6 ปี 6นักโทษประหารฉีดยา ! ประหารเงียบ
หน้า 1 จาก 1
6 ปี 6นักโทษประหารฉีดยา ! ประหารเงียบ
นช.บัณฑิต เจริญวานิช อายุ 45 ปี และ นช.จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ อายุ 52 ปี เป็นสองนักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่ ที่ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษ
ก่อน จะถึงแดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง...หลักปฏิบัติมีอยู่ว่า หลังฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตกมายังกรมราชทัณฑ์ เรือนจำจะปกปิดเป็นความลับ จนกว่าจะเก็บนักโทษทั้งหมดเข้าเรือนนอนในเวลา 15.30 น.
ช่วงเวลานี้นักโทษที่จัดเจนจะรู้ดี เป็นเวลาที่ประตูเหล็กใหญ่อาคารจะปิด... เสียงประตูใหญ่ปิดจะดังมาก
แต่...ถ้าไม่มีเสียงประตูใหญ่ ด้วยสัญชาตญาณจะรู้ทันที อีกไม่กี่อึดใจจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น จะเห็นว่า...นักโทษประหารหลายคนอยู่ในอาการเข่าทรุด
ปากแห้ง หน้าซีด พูดไม่ออก...เหงื่อไหล บางคนอาจใจแข็ง ทำใจได้ กล้ายืนรอ...หน้าประตู วัดดวง เหมือนจะบอกว่า...พร้อมตายได้ทุกเมื่อ
ทุกนาทีที่เข็มนาฬิกาขยับเดิน สิ่งที่นักโทษประหารไม่ต้องการรู้... เห็น คือ...
มีกี่คน?
มีใครบ้าง?
แม้ จะพร้อมตาย แต่ใจก็ภาวนาไม่อยากให้ผู้คุมเดินมาหยุดยืนหน้าห้องของตัวเอง ว่ากันตามกระบวนการเรือนจำกำหนดให้ผู้คุม 3 คน ต่อนักโทษประหาร 1 คน
เหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่เรือนจำเบิกตัวนักโทษประหารชีวิต แจ้งให้ทราบถึงผลฎีกา เพื่อให้เขียนพินัยกรรมสั่งเสีย หรือให้โทรศัพท์สั่งเสียกับญาติพี่น้อง
เรือนจำจะจัดอาหารมื้อสุดท้ายให้แก่นักโทษ นิมนต์พระสงฆ์วัดบางแพรกใต้
เข้ามาแสดงธรรม พอถึงเวลาก็จะนำนักโทษประหารขึ้นรถเข้าสู่แดนประหาร
ก่อน ถึง...ผู้คุมจะนำนักโทษเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อเจตตคุปต์ กราบไหว้ต้นโพธิ์ 3 ต้นหน้าแดนประหาร จากนั้นจะพาไปเข้าสู่ห้องฉีดสารพิษ...ปิดตาด้วยผ้าดำ
ในมือนักโทษ ถือดอกไม้ ธูป เทียน...หันหน้าไปทางวัดบางแพรกใต้ ที่อยู่ติดแดนประหาร
ในแดนประหาร นักโทษจะยังถูกล่ามโซ่ตรวนไว้ แม้ขณะนอนอยู่บนเตียงประหารชีวิต ที่มีผ้าขาวสำหรับห่อศพวางรองอยู่
เจ้าหน้าที่ จะขึงแขนนักโทษให้ติดกับเตียงทั้ง 2 ข้างในท่ากางแขน นำเข็มฉีดยาปักไปที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง...ทำการฉีดยาทั้งหมด 3 เข็ม
เข็มที่ 1 เป็นยานอนหลับ
เข็มที่ 2 เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ
เข็มที่ 3 เป็นยาหยุดการเต้นของหัวใจ
ขั้นตอนการฉีดยาประหารชีวิตใช้ เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นแพทย์และคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนอัยการจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้แทนกรมราชทัณฑ์
ร่วมกันตรวจสอบว่า นักโทษประหารเสียชีวิตตามคำพิพากษา
ผ่าน ขั้นตอนการตรวจสอบ จะนำศพนักโทษบรรจุในโลงเย็น อุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส นาน 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้แพทย์ตรวจเป็นครั้งสุดท้าย รอให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลในวันรุ่งขึ้น
หลายคนคงทราบดี ปัจจุบันการประหารชีวิตนักโทษ ทำกันที่เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรี เพียงแห่งเดียว...หากย้อนอดีตไปตั้งแต่โบราณ ยุคประหารนักโทษด้วยดาบ
การประหารชีวิตในสมัยก่อน ครั้งรัชกาลที่ 5 ทำการประหารที่วัดโคก (วัดพลับพลาไชย)...สมัยนั้นเป็นวัดที่อยู่ในชนบท ห่างไกลจากชุมชน
ต่อมาได้ย้ายมาทำการประหารที่วัดมักกะสัน ริมคลองแสนแสบ และที่วัดภาษี ซึ่งอยู่ห่างออกไปในคลองเดียวกัน รวมถึงที่อื่นๆอีก
การย้าย...มีเหตุผลว่า วัดเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงจากวัดในชนบทมาเป็นวัดในชุมชนตามกาลเวลา ไม่เหมาะสำหรับการประหารชีวิต
นักโทษรายสุดท้ายที่ถูกประหารด้วยดาบ คือ นางล้วน ข้อหาฆ่าคนตาย ทำการประหารที่วัดหนองจอก ริมคลองแสนแสบ จังหวัดพระนคร
หากย้อนไปดูการประหารชีวิตสมัยโบราณ ไทยเราไม่ได้ใช้ดาบเพียงอย่างเดียว ยังใช้เครื่องมือ ตลอดจนวิธีประหารอื่นๆด้วย
หนังสือกฎหมายตราสามดวง หนังสือกฎหมายที่รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าให้รวบรวมกฎหมายโบราณครั้งกรุงเก่าและกรุงธนบุรีมาประมวลไว้ด้วยกัน...
จากพระไอยการลักษรโจร กล่าวถึง การลักพระพุทธรูปเอาไปล้างหรือเผาสำรอกเอาทองหรือเอาพระบท (พระคัมภีร์) ไปสำรอกแช่น้ำ หรือเอาไปเผา
โทษประหารคือ เอาโจรนั้นใส่เตาเพลิงสูบเผาไฟ
ถ้า ขุดทำลายพระพุทธรูป พระสถูปเจดีย์ จับได้หลายครั้งหลายหน โทษประหารก็คือเอาโจรนั้น ไปตระเวนบก 3 วัน ตระเวนเรือ 3 วัน แล้วตัดคอผ่าอกเสีย
ถ้าทำให้เกิดเพลิงไหม้ในพระราชวัง โทษคือเอาไฟคลอกให้ตาย
พระ ไอยการกระบดศึก ตอนหนึ่งว่า...นักโทษที่เป็นกบฏ ประทุษร้ายต่อพระเจ้าอยู่หัว ปล้นเมือง ปล้นพระนคร เผาจวน เผาพระราชวัง เผายุ้งฉาง คลังหลวง ปล้นวัด เผาวัด
ทำทารุณกรรมหยาบช้าต่อพระและชาว บ้าน เช่น เอาปิ้งย่างเผาไฟ เอาแหลนหลาวเสียบร้อนฆ่าบิดามารดาคณาจารย์ พระอุปัชฌาย์ เหยียบย่ำทำลามกต่อพระพุทธรูป และตัดมือตัดเท้าตัดคอเด็ก เพื่อเอาเครื่องประดับ
จะต้องถูกประหารโดยสถานใดสถานหนึ่ง
สถานหนึ่ง...ให้ต่อยกระบาลให้ศีรษะแยกออก แล้วเอาคีมคีบก้อนเหล็กที่เผาไฟจนแดง ใส่ลงไปให้มันสมองพลุ่งฟูขึ้น
สถาน หนึ่ง...ให้ตัดเพียงหนังที่หน้าจดปากจดหูจดคอแล้วให้มุ่นกระหมวดผมเอาไม้ ท่อนสอด ใช้คนโยกข้างละคน เอาหนังและผมออกแล้ว จึงเอากรวดทรายหยาบขัดกระบาลศีรษะ ชำระให้ขาวสะอาดเหมือนพรรณสี
สังข์ หมายถึงให้มีสีขาวเหมือนสีของหอยสังข์
สถาน หนึ่ง...เอาขอเกี่ยวปากไว้ แล้วเอาประทีปตามไว้ในปาก หรือไม่ก็เอาสิ่งคมๆแหวะหรือผ่าปากจนถึงใบหูทั้ง 2 ข้าง แล้วเอาขอเกี่ยวให้อ้าไว้
สถานหนึ่ง...ให้เอาผ้าชุบน้ำมัน พันทั้งกายแล้วเอาเพลิงจุด สถานหนึ่ง... ให้เชือดเนื้อเป็นริ้วๆตั้งแต่ใต้คอจนถึงข้อเท้าแล้วผูกเชือกฉุดคร่าตีด่า ให้เดินเลียริ้วเนื้อหนังของตนจนกว่าจะตาย ฯลฯ
ผ่านมาถึงสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อเรือนจำบางขวาง หรือคุกบางขวางสร้างเสร็จ ทางการจึงได้ทำการประหารชีวิตที่คุกบางขวางนี้ตลอดมา จนถึงปัจจุบัน
การประหารชีวิตในคุกบางขวาง ทำการประหารด้วยปืนเหมือนนานาประเทศ ปืนที่ใช้เป็น...ปืนกลยี่ห้อแบล็กมันต์
ระยะแรกๆทำการประหารชีวิตเวลาเย็น...ต่อมาเปลี่ยนเป็นเช้ามืด
วิธีปฏิบัติก่อนประหารชีวิต จัดให้พระมาเทศน์ให้นักโทษฟัง เสร็จแล้ว ก็มีการเลี้ยงอาหารนักโทษ พิธีการดังกล่าวไม่ต่างกับการประหารชีวิตนักโทษด้วยดาบในอดีต
เว็บไซต์ เรือนจำบางขวาง ระบุว่า การลงโทษประหารชีวิต เป็นการลงโทษผู้กระทำความผิดที่หนักและรุนแรงที่สุด จุดมุ่งหมายคือการกำจัดผู้กระทำความผิดให้พ้นไปเสียจากสังคมโดยเด็ดขาด
ด้วยวิธีการฆ่า หรือวิธีกระทำให้ถึงแก่ความตาย
การประหารชีวิตด้วยดาบ เริ่มเมื่อได้ประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา รศ.127 (พ.ศ.2451) ตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 13 ว่า "ผู้ใดต้องคำพิพากษาให้ลงอาญาประหารชีวิต ท่านให้เอามันไปตัดศีรษะเสีย"
ประเทศไทยใช้วิธีการประหารชีวิต ใช้ดาบตัดศีรษะมาเป็นเวลานานถึง 26 ปี จวบจน พ.ศ.2477 จึงได้ยกเลิก
ปี 2477 รัฐบาลได้เสนอขอแก้กฎหมายลักษณะอาญา ว่าด้วยการประหารชีวิต โดยวิธีตัดศีรษะมาเป็นยิงเสียให้ตาย ตามที่ได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 16 ว่า..."ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต
ให้เอาไปยิงเสียให้ตาย"
กระทั่ง...วันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2546 การประหารชีวิตด้วยปืนถูกยกเลิก
รัฐบาลเสนอแก้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2546 มาตรา 19 ว่า "ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต ให้ดำเนินการด้วยวิธีฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย" มีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 กันยายน 2546
นับจากปลายปี 2546 นักโทษชาย 4 คน ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาเป็นครั้งแรก...ถึงวันนี้ ผ่านมา 6 ปีแล้ว เพิ่งจะมีนักโทษเด็ดขาดอีก 2 คน ถูกประหารด้วยวิธีนี้
การประหารชีวิตยุค ใหม่...สงบราบเรียบ เป็นอีกครั้งที่ชาวบางแพรก-ใต้ริมกำแพงคุกบางขวาง ที่เคยทำหน้าที่สักขีพยาน ผ่านเสียงประหารด้วยการยิงเป้าทุกครั้ง ไม่มีใครได้รับรู้แม้แต่คนเดียว.
ก่อน จะถึงแดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง...หลักปฏิบัติมีอยู่ว่า หลังฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตกมายังกรมราชทัณฑ์ เรือนจำจะปกปิดเป็นความลับ จนกว่าจะเก็บนักโทษทั้งหมดเข้าเรือนนอนในเวลา 15.30 น.
ช่วงเวลานี้นักโทษที่จัดเจนจะรู้ดี เป็นเวลาที่ประตูเหล็กใหญ่อาคารจะปิด... เสียงประตูใหญ่ปิดจะดังมาก
แต่...ถ้าไม่มีเสียงประตูใหญ่ ด้วยสัญชาตญาณจะรู้ทันที อีกไม่กี่อึดใจจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น จะเห็นว่า...นักโทษประหารหลายคนอยู่ในอาการเข่าทรุด
ปากแห้ง หน้าซีด พูดไม่ออก...เหงื่อไหล บางคนอาจใจแข็ง ทำใจได้ กล้ายืนรอ...หน้าประตู วัดดวง เหมือนจะบอกว่า...พร้อมตายได้ทุกเมื่อ
ทุกนาทีที่เข็มนาฬิกาขยับเดิน สิ่งที่นักโทษประหารไม่ต้องการรู้... เห็น คือ...
มีกี่คน?
มีใครบ้าง?
แม้ จะพร้อมตาย แต่ใจก็ภาวนาไม่อยากให้ผู้คุมเดินมาหยุดยืนหน้าห้องของตัวเอง ว่ากันตามกระบวนการเรือนจำกำหนดให้ผู้คุม 3 คน ต่อนักโทษประหาร 1 คน
เหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่เรือนจำเบิกตัวนักโทษประหารชีวิต แจ้งให้ทราบถึงผลฎีกา เพื่อให้เขียนพินัยกรรมสั่งเสีย หรือให้โทรศัพท์สั่งเสียกับญาติพี่น้อง
เรือนจำจะจัดอาหารมื้อสุดท้ายให้แก่นักโทษ นิมนต์พระสงฆ์วัดบางแพรกใต้
เข้ามาแสดงธรรม พอถึงเวลาก็จะนำนักโทษประหารขึ้นรถเข้าสู่แดนประหาร
ก่อน ถึง...ผู้คุมจะนำนักโทษเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อเจตตคุปต์ กราบไหว้ต้นโพธิ์ 3 ต้นหน้าแดนประหาร จากนั้นจะพาไปเข้าสู่ห้องฉีดสารพิษ...ปิดตาด้วยผ้าดำ
ในมือนักโทษ ถือดอกไม้ ธูป เทียน...หันหน้าไปทางวัดบางแพรกใต้ ที่อยู่ติดแดนประหาร
ในแดนประหาร นักโทษจะยังถูกล่ามโซ่ตรวนไว้ แม้ขณะนอนอยู่บนเตียงประหารชีวิต ที่มีผ้าขาวสำหรับห่อศพวางรองอยู่
เจ้าหน้าที่ จะขึงแขนนักโทษให้ติดกับเตียงทั้ง 2 ข้างในท่ากางแขน นำเข็มฉีดยาปักไปที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง...ทำการฉีดยาทั้งหมด 3 เข็ม
เข็มที่ 1 เป็นยานอนหลับ
เข็มที่ 2 เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ
เข็มที่ 3 เป็นยาหยุดการเต้นของหัวใจ
ขั้นตอนการฉีดยาประหารชีวิตใช้ เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นแพทย์และคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนอัยการจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้แทนกรมราชทัณฑ์
ร่วมกันตรวจสอบว่า นักโทษประหารเสียชีวิตตามคำพิพากษา
ผ่าน ขั้นตอนการตรวจสอบ จะนำศพนักโทษบรรจุในโลงเย็น อุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส นาน 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้แพทย์ตรวจเป็นครั้งสุดท้าย รอให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลในวันรุ่งขึ้น
หลายคนคงทราบดี ปัจจุบันการประหารชีวิตนักโทษ ทำกันที่เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรี เพียงแห่งเดียว...หากย้อนอดีตไปตั้งแต่โบราณ ยุคประหารนักโทษด้วยดาบ
การประหารชีวิตในสมัยก่อน ครั้งรัชกาลที่ 5 ทำการประหารที่วัดโคก (วัดพลับพลาไชย)...สมัยนั้นเป็นวัดที่อยู่ในชนบท ห่างไกลจากชุมชน
ต่อมาได้ย้ายมาทำการประหารที่วัดมักกะสัน ริมคลองแสนแสบ และที่วัดภาษี ซึ่งอยู่ห่างออกไปในคลองเดียวกัน รวมถึงที่อื่นๆอีก
การย้าย...มีเหตุผลว่า วัดเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงจากวัดในชนบทมาเป็นวัดในชุมชนตามกาลเวลา ไม่เหมาะสำหรับการประหารชีวิต
นักโทษรายสุดท้ายที่ถูกประหารด้วยดาบ คือ นางล้วน ข้อหาฆ่าคนตาย ทำการประหารที่วัดหนองจอก ริมคลองแสนแสบ จังหวัดพระนคร
หากย้อนไปดูการประหารชีวิตสมัยโบราณ ไทยเราไม่ได้ใช้ดาบเพียงอย่างเดียว ยังใช้เครื่องมือ ตลอดจนวิธีประหารอื่นๆด้วย
หนังสือกฎหมายตราสามดวง หนังสือกฎหมายที่รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าให้รวบรวมกฎหมายโบราณครั้งกรุงเก่าและกรุงธนบุรีมาประมวลไว้ด้วยกัน...
จากพระไอยการลักษรโจร กล่าวถึง การลักพระพุทธรูปเอาไปล้างหรือเผาสำรอกเอาทองหรือเอาพระบท (พระคัมภีร์) ไปสำรอกแช่น้ำ หรือเอาไปเผา
โทษประหารคือ เอาโจรนั้นใส่เตาเพลิงสูบเผาไฟ
ถ้า ขุดทำลายพระพุทธรูป พระสถูปเจดีย์ จับได้หลายครั้งหลายหน โทษประหารก็คือเอาโจรนั้น ไปตระเวนบก 3 วัน ตระเวนเรือ 3 วัน แล้วตัดคอผ่าอกเสีย
ถ้าทำให้เกิดเพลิงไหม้ในพระราชวัง โทษคือเอาไฟคลอกให้ตาย
พระ ไอยการกระบดศึก ตอนหนึ่งว่า...นักโทษที่เป็นกบฏ ประทุษร้ายต่อพระเจ้าอยู่หัว ปล้นเมือง ปล้นพระนคร เผาจวน เผาพระราชวัง เผายุ้งฉาง คลังหลวง ปล้นวัด เผาวัด
ทำทารุณกรรมหยาบช้าต่อพระและชาว บ้าน เช่น เอาปิ้งย่างเผาไฟ เอาแหลนหลาวเสียบร้อนฆ่าบิดามารดาคณาจารย์ พระอุปัชฌาย์ เหยียบย่ำทำลามกต่อพระพุทธรูป และตัดมือตัดเท้าตัดคอเด็ก เพื่อเอาเครื่องประดับ
จะต้องถูกประหารโดยสถานใดสถานหนึ่ง
สถานหนึ่ง...ให้ต่อยกระบาลให้ศีรษะแยกออก แล้วเอาคีมคีบก้อนเหล็กที่เผาไฟจนแดง ใส่ลงไปให้มันสมองพลุ่งฟูขึ้น
สถาน หนึ่ง...ให้ตัดเพียงหนังที่หน้าจดปากจดหูจดคอแล้วให้มุ่นกระหมวดผมเอาไม้ ท่อนสอด ใช้คนโยกข้างละคน เอาหนังและผมออกแล้ว จึงเอากรวดทรายหยาบขัดกระบาลศีรษะ ชำระให้ขาวสะอาดเหมือนพรรณสี
สังข์ หมายถึงให้มีสีขาวเหมือนสีของหอยสังข์
สถาน หนึ่ง...เอาขอเกี่ยวปากไว้ แล้วเอาประทีปตามไว้ในปาก หรือไม่ก็เอาสิ่งคมๆแหวะหรือผ่าปากจนถึงใบหูทั้ง 2 ข้าง แล้วเอาขอเกี่ยวให้อ้าไว้
สถานหนึ่ง...ให้เอาผ้าชุบน้ำมัน พันทั้งกายแล้วเอาเพลิงจุด สถานหนึ่ง... ให้เชือดเนื้อเป็นริ้วๆตั้งแต่ใต้คอจนถึงข้อเท้าแล้วผูกเชือกฉุดคร่าตีด่า ให้เดินเลียริ้วเนื้อหนังของตนจนกว่าจะตาย ฯลฯ
ผ่านมาถึงสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อเรือนจำบางขวาง หรือคุกบางขวางสร้างเสร็จ ทางการจึงได้ทำการประหารชีวิตที่คุกบางขวางนี้ตลอดมา จนถึงปัจจุบัน
การประหารชีวิตในคุกบางขวาง ทำการประหารด้วยปืนเหมือนนานาประเทศ ปืนที่ใช้เป็น...ปืนกลยี่ห้อแบล็กมันต์
ระยะแรกๆทำการประหารชีวิตเวลาเย็น...ต่อมาเปลี่ยนเป็นเช้ามืด
วิธีปฏิบัติก่อนประหารชีวิต จัดให้พระมาเทศน์ให้นักโทษฟัง เสร็จแล้ว ก็มีการเลี้ยงอาหารนักโทษ พิธีการดังกล่าวไม่ต่างกับการประหารชีวิตนักโทษด้วยดาบในอดีต
เว็บไซต์ เรือนจำบางขวาง ระบุว่า การลงโทษประหารชีวิต เป็นการลงโทษผู้กระทำความผิดที่หนักและรุนแรงที่สุด จุดมุ่งหมายคือการกำจัดผู้กระทำความผิดให้พ้นไปเสียจากสังคมโดยเด็ดขาด
ด้วยวิธีการฆ่า หรือวิธีกระทำให้ถึงแก่ความตาย
การประหารชีวิตด้วยดาบ เริ่มเมื่อได้ประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา รศ.127 (พ.ศ.2451) ตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 13 ว่า "ผู้ใดต้องคำพิพากษาให้ลงอาญาประหารชีวิต ท่านให้เอามันไปตัดศีรษะเสีย"
ประเทศไทยใช้วิธีการประหารชีวิต ใช้ดาบตัดศีรษะมาเป็นเวลานานถึง 26 ปี จวบจน พ.ศ.2477 จึงได้ยกเลิก
ปี 2477 รัฐบาลได้เสนอขอแก้กฎหมายลักษณะอาญา ว่าด้วยการประหารชีวิต โดยวิธีตัดศีรษะมาเป็นยิงเสียให้ตาย ตามที่ได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 16 ว่า..."ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต
ให้เอาไปยิงเสียให้ตาย"
กระทั่ง...วันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2546 การประหารชีวิตด้วยปืนถูกยกเลิก
รัฐบาลเสนอแก้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2546 มาตรา 19 ว่า "ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต ให้ดำเนินการด้วยวิธีฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย" มีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 กันยายน 2546
นับจากปลายปี 2546 นักโทษชาย 4 คน ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาเป็นครั้งแรก...ถึงวันนี้ ผ่านมา 6 ปีแล้ว เพิ่งจะมีนักโทษเด็ดขาดอีก 2 คน ถูกประหารด้วยวิธีนี้
การประหารชีวิตยุค ใหม่...สงบราบเรียบ เป็นอีกครั้งที่ชาวบางแพรก-ใต้ริมกำแพงคุกบางขวาง ที่เคยทำหน้าที่สักขีพยาน ผ่านเสียงประหารด้วยการยิงเป้าทุกครั้ง ไม่มีใครได้รับรู้แม้แต่คนเดียว.
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ