ SCB BBL กับรัฐวิสาหกิจทำกำไรเท่านั้น แ่ต่ต้องการไทยคม และ AIS ด้วย งานนี้ทักษิณเลยแกล้งทำเป็นขายหุ้นแบบเสียไม่ได้จนเกิดเรื่องราวใหญ่โต คนบางคนในกลุ่มธุรกิจมองว่าทักษิณทำพลาดเรื่องหุ้นอย่างแรง แต่จริงๆ เค้าไม่ได้พลาดหรอกแค่อยากให้มันมีเรื่องราวขึ้นมาให้คนได้รู้แค่นั้นว่าใครขายใครซื้อ จริงๆ ถ้าทำเงียบๆ ก็ทำได้ เมื่อตระกูลมาเฟียกลัวจะโดนสาวถึงบริษัทนอมินีจึงได้สร้างเรื่องนายกคนนี้โกงภาษีหุ้น หรือเืื้อื้อประโยชน์โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ขึ้นมาเมื่อหวังจะกลบกระแสที่จะมีการสอบมาถึงตัวเอง นี่แหละที่คนไทยหลายคนไม่รู้ และพลาดอย่างแรงที่ไปโทษทักษิณว่าโกงชาติ จนลามถึงการปฎิวัิติมีการตัดสินคดียุบพรรค และยึดทรัพย์ทักษิณทั้งหมดเป็นการสร้างเรื่องเท็จล้วนๆ เพื่อปกปิดความเลวของตระกูลมาเฟียว่าเป็นพวกขี้โกงเอาแต่ได้ ทำให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระขาดทุน เป็นพวกไม่มีทุนแต่ชอบเอาของฟรี หากินบนความทุกข์ของประชาชน ค่าน้ำค่าำไฟ ค่าน้ำมันแพงขึ้นพวกเค้ามีแต่ได้ ความเป็นจริงภาระเหล่านี้ประชาชนไม่จำเป็นต้องรับเลย ถ้ารัฐบาลไม่อุ้มครอบครัวมาเฟีย หรือให้ผลประโยชน์พวกเค้า
บทสรุปบ้านเมืองไทยนี้เป็นเมืองที่อยู่ยากจริงๆ เพราะมีตระกูลมาเฟียที่ไม่มีใครกล้าตรวจสอบอยู่เบื้องหลัง พวกนี้ได้กินภาษีประชาชน แถมได้ยังผลกำไรจากหุ้นต่างๆ ที่ตัวเองถือครอง และเป็นที่รู้กันว่าในหมู่นักธุรกิจดังๆ ของประเทศใครต้องการใบเบิกทาง หรือการทำธุรกิจที่ผูกขาดก็ต้องบริจาคเงินให้มูลนิธิของครอบครัวมาเฟียนี้ ซึ่งมันทำให้เกิดการแข่งขันทีไม่เท่าเีทียมกันระหว่างธุรกิจอำมาตย์ห่วยๆ ที่โตวันโตคืน กับธุรกิจไพร่ที่ทำกำไรจริงๆ แต่กลับถูกกดขี่ไม่ให้โต ลองคิดในมุมกลับหาประเทศไทยไม่มีครอบครัวมาเฟีย แล้วทุกอย่างดำเนินไปตามหลักการเป็นขั้นเป็นตอน ทุกวันนี้ประเทศไทยจะมีรายได้เข้าประเทศจริงๆ ระดับไหน ประชาชนจะอยู่อย่างสบาย รัฐสวัสดิการจะไม่ใช่เื่รื่องฝันลอย ถ้ารู้ว่าตัวเงินที่รัฐสูญเสียให้ครอบครัวมาเฟียนี้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 8 ล้านล้านบาท ดังนั้นผมเชื่อว่าหลังปี 2555 ประเทศไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และมีการเอาเรื่องนี้มาแฉ อาจจะต้องมีการตรวจสอบ และยึดทรัพย์ครอบครัวมาเฟียนี้ทั้งหมดกลับคือสู่รัฐ และเอามาใช้หนี้ พัฒนาซ่อมแซมประเทศที่เสียหายต่อไป
ที่มา : https://www.facebook.com/profile.php?id=100001131512160&v=wall#!/note.php?note_id=459264125829&id=706655097&ref=mf
RED LETTER- จำนวนข้อความ : 266
Join date : 24/09/2009
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ